เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ข้าพเจ้าเป็นอะไรtospeakortodie2
จดไว้ว่าผมฝันถึงคนที่แอบชอบ
  • ในภาพจำแรกนั้นเป็นตัวเธอคนนั้นเองที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในศาลาโปร่ง ผมเดินเข้าไปหาและทักทายอย่างสนิทสนม ห่างไกลกับชีวิตจริงไปมากที่ทำเพียงมอบรอยยิ้มเมื่อเดินสวนกัน 

    ผมนั่งลงเคียงข้างและทอดมองไปทางที่เธอคนนั้นกำลังมองอยู่ จึงได้รู้ว่าเรากำลังนั่งอยู่ในเนินทุ่ง ทุ่งหญ้าสีเขียว ท้องฟ้าสว่าง ผู้คนกระจายเป็นจุดคล้ายตอนสะบัดพู่กัน พวกเขายืนโดดเดี่ยว 

    ผมจำรายละเอียดได้ไม่ชัดเจนในบทสนทนา เพราะมันผ่านมาสามวันหลังการตื่นขึ้นจากฝันตอนบ่ายแก่ๆวันนั้น

    ฉะนั้นจะจดไว้แค่ว่ามันเป็นบทสนทนาสนิทที่ชิดเชื้อ บทสนทนาลื่นไหล บทสนทนาที่ไม่น่าอึดอัด บทสนทนาที่ขับให้ผมกลายเป็นคนพูดเก่งขึ้นมาเสียอย่างนั้น..บทสนทนาที่ไม่มีทางเกิดขึ้นในตอนตื่นอย่างแน่นอน

    ...

    เธอคนนั้นไม่เหมือนคนที่ผมจะสามารถรู้สึกในแนวทางนี้ได้เลยจริงๆ แต่หลักฐานก็ประจักษ์ด้วยเวลา..ผมรู้สึกกับคนๆนี้มาหนึ่งปีเต็ม

    สิ่งแรกที่ทำให้ผมสนใจในตัวเธอมาจนถึงทุกวันนี้คือรอยยิ้ม การตกหลุมรักใครจากรอยยิ้มนั้นช่างแปลกจริงๆ ทว่าพอมาทบทวนดูดีๆแล้วคนที่ดึงดูดความสนใจของผมไปเสียทุกครั้งก็มักเป็นคนที่มีรอยยิ้มประดับใบหน้าเสมอ

    วันนั้นเธอคนนั้นยิ้มให้ผมก่อนทั้งๆที่เราไม่รู้จักกัน เธอเป็นคนเริ่มต้นปฏิสัมพันธ์ด้วยความจริงใจและน่ารัก และเป็นตัวผมที่ไม่ประสีประสา ความมั่นใจและทักษะทางสังคมต่ำเตี้ย เป็นตัวผมเองที่ตอบรับรอยยิ้มนั้นด้วยยิ้มเก้ๆกังๆ สานต่อความสัมพันธ์ที่สดใสนั้นโดยการปกคลุมมันด้วยความเย็นชา

    เพราะฉะนั้นหลังจากปีกว่าที่เรารู้จักกัน เราก็ไม่ได้รู้จักกันมากขึ้นไปกว่าเดิม

    ...

    ในฝันนั้นผมหันไปคุยกับเธอเป็นระยะ บ้างก็หันมามองทิวทัศน์ด้านนอก เช่นเดียวกับคู่สนทนาที่นั่งข้างๆกัน

    แต่แล้วเมื่อหันกลับมาครั้งสุดท้ายก็เหมือนว่าเป็นลางบอกว่าเวลาอันน้อยนิดนี้จะหมดลงแล้ว

    ทิวทัศน์ด้านนอกดูไม่เหมือนตอนเริ่มต้นสักนิดจนผมเริ่มสับสนว่าเมื่อครู่นี้เราได้นั่งมองเนินเขาที่ปกคลุมด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวนั้นหรือไม่ หรือเนินเขานั่นมีอยู่จริงหรือไม่

    ตอนนี้มันเปลี่ยนไปสิ้นเชิง มันเหมือนภาพวาดทิวทัศน์ยามค่ำด้วยสีน้ำมัน สีม่วง สีเหลือง และเงาดำของต้นไม้ไกลลิบๆที่หงิกงอขยับเคลื่อนไหว ไม่ได้ดูน่ากลัวน่าหวาดผวา แต่ดูแปลกตาและน่าสนใจ (หากผมจำไม่ผิด ในตอนที่ฝันอยู่นั้นและเห็นภาพนี้ผมดันนึกถึงภาพวาดชื่อดัง the starry night ผมไม่ทราบเช่นกันว่าเหตุใดภาพนี้จึงซ้อนทับขึ้นมาในตอนนั้น)

    เหตุการณ์หลังจากนั้นคลุมเคลือ เหมือนกับกำลังถูกดึงกลับออกมา ใครสักคนต้องการให้ฝันนั้นจบลง 


    ใครคนนั้นช่างใจร้าย...ผมจำไม่ได้เลยว่าหลังเราทั้งสองเห็นทิวทัศน์แปรเปลี่ยนแล้วเราได้หันกลับมาพูดคุยกันอีกครั้งถึงความประหลาดหรือไม่ เราได้ถามไถ่กันหรือไม่ว่าท้องฟ้าและทุ่งหญ้าในช่วงแรกเป็นสิ่งที่เราเห็นตรงกัน ผมได้บอกความรู้สึกแก่เธอหรือไม่ ผมได้พูดออกไปไหมว่าบทสนทนานี้จะทำให้ผมยิ้มได้ทั้งวัน

    และที่สำคัญคือเราบอกลากันอย่างไร ใครเป็นคนโบกมือลา ผมหรือเธอ

    ผมอยากก่นด่าตนที่จดจำไม่ได้และด่าใครคนนั้นที่พยายามดึงผมออกจากฝันดี ผมจำได้อีกทีก็ตอนที่ตัวเองกำลังเดินเหมือนหาอะไรสักอย่างอยู่ในโรงแรมที่ปูพื้นด้วยพรมสีแดงเป็นทางยาว มองเห็นผนังสีเข้ม หน้าต่างกระจกสูง กว้าง ไร้กรอบ นอกหน้าต่างฉายภาพท้องฟ้าสีฟ้า ทุ่งหญ้าและต้นไม้สีเขียว ไม่มีร่องรอยโทนสีประหลาดผิดแผกแม้แต่น้อย 

    ผมไม่ทราบหรอกว่าที่ไหน รู้เพียงว่าเราจากกันแล้ว...สิ่งที่ผมกำลังตามหาอยู่นั้นคือเธอคนนั้นหรือไม่ ผมก็ไม่ใคร่แน่ใจนัก



    ..ผมอยากจดเอาไว้ว่าครั้งหนึ่งผมเคยฝันถึง จดเอาไว้นั่นแหล่ะดีที่สุด เพราะความทรงจำมักจะจางไปตามเวลา นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วจากฝันวันนั้น ผมไม่อยากให้มันถูกเจือจางไปมากกว่านี้แล้ว


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in