เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Reveal / ReviewK. W.
Book Review : BLU+ROSSO
  • เกาะกระแส #จินยองอ่าน (กันดื้อๆ 55) ที่ทำให้งานหนังสือกลับมาคึกคักอีกครั้งด้วยการเขียนถึงหนังสือ (สอง) เล่มที่แฟนๆ ของจินยองแห่ง GOT7 ได้รวมเอาไว้ในลิสต์และบังเอิญเราก็ตกหลุมรักหนังสือคู่นี้ด้วยเช่นกัน จำได้ว่าหนังสือสองเล่มนี้ออกมานานมากแล้ว (ย้อนกลับไปสมัยเราอยู่มอต้นเลย) ซึ่งน่าจะหาได้ยากในปี 2016 นี้แล้ว (สำนักพิมพ์บลิสก็เลิกไปแล้ว?) อาจจะต้องไปตามหาในห้องสมุดน่าจะพอมี 

    ซึ่งนิยายที่เราจะพูดถึงก็คือ...
    BLU เขียนโดย Tsuji Hitonari 
    และ ROSSO เขียนโดย Ekuni Kaori 

    เห็นแบบนี้ก็น่าจะรู้ได้ในทันทีว่านิยายสองเล่มนี้เกี่ยวข้องกัน โดยมีพล็อตเดียวกัน ว่าด้วยความรักความสัมพันธ์ระหว่างอางาตะ จุนเซ จิตรกรหนุ่มเลือดร้อนและอ่อนไหว เป็นศิลปินสุดขั้วที่อารมณ์วูบไหวขึ้นๆ ลงกับ อาโออิ สาวนักอ่านผู้เงียบสงบและเรียบนิ่ง ความรักของทั้งสองแนบแน่น ผูกพัน เต็มไปด้วยพลังและ passion หากแต่ขั้วตรงข้ามของคนทั้งสองที่ร้อนแรงและเยือกเย็นก็ทำให้ความรักของคนสองคนต้องจบลงเสียการเลิกราเสียอย่างนั้น...

    มีก็แต่เพียงคำสัญญาที่ทั้งสองยึดมั่นว่า...หลังจากนี้สิบปี ทั้งสองจะกลับมาเจอกันใหม่เมื่ออาโออิอายุครบ 30 ปี ณ ดูโอโม แห่งเมืองฟลอเรนซ์...

    แต่สิ่งที่น่าสนใจคือเรื่องราวหลังจากความสัมพันธ์ของคนทั้งสองคนต่างหาก...

    จุนเซและอาโออิไม่ใช่ตัวละครในนิยายสมบูรณ์แบบที่ต่างเก็บความโสดเอาไว้และมีชีวิตอยู่กับการรอคอยให้ความรักกลับมา แน่นอนล่ะว่าแม้ความรักจะจบลง...มนุษย์ก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป 

    นิยายเล่มบางๆ ทั้งสองเล่มถ่ายทอดประสบการณ์การเดินทางในชีวิตช่วงวัยยี่สิบของคนสองคนที่แตกต่างกันสุดขั้ว ใน BLU ฮิโตนาริถ่ายทอดชีวิตของจุนเซที่ตัดสินใจไปเป็นนักซ่อมภาพที่ฟลอเรนซ์และเลือกจะจมอยู่กับความหลังเก่าๆ โดยเชื่อว่าการเลือกเป็นนักซ่อมภาพคือการกอบกู้ความทรงจำกลับคืนมาอีกครั้ง

    ราวกับว่าจุนเซกำลังจะใช้ชีวิตที่รอคอยของตัวเองรอซ่อมความรักเก่าให้กลับคืนมาให้ได้ แม้ว่ามันจะเสียหายไปมากแค่ไหนก็ตาม...

    แต่ถ้าการซ่อมภาพไม่ใช่เรื่องง่ายฉันใด การซ่อมแซมและเยียวยาชีวิตก็ไม่ได้ง่ายฉันนั้น เมื่อจุนเซมีคนรักคนใหม่อย่างเมมิที่อารมณ์อ่อนไหวเช่นกัน แม้เมมิจะเป็นคนปัจจุบันของจุนเซ แต่ความทรงจำและคำสัญญากลับคอยหลอกหลอนจุนเซตลอดเวลา

    ใน "เยือกเย็น" (ROSSO) จุนเซถ่ายทอดความสัมพันธ์อันร้อนแรงของตัวเองและกล่าวถึงอาโออิว่าเป็นความเยือกเย็นที่เขาโหยหามาตลอดเพราะความเยือกเย็นอย่างเดียวที่จุนเซสัมผัสได้ก็คืออาโออิ...อาโออิผู้เติมเต็มแต่ก็ทำให้เขาเจ็บปวดมาตลอดเวลาที่ทั้งได้คบและจากกันเช่นกัน

    ส่วนอาโออิ หลังจากเดินคนละทางกับจุนเซ เธอเลือกที่จะใช้ชีวิตด้วยความเรียบนิ่งกับแฟนใหม่ขาวอเมริกันอย่างมาร์ฟในมิลาน เมืองที่ดูเหมือนจะเดินไปข้างหน้ามากกว่าฟลอเรนซ์ อาโออิใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบกับชายคนใหม่พร้อมกับการมองไปข้างหน้าด้วยความเยือกเย็นที่ยังคงเป็นสิ่งประจำตัวของเธอเสมอมา...

    จนกระทั่งจดหมายของจุนเซเดินทางมาถึงโดยบังเอิญ ตะกอนความสัมพันธ์ที่เธอลืมเลือนไปกับถูกกวนให้ขุ่นข้นขึ้นมาอีกครั้ง...

    เพราะแท้จริงแล้วสิ่งที่เธอโหยหาอาจไม่ใช่ความมั่นคง...หากแต่เป็นความร้อนแรงของจุนเซที่ปลุกปลอบพลังชีวิตให้กลับคืนมาอีกครั้ง แรงปรารถนาที่หยั่งรากลึกในจิตใจของอาโออิอาจจะเป็นเพียงแค่การหลับไหล...มิใช่การสิ้นสูญ

    ใน "ร้อนแรง" อาโออิบรรยายชีวิตอันเงียบสงบที่เธอมีในมิลานโดยที่ความ "ร้อนแรง" ของจุนเซค่อยๆ แทรกซึมผ่านเข้ามาในความทรงจำเมื่อหญิงสาวระลึกได้ว่าเธอไม่เคยลืมจุนเซไปจากใจได้เลย แม้ว่าเธอจะเดินก้าวต่อไป แต่จุนเซต่างหากที่ยังคงติดอยู่ในความทรงจำตลอดเวลา...
     

    ส่วนตัวชอบ "เยือกเย็น" มากกว่า "ร้อนแรง" เพราะฝั่ง "เยือกเย็น" ทซึจิ ฮิโตนาริ บรรยายตัวละครจุนเซได้ชัดเจนและเข้มข้นจนเราสัมผัสที่พลังของศิลปินที่แทบจะทะลุออกมาจากหน้ากระดาษ อ่านครั้งแรกในวัยมอต้นก็รู้สึกตกหลุมรัก passion ของตัวละครตัวนี้ ในขณะที่ฝั่ง "ร้อนแรง" จะค่อนข้างเรียบเรื่อยเสมือนน้ำเดือดรุมๆ มากกว่า (แต่เราก็จะสัมผัสได้นะว่าตัวละครอาโออิมีอะไรภายใน)

    สองคน สองความทรงจำ สองขั้วที่แตกต่าง แต่เมื่อมาอยู่รวมกันกลับลงตัวอย่างประหลาด!

    มีคนแนะนำให้อ่านได้ทั้งจบเป็นเล่มๆ หรือจะอ่านทีละ chapter ไปทั้งสองเล่มพร้อมกัน ซึ่งก็เวิร์กทั้งคู่ เพราะเวลาอ่านแบบแรกมันจะเหมือนไปรู้จักชีวิตโดยรวมก่อนตามสไตล์การเล่าแบบผู้อ่านเป็นพระเจ้าเห็นหมด แต่ถ้าอ่านแบบหลังจะได้อารมณ์แบบ he-said-she-said ก็จะอินไปอีกแบบ

    เป็นนิยายรักที่หวานแหววแบบสุดขีดไปจนเบาหวานขึ้น แต่ความที่ทั้งสองคนดูฮิปสเตอร์มากมันก็จะตัดเลี่ยนไปได้บ้าง ลองดูที่ตัดตอนมาก็ได้

    “…อางาตะ จุนเซเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน ไม่ว่าจะเป็นดวงตาคู่นั้น เสียงของเขา และรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความว้าเหว่ สมมติว่าจุนเซจะดับสูญไป ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ฉันจะต้องรับรู้ได้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะห่างกันไกลแสนไกล แม้ว่าจะไม่ได้พบกันอีกเลย…”

    สำหรับอากาเซที่อยากจะหาหนังสือที่ #จินยองอ่าน และไม่ดูเครียดหรือทำความเข้าใจยากจนเกินไป ขอแนะนำสองเล่มนี้อย่างจริงจัง อ่านง่ายสบายและเป็นเรื่องรักใคร่ที่งดงามและดูดดื่มมาก เป็นความรักที่สวยงามและลึกซึ้งมาก 

    ความคลาสสิคอย่างหนึ่งก็คือในวัยเด็กอ่านแล้วได้มุมมองแบบหนึ่ง พอมาวัยจะสามสิบ เอากลับมาอ่านใหม่ก็ซาบซึ้งและได้มุมมองใหม่ๆ ที่เราคิดไม่ถึงเพราะประสบการณ์ที่มากขึ้นก็จะเข้าใจโลกตามไปด้วย 

    ปัญหาคือมันหายากมากนี่สิ (ฮา)

    ลงท้ายก็คงต้องซูฮกให้กับจินยองผ่านแฮชแท็ก #จินยองอ่าน ว่าจินยองเค้าอ่านหนังสือได้อย่างมีรสนิยมจริงๆ การันตี!!!!


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in