เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อ่านแล้วเล่าFayathi Sorap
อ่านแล้วเล่า : คนมีญาณ/ Be your own psychic
  • ผู้เขียน : Sherron Mayes
    ผู้แปล : ฉบับที่เคยเห็น คือ มณฑานี ตันติสุข ส่วนเวอร์ชั่นปัจจุบันผู้แปลคือ มรกต เบญจวัฒนานันท์
    สำนักพิมพ์ : inspire ส่วนเวอร์ชั่นปัจจุบันของสำนักพิมพ์นานมี 
    จำนวนหน้า : 308 หน้า (เวอร์ชั่นที่เราอ่านน่ะนะ) แต่เวอร์ชั่นใหม่มี 368 หน้า
    ราคา : 258 บาท ส่วนเล่มใหม่ราคา 295 บาท 


         สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน

         เห็นรายละเอียดข้างบนแล้ว คุณผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า เอ หนังสือเล่มนี้ มันมีมานานแล้วเหรอ ทำไมมีหลายเวอร์ชั่น 
         ค่ะ มีมานานแล้วค่ะ(ตีพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษครั้งแรกในปี 2003 ถ้าเป็นปีไทย.. อ่อ 2546) นี่เห็นมีการจัดพิมพ์อีกครั้งหนึ่ง เปลี่ยนสำนักพิมพ์เปลี่ยนคนแปลเราก็ยังแปลกใจเลย

         เริ่มสงสัยกันหรือยังคะว่า เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร 

         ตอบด้วยคำหนึ่งคำเลยค่ะ "พลังจิต" 


         เมื่อพูดถึง “พลังจิต” คุณนึกถึงอะไร?

         หลายคนอาจคิดถึงนักมายากล ที่ถือคทาเสกโน่นเสกนี่ออกมา หรือพวกโอตาคุอาจจะนึกไปถึงมิวหรือมิวทู ซึ่งเป็นโปเกมอนพลังจิต แล้วก็อาจมีสักคนที่นึกถึงจิตแพทย์ที่สะกดจิตคน
         คำๆเดียวสามารถจินตนาการได้หลากหลาย


         คุณ Sherron บอกว่า มันคือพลังที่อยู่ภายใจจิตวิญญาณของพวกเราทุกคน แล้วจึงเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อเน้นว่า เราสามารถฝึกพลังจิต(ซึ่งภาคภาษาไทยจะใช้คำว่า "ญาณ")ได้ด้วยตนเอง มาฝึกพลังจิตของเราให้เข้มแข็งเพื่อตัวเอง(ชื่อหนังสือ be your own psychic แปลตรงตัวคร่าวๆก็คือ “เป็นนักพลังจิตให้ตัวเอง”)กันเถอะ


         ในหนังสือเล่มนี้มี 12 บทด้วยกัน โดยเริ่มแรกจะปูพื้นตั้งแต่เรื่องว่า หากเราค้นพบศักยภาพทางจิตของเราแล้วนั้นมันจะมีประโยชน์อย่างไรบ้าง หลังจากนั้นเธอจะเริ่มสอนเรื่องจักระทั้ง 7 ของร่างกาย ว่าจักระนี้อยู่ตรงไหน เป็นส่วนไหน มีอวัยวะใด มีสีใดเป็นตัวแทน แล้วกระตุ้นให้ผู้อ่านปลุกพลังของตนเองให้ตื่นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตื่นรู้ การสั่งจิตให้ดึงดูดสิ่งที่เราต้องการ การติดต่อกับเทวดาประจำตัว หรือแม้แต่ การฝึกสื่อสารกับบุคคลจากโลกวิญญาณ ส่วนบทท้ายๆจะกล่าวถึงการสั่งจิตตัวเองให้ดึงดูดสิ่งพึงปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ บ้าน เพื่อน งาน หรือแม้แต่ ชีวิตรักที่ใฝ่ฝัน เพื่อให้เราไขว่คว้ามันให้จงได้

         ในเล่มจะสอดแทรกไปด้วยประสบการณ์ของตัวคุณ Sherron เอง ที่พบว่าตัวเธอนั้นสามารถฝึกพลังของจิตได้เช่นเดียวกัน และมีเรื่องราวของบุคคลอื่นๆรอบตัวเธอหลังจากค้นพบเรื่องการฝึกจิต แล้วก็มีแบบฝึกหัดให้ผู้อ่านลองทำเพื่อฝึกพลังจิตของตนเองไปด้วยเป็นระยะๆ


         เราสนใจหนังสือเล่มนี้เพราะเราอยากมีพลังจิต (ไอ้เรื่องอยากได้อะไรบ้าๆบอๆ เนี่ย ถนัด) แต่พออ่านเข้าจริงๆ เราก็อยากโต้แย้งผู้เขียนอยู่บ้าง คือ คุณ Sherron เธอบอกว่า ทุกคนสามารถฝึกพลังจิตได้ทั้งนั้น แต่เราว่ามันไม่ใช่อ่ะ
      
         มีตอนหนึ่งเธอเล่าว่าเธอไปเข้าคอร์สพลังจิต แบบฝึกหัดในห้องคือให้นั่งหันหน้าหาเพื่อนร่วมห้อง แล้วลองใช้จิตสัมผัสว่า คนๆนั้นมีเรื่องราวตัวเองอย่างไร รู้สึกอย่างไร แล้วเธอสัมผัสเรื่องเหล่านั้นได้
         ซึ่ง...ความเห็นส่วนตัวนะ เราว่ามันเป็นความสามารถส่วนบุคคลน่ะ เพราะ เอ้อ เราว่า เราทำไม่ได้ หรือหากคุณผู้อ่านท่านไหนทำได้ช่วยคอมเม้นท์มาเล่าบ้างนะคะ

         นอกจากนี้ เราว่ามันเป็น อะไรล่ะ ความแตกต่างทางวัฒนธรรมและศาสนามั้ย เพราะผู้เขียนเธอเป็นชาวคริส เธอก็เขียนแบบมุมมองของชาวคริส เช่น เธอมองว่าคนเรามีนางฟ้าประจำตัว ซึ่งทางพุทธมันไม่ใช่ ถ้าจะมีคือเทวดาประจำตัว(เหมือนกันมั้ยเนี่ยว่าแต่?) แต่ถ้าศึกษาพุทธแนวคุณดังตฤณ คุณดังตฤณจะบอกทำนองว่า มีที่ไหนเทวดาประจำตัว ไม่มีใครอยากทำดีขึ้นสวรรค์เพื่อมาดูแลมนุษย์บ้าๆบอๆหรอก
         และนี่ก็คือผลของการอ่านหนังสือมากเกินไป เนื้อหาจากหนังสือแต่ละเล่มตีกันเอง...

         ส่วนแบบฝึกหัด หลายแบบฝึกหัดที่ลองนึกภาพตามไปได้ ก็ ผ่อนคลายดีค่ะ เหมือนได้ย้ายตัวเองจากความวุ่นวายไปสู่พื้นที่ส่วนตัวชั่วคราว อืม อย่างน้อยเราก็รู้ว่า ถ้าเราจะฝึกพลังจิต สัตว์ผู้ช่วยของเราคือ ช้าง
         ...แม้จะไม่แน่ใจว่า รู้แล้วจะช่วยอะไรได้บ้าง ก็ตาม
      
         แต่สารภาพค่ะว่าช่วงแบบฝึกหัดนั้น อ่านข้ามหลายอันมาก รู้สึกว่าไม่คลิก ไม่ได้อยากจะทำตามเสียทุกอย่าง เช่น บทการใช้พลังจิตดึงดูดงานที่ชอบ คือ เราไม่คิดจะเปลี่ยนงานอยู่แล้ว เลยไม่รู้จะฝึกไปทำไม จึงอ่านข้ามๆไปหลายหน้าอยู่

         อย่างไรก็ดี ตอนนี้เรากำลังทดลองตามแบบทดสอบของคุณ Sherron ว่าด้วยการเขียนคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของคู่ครองที่อยากได้ เพื่อดึงดูดคนที่ใช่เข้ามาในชีวิตอยู่ ถ้าดึงดูดมาได้จริงแล้วจะมารีวิวใหม่ แต่ถ้าไม่ได้ คิดเสียว่านี่เป็นบทความรีวิวหนังสือธรรมดาๆเล่มหนึ่งที่ไม่มีอะไรพิเศษก็แล้วกัน
         ผู้เขียนกล่าวว่า สิ่งสำคัญสุดคือ เราต้องเชื่อ ว่าถ้าอยากได้แล้ว เราจะได้ ซึ่งการสั่งจิตให้เชื่อนี่คือสิ่งที่ยากที่สุดในความคิดของเรา แหม คนราศีที่เราระบุไป มันมีเยอะเสียที่ไหนล่ะ
         แต่เอาล่ะ ลองดู เดี๋ยวก็รู้ว่าเป็นยังไง หุหุ


         กล่าวโดยสรุป ถ้าคุณผู้อ่านก็มีความสนใจในพลังจิต และเชื่อว่าตัวเองสามารถฝึกฝนพลังจิตได้หากได้รับการฝึกหัดที่เหมาะสม หนังสือเล่มนี้เหมาะกับคุณค่ะ อ่านจบ คุณอาจกลายเป็น “คนมีญาณ” ได้จริง ตามชื่อหนังสือภาคภาษาไทยก็เป็นได้
         แต่หากคุณไม่เชื่อในเรื่องพรรค์นี้อยู่ก่อนแล้ว และไม่มีความคิดที่จะเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นกับพลังจิตเลย บอกผ่านเล่มนี้ได้เลยค่ะ อ่านแล้วอาจจะเบื่อได้


         สุดท้ายและท้ายที่สุด สำหรับผู้ที่สนใจหนังสือเล่มนี้ แต่หาอ่านฉบับภาษาไทยในราคาที่สบายกระเป๋าไม่ได้เสียที หากคุณพอจะอ่านภาษาอังกฤษได้บ้างแล้วล่ะก็

         สามารถยืมอ่านได้จาก openlibrary.org นะคะ

         เราก็ยืมอ่านจาก openlibrary เช่นกันค่ะ ? 


         สวัสดีนะคะ ขอให้มีความสุขกับวันสุดสัปดาห์ค่ะ

         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่     
         https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html
         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in