เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
for himJanst
after party
  • — title : after party
    — pairing : jack x tom 
    — fandom : dunkirk
    — song : lost in your light - dua lipa

    — — — — — — — — — — — — — — —


    ‘ผมต้องคุยกับเค้าให้รู้เรื่อง’


    ปาร์ตี้หลังงานมอบรางวัล ทุกคนดูสนุก มีทั้งแอลกอฮอล์และดนตรี ท่ามกลางเหล่าคนดังมากหน้าหลายตา 

    แต่ผมไม่รู้สึกสนุกกับมันเท่าไหร่นัก ปกติผมชอบปาร์ตี้ ชอบไปดื่มอยู่หรอก แต่ตอนนี้ผมยังอยากมีสติเต็มร้อย


    ลังจากการพูดคุย ครึ่งๆกลางๆวันนั้น
    ผมยังไม่มีโอกาสได้พูดกับเค้าอีก


    ดังนั้น.... ผมตั้งใจไว้แล้ว วันนี้เราต้องคุยกัน 

    .
    .


    ‘เป็นคนพิเศษด้วยได้ก็ดี...’ 



    คืนที่เค้าโทรมา มันค้างคาอยู่แค่นั้น

    ผมอยากให้อะไรมันชัดเจนกว่านี้


    วันนี้..ระหว่างเรามันเหมือนมีอะไรผิดปกติ

    ยอมรับว่าผมเองที่พยายามหลบหน้า

    ถึงจะนั่งติดกัน

    แต่สุดท้ายก็แทบไม่ได้คุยอะไรกันอยู่ดี



    วันนั้นเค้าบอกไม่ให้ผมคิดมาก เค้าแค่อยากบอกให้ผมรู้ แต่ใครมันจะไม่คิด ผมคิดจนหัวแทบแตก คิดจนไม่ได้นอนทั้งคืน


    “พี่ฮะ..มาเจอผมที่ประตูด้านหลังหน่อยนะฮะ”
    ผมรีบพิมพ์ข้อความ กดส่งไป ผมคิดว่าตรงนั้นคงไม่มีคนพลุกพล่านนัก คงจะพอคุยกันเป็นส่วนตัวได้

    เห็นเค้าล้วงหยิบโทรศัพท์ในสูทแสนแพง ผมดูออกมันมาจากแบรนด์ดัง เมื่ออยู่บนตัวเค้า ทุกอย่างดูลงตัว ปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้เค้าดูดี ดีอย่างร้ายกาจ


    ผมรีบหลบ เมื่อเค้าหันมามอง คงได้อ่านข้อความที่ส่งไปแล้ว

    ‘จะรอดมั้ยเรา แค่นี้ก็หลบแล้ว’

    ผมค่อยๆหันกลับไป เมื่อคิดว่าเค้าคงไม่มองมาแล้ว

    ที่ไหนได้ เค้ามองอยู่ ไม่ใช่แค่มอง เค้าอมยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มที่แก้มอีกแล้ว ยิ้มทำไมมมม ไม่ต้องยิ้มมม

    ผมรีบเดินหลบไป ไม่อยากเห็นแววตาที่เหมือนรู้ทันของเค้า

    .
    .
    .

    “พี่ฮะ..มาเจอผมที่ประตูด้านหลังหน่อยนะฮะ” 

    เจ้าเด็กแสบ ส่งข้อความมาขอให้ผมไปพบ จริงๆก็ไม่เหมือนประโยคขอร้อง มันเหมือนประโยคคำสั่งซะมากกว่า

    ‘น่าเอ็นดู..’ คำนี้หลุดออกมา จนผมต้องอมยิ้ม มองไปจุดที่เค้ายืน รีบหลบตา หลบชัดเจนขนาดนี้ หึ..

    ... คงอยากคุยเรื่องที่ค้างคาอยู่

    คืนนั้น ผมทนทำใจแข็งไว้ไม่ไหว จนเผลอพูดอะไรที่ค่อนข้างแสดงความรู้สึกออกไป ถึงจะไม่ได้พูดตรงๆ แต่ความหมายก็ชัดเจน

    และถึงผมจะบอกไม่ให้เค้าคิดมาก แต่เจ้าเด็กคนนี้คงไปคิดแล้วคิดอีก จนวันนี้ต้องนัดผมไปคุย

    ผมไม่รู้หรอกว่า ผลมันจะออกมาดีหรือร้าย แต่สำหรับผม ผมโอเคแล้วสำหรับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้ตั้งใจให้เค้าตอบว่าคิดเหมือนผม ผมแค่ต้องการให้เค้ารู้ 

    .
    .
    .

    ‘แอ๊ด ด ด’ ผมมองประตูเปิดออก ..ไม่ ไม่ใช่เค้า 

    ผมยืนหลบมุม ที่ลานด้านหลังสถานที่จัดงาน

    อาศัยความมืดช่วยพลางตัว อยู่ในมุมที่ผมสามารถมองเห็นคนที่ออกมาได้ แต่คนที่ออกมาจะมองไม่เห็นผม

    ประตูเปิดอีกครั้ง เป็นเค้า ถอดสูทออกเหลือเพียงเชิ้ตขาวด้านใน โบว์ไทด์ถูกคลายออก คล้องปกเสื้อไว้เท่านั้น แต่ก็ยังดูดีมาก ให้ตายเถอะ

    เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น เค้าเงยหน้ามองขึ้นตามเสียง

    ผมยังคงยืนนิ่ง ขณะที่เค้าเดินใกล้เข้ามา จนเจอผมที่ยืนใบ้ แอบในมุมมืดเยี่ยงโจรแบบนี้

    “ไหน มีคนอยากคุยกับพี่ แต่ก็ไม่ยักเรียกให้เข้ามาหา” เค้าเอ่ย และยิ้มให้ผม

    “ผะ..ผม ลืมเรียกน่ะฮะ แล้วก็ไม่ทันได้ยินเสียงโทรศัพท์ด้วย” โกหกไม่เนียน โทรศัพท์ก็ถืออยู่คามือขนาดนี้

    “55 แล้วว่าไง มีอะไรจะคุยกับพี่ แต่..ถ้าเรื่องคืนนั้น พี่ก็ยังยืนยันว่าพี่ไม่ได้ต้องการกดดันเราให้ตอบ”

    “แต่.. ผมคิดว่าผมต้องการความชัดเจนฮะ”

    “แสดงว่าวันนั้นยังไม่ชัดเจน?” ...ก็ใช่น่ะซิ!

    “อืออ ก็ ไม่ถึงกับไม่ชัดเจน แต่..เอ่อ ผมแค่สงสัยว่า พี่คิดอะไรกับผมเหรอฮะ”

    “ใช่ คิด” หวาาาา ตอบแบบไม่ต้องคิดเลย ใครมันจะตั้งรับทันว่ะเนี่ย

    “....” อะไรที่มันชัดเจนไป บางทีก็คงทำให้คนเราช็อคจนตั้งตัวไม่ทันแบบนี้ซินะ

    “ต้องการความชัดเจนแค่นี้เหรอ เราน่ะ หืม”

    “อะ เอ่อ จริงๆ ผมก็มีอะไรอยากพูดกับพี่นะฮะ ผมไม่อยากให้แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องพูดแค่ฝ่ายเดียวน่ะฮะ”

    “เราจะปฏิเสธความรู้สึกพี่ ว่างั้น”

    “เฮ้ย ไม่ใช่นะฮะ”

    “งั้นคิดเหมือนกันน่ะซิ”

    กดดันจัง ได้ทีแล้วเอาใหญ่

    “เอ่อ ก็คือ ยังไงดี คือ ไม่ใช่ว่าผมไม่โอเคที่พี่จะคิดอะไรกับ..เอ่อ ผมนะฮะ ผมโอเคถ้าพี่จะรู้สึกดีด้วย แต่ผมก็ยังไม่ใจว่าผมคิดอะไรรึเปล่าน่ะ ผมไม่เคยเกิดความรู้สึกแนวนี้มาก่อน ดังนั้นผมไม่สามารถที่จะตอบอะไรให้เคลียร์ๆได้ แต่...ถ้าถามว่าคิดอะไรมั้ย ผมคิดฮะ”

    ผมพยายามพูดให้ชัดและเคลียร์ที่สุด สำหรับความรู้สึก ณ ขณะนี้ ถึงมันจะฟังดูวกวนอย่างที่ออกมาก็เถอะ 

    แต่เมื่อได้พูดไปแล้ว ผมรู้สึกเหมือนได้เรียกความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง

    มือเรียวขาววางลงบนหัวผมแล้วโยกเบาๆ

    “อืม จริงๆ นี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่พี่รู้สึกอะไรแนวนี้ พี่ไม่แปลกใจหรอก ถ้าเราจะตอบว่านายไม่โอเค แต่มันเกิดขึ้นไปแล้ว พี่ก็ไม่อยากปฏิเสธความรู้สึกของตัวเอง” 

    เค้าพูดขณะที่มือยังวางอยู่หัวของผม และโดยไม่รู้ตัว ระยะห่างระหว่างเรามันค่อยๆลดลง ผมเพิ่งสังเกตว่าผมเห็นตัวเองในแววตาของเค้าชัดขนาดไหน

    เค้าเลื่อนมือจากหัวมาวางบนไหล่ผมและบีบเบาๆ

    “แต่ขอบคุณนะที่เราไม่ปฏิเสธ เอาจริงๆ พี่ก็คงทำตัวไม่ถูกถ้าคำตอบของเราคือไม่”

    เค้าพูดพลางลูบคางที่ขณะนี้เกลี้ยงเกลาผิดกับช่วงก่อนหน้านี้ แก้เก้อ 

    จนผมเผลอหัวเราะออกมา

    “5555 จริงๆ พี่ก็ยังเหมือนเดิมนะฮะ ผมนึกว่าตอนนี้พี่เปลี่ยนไปแล้วซะอีก ดูมั่นใจทุกการกระทำซะเหลือเกิน” ผมพูดและย่นปากใส่

    “ผลพลอยได้จากการแสดงน่ะ 555555 พี่ไม่อยากให้เราเห็นว่าจริงๆน่ะขี้คลาด เอาตรงๆคืนนั้นก็กลัวแทบตาย กว่าจะกล้าพูดกับเราได้”

    “ว่าแล้วเชียว พี่มั่นใจ จนผมหงอไปเลย ...แต่สรุปว่าตอนนี้ระหว่างเรามันเป็นยังไงเหรอฮะ”

    เรารีบวางท่ามั่นใจข่ม ก่อนหน้านี้เค้าทำให้ผมรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ทั้งที่ปกติผมมักสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆเสมอ แต่เหมือนระบบมันรวนไปหมดหลังจากคืนนั้นมา

    “ตอนนี้คือ พี่ชัดเจน แต่เรานั่นแหละไม่ชัดเจน ..” ดูทำหน้าเข้า อย่าคิดว่าผมจะสงสาร

    “ผมชัดเจนฮะ แค่ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป และใช้เวลา”

    “อืม ก็ยังดีกว่าไม่มีหวังเลยละนะ”

    “ใช่ โอเควันนี้ผมมีเรื่องจะพูดกับพี่แค่นี้ฮะ”

    “แค่นี้เหรอ ไม่คิดจะชวนพี่ไปไหนต่อเลยเหรอ”

    “ไม่ได้ฮะ วันนี้ผมมากับพ่อ และอีกอย่างค่อยเป็นค่อยไป จำที่ผมพูดไม่ได้รึไงฮะ” ได้เอาคืนแล้วสนุกชะมัด

    “โอเคครับๆ พี่ผิดเอง ค่อยเป็นค่อยไป งั้นแยกกันเลยมั้ย นายคงยังไม่อยากให้ใครสังเกตเห็นอะไรๆระหว่างเรา”

    “อืม ก็ได้ฮะ แต่..ก่อนไป ขอกอดหน่อยได้มั้ยฮะ”

    และโดยที่เค้าไม่ทันได้ตั้งตัว ผมรีบก้าวประชิดตัว ไม่ให้เค้าได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ยกแขนโอบรอบตัวเค้าทันที เค้ายังคงยืนตัวแข็ง แต่ก็ยอมให้กอด

    จนซักพัก ผมถึงรู้สึกว่าแขนยาวๆกอดตอบผมเช่นกัน และโยกตัวผมน้อยๆเหมือนกล่อมเด็ก

    “ถึงตอนนี้เราจะยังไม่มีสถานะที่ชัดเจน แต่ผมคิดถึงพี่นะฮะ”

    “...”

    เงียบ..เหมือนเค้าจะเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ

    “อืม พี่ก็เหมือนกัน..คิดถึงนะ”

    รู้สึกถึงสันจมูกโด่งฝังลงมาข้างขมับเบาๆ

    เรายืนอยู่อย่างนั้นเพียงไม่นาน ผมเป็นฝ่ายที่รีบถอนกอดออกมาก่อน ยิ้มให้เค้า วิ่งกลับเข้างาน ก่อนหันมาทิ้งท้าย


    “แล้วเจอกันนะครับ ฝันดีนะครับพี่”


    ทิ้งให้เค้ายืนคว้างอยู่แบบนั้น ขอแก้เผ็ดที่ทำให้ผมนอนไม่หลับเมื่อคืนนั้นซักนิดเถอะ

    พ่อคนคูล ต้องโดนซะบ้าง

    บรรยากาศภายในงานต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

    ผมไม่รู้หรอกนะว่าความรู้สึกที่ว่ามันคืออะไร แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่ามันไปในทางที่ดี

    ผมเดินเข้าไปสมทบกับพ่อที่ยืนคุยอยู่กับกลุ่มนักแสดงกลุ่มใหญ่ รับเครื่องดื่มจากบริกร

    ตอนนี้ไม่มีอะไรค้างคาใจ ขอเมาหน่อยเถอะ




    พักใหญ่ ผมถึงเห็นเค้ากลับเข้ามา

    ..เห็นเค้ามองหา 

    เราสบตากัน

    เค้ายิ้มให้ผม


    เง้อ ให้ตายเถอะะะะ

    โครตมีความสุข




    ?




    - JT -


    ....................................


    = Talk เม้าท์ๆ =

    แงงง ให้ตายเถอะ จริงๆ อยากแต่งแก้บนค่ะ

    แต่การบนไม่สัมฤทธิ์ผล งั้นแต่งสนองนี้ดมันซะเลย

    เพราะจินตนาการสำคัญค่ะ 55555

    ถ้าชอบไม่ชอบติชมได้นะคะ

    ถ้าใช้twitter อยากติชม ผ่านแท็กนี้ๆ #JanstJT (คิดค้นใหม่ๆ สดๆ เผื่อใครอ่านละเกลียด ด่าได้ค่ะ 5555)

    ปล. หวา ลืมบอกๆ ตอนนี้มันจะแอบต่อจากตอนก่อนหน้านิดนึงค่ะ (the first)

    http://minimore.com/edit/chapter/12583/29970

    และ ขอบคุณที่อ่านนะค่า ลัฟยู ?
















Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in