เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Novelber 2017fdfeefa
(7) - Day 4 04/11/2017
  • Day 4 (7) – 04/11/2017


    “ย่าเข้าไปนอนแล้วเหรอ?”

    “ครับ”

    “พ่อครับ เรื่องของทอม คือผม…”

    “แฟรงค์ฟังพ่อนะ”

    “ครับ”

    “พ่อบอกไม่ได้จริงๆ ว่าทอมเขาอยู่ที่ไหน ถ้าเราจะมาที่นี่เพื่อเยี่ยมพ่อกับย่าพ่อไม่เคยห้ามเราอยู่แล้ว แต่ถ้าเราจะมาเพียงเพราะต้องการมาถามเรื่องของทอม อันนี้พ่อจนปัญญาจริงๆ”

    “ผมเข้าใจครับ ผมแค่อยากลองพยายามดูอีกสักครั้ง”

    แฟรงค์โดนปฎิเสธหลายครั้งเรื่องข้อมูลที่อยู่ของทอมแต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อเขายังคงกลับมาที่บ้านหลังนี้ด้วยความหวังที่ว่าสักวันพ่อของทอมจะใจอ่อนยอมบอกกับเขาว่าตอนนี้ทอมอยู่ที่ไหน

    มีหลายครั้งที่เขาอยากจะใช้วิธีลัดแล้วถามเอาเข้ากับย่าของทอมแต่เขารู้ดีว่าถ้าเขาทำแบบนั้นทอมคงไม่มีวันให้อภัยเขาไปตลอดแน่นอนโทษฐานที่เขาทำให้ญาติผู้ใหญ่ที่ทอมรักต้องกังวลและร้อนใจ

    “พ่อบอกทอมไปแล้วว่าให้เคลียร์กับเราให้เข้าใจ พ่อก็ไม่รู้ว่าทำไมยังเป็นแบบนี้”

    อีกอย่างแค่นี้เขาก็ละอายใจจะแย่อยู่แล้วที่เขาทำให้พ่อของทอมต้องเข้าใจผิดว่าลูกชายของตัวเองหนีปัญหาและทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง เพราะในความเป็นจริงทอมได้เคลียร์กับเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่เป็นเขาเองที่ไม่สามารถรับเงื่อนไขอันนั้นของทอมได้และเป็นเขาเองอีกนั้นแหละที่ไม่ยอมรับการตัดสินใจนั้นของทอมทำให้เรื่องราวมันเคลียร์ไม่ลงตัวสักที

    “เอ่อ พ่อครับผมขอไปนั่งเล่นในห้องของทอมก่อนที่จะผมจะกลับได้ไหมครับ?”

    “จะต้องขอทำไม? ลืมไปแล้วเหรอว่าก่อนหน้านี้เราเข้าออกบ้านหลังนี้มากขนาดไหน อีกอย่างพ่อก็บอกแล้วไงว่าพ่อเองก็เห็นแฟรงค์เป็นลูกชายอีกคนของพ่อต่อให้เราจะค้างเรายังทำแบบนั้นได้เลย ต่อให้อะไรเกิดขึ้นจำเอาไว้นะว่าเราก็คือลูกของพ่อไม่เปลี่ยนแปลง”

    “ขอบคุณครับ”

    แฟรงค์รู้สึกได้ถึงแรงตบเบาๆ ที่บ่าข้างซ้ายพร้อมกับบีบเพื่อให้กำลังใจเขาจึงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพ่อของคนที่เขารักหลังจากที่เขาก้มหน้าหลบสายตามาตลอดการนั่งคุย

    น้ำตาของแฟรงค์กำลังลื้นขึ้นมาที่ขอบตาเพราะเขาไม่คิดเลยว่าเขาจะได้กำลังใจจากพ่อของคนที่เขาทำให้เจ็บจนต้องหนีเขาไปแม้ว่าเขาเองไม่ได้ตั้งใจก็ตาม พ่ออาจจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นแต่พ่อก็น่าจะรู้ว่าลูกชายของตัวเองกำลังเสียใจแต่พ่อยังคงดีต่อเขาไม่เปลี่ยนจากเมื่อก่อนเลยสักนิด

    “พ่อไม่รู้หรอกนะว่าอะไรคือสาเหตุทำให้เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้น ทอมเขาไม่ได้อธิบายอะไรแต่พ่อเชื่อว่าถ้าเราสองคนรักกันจริงเราสองคนจะต้องผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้”

    “ขอบคุณครับพ่อ”

    แฟรงค์พาตัวเองขึ้นไปทางด้านบนของบ้านระหว่างทางเขาแวะดูกรอบรูปที่ถูกประดับเอาไว้ที่ข้างฝาโดยที่ไม่ได้รีบร้อนที่จะเดินตรงเข้าไปห้องนอนของที่รักของเขา

    ทุกครั้งที่เขามาที่บ้านหลังนี้เขาไม่เคยได้สังเกตุรูปพวกนี้มาก่อนเขาจึงไม่เคยรู้เลยว่ารูปที่ติดเอาไว้เกือบครึ่งจะต้องมีเขาอยู่ในรูปนั้นด้วย ตั้งแต่รูปที่ทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัย รูปรับปริญญา รูปไปเที่ยวต่างจังหวัดกับมหาวิทยาลัย นั้นสินะ ‘7 ปี’ ที่ผ่านมามันดูเหมือนผ่านมาไม่นานแต่พอมาได้ดูรูปเขาว่าชีวิตที่ผ่านมาของเขาความทรงจำที่ดีๆ ทั้งหมดของเขามันได้อยู่ที่นี่แทบทั้งหมด

    ตลอดเวลาเกือบ 3 เดือนที่เขาไม่ได้นอนเคียงข้างใช้ชีวิตร่วมกับทอม ที่ทอมหนีเขากลับมาบ้าน ที่เขามาตามหา จนในที่สุดทอมก็หายไปจนเขาในวันนี้ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเห็นหน้า ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นมันทำให้เขากระวนกระวายในทุกคืนวันแต่ไม่น่าเชื่อว่าแค่เขาได้เข้ามาในห้องที่มีกลิ่นอายของทอมหลงเหลืออยู่ใจของเขาก็สามารถรู้สึกสงบลงได้บ้าง

    แฟรงค์เดินไปนอนลงที่เตียงนอนของทอมหวังที่จะซึมซับเอาสิ่งที่ทอมยังหลงเหลือเอาไว้ที่เตียงนี้ติดตัวกลับไปบ้างตอนที่เขาเดินออกจากบ้านนี้ไปเพราะเขากลัวเหลือเกินว่าถ้านานเกินกว่านี้เขากลัวว่าเขาจะลืมสิ่งที่เป็นตัวตนของทอมเพราะมันเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากลืม

    ‘คุณไปอยู่ที่ไหนกัน?’ มันเป็นคำถามที่แฟรงค์ถามตัวเองอยู่ทุกวันและมันก็ทรมาณที่เขาไม่เคยได้คำตอบสำหรับคำถามนี้ เขาตามหาในทุกที่ที่เขาเคยไปกับทอมไม่ว่าจะตามชานเมืองหรือที่ไหน ไปดักรอเจอที่หน้าบริษัทเขาก็ทำมาแล้วแต่เขาก็ไม่เจอถามใครก็บอกแค่วาทอมไม่ได้ทำงานประจำอยู่ที่นั้นแล้วแต่ก็ไม่มีใครบอกได้ว่าทอมย้ายไปที่ไหนจนตอนนี้เขาจนปัญญาแล้วว่าจะไปตามหาทอมได้ที่ไหนอีก

    ในระหว่างที่เขานอนนิ่งอยู่กับที่นอนสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นปฎิทินตั้งโต๊ะวางเอาไว้ที่โต๊ะหัวเตียงที่เต็มไปด้วยรอยเขียนจากปากกาด้วยลายมือของทอมเขาถือโอกาสนี้อ่านในสิ่งที่ทอมเขียนไปเรื่อยๆ ในนั้นมีหมดทั้งตารางนัดหรือสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน

    แฟรงค์ยิ้มให้กับสิ่งที่เห็นทอมก็เป็นซะแบบนี้ปฎิทินตั้งโต๊ะกับทอมคือของคู่กันเขาเคยบอกให้ทอมเปลี่ยนมาเขียนในมือถือแทนการเขียนลงปฏิทินเขาเห็นทอมทำได้อยู่แค่อาทิตย์เดียวแล้วเจาตัวก็กลับมาเขียนตารางชีวิตลงปฎิทินตั้งโต๊ะอีกครั้ง

    เขาเปลี่ยนจากนอนมานั่งที่เตียงพร้อมกับหยิบเอาปฏิทินมานั่งอ่านอย่างจริงจังด้วยความอยากรู้ว่าเมื่อสามเดือนที่ผ่านมาทอมได้ทำอะไรบ้าง แล้วเขาก็ต้องเปลี่ยนจากรอยยิ้มมาเป็นหน้าต่างของความเคร่งเครียดเมื่อสายตาของเขาเห็นข้อความหนึ่งปรากฏขึ้น ‘ส่งเอกสารตอบรับโครงการแลกเปลี่ยน’


    “ผมมาขอพบกับหัวหน้าแผนกครับ”

    “ไม่ทราบว่าได้นัดเอาไว้รึเปล่าคะ?”

    “เปล่าครับ”

    งั้นก็ต้องทำนัดก่อนนะคะ”

    “แต่มันคือเรื่องด่วนครับ”

    “ไม่ได้จริงๆ ค่ะ”

    “งั้นขอทำนัดพบที่เร็วที่สุดด้วยครับ”

    หลังจากที่เขาเห็นข้อความนั้นจากปฎิทินของทอมเขาก็รีบตรงมาที่ทำงานของทอมทันทีในวันรุ่งขึ้น เขาพยายามถามเรื่องโครงการแลกเปลี่ยนนี้กับเพื่อนร่วมงานของทอมแต่ก็ไม่มีใครบอกอะไรเขาได้บอกแค่ว่าเป็นโครงการของบริษัทที่มีการแลกเปลี่ยนพนักงานกับบริษัทในเครือแต่ก็ไม่รู้ว่าทอมได้ไปที่เมืองไหนหรือประเทศไหนและคนเดียวที่รู้ข้อมูลพวกนี้ก็คือหัวหน้าแผนกของพวกเขา

    แฟรงค์ขึ้นมานั่งรอหัวหน้าของทอมตั้งแต่เช้าแต่เขาก็ไม่เห็นวี่แววของหัวหน้าเจอแต่ผู้ช่วยแล้วก็ได้คำตอบแค่ว่าต้องทำนัดเขาเลยต้องจำใจลงนัดเอาไว้และล่าถอยกลับไปก่อน

    “เฮ้ย แฟรงค์รึเปล่า?”

    เสียงเรียกตะโกนที่ดังมาจากอีกทางทำให้แฟรงค์หยุดเดินและหันกลับไปมองหาต้นเสียงมันก็จริงที่เขามารับทอมที่ทำงานบ่อยครั้งแต่ก็ใช่ว่าเขาจะสนิทกับใครเป็นพิเศษถึงขนาดจะตะโกนทักกันจากอีกของถนนแบบนี้ แต่พอเขาหาต้นเสียงเจอเขาก็ไม่แปลกใจเพราะคนนี้ก็คือไบรอันเพื่อนสนิทในที่ทำงานของทอมนั้นเอง

    “มาทำอะไรที่นี่อะ?”

    “ไบรอัน”

    “มีอะไรๆ เฮ้ยๆ อะไร”

    ไม่แปลกที่ไบรอันจะตกใจจนถึงขนาดถอยหลังหนีเพราะแฟรงค์เล่นไม่ปล่อยช่องว่างให้ทักทายจู่ๆ ก็เดินเข้าไปลากมือของไปรอันให้เดินตามเขามา

    “ไบรอันบอกผมทีว่าทอมเขาไปไหน ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”

    “เดี๋ยวๆๆๆๆๆ แฟรงค์หยุดเขย่าผมแล้วไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่าไหม? ผมเหลือเวลาอีก 10 นาทีก่อนเข้างาน”

    แฟรงค์ยอมปรามความตื่นเต้นของตัวเองแล้วเดินตามไบรอันไปทางด้านหลังของบริษัทนั่งที่โต๊ะหินอ่อนที่เป็นที่นั่งพักของพนักงานให้เรียบร้อยแล้วค่อยเอ่ยถามเกี่ยวกับทอมอีกครั้ง

    “ถ้าทอมเขาไม่บอกคุณผมว่าผมก็คงไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นคนบอกกับคุณ”

    “แต่ผมต้องการเจอเขาจริงๆ”

    “แต่เขาอาจจะยังไม่พร้อม”

    “ผมรู้ แต่ผมไม่อยากให้มันนานมากไปกว่านี้”

    “มันก็จะหนักหน่อยนะ เจ็ดปีแล้วนิเนอะสำหรับคู่ของคุณนะ มันอาจจะเป็นอาถรรพ์ 7 ปีก็ได้”

    “อะไรคืออาถรรพ์7 ปี?”

    “คุณไม่เคยได้ยินเหรอที่เขาว่ากันว่าคู่ไหนที่คบกันมาถึงเจ็ดปีแล้วปีที่เจ็ดมักจะเป็นที่ต้องมีปัญหาและส่วนมากก็ต้องเลิกกัน”

    “ผมไม่เชื่ออะไรพวกนั้นหรอก”

    “ก็แค่เล่าให้ฟัง ถ้ายังไงก็ผมก็ขอให้คุณผ่านปัญหาเหล่านี้ไปได้แล้วกัน ผมคงทำได้แค่เอาใจช่วยขอโทษนะที่ผมช่วยได้เท่านี้”

    “ไม่เป็นไรผมเข้าใจ”

    ใช่เขาเข้าใจที่ทุกคนไม่สามารถบอกอะไรกับเขาได้แต่สิ่งที่เขาไม่เคยเข้าใจเลยก็คือทำไมทอมถึงสามารถตัดใจและหนีจากเขาไปได้ง่ายๆ ทำไมถึงสามารถลืมช่วงเวลา 7 ปีเหล่านั้นระหว่างเราไปได้

    อาถรรพ์ 7 ปี งั้นเหรอไม่มีทางซะหรอกที่เขาจะยอมแพ้กับความรักของเขาเพียงแค่ความเชื่อเหล่านั้น เพราะสิ่งที่เขาเชื่อมาตลอดก็คือคนเรามีสองมือ มือข้างหนึ่งอาจจะทำตามสิ่งที่สวรรค์สร้างสั่งเอาไว้ ส่วนอีกมือนั้นมันคือสิ่งที่เขาต้องสร้างเองเพื่อประคับประคองสิ่งที่สวรรค์สรรสร้างมา และครั้งนี้เขาก็จะใช้มืออีกข้างนี้นี่แหละประคองความรักของเขาไปให้ได้เขาจะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด

    แฟรงค์หยิบมือถือของเขาขึ้นมาแล้วกดส่งข้อความไปหาทอมอีกครั้งเหมือนที่เขาเคยทำมาตลอดทุกวันเกือบสามเดือนที่ผ่านมา เขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าทอมจะยังสามารถรับข้อความของเขาได้หรือเปล่าเพราะไม่ว่าเขาจะส่งไปเท่าไหร่เขาก็ไม่เคยได้รับข้อความกลับมาไม่ขึ้นว่าอ่านด้วยซ้ำ แต่เขาก็แค่อยากลองอีกสักครั้ง

    แฟรงค์ : ‘ผมไม่รู้นะว่าคุณยังได้รับข้อความของผมอยู่ไหม แต่สิ่งที่ผมอยากให้คุณรู้คือผมไม่มีวันยอมแพ้และผมจะไม่มีวันปล่อยคุณไปจากผม 7 ปีที่ผ่านมาความรักที่สวยงามแบบนั้นผมรู้ว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้มันพังลงแต่ผมขอโอกาสสร้างมันกลับขึ้นมาอีกครั้ง ผมขอโอกาสแสดงให้คุณเห็นว่าผมรักคุณมากแค่ไหน ผมจะตามหาคุณจนเจอ ที่รักโปรดรอผม’

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in