เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เหงาเท่าอวกาศMind Da Hed
Honeyrose her
  • หลุดจากวันที่ไปประชุมเขียนแบบเรื่องวัดคอนเซ็บชวล ขจีก็หายวับไปจากสารระบบของหมู่บ้าน ไอรดายุ่งอยู่กับการเริ่มต้นธุรกิจอบเบเกิลส่งร้านเบเกอรีและมื้อกลางวันของเด็กญี่ปุ่นข้างบ้าน ดูแลต้นไม้เผื่อแผ่สวนของเขาแต่ไม่เจอเขาเลย

    ต่างคนต่างลืมกันไป จนกระทั่งวันหนึ่งเธอเห็นเขาหัวกระเซิงยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าบ้าน

    "ญี่ปุ่น!!!!!" เธอตะโกนเสียงดังจนโซฟายวบ เห็นเขาเบ้หน้าและบ่นพึมพำให้เธอลดเสียงลง เสื้อลายทางสีประดู่ของเขามีกลิ่นฤดูร้อน ไม่ต่างอะไรกับดวงตาเกลียวสีน้ำตาลของเขา

    สัปดาห์ที่แล้วเขาหายตัวไปโดยไม่ได้บอกใครเลย บ้านปิดตาย บานชื่นที่เธอแอบมาปลูกเหงาอยู่หลังสวน ถุงชาพีชปลิวตกเกลื่อนเต็มห้องรับแขกเพราะเขาลืมปิดหน้าต่างห้องครัว ฝุ่นคละคลุ้งกับผงชา เขามองผ่านรอยสงสัยในแววตาของเธอไปที่ขอบหน้าต่าง

    ขจีไม่ได้ติดต่อกับพี่ชายนานแล้ว เขาย้ายไปอยู่ที่นิอิงาตะกับพ่อแม่ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว เปิดร้านอาหารแปลกๆ ที่สกีรีสอร์ตแถวนั้น ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับพ่อคือ "แล้วผมจะเอาแบบตู้หนังสือไปให้" การร่ำลาเป็นไปอย่างสันติ ไม่มีใครโกรธกันเลยเพราะต่างรู้ว่าเสพติดความเดียวดายในมุมที่สมาชิกครอบครัวกันเองก็เข้าไม่ถึง

     ครอบครัวเขาพิลึกพอสมควร พ่อเปิดโรงงานเย็บม่านลูกไม้ที่มีลูกจ้างอยู่สี่ห้าคน แต่รายได้มหาศาลเพราะลูกจ้างเป็นเศรษฐีที่สติดีพอๆ กับพ่อ พี่ชายชอบขลุกอยู่ในครัวทำอาหารรสชาติประหลาด ตอนนั้นยังไม่มีลูกค้าและไม่มีใครกล้ากินทั้งนั้น 

    แม่เองก็เอาแต่แต่งกลอนในห้องที่มีแต่ตัวอย่างผ้าม่านหลายแพทเทิร์นเย็บต่อเข้าด้วยกัน แต่วันหนึ่งมีผู้หญิงแต่งตัวดีมาเยี่ยมบ้าน บอกว่าผลงานของแม่ตีพิมพ์ในเอเชียไปหลายหมื่นก็อปปีแล้ว ช่วยเลือกปกที่เหมาะสมให้กับเอดิชันของเยเมนด้วย.. เยเมนเนี่ยนะ

    ส่วนเขา ก็เอาแต่นั่งเปิดตำราคณิตศาสตร์ จ้องและคำนวณเรขาคณิตในรูปแบบที่ครูไม่ได้สอน แต่คณิตศาสตร์ของเขาทำให้เขาเป็นสถาปนิกจนได้ สร้างบ้านรูปร่างพิลึกกึกกือให้องค์กรที่ดูไม่มีอยู่จริงไปวันๆ แม่ชื่นชมตู้หนังสือที่ควรจะได้เมื่อหลายปีที่แล้ว เขาใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ไปกับการเดินเล่นในทุ่งแห้งๆ แถวนั้น สำรวจโครงสร้างความอ่อนบางของต้นหญ้าและท้องฟ้าในเมืองไกลโพ้น

    กลิ่นน้ำตาลเหมือนจะแฝงตัวมาในก้อนเมฆ

    เขามานี่ไม่ได้บอกใคร ไม่แน่ใจว่าเธอกำลังอบขนมหรือเดินดมดอกไม้อยู่แถวระเบียงบ้าน

    ไอรดาตบโต๊ะเรียกร้องความสนใจ ชายหนุ่มดึงตัวเองออกมาจากความประหลาดในครอบครัวก่อนจะพยักเพยิดไปที่ถุงกระดาษขนาดใหญ่บนโต๊ะไม้ ตัวคันจิสีมัสตาร์ดหน้าถุงสร้างเครื่องหมายคำถามในดวงตากลมของหญิงสาว

    "ลองซื้อมาดู ไม่รู้ว่าอยากได้แบบไหน" เขาถูหางคิ้ว ของที่อยู่บนโต๊ะคือตัวแทนของความรู้สึกผิดที่หายไปโดยไม่ได้บอกกล่าว แป้ง แม่พิมพ์ทำขนม ที่ตีไข่เวอร์ชันพิเศษ ผงหวานประหลาด พี่ชายเขาพาไปซื้อของพวกนี้ทันทีที่ขจีถามลอยๆ แบ่งจากในครัวส่วนตัวมาให้บ้าง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าของพวกนั้นใช้ทำอาหารได้จริงไหม 

    ขจีผินมองหญิงสาวเก็บริมฝีปากแล้วคุ้ยของในถุงจนเสียงดังกรอบแกรบ เธอเก็บยิ้มจนแก้มใกล้แตก แต่ก็ยังพยายามสาหัสที่จะไม่ให้เขารู้

    "พี่จี ไปหาอันนี้มาได้ไง" เธอหมายถึงผงหวานประหลาดที่พี่ชายเขายัดใส่มือมาให้

    "หยิบๆ มา เจอในร้านขนมแถวฮอกไกโดนั่นแหละ" ฮอกไกโดมายแอส เขาไม่ได้เฉียดไปที่นั่นแม้แต่เสี้ยว

    "แล้วหยิบมาไม่ได้อ่านเลย?" เขายักไหล่ จุดบุหรี่ ไม่ได้อ่านอะไรทั้งนั้นนอกจากรายละเอียดในตั๋วเครื่องบินและต้นฉบับกลอนเกี่ยวกับหญิงสาวที่ดำรงชีวิตอยู่ในโดนัทของแม่ นี่เป็นการไปญี่ปุ่นที่ไม่ต่างอะไรจากการออกจากบ้านไปซื้อแยมส้ม อย่างเดียวที่ต่างคือเขาเดินคนเดียวในทุ่งแห้งๆ 

    แบบเดินคนเดียวจริงๆ

    "ขอบคุณ เราอยากได้มาก ผงน้ำตาลไหม้ใส่ในยีสต์แล้วอร่อยแบบละมุนๆ เหมือนใส่วิปครีมในไอศครีมมะม่วง หลายคนอาจจะไม่รู้ แต่เรารู้"

    "ยีสต์ เพ้อเจ้อ"

    ไอรดาลั่นหัวเราะ ยิ้มกว้างไม่ต่างจากลายเป็ดเหลืองที่เสื้อยืดตัวโคร่ง เขาลอบถอนหายใจที่เธอไม่ซักไซ้ต่อเรื่องทริปญี่ปุ่นล่องหน จินตนาการภาพรูปครอบครัวก็รู้แล้วว่าไม่มีใครปกติ ขอบคุณที่เท่านี้เขายังไม่ประหลาดเท่าไหร่ในสายตามนุษย์ทั่วไป

    แม่เลือกปกซากแมลงปอตายในดาวเทียมสำหรับเอดิชันเยเมน...อาเมน

    "ไอร์"

    "ฮื้อ" เสียงเธอลอยลมจนเขาหลุดหัวเราะ

    "รดน้ำต้นไม้ให้หรือเปล่า" ประโยคคำถามที่ทำให้บ้านเกือบหลุดหัวเราะ ขจีไม่คุ้นกับความชุ่มฉ่ำของสวน เขารู้ดีว่าวันนี้ฝนไม่ตก ไอเย็นจากกระถางหญ้าที่ลอยมาแตะยีนส์ขาดๆ ของเขาน่าจะมีที่มาจากสายยางข้างๆ บ้าน

    "ต้องรดต้นที่บ้านอยู่แล้ว อาทิตย์นี้ก็ร้อนโคตร แค่ฉีดสายยางข้ามบ้านเอง" เขานึกภาพเธอโก่งสายยางข้ามบ้านและสบถใส่เขาในใจ

    "ตอบไม่ตรงคำถาม" ไอรดาละเลยน้ำเสียงของเขาโดยตั้งใจ ความประหลาดของชายหนุ่มไม่ได้หยุดไว้ที่บ้านรูปทรงพิลึกแต่เป็นคำพูดคำจาของเขาด้วย เธอพยายามจะอ่านฉลากภาษาอังกฤษข้างๆ แม่พิมพ์รูปถ้วยชา

    "เราเอาน้ำตาลมาคืนแล้วนะ พี่จีได้รึยัง เรา..."

    "เอามาแขวนที่ลูกบิดประตู พี่กินแล้ว พายวานิลลา? ใส่กลีบเดซีมาทำไม มันกินได้ที่ไหน" ม้วนภาพกลับไปตอนที่โดนนาระซักประวัติ เขาแทบอยากได้แคบซูลวาร์ปแบบในหนังมาใช้งานบ้างเพราะเธอไล่ทุกรายละเอียดยิ่งกว่าหน่วยสอดแนม ไม่เว้นแม้แต่ตอนประชุม ชายหนุ่มตกหลุมความคิด มีลมหมุนประหลาดเกิดขึ้นในจังหวะของเขา 

    เธอจะรู้ไหมว่าพายวานิลลาโรยกลีบเดซีของเธอเป็นซีนขนาดใหญ่ในชีวิตสั้นๆ ที่เขาไม่มีคำตอบอะไรให้ใครทั้งนั้น

    ไอรดามองควันบุหรี่รสมิ้นต์ที่มือซ้ายของเขา อยากสวนในใจว่าผู้ชายโรคไหนสูบฮันนีโรสทั้งๆ ที่มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เขาถามเลย เธอค่อนขอดไปถึงควันที่เขาพรูออกจากจมูก ซับแล้วเหมือนเครมบรูเลที่ไหม้แล้วไหม้อีก บุหรี่อะไรทำเป็นวางท่าว่าสุขุมว่าออร์แกนิก เคลมเหลือหลายว่าเหมาะกับคนอยากเลิก สูบแล้วไม่ติด

    สูบแล้วไม่ติดมายแอส

    "ใครให้เอาไปกิน" เธอนั่งขัดสมาธิในโซฟาเดี่ยวรูปไข่แล้วกลอกตามองเพดาน มองสถาปนิกกับบุหรี่ที่ย้อนแย้งไม่ต่างกัน นึกถึงพี่สาวที่กำลังเขียนหนังสืออยู่ที่ไหนสักแห่ง นึกถึงขอบไหม้ของชามลายสายฝน นึกถึงความเงียบที่เขาทิ้งไว้แล้วหายไปให้ต้นไม้ลำบาก

    "กลับละ" ขี้เถ้าจากปลายฮันนีโรสดิ่งลงพรมสีเดียวกัน เธออุ้มถุงสีน้ำตาลออกจากบ้านเขา เดินไกลเป็นวาเพราะขจีเว้นที่ว่างจากประตูบ้านไว้โล่งๆ เหตุผลที่เขาเคยบอกคือปล่อยให้บ้านได้หายใจ 

    ไอรดาใช้ไหล่ดันประตูออกด้วยแรงจากมือขวาของชายหนุ่มช่วย พอหลุดออกมาจากตัวบ้านก็ฉวยบุหรี่ออกมาจากปลายนิ้วเขาด้วย

    "ไอรดา" เขาเอ่ยเสียงเข้ม เตือนแววระริกในดวงตาของเธอ ไอรดาจรดฮันนีโรสกับริมฝีปาก เบ้หน้า แหงล่ะใครจะไปติดรสชาติแบบนี้ถ้าไม่ใช่คนประหลาด บุหรี่ของเธออร่อยกว่าเขาล้านเท่า หญิงสาวค่อยๆ พรูควันรสมิ้นต์ใส่อากาศทีละน้อย

    "ยืมไปรมขนมปังหน่อย" หอบถุงเดินจากไป

    เบื่อไอฤดูร้อนในตัวเขาเต็มที

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in