เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Gamer's Rant บ่น เกมbyMe
Darkest Dungeon: เกมโหดๆ ของคนหินๆ
  • โพสต์นี้จะเป็นการแนะนำ(ขายตรง55555)เพื่อนๆคนอ่านให้รู้จักกับเกมที่มีชื่อว่า Darkest Dungeon แนะนำทั้งภาค1และ2เลยนะ ด้วยความที่เกมนี้มีชื่อเสียงในด้านความยาก ซึ่งมันก็ยากจริงๆนะ แต่ในความยากนั้นมันมีความบันเทิงในรูปแบบอื่นๆที่แตกต่างจากเกมที่เราๆน่าจะรู้จักกันอยู่แล้วด้วย เลยอยากจะมาแนะนำให้ทุกคนได้ลองสัมผัสกับเกมนี้เหมือนกับที่เราได้รับประสบการณ์ดีๆจากมัน ในโพสต์นี้จะพูดถึงแค่ภาคแรกไปก่อนแล้วกันนะ เพราะอีกภาคค่อนข้างต่างกัน

    ครั้งแรกที่เล่นเกมนี้นี่รับฟรีจากEpic Store (ปัจจุบันอุดหนุนภาคแรกบนSteamเรียบร้อย และกำลังติดภาค2ซึ่งกำลังจะลงSteamเร็วๆนี้ และปล่อยบนEpic Storeมาพักใหญ่แล้วแบบงอมแงม)ตอนนั้นไม่คาดหวังอะไรมาก สาเหตุที่สนใจและเลือกกดรับมาในตอนนั้นเพราะภาพล้วนๆเลย ภาพสุดGothicและDark สมกับชื่อเกม เป็นอะไรที่สะดุดสายตาและน่าจดจำมากๆ ในเรื่องเกมเพลย์ก็ไม่ขี้เหร่เลย อาจจะเรียกว่าดีด้วยซ้ำ หลักๆแล้วเกมเป็นTurn Baseที่ผลัดกันตีนั่นแหละ แต่ตัวเกมมีกรผสมผสานระบบสร้างเมืองเข้ามาเพื่อเป็นprogressionในเกม เพราะในทุกๆครั้งที่เราเล่นเราจะตาย และตาย และตาย จนกว่าเราจะgit gud ในขณะเดียวกันการไต่ระดับความท้าทายของเกมจากภารกิจที่ไม่ยาก(แต่อย่าพลาดนะ มันพร้อมจะฆ่าเราทุกเมื่ออยู่แล้ว) เพื่อเก็บไอเทมมาอัพเกรดตัวเมืองให้น่าอยู่(?)มากขึ้น และทำให้เราสามารถอัพเกรดตัวละครที่เราเลือกให้เก่งขึ้น แต่ถึงแม้ตัวละครสุดเทพของเราจะเก่งแค่ไหนตัวเกมก็พร้อมจะเตือนความทรงจำ(หรือบางทีก็traumatize)ว่าตัวละครของเรานั้น ‘ตายแล้วตายเลย(perma-death)’ ได้ทุกเมื่อ ด้วยการทำให้ฮีโร่สุดรักของเราที่ปั้นมาอย่างดี อัพของ อัพสกิล ใส่trinketสุดเทพให้กลายเป็นกองกระดูกไว้ให้มอนลูกกระจ๊อกตีเล่น และเหลือไว้เพียงไอเทมtrinketแค่บางส่วนที่รอดกลับมากับเราด้วย มิหนำซ้ำตัวเกมยังย้ำเตือนเราด้วยการมีสุสานไว้ให้เราไปเยี่ยมเยียนฮีโร่ผู้เสียสละของเราอีกด้วย

    ถึงแม้เราจะสามารถเรียกตัวฮีโร่classเดียวกันที่หน้าตาบังเอิญคล้ายกันกับของตัวก่อนที่เพิ่งจะตายไป ตัวเกมก็จะนับว่านี่คือคนละคนกันและเราต้องเริ่มนับ1ใหม่ พาทำภารกิจต่างๆตั้งแต่ง่ายๆไปเรื่อยๆ จนพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความมืดมิดสุดจะหยั่งถึงที่ครอบงำและกลืนกินปราสาท รวมถึงตัวเมืองHamletนี้ไปเรื่อยๆ…

    และตายซ้ำอีกรอบเพื่อที่จะนับ1ใหม่…

    กับคนใหม่…

    อีกครั้งนึง

    มันดูเป็นการกระทำที่ซ้ำซากจำเจและไม่น่าสนุกเมื่อเทียบกับเกมแอคชั่นมันๆที่เป็นที่นิยมในสมัยนี้ แต่เสน่ห์ส่วนนึงของDarkest Dungeonที่ยังคงติดตราตึงในใจของผู้เล่น คือบรรยากาศ

    บรรยากาศที่ไม่น่าไว้ใจ รกร้าง สิ้นหวัง มืดมิด และสิ่งที่เป็นเหมือนกับตะปูตัวสุดท้ายที่ถูกตอกลงบนโลงศพนับไม่ถ้วนที่เราใช้เป็นบันไดในการไปให้ถึงจุดหมายของเรานั้นคือ เสียงพากย์

    “Overconfidence is a slow and insidious killer (ความชะล่าใจจะฆ่าเราอย่างช้าๆ และอำมหิต)” เป็นประโยคที่ผู้เล่นคงได้ยินผ่านหูกันไม่มากก็น้อย ประโยคนี้ถูกพากย์โดยคุณWayne Juneและเสียงของเค้าจะคอยติชม ย้ำเตือน ตำหนิ ชี้แนะ หรือล่อลวงเราไปยังDarkest Dungeonอยู่ตลอด ถึงแม้เสียงพากย์นี้จะดูเหมือนเป็นเพียงfeatureของเกม แต่ความเจ๋งมันอยู่ตรงที่ทางผู้พัฒนาได้มีการสร้างเนื้อเรื่องรองรับในจุดนี้ให้มันเป็นเหมือนกับเสียงในหัวของตัวละครหลัก ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างเหล่าทหารรับจ้างเพื่อทำภารกิจต่างๆ หรือก็คือตัวเราเองก็เป็นตัวละครนึงในเนื้อเรื่องนี้เช่นเดียวกัน โดยเรารับบทเป็นผู้สั่งการในทุกๆการสำรวจเพื่อที่จะค้นพบบางสิ่ง…

    สิ่งที่อธิบายไม่ได้ และไม่สามารถกลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดได้อยู่ภายใต้คุกนรกแห่งนั้น

    ถ้าสนใจอยากลองเล่นสามารถหาซื้อDarkest Dungeonภาคแรกได้บนSteamและEpicได้เลยนะ มีmodสนุกๆจากcommunityมากมายด้านเนื้อเรื่องก็มีคนทำไว้บ้างบนYouTube ส่วนDarkest Dungeon 2ตอนนี้สามารถซื้อEarly Accessได้บนEpicและกำลังจะวางขายบนSteamเร็วๆนี้ อยากให้ทุกคนได้ลองเลยมาบอก :)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in