เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อ่านแล้วเล่าFayathi Sorap
อ่านแล้วเล่า : เล่นกับโลกไกลบ้าน
  • ผู้เขียน : กิจการ ช่วยชูวงศ์
    สำนักพิมพ์ : แพรวสำนักพิมพ์
    จำนวนหน้า : 209 หน้า (ไม่รวมประวัติผู้เขียนและรายละเอียดเกี่ยวกับนายอินทร์อะวอร์ด)
    ราคา : 185 บาท


         มีหนังสือหลายเล่มที่เกิดขึ้นในฐานะ "ไดอารี่ชีวิตและการเดินทาง" ซึ่งผู้เขียนได้บันทึกเรื่องราวของตัวเองในขณะที่พำนักอยู่ต่างถิ่นต่างที่ เพื่อเก็บเอาไว้รำลึกความหลังได้เมื่อเวลาผ่านไป
         "เล่นกับโลกไกลบ้าน" คือหนึ่งในนั้น
      
         หนังสือเล่มนี้เป็นบทความที่ได้รับรางวัลพิเศษจาก "นายอินทร์อะวอร์ด" ในประเภทสารคดี จนได้รับการตีพิมพ์ออกมาเป็น "เล่นกับโลกไกลบ้าน" ในที่สุด


         เป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ภริยาของเขามาเรียนปริญญาเอกที่ประเทศสหราชอาณาจักร ตัวเขาและบุตรสาวจึงตามภริยามาอยู่ที่ประเทศนี้ด้วย และบทความแต่ละตอนนั้นก็เป็นการถ่ายทอดแต่ละแง่มุมในชีวิตที่คุณกิจการ เธอได้ค้นพบ ระหว่างพำนักอยู่ที่ดินแดนซึ่งพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินแห่งนี้

         มีหลายตอนมากทีเดียวที่เธอสังเกตสังกาเกี่ยวกับระบบโรงเรียนและเด็กๆที่ประเทศสหราชอาณาจักร ด้วยความที่เธอทำหน้าที่คอยรับส่งบุตรสาวไปโรงเรียน จึงมีโอกาสได้เห็นวัฒนธรรมการเรียน วัฒนธรรมการเลี้ยงลูก ระบบการเรียนการสอน ตลอดจนการเล่นในสนามเด็กเล่นของเด็กๆ

         ยังมีตอนที่พูดถึงไปรษณีย์ ซึ่งก็พูดถึงทั้งตู้ไปรษณีย์ และบุรุษไปรษณีย์ ที่ทำหน้าที่ประหนึ่งแซนต้าคลอส คอยส่งของขวัญอันได้แก่พัสดุ และการ์ดอวยพรตามเทศกาลต่างๆ ให้แก่ผู้คน เธอชมเปาะถึงระบบไปรษณีย์อังกฤษที่เรียกว่า Royal Mail และไปรษณีย์ไทย ที่ทำหน้าที่ส่งของข้ามประเทศได้เป็นอย่างดี         ชมแบบนี้แสดงว่าไม่เคยเจอของที่ส่งโดย Royal Mail หายสินะ หุหุ

         และมีตอนที่เกิดจากการสังเกตความเป็นไปของรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นนกนางนวล พระจันทร์ ร้านขายดอกไม้ และถนนสายเล็กๆระหว่างทางที่เธอก้าวผ่าน ถ่ายรูป และหยิบมาบอกเล่าผ่านตัวอักษรด้วยมุมมองที่น่าสนใจ

         จะมีตอนที่เกี่ยวกับเทศกาลหรืองานต่างๆ เช่นเทศกาลบอลลูน ที่มีบอลลูนลอยเกลื่อนฟ้า และมีภาพถ่าย(เธอคงถ่ายเอง)มาให้ยลด้วย แหม อยากเห็นด้วยตาตัวเองจัง
         และอื่นๆ อีกมากมาย

         นอกจากสังเกตด้วยสายตาแล้ว คุณกิจการยังละลาบละล้วงมากกว่านั้นด้วยการหยิบกล้องถ่ายรูปมาเก็บความเป็นไปรอบๆตัว แล้วนำมาแบ่งปันให้ผู้อ่านหนังสือเล่มนี้ ซึ่งภาพต่างๆก็ดูสวยและแปลกตาไปอีกแบบหนึ่ง


         อ่านแล้วก็ให้นึกถึงชีวิตของตัวเองตอนไปเรียนเมืองนอก ยิ่งดูรูปภาพต่างๆในหนังสือยิ่งนึกถึงประเทศอังกฤษ ซึ่งจากมานานหลายปี ชีวิตของต่างด้าวที่อยู่ต่างแดนคนหนึ่ง มันก็จะมีความสุกๆ ดิบๆ โหดมันฮาประมาณหนึ่ง
         แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี และน่าจดจำยิ่ง
         น่าอิจฉาภริยาคุณกิจการเหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจว่าควรอิจฉาตรงไหนมากกว่า ระหว่างได้ไปเรียนต่อเมืองนอก กับมีสามีที่แสนดีกับลูกที่น่ารักตามไปอยู่ด้วย เอาเป็นว่า ชีวิตจัดว่าแจ่ม
         มีโอกาสก็อยากกลับไปเป็นนักเรียนเหมือนกัน ติดแค่ขี้เกียจ เห็นจำนวนคำที่ต้องเขียนตอนเรียนปริญญาเอกแล้ว รู้สึกว่าก้มหน้าก้มตาทำงานไปก่อนดีกว่า...
         ...นี่ยังไม่นับเรื่องว่า สถานการณ์โลกตอนนี้ ไม่ควรไปไหนหากไม่จำเป็น อีกด้วยนะ...
      

         จะบอกว่าเป็นไดอารี่แบบเขียนไว้อ่านเองจริงๆเลยก็ไม่เต็มปาก เพราะถ้อยคำสำนวนดูจะเป็นไปในทางเขียนเพื่อบอกเล่าข้อความให้คนอื่นที่ไม่ใช่คนเขียน ได้รับรู้เรื่องราวไปด้วย (คือฉันไม่เขียนไดอารี่ด้วยสำนวนแบบนี้แน่นอน ถ้าเขียนแค่ให้ตัวเองอ่าน) แต่ถามว่าเป็นการบันทึกเรื่องราวไว้สำหรับการย้อนกลับมาอ่านเพื่อทวงวันเวลาดีๆใช่ไหม แน่นอนที่สุด แต่และตอนจะเป็นการบันทึกเรื่องราวแต่ละเรื่องแบบไม่ต่อกัน เอาแค่ที่ผู้เขียนสนใจและจดจำจริงๆ ด้วยสำนวนที่คล้ายกับการมานั่งเล่าเรื่องความเป็นไปให้เพื่อนฟัง อ่านแล้วรู้สึกเหมือนได้ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยในขณะที่เขียนเรื่องนั่นเอง

         เป็นหนังสือที่ภาพสวยและน่ารักดีอีกเล่มหนึ่ง


         และสำหรับคุณผู้อ่านที่สนใจหนังสือเล่มนี้ เราไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีขายที่ไหนบ้าง เดาว่า ร้านนายอินทร์น่าจะมี เพราะหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือจากรางวัล นายอินทร์ award ดังนั้นต้นสังกัดก็น่าจะพิมพ์ขายเองด้วย แต่ที่แน่ๆ เราซื้อจากร้านหนังสือดอกหญ้าค่ะ

         สนใจก็ลองหาตามร้านหนังสือดูนะคะ 

         สวัสดีค่ะ


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
         https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html
         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in