เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Novelber 2017fdfeefa
Day 11 ผ้าปูโต๊ะ
  • Day 11 ผ้าปูโต๊ะ

    “แฟรงค์”

    “สวัสดีลิส”

    “ทำไมจะมาหาแล้วไม่บอกกันก่อนฉันจะได้ลงมาเร็วกว่านี้”

    “ไม่เป็นไร ผมก็เพิ่งมาไม่นาน”

    หลังจากที่เมื่อวานเขาได้พูดคุยกับพ่อของทอมเขาก็กลับไปนั่งคิดทบทวนกับตัวเองกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด วันนี้หลังจากเลิกงานเขาจึงตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาไม่ใช่วิ่งหนีมันแล้วเอาทอมมาอ้างอย่างที่ผ่านมา

    “นายลงทุนมารอฉันที่บริษัทแบบนี้แสดงว่านายพร้อมที่จะพูดเรื่องของเราแล้วใช่ไหม?”

    “ใช่”

    “งั้นเราจะพูดเรื่องนั้นที่ไหนกันดี? ที่บ้านของฉัน? จะให้ฉันโทรบอกพ่อกับแม่ฉันเลยไหม?”

    “ก่อนที่จะเข้าเรื่องของเรา ผมอยากชวนคุณไปซื้อของกับผมก่อน ไม่รู้ว่าคุณพอไหวไหม?”

    “ซื้ออะไรเหรอ?”

    “ผ้าปูโต๊ะครับ”

    “ผ้าปูโต๊ะ?”

    “ใช่แค่ผ้าปูโต๊ะเท่านั้น”

    “ได้สิแค่เลือกผ้าปูโต๊ะเอง”

    หลังจากตอบตกลงเรียบร้อยเขาขับรถพาลิสไปที่ร้านที่ขายของชุดตกแต่งบ้านโดยเฉพาะ พอไปถึงที่ร้านพวกเขาทั้งสองคนก็เดินตรงไปที่ชั้นของผ้าต่างๆ

    “ฉันรู้แล้วว่าทำไมนายถึงชวนฉันมาเลือกไม่ถูกละสิ ไม่เป็นไรฉันเลือกเก่งไว้ใจฉัน ว่าแต่ขอดูรูปโต๊ะของนายหน่อยสิ?”

    เขาหยิบมือถือขึ้นมาเปิดรูปโต๊ะที่เป็นโต๊ะหกเหลี่ยมที่ถูกตั้งเอาไว้ติดกับประตูของตอนเข้าบ้านขนาดปานกลางบนโต๊ะนั้นมีแจกันประดับอยู่หนึ่งอันให้ลิสดู ลิสก้มมองรูปนั้นเพียงไม่นานเธอก็พยักหน้ารับและบอกให้เขาปิดรูปนี้ลงได้

    “ว่าแต่นายอยากได้สีประมาณไหนละมีคิดเอาไว้ในใจไหม?”

    “ไม่มีผมขอแค่มันเข้ากับโต๊ะและโทนบ้านก็พอ”

    “โอเค งั้นฉันเลือกเลยนะ”

    “อะหะ”

    ลิสเดินตรงไปมุมที่มีผ้าม้วนผืนใหญ่วางโชว์อยู่แล้วค่อยๆ หยิบเลือกทีละชิ้นแต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่มีอยู่ที่มุมนั้นมันไม่สามารถทำให้ลิสพอใจได้ลิสเธอจึงเรียกพนักงานมาเพื่อที่จะขอดูตัวอย่างของเนื้อผ้าที่มีขนาดที่กว้างพอที่จะปูไปที่โต๊ะได้เพิ่มเติม

    ยิ่งเรียกดูตัวเลือกก็ยิ่งมากขึ้นมือถือของเขาที่ถูกเก็บลงไปในตอนแรกมันถูกเรียกหาและให้เปิดรูปขึ้นมาดูอีกหลายครั้งจนตอนนี้มือถือของเขาได้ไปในมือของลิสเพื่อเปิดรูปเปรียบเทียบโทนสีให้เข้ากับบ้านเป็นที่เรียบร้อย

    “เอาผืนนี้แหละค่ะ” เขาเหลือบดูนาฬิกาที่ข้อมือเขาจึงรู้ว่าลิสใช้เวลาผ่านไปมากกว่าสองชั่วโมงกว่าที่ลิสจะสามารถเลือกผืนที่รู้สึกถูกใจและลูกสึกว่ามันเข้ากับโต๊ะตัวที่เธอเห็นได้

    “คุณหิวข้าวรึยัง?”

    “หิวมาก งั้นเราจะทานที่ร้านใกล้ๆ หรือว่าเราจะซื้อไปทานที่บ้านกันดี?”

    “แถวนี้แล้วกันแล้วเราค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน…ผม”

    ตลอดระยะเวลาของการทานมื้อค่ำไปจนถึงตลอดทางของการเดินทางมาที่บ้านหูของเขาจะฟังเรื่องราวของแผนการที่ถูกวางเอาไว้จากปากของลิส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานแต่งว่าจะจัดที่ไหน เมื่อไหร่ เรื่องของลูกรวมไปถึงที่อยู่หลังการแต่งงาน

    “อย่างบ้านหลังนี้ถ้านายชอบมันเราจะอยู่ที่นี่ก็ได้นะฉันย้ายออกมาเอง”

    “บ้านหลังนี้ผมกับทอมช่วยกันผ่อนมา”

    “งั้นนายก็ขายแล้วแบ่งเงินกันแล้วยังไงไปอยู่คอนโดฉันก่อนก็ได้ถ้าไม่พร้อมซื้อที่ใหม่”

    “เข้ามานั่งข้างในก่อนสิผมอยากให้คุณลองปู ‘ผ้าปูโต๊ะ’ ที่เพิ่งซื้อมาดูนะ คุณอยากปูเองหรือให้ผมทำ”

    “ฉันทำเองก็ได้ เป็นคนเลือกขอเป็นคนปูด้วยแล้วกัน ว่าแต่ทำไมอยู่ดีๆ เกิดอยากปูมันขึ้นมาละความจริงแค่มีแจกันประดับเอาไว้แค่นี้ก็สวยดีอยู่แล้วนะ”

    “ผมแค่อยากให้คุณเห็นอะไรนิดหน่อยนะ”

    “เห็นอะไร?”

    แม้ว่ามือของเธอยังคงจัดผ้าปูโต๊ะให้เรียบร้อยแต่ใบหน้าของเธอนั้นกำลังหันกลับมามองที่เขาด้วยสายตาที่เริ่มมีความกังวลฉายอยู่ในนั้น

    “ลิสคุณว่าผ้าปูโต๊ะที่คุณเลือกมันสวยไหม?”

    “สวยสิถ้าไม่สวยฉันจะเลือกมาทำไม”

    “คุณลองมายืนที่ตรงผมยืนดูสิ”

    ลิสค่อยๆ เดินถอยห่างออกมาจากโต๊ะตัวนั้นที่ตอนนี้ถูกประดับด้วยผ้าปูโต๊ะที่ใครๆ ก็มักจะคิดว่ามันเป็นของที่คู่กันโดยที่มีแจกันประดับอยู่ทางด้านบนทับลงไป

    “คุณว่ามันยังสวยอยู่ไหม?”

    “นี่มันอะไรกันแฟรงค์ ทำไมนายต้องสนใจกับไอ้ผ้าปูโต๊ะกับโต๊ะตัวนี้มากมายไหนนายว่าคุณจะพูดเรื่องของเรา?”

    “ผมพูดแน่แต่คุณลองตอบข้อนี้ให้ผมหน่อยจะได้ไหม?”

    เธอยอมฟังที่เขาพูดโดยการที่มองไปรอบที่เธอกำลังยืนอยู่อีกครั้ง

    “จะว่าไปมันก็ไม่สวยอะมันดูไม่เข้ากับห้อง เอาจริงถ้าไม่มีเหมือนเดิมก็น่าจะสวยกว่าแบบนี้ ตอนนี้มันเยอะไปหมดดูอึดอัดไหนจะแจกันไหนจะผ้าม่านที่ใกล้กันนั้นอีก”

    “มันก็เหมือนกับเรื่องของเรานั้นแหละ”

    เธอเงียบไปเพียงครู่ก่อนที่จะเอ่ยพูกอีกครั้ง

    “แต่ แต่มีผ้าปูโต๊ะอยู่ยังไงซะมันก็ดูดีแม้จะไม่เข้าไปบ้างเพราะมันคือของคู่กันไง”

    “ของที่ใช้คู่กันไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีเสมอกันบางครั้งการไม่มีอาจจะดูสบายตามากกว่า”

    “แฟรงค์!! นายว่าฉันเหรอ?”

    “ผมไม่ได้ว่าคุณ ผมแค่อยากเปรียบให้คุณเห็นว่าโต๊ะตัวนี้มันมีแจกันประดับเอาไว้อยู่แล้วและมันก็เข้ากับห้องนี้มากกว่าผ้าปูโต๊ะผืนนั้น”

    “ถ้าจะพูดเรื่องนี้ฉันขอกลับก่อนดีกว่า”

    “ลิสผมถามหน่อยว่าถ้าคุณไม่ได้ท้องคุณเคยมีความคิดถึงขั้นจะแต่งงานกับผมรึเปล่า? คุณเคยอยากคิดจะคบกับผมไหม?”

    “ฉันคิดสิก็ฉันเคยบอกแล้วไงว่าฉันชอบคุณตั้งแต่แรกแล้ว” เธอหยุดคิดไปเพียงครู่ก่อนที่จะตอบคำถามของเขาออกมา

    “แล้วหลังจากคุณรู้ว่าผมมีแฟนอยู่แล้วละ?”

    “แต่แฟนคนนั้นไม่เหมาะกับนาย แฟรงค์ถ้านายคบกับฉันนายก็ไม่จำเป็นที่ต้องกังวลเรื่องชีวิตรักของนาย”

    “ถ้าไม่พูดเรื่องความเหมาะแล้วพูดถึงเรื่องความรักละ คุณรับได้ไหมที่จะมีผมอยู่ในชีวิตแต่ใจของผมไม่ได้อยู่ที่คุณเลย”

    “ฉัน…”

    “เรื่องลูกไม่ต้องห่วงนะยังไงผมก็ไม่มีวันที่จะทิ้งเขา เขาคือส่วนนึงของผม ผมพร้อมที่จะเป็นพ่อทำหน้าที่ตรงนั้นและผมก็จะดูแลเขาเต็มความสามารถที่ผมมี แต่สำหรับเรื่องของเราผมคงต้องขอบอกตรงนี้ว่ามันไม่มีวันเป็นไปได้ผมรักคนของผมมากจริงๆ คุณเองถ้าเปิดใจก็น่าจะรู้ตรงนี้ดีว่าเรื่องของเรามันคืออะไรและเกิดขึ้นได้อย่างไร”

    “…”

    “อีกอย่างต่อให้ผมไปอยู่กับคุณผมก็อยู่ได้แค่ร่างกายของผมแต่ในใจของผมคงคิดถึงเขาเสมอ”

    “…”

    “ถ้าคุณเห็นด้วยกับผม ผมก็พร้อมเสมอที่จะนั่งลงคุยกันเรื่องลูกเราสามารถวางแผนเรื่องลูกด้วยกันได้”


    ลิสเดินออกไปจากบ้านของเขาแล้วเธอกลับไปโดยที่ยังไม่ได้บอกกับเขาว่าจะสามารถรับข้อเสนอของเขาได้ไหม? เขาก็ได้แต่หวังว่าลิสจะเก็บเรื่องเอาผ้าปูโต๊ะผืนนั้นที่เขาพับเก็บลงตู้ไปแล้วเอาไปคิดและเข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามจะอธิบายกับเธอ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in