เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
In my opinionBeaunt
จมูก......หมา
  • เริ่มต้นมาเหมือนจะกล่าวหาใคร แต่จริง ๆ แล้ว เป็นการบอกเสียมากกว่า ว่าตัวเราเองนั้น มีความเป็นสุนัข หรือหมา อยู่มาก โดยเฉพาะการได้รับกลิ่น

    เคยเปรย ๆ กับ แม่ของตัวเองว่า สงสัยชาติที่แล้วคงจะเกิดเป็นสุนัขมาก่อน เพราะพฤติกรรมของตัวเองนั้น ไม่ต่างกับสุนัขเท่าไหร่นัก คือเราเป็นคนที่ชอบแทะกระดูก คือจะไม่ค่อยชอบกินส่วนที่เป็นเนื้อมากนัก แต่ถ้าได้เห็นส่วนที่เป็นกระดูกล่ะก็ จะดีใจ ตาเป็นประกาย น้ำลายสอขึ้นมาทีเดียว และก็ไม่ใช่กระดูกหมู หรือกระดูกไก่ แต่ ก้างปลา และหัวปลา เราก็สามารถย่อยสลายมันได้อย่างที่ไม่ควรเลี้ยงสุนัขไว้ในบ้านเลย เพราะไม่อย่างนั้นจะเป็นศัตรูกันโดยสิ้นเชิง จนบางครั้งแม่ต้องห้ามว่า พอเถอะลูก เหลือให้หมามันบ้าง ออ บ้านเราไม่ได้เลี้ยงสุนัขแต่อย่างใด แต่แม่เราชอบเอาอาหารเหลือไปวางไว้หน้าบ้าน เพื่อให้สุนัข หรือแมวจรจัดแถวบ้านมากิน

    นอกจากกระดูกแล้ว สิ่งที่เราคิดว่าคงเป็นสุนัขชาติที่แล้วแน่ ๆ คือประสาทรับกลิ่นของเราจะไวเป็นพิเศษ เช่น สามารถจำกลิ่นคนจากกลิ่นน้ำหอมได้ ปล. คน ๆ นั้นจะต้องไม่เปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมบ่อยด้วยนะ แต่ถ้าเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอม เราก็จะสามารถบอกได้ว่า อ่าววันนี้เปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมเหรอ อะไรประมาณนี้ เราสามารถรู้ได้ว่า คนที่เข้าห้องน้ำก่อนหน้าเราเป็นใคร จากกลิ่นเฉพาะตัว ของสาว ๆ ในออฟฟิศ (อันนี้ออกแนวโรคจิต แต่ก็ไม่ได้ทักเค้าหรอกนะ) นอกจากกลิ่นน้ำหอมแล้ว เราก็สามารถแยกกลิ่นอาหารได้อีกด้วย เวลาใครอุ่นอาหารในครัวที่ออฟฟิศ ก็จะบอกได้ว่าเป็นเนื้ออะไร หรืออาหารประเภทไหน แต่ก็จะเป็นกลิ่นที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น โจ๊กคนอร์ เนื้อย่าง หมูปิ้ง อะไรประมาณนี้ 

    แต่การมีจมูกที่มีความไวเรื่องกลิ่นแบบนี้ ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน เช่น เวลาขึ้นรถไฟฟ้า หรือเดินอยู่ในสถานที่ที่มีคนหมู่มาก บางทีเราจะได้กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ออกมาจากตัวของคนที่อยู่ในระแวกนั้นได้อย่างรวดเร็ว บางที กลิ่นติดจมูกนานเป็นนาที เราได้กลิ่นเท้าของคนที่ถอดรองเท้าบนรถทัวร์ ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่ได้นั่งอยู่ใกล้เราก็ตามที เราจึงต้องพกยาดมไว้ติดตัวเสมอ ซึ่งยาดมที่เราพกติดตัวก็จะไม่ใช่ยาดมทั่วไปที่ขายใน 7-11 ด้วยนะ แบบนั้นเราดมแล้วยิ่งเวียนหัว ต้องเป็นยาดมแบบส้มแขก ขวดสีเงิน ๆ หรือ ยาดมที่เราไปเจออยู่ที่เชียงใหม่ ซึ่งจะใช้สมุนไพรต่าง ๆ ผสมเข้าด้วยกัน 

    อีกเรื่องที่เป็นปัญหาของเราบ่อย ๆ เลยคือ เราไม่สามารถนั่งบนรถแท็กซี่ที่มีกลิ่นเบาะเป็นหนังได้ อันนี้น่าจะเกิดจากการเชื่อมโยงของสมอง เพราะเมื่อครั้งเรายังเด็กตอนอยู่ชั้นประถม แม่จะพาเราและพี่สาว นั่งรถแท็กซี่ของคุณลุงเพื่อนบ้าน เพื่อไปส่งที่บ้านคุณยายที่อยู่ฝั่งธนฯ ใช้เวลานั่งรถ 2-3 ชั่วโมง ในเวลากลางวัน ซึ่งแท็กซี่ของคุณลุงเป็นเบาะหนัง แล้วเวลาเบาะหนังมันเจอความร้อน จะมีกลิ่นออกมา บวกกับเวลารถติด มันเป็นช่วงที่ทรมานมากสำหรับเราในตอนนั้น จึงกลายเป็นว่า เวลาที่เรานั่งแท็กซี่ที่เป็นเบาะหนังทีไร เราจะรู้สึกไม่สบาย และเวียนหัว ซึ่งจริง ๆ แล้วเราเป็นคนที่ไม่เมารถเลย แต่จะเมาแค่รถแท็กซี่ที่เป็นเบาะหนังเท่านั้น 

    สิ่งที่มันมีความพิเศษ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป ทุกสิ่งอย่างมีสองด้านเสมอ มันก็แล้วแต่ว่าเราจะเลือกมองจากด้านไหน

    ปล. ตอนนี้แม่เราไม่ได้เอาอาหารที่เหลือไปให้สุนัข หรือแมวจรจัดแถวบ้านอีกแล้ว แต่นางซื้ออาหารเม็ดให้กินกันเลยจ้า 555 แม่บอกว่าไม่ได้เลี้ยงนะ แค่ให้อาหารเฉย ๆ แอบมองบนแม่ เพราะเคยขอเลี้ยงสุนัข และแมวที่บ้านแล้ว แม่ไม่อนุญาต 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in