เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Novelber 2017fdfeefa
Day 22
  • Day 22 Thunderstorm


                “คุณทอม มันคืออุบัติเหตุจริงๆนะครับ ผมไม่ได้จะผลักเขาลงมา คือผม..”

     

                   “ใจเย็นๆครับคุณจอห์นผมไม่ได้จะตัดสินคุณเพราะผมไม่มีสิทธิ์นั้นอยู่แล้ว ผมไม่ได้เป็นคนที่ไปยืนอยู่ในสถานะหรือเหตุการณ์เดียวกันกับคุณในวันนั้นวางใจได้ครับ”

     

                   “ขอบคุณครับ”

     

                   ที่เขาเงียบไปจนคุณจอห์นต้องละลักละล่ำอธิบายว่าตัวเองไม่ใช่ฆาตกรก็น่าจะมาจากความเงียบของเขาเขาพูเจริงเรื่องที่เขาไม่ได้ตัดสินใจคุณจอห์นแต่เขาเงียบเพราะเขาคิดคำพูดต่อท้ายประโยคนั้นไม่ออกสมองของเขาเหมือนหยุดทำงานไปชั่วขณะหลังจากที่เขาได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่คุณจอห์นเพิ่งพูดมันออกมา

     

    สมองของเขาตอนนี้เหมือนกำลังมีพายุลูกใหญ่ก่อตัวหมุนอยู่ข้อมูลทุกอย่างที่เขารับมามันก็เปรียบสเหมือนแรงของฝนที่สาดจากท้องฟ้าลงสู่พื้นดินด้วยความเร็วมันต่างกันเพียงว่าสิ่งที่มันตกเข้ามานั้นคือข้อมูลที่ได้รับรู้ไม่ใช่ฝนและพื้นที่สมองก็ไม่ใช่พื้นดิน

     

                   “เมื้อกี้คุณบอกว่าแฟรงค์คือคุณเดฟถ้าเป็นแบบนั้นจริง คำสุดท้ายที่เขาพูดออกมาคือ ‘เขาไม่ฟังผมเลย’ มันมีอะไรที่คุณรู้สึกว่ามันจะเกี่ยวข้องบ้างไหม?”

     

                   “ไม่มีนะครับ...เราไม่เคยพูดกันเรื่องนั้น”

     

                   “...”

     

                   “หรือคุณคิดว่าเดฟเขาต้องการให้ผมบอกเรื่องนี้กับทุกคน?เขาต้องการให้ผมรับผิดกับเรื่องนี้ใช่ไหม?”

     

                   “ผมก็ไม่รู้”

     

                   เขากับคุณจอห์นต่างนั่งเงียบจมอยู่ในความคิดของตัวเองโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเขาไม่รู้ว่าคุณจอห์นกำลังคิดอะไรแต่สำหรับเขา เขาแค่นั่งพักเหนื่อยเพราะตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยมากเหลือเกินและต่อให้เขาทนคิดต่อไปเขาก็คงเหมือนกำลังวิ่งวนอยู่ในแรงวนของพายุแล้วก็คงได้แต่วนอยู่ในนั้นแต่ไม่สามารถหาทางออกจากมันมาได้

     

                   “พ่อว่าลูกกับคุณจอห์นไปพักกันก่อนดีกว่าทั้งคู่คงเหนื่อยมากแล้ว”

     

    เสียงของพ่อดังเข้ามาทำลายความเงียบของเราทั้งสองคนเขาต่างกับคุณจอห์นที่เขาไม่ได้ตกใจในเสียงของพ่อเพราะแม้เขาจะนั่งอยู่ตรงนี้ที่นั่งตรงข้ามกับห้องของแฟรงค์แต่เขาก็เห็นทุกการกระทำของพ่อในห้องนั้นไม่ว่าจะเป็นการปรับที่นอนจัดท่านอนของแฟรงค์ให้หยิบยามาทาตามข้อแขนของแฟรงค์จนจัดการปิดไฟดวงกลางแล้วเปิดโคมไฟเล็กๆที่ตรงโต๊ะโซฟาในห้องนั้น เปิดและปิดประตูอย่างเบามือด้วยกลัวว่าแฟรงค์จะตื่นแล้วค่อยเดินตรงมาที่พวกเขา

     

    “ต่อให้นั่งกันต่อไปแบบนี้จนถึงเช้าพ่อว่ามันก็คงไม่ช่วยอะไรสู้กลับไปนอนเอาแรงแล้วค่อยหาทางกันใหม่ดีกว่า”

     

    “คุณจะอยู่ที่นี่ด้วยกันหรือคุณจะกลับบ้านครับแต่ความจริงมันจะเช้าแล้วคุณอยู่ที่นี่ก็ได้?”

     

    “ผมกลับดีกว่าครับในนั้นนอน 3คนคงไม่พอ”

     

    “งั้นเดี๋ยวผมลงไปส่ง”

     

    “ไม่เป็นไรครับผมไปเองได้”

     

    “ผมจะได้ลงไปซื้อของใช้จากร้านสะดวกซื้อด้านล่างด้วยครับ”

     

    “งั้น ผมลานะครับคุณลุงเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมาใหม่”

     

    การเดินของเราทั้งสองคนถ้าไม่นับจากเสียงที่ส้นเท้าของเรากระทบกับพื้นก็ถือได้ว่ามันเป็นการเดินด้วยกันที่เงียบที่สุดเท่าที่เราสองคนรู้จักกันมา

     

                   “เดฟเขาคงโกรธผม...เขาคงอยากให้ทุกคนรู้ว่าไม่ใช่ว่าเขาคิดสั้นแต่เป็นผมเองนี่แหละที่ทำให้เขาตาย”

     

    ก่อนที่เราสองคนจะเดินไปถึงหน้าประตูทางออกคุณจอห์นก็เอ่ยปากพูดในสิ่งที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นขึ้นมาการก้าวเท้าของเราสองคนจึงช้าขึ้นโดยอัตโนมัต

     

    “เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้วทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นว่าคุณเดฟต้องการให้คุณเปิดเผยตัวเองในตอนนี้ถ้าเป็นแบบนั้นเขาทำตอนไหนก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”

     

    “แต่การชัก...ถ้าเขาไม่ได้ต้องการให้ผมพูดเรื่องนี้เขาจะให้ผมเห็นภาพนั้นอีกทำไม? แม้มันจะเป็นคุณแฟรงค์ที่กำลังชักอยู่นั้นก็ตามแต่มันก็เป็นท่าเดียวกันกับเดฟที่พยายามหายใจเฮือกสุดท้ายของตัวเองผมจำท่าทางนั้นได้ไม่มีวันลืม”

     

                   “แล้วทำไมคนอื่นถึงคิดว่าคุณเดฟฆ่าตัวตายละครับ?”

     

                   “ตอนที่ตำรวจมาสืบสวนถึงสาเหตุการตายผมให้การไปว่าเดฟตกลงมาจากบรรไดด้วยตัวเอง”

     

                   “ทำไม...คุณถึงให้การไปแบบนั้นละครับ?”

     

                   “เพราะแม่ผมบอกกับตำรวจไปแบบนั้นแต่แรกถ้าผมมากลับคำให้การจะกลายเป็นว่าแม่ของผมให้การเท็จทันทีมันก็เลยทำให้ทุกคนคิดว่าเดฟฆ่าตัวตายครับ”

     

                   เปรี้ยงจู่ๆ ก็มีสายฟ้าฟาดผ่าลงมาหน้าทางประตูเข้าออกของโรงพยาบาล เสียงของสายฟ้ามันดังจนเหมือนว่ามันได้เกิดขึ้นที่ข้างหูของเขาทั้งๆที่มันเกิดห่างจากเขาไปตั้งไหลแถมยังมีตัวประตูของโรงพยาบาลกั้นเอาไว้โชคดีที่ทั้งเขาและคุณจอห์นยังเดินไปไม่ถึงจุดนั้นพวกเขาเลยไม่เป็นอันตรายจากภัยธรรมชาตินี้

     

    แต่แล้วขาของพวกเขาทั้งสองที่เดินช้าลงก็กลับกลายมาเป็นหยุดก้าวไปข้างหน้าพวกเขาไม่ได้หยุดเดินเพราะกลัวเสียงหรือแสงจากฟ้าผ่าแต่พวกเขาหยุดเดินเพราะเสียงฝนที่ถูกสาดลงมาอย่างรุนแรงจนกระทบกับกระจกของหน้าประตูโรงพยาบาลเป็นเสียงดังแล้วไหนจะเป็นแรงของลมที่กำลังพัดหอบเอาทุกสิ่งอย่างไม่ว่าจะเป็นใบไม้หรือรวมไปถึงถังขยะใบเล็กปลิวให้ว่อนนั้นอีก

     

                   “สงสัยว่าพายุจะเข้านะครับเมื่อเช้าก็ไม่ได้ดูพยากรณ์อากาศเสียด้วย”

     

    “คุณคงกลับไปสภาพนี้ไม่ได้แน่พักที่นี่แล้วกันครับอีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว”

     

    “งั้นผมขอรบกวนด้วยนะครับ”

     

    ระหว่างที่เดินกลับขึ้นไปที่ห้องพักเขามีคำถามนึงที่ลอยอยู่ในความคิดของเขาตั้งแต่ตอนที่เขาได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับการตายของคุณเดฟรวมถึงการปิดบังทั้งหลายนั่นเขาคิดทบทวนอยู่หลายอย่างว่าเขาควรจะถามดีไหมเขารู้ว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของเขาและต่อให้เขารู้คำตอบเขาก็ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้เขาถึงได้พยายามยั่งคำถามของตัวเองเอาไว้แต่ทันทีที่เขาได้เห็นความอ่อนล้าของพ่อที่สะสมมาตั้งแต่เดินทางแต่ต้องมาดูแฟรงค์ต่อโดยทันทีได้เห็นรอยแผลที่ข้อมือของแฟรงค์ที่เริ่มขยายเป็นวงกว้างที่ใหญ่ขึ้นคำถามนั้นก็หลุดออกไปจากความคิดของเขา

     

                   “แล้วถ้าคุณเดฟต้องการให้คุณพูดเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆคุณจะสามารถทำมันให้เขาได้ไหม?”

     

                   เปรี้ยงเขาไม่รู้ว่าคุณจอห์นตอบว่าอะไรเพราะเสียงฟ้าผ่าครั้งที่สองนี้มันดังกว่าครั้งแรกมากแถมมันยังทำให้ไฟในโรงพยาบาลตกลงไปช่วงเสี้ยววินาทีก่อนที่ไฟสำรองของโรงพยาบาลจะถูกนำขึ้นมาใช้ความโกลาหลของพายุมันกลบเสียงคำตอบของคุณจอห์นไปจนหมดรวมไปถึงอารมณ์ของเขาที่ไม่ได้คิดว่าคำตอบนั้นมันสำคัญอีกต่อไปแล้ว

     

                   ก่อนนอนเขามองออกไปที่นอกหน้าต่างสายฝนที่รุนแรงประกอบกับความมืดของท้องฟ้าให้เขาไม่เห็นตึกรามบ้านช่องแบบที่เขาเคยเห็นมองอะไรก็ยากไม่ง่ายเหมือนตอนที่ฟ้าสว่าง

     

    แต่อย่างน้อยในความบ้าคลั่งของพายุลูกนี้ถ้าเขาตั้งใจมองออกไปดีๆเขาก็ยังเห็นว่ามันมีแสงสว่างส่องอยู่ไม่ไกล มันคงเป็นแสงไฟมาจากเสาไฟที่อยู่ที่ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลสักต้นแม้จะไม่ใช่แสงสว่างที่มากแต่อย่างน้อยในค่ำคืนที่มืดมิดนี้เขายังสามารถเห็นว่าเม็ดฝนและลมมันถูกพัดไปทางไหนถ้าเขาต้องออกไปเผชิญกับฝนเขาคงเดินได้ถูกทาง

     

                    

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in