เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
From Cern(เจิ้น) to CernYanisa Sunthornyotin
Day48: ยูนิคอร์นอยู่ในเมืองแห่งเทพนิยาย
  • 20กรกฏาคม

    วันนี้ออกจากโรงแรมแต่เช้าเพื่อไปยังสถานีรถไฟค่ะ

    วันนี้เราจะไปเมืองเล็กๆแถบตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส​ -​โคลมาร์- กัน!

    แรงบันดาลใจแรกเลยนะคะ
    คือคุณแม่อยากไปค่ะ5555
    นี่ก็ไปให้แม่

    แล้วก็มาพบทีหลังว่าเมืองนี้เป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจฉากหลังของเรื่องHowl's moving castleของStudio Ghibliซึ่งเป็นเรื่องที่มิ่งชอบมากๆเรื่องหนึ่งรองลงมาจากSpirited away
    แล้วก็ยังเป็นเมืองต้นแบบของBeauty and the beastด้วย

    โคลมาร์เป็นเมืองเมืองหนึ่งในแคว้นAlsace หนึ่งในเส้นทางชิมไวน์ที่นักชิมไวน์ทั้งหลายไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง//ถึงมิ่งจะกินไวน์ไม่เป็นแต่ขึ้นชื่อเสียขนาดนี้ก็ว่าจะลองเสียหน่อย

    ไม่เพียงแค่นั้น! 
    ที่ Colmar นี้เป็นเมืองเกิดของศิลปินเอกที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่ง คือ Frederic Auguste Bartholdi ผู้เป็นคนออกแบบเทพีเสรีภาพที่ฝรั่งเศสได้มอบให้แก่สหรัฐฯ ตั้งตระหง่านอยู่ที่นิวยอร์คมาจวบจนปัจจุบัน

    เท่านี้ก็เป็นเหตุผลเพียงพอให้ต้องไปเยือนแล้วล่ะค่ะ

    เนื่องจาก​Swiss​pass flexที่ซื้อมาได้หมดโควต้าลงแล้ว​ มิ่งเลยซื้อตั๋วแบบSuper saverผ่านApplication SBBที่ลดถึง60-70%!! เงื่อนไขเดียวคือจะFixedรอบรถไฟและต้องขึ้นให้ทันสายที่ซื้อตั๋วไว้เท่านั้น​ ซึ่งก็เรียกว่าคุ้มนะคะ​ แค่ต้องวางแผนกะเวลาดีๆนิดนึง​ อันนี้เป็นตั๋วจากGenevaไปBaselค่ะ

    ส่วนจากBaselไปColmarจะเข้าสู่เขตฝรั่งเศสต้องเปลี่ยนไปจองรถไฟฝั่งทางนั้นแทน​ ซึ่งก็ซื้อตั๋วONLINEเช่นกันค่ะ

    พอเรามาถึงColmar​ วันนี้ก็ขออนุญาติแวบไปเมืองRiquewihrที่อยู่ข้างเคียงเสียหน่อยนะคะ​ การที่จะไปเมืองนั้นได้สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวหรือจักรยาน​ จะต้องนั่งรถบัสไปค่ะ​ ซึ่งรถบัสนั้นรอบน้อยมากกกกกก​ ออกจากColmarบ่ายโมงกว่าจะกลับมาได้ก็ตั้ง6โมงแหน่ะค่ะ​ 

    แต่Riquewihrเป็นเมืองน่ารักมากค่ะ​ คล้ายเมืองในเทพนิยาย ระหว่างทางไปจะเห็นไร่องุ่นไกลสุดลูกหูลูกตา​ กับเทพีเสรีภาพที่มีเพียงสองตัวเท่านั้นคือที่อเมริกาและที่บ้านเกิดของผู้ออกแบบ​ ที่-Colmar-แห่งนี้ค่ะ

    มีหอนาฬิกาประจำเมือง​ Thief's towerที่เอาไว้จองจำขโมย​ บ้านนักทำไวน์ที่เปิดให้คนเข้าไปลองชิมรสชาติไวน์กันดู​ มิ่งก็ลองชิมไวน์หวานไปแชมเปญนึง อร่อยดีค่ะ​ มีฉากหลังเป็นเมืองเทพนิยายมันก็จะรู้สึกฟินหน่อยๆ

    บ้านเมืองที่นี่จะเป็นอาคารแบบ half-timbered House ถูกดัดแปลงภายในให้กลายเป็นร้านอาหาร​ ​ร้านขายไวน์​ ร้านขายของที่ระลึกและอีกมากมาย​ แต่ก็ยังคงความคลาสสิคไว้ได้เป็นอย่างดี


    ตอนกลางวันก็ลองสั่งไก่พันชีส​ ซอลฟัวกรากับพาสต้าAlsaceมากิน​ มิ่งชอบพาสต้าที่นี่มากค่ะ​ เหมือนขนมปังไข่คนดี​ เป็นแป้งนะคะ​ แต่แอบมีรสชาติของไข่ผสมไปด้วย


    โดยรวมแล้วประทับใจเมืองนี้เหมือนกันค่ะ​ ถ้าไม่ติดว่ารถไปกลับน้อยไปนิด​ เพราะใช้เวลาเพียง1-2ชม.ก็เดินทั่วแล้วค่ะ​ ตอนแรกก็ว่าจะเดินกลับ​ แต่เห็นระยะทาง13กิโลแล้วก็ขออนุญาตินั่งจิบไวน์รอแล้วกันนะคะ5555 ถือซะว่าได้shotวิวสวยๆเพิ่มขึ้นมา


    พอกลับมาถึงตัวเมืองColmarก็ออกไปกินข้าวเย็นตามพิกัดที่แนะนำกันในเว็บค่ะ​ 
    ปรากฏว่าเต็มทุกร้านครับท่านผู้ชม!! 
    ใครที่อยากมากิน​ อย่าลืมจองก่อนมานะคะ
    ในโคลมาร์เห็นร้านมิชลินตั้งอยู่เยอะมาก​ เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่ยังไงก็ไม่อดตายแน่ๆขึ้นอยู่แค่ว่าจะมีเงินรึเปล่าเท่านั้นเอง555
    ก็เลย​ เอาเถอะ​ เข้าร้านไหนก็ได้ที่มีที่นั่งแล้วกัน​ 
    หวยเลยไปลงที่ร้านพิซซ่าค่ะ

    สั่งพิซซ่าที่ทำจากชีสท้องถิ่นมาลองกินดู​ อร่อยใช้ได้เลยนะคะ​ ไม่แพงมากด้วย​ แป้งบางยิ่งกว่าพิซซ่าแถบอิตาลีเสียอีก​

     ดีค่ะ​ ไม่อ้วนดี

    ในส่วนของโรงแรม​ ต้องสารภาพเลยว่าโรงแรมที่Colmarนั้น​ แพงที่สุุดในทุกทริปที่จัดมาเลยค่ะ
    เพราะที่พักค่อนข้างหายากที่จะใกล้สถานีรถไฟและเมืองเก่า​ และที่นี่ก็เป็นที่ๆราคาย่อมเยาว์และสะดวกที่สุดเท่าที่จะหาได้แล้ว

    ที่สำคัญคือ​ มันมีแอร์กับทีวีด้วยล่ะค่ะทุกคนนนนน​ พระเจ้า! ตั้งแต่มาสวิสมิ่งยังไม่เคยได้นอนห้องพักเช่นนี้ซักครั้ง

    ซาบซึ้งน้ำตาจะไหล

    นอนหลับฝันดีละคืนนี้






เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in