เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storychmppkml
วรรณคดีคาราเกะ
  • ถ้าพูดถึงคำว่า "วรรณคดีไทย" ขึ้นมา ใครหลายคนคงคิดถึงตำราหนาๆ ตัวหนังสือยาวเป็นพรืด สำนวนกลอนที่อ่านแล้วไม่ค่อยจะเข้าใจกันใช่ไหมล่ะ แต่...! หลังจากนี้ วรรณคดีจะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป เมื่อเราสามารถนำวรรณคดีมามิกซ์แอนด์แมทช์กับเพลงสมัยปัจจุบัน ถ้าเราอินเพลงฮิตติดกระแสได้ ทำไมเราจะทำความเข้าใจวรรณคดีไม่ได้ล่ะ


    - คณะผู้จัดทำ กลุ่มไก่แก้วห้าดาว 

    มนุษย์ห้าคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวกับวิชาวรรณคดีไทยมาบ้างแล้ว


    (ว่าด้วยเรื่องของชื่อบทความ-- ก็คือคำว่าวรรณคดีกับคาราโอเกะแปะต่อกัน แต่พวกเรากลุ่มไก่แก้วห้าดาว อยากคุมโทนชื่อเรื่องให้เข้ากับชื่อกลุ่มหน่อย เลยกลายเป็น วรรณคดีคาราเกะ ฉะนี้แล)



    1. คุณเคยแอบมองใครไหม?


    เพลงฮิตสดใสอย่างคุกกี้เสี่ยงทายที่มีท่อนฮิตติดหูที่ใครๆ ก็ร้องตามกันได้อย่าง “แอบมองเธออยู่นะจ๊ะแต่เธอไม่รู้บ้างเลย”ซึ่งตรงใจใครหลายคนที่กำลังแอบรัก แล้วคุณรู้ไหมว่าธรรมชาติของคนแอบรักเนี่ย มักจะชอบแอบมองคนที่สนใจ ซึ่งเรื่องแบบนี้ใครๆก็เป็นกันและก็มีมาตั้งนานแล้วด้วย อย่างรูปที่เห็นอยู่นี้มาจากเรื่องอิเหนาตอนบุษบาเสี่ยงเทียน


                                                      เมื่อนั้น                ระเด่นมนตรีศรีใส

                                       จึงขับโยธาเสนาใน             วิ่งซอกซอนไปตามลำพัง

                                       พระโฉมยงกับองค์อนุชา     ประสันตาผู้ร่วมฤทัยหวัง

                                       วิ่งเข้าในวิหารซ่อนบัง         แอบหลังพระปฏิมากรฯ


                                                      เมื่อนั้น                 พระสุริย์วงศ์พงศ์อสัญแดหวา

                                       ได้ฟังมธุรสพจนา                 จึงตอบวาจาไปพลัน

                                       อันนางบุษบานงเยาว์           จะได้แก่อิเหนาเป็นแม่นมั่น

                                       จรกาใช่วงศ์เทวัญ                แม้นได้ครองกันจะอันตราย


                                                      เมื่อนั้น                  องค์มะเดหวีโฉมฉาย

                                       กับพี่เลี้ยงไม่แจ้งแห่งอุบาย   ก็ตื่นตายยินดีเป็นพ้นนัก

                                       เกิดมาไม่ได้ยินใครลือเล่า     พระเป็นเจ้ากล่าวคำให้ประจักษ์

                                       ชะรอยว่าบุญของลูกรัก         เห็นเที่ยงแท้นักไม่สงกา


    ฉากนี้เป็นฉากที่อิเหนาซึ่งหลบอยู่ในถ้ำหลังองค์พระปฏิมากำลังแอบมองบุษบาเสี่ยงเทียนทำนายอยู่ว่า ตนจะได้คู่กับอิเหนาหรือจรกา พออิเหนาได้ยินคำถามนั้นก็ตอบกลับไปว่า คู่กับอิเหนาสิ ทำให้เหล่าพี่เลี้ยงและมะเดหวีต่างก็ตกใจ เพราะคิดว่าเป็นเสียงของพระปฏิมา (และคิดว่าเพราะบุษบามีบุญพระปฏิมาจึงตอบ แต่จริงๆแล้วพระปฏิมาคืออิเหนาที่แอบมองบุษบาอย่างเนียนๆ ไม่มีใครรู้ใครเห็น) เห็นไหมว่าเพลงในสมัยนี้ก็เข้ากันได้ดีกับวรรณคดีสมัยก่อน BNK48 กับอิเหนาก็ไปด้วยกันได้


    > คุกกี้เสี่ยงทาย - BNK48 www.youtube.com/watch?v=mfqJyKm20Z4


    2. คุณเคยเสี่ยงทำอะไรลงไป ทั้งๆ ที่รู้ผลลัพธ์อยู่แล้วไหม


    เคยไหมตอนทำข้อสอบแต่ไม่รู้คำตอบ เลยเสี่ยงเขียนไปทั้งๆที่รู้ว่ามันผิดแต่ก็ดีกว่าปล่อยให้กระดาษขาวโพลนส่งอาจารย์ไป หรือเคยไหมแอบชอบใครทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีหวัง แต่ก็พยายามพิชิตใจเขาหรือเธอคนนั้น ก็เหมือนกับพระลอแหละ แต่เรื่องของพระลอถึงขั้นเป็นหรือตายเท่านั้นเอ๊งงง


    เรื่องราวของลิลิตพระลอในฉากที่เห็นอยู่นี้คือตอนพระลอเสี่ยงทายที่แม่น้ำกาหลง โดยพระลอกำลังเสี่ยงทายอธิษฐานว่า หากตนสามารถเดินทางไปหาพระเพื่อนพระแพงและกลับไปเมืองของตนได้โดยสำเร็จ ขอให้กระแสน้ำไหลไปตามปกติ แต่หากการเดินทางครั้งนี้มีอันเป็นไป ขอให้น้ำไหลวนอยู่ข้างหน้า ซึ่งเป็นการเสี่ยงทายที่แอบเข้าข้างตัวเองอยู่นิดๆ ว่าผลลัพธ์น่าจะเป็นไปตามที่หวัง เพราะปกติน้ำต้องไหลไปตามกระแสอยู่แล้ว เหมือนแค่ทำให้ตนมั่นใจขึ้นก็เท่านั้น แต่ทว่า…!! น้ำกลับไหลเวียนวนหน้าพระลอจ้า ยังไม่พอ น้ำในแม่น้ำยังเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนเลือดอีกด้วย


                                              มากูจะเสี่ยงน้ำ              นองไป ปรี่นา

    น้ำชื่อกาหลงไหล                      เชี่ยวแท้

    ผิวกูจะคลาไคล                         บรอด คืนนา

    น้ำจุ่งเวียนวนแม้                      รอดไส้จงไหล

    ครั้นวางพระโอษฐ์น้ำ                เวียนวน อยู่นา

    เห็นแก่ตาแดงกล                      เลือดย้อม

    หฤทัยระทดทน                         ทุกข์ใหญ่ หลวงนา

    ถนัดดั่งไม้ร้อยอ้อม                    ท่าวท้าวทับทรวง


    พระลอมองแล้วรู้เลยว่ายังไงก็ไม่รอด แต่ก็ยังจะไปเพราะมาขนาดนี้ก็ถอยกลับไม่ได้แล้ว ได้แต่ท่องในใจว่า “รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง”


    > เล่นของสูง - BIGASS www.youtube.com/watch?v=bAQw8ZS_0kg




    3. เคยไหมที่ความเหงาทำให้คิดถึงใครบางคนขึ้นมา


    ทุกคนคงเคยมีอารมณ์เหงา แล้วในห้วงเวลานั้นคุณอาจคิดถึงใครบางคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต คนที่เคยมีความทรงจำดีๆร่วมกัน และยิ่งดึกยิ่งเงียบอยู่ตัวคนเดียวก็ทำให้ยิ่งเหงาขึ้นไปอีก อาการนี้เป็นอาการเดียวกับขุนแผนในเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง โดยเรื่องมีอยู่ว่า ขุนแผนทะเลาะกับวันทองเรื่องลาวทอง(เมียใหม่ของขุนแผน) ขุนแผนโกรธมากเลยทิ้งและไม่สนใจนางวันทองอีก ส่วนตนก็กลับไปกับนางลาวทอง แต่ต่อมาขุนช้างไปฟ้องพระพันวษาว่า ขุนแผนอู้งาน ทำให้พระพันวษาพาตัวนางลาวทองกลับไปในวังเพื่อลงโทษขุนแผน และในคืนนั้นที่ขุนแผนกำลังนอนเหงาคิดถึงลาวทอง คิดไปคิดมาก็โกรธขุนช้างที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ และก็เริ่มคิดถึงใครคนหนึ่งที่อยู่กับขุนช้างนั่นก็คือ นางวันทองนั่นเอง


                                             นอนเดียวเปลี่ยวใจไม่มีคู่  ทุกฤดูตรอมใจให้หมองหมาง

                                 หน้าร้อนร้อนใจดังไฟฟาง             หน้าฝนฟ้าครางรำพึงครวญ

                                 หน้าลมลมแล่นตลอดจิต                ปกปิดผ้าห่มยิ่งโหยหวน

                                 จากเมียเสียใจให้รัญจวน               เสียดายนวลลับหน้าไปกว่าปี

                                 เพลากลางคืนสะอื้นอ้อน                จะหลับนอนขุ่นข้องยิ่งหมองศรี

                                 พลิกกลับก็ไม่หลับสนิทดี                สักกี่ปีลาวทองน้องจะมา


                                             ยามกินก็จะกินแต่น้ำตา     เฝ้าครวญคร่ำร่ำหาเวลาดึก

                                 จะแสนคิดเช้าค่ำเฝ้ารำลึก             ตรึกแล้วเคืองขุ่นให้มุ่นใจ

                                 โอ้ว่ากรรมทำไว้ไฉนหนอ              มาเกิดก่อวิปริตผิดไปได้

                                  จะมีมิตรก็ให้เชือนผิดเพื่อนไป      หย่อนให้กลับเหิมข่มเหงทำ

                                  แสนแค้นเคืองใจไอ้ขุนช้าง           ใจกระด้างกระเดื่องคิดให้ผิดส่ำ

                                  มันชิงวันทองไปอ้ายใจดำ             แต่สักคำมิได้ว่าให้เคืองใจ


    ด้วยความเหงาจับใจขุนแผนเลยตัดสินใจบุกเรือนขุนช้างเพื่อชิงวันทองกลับมา เพราะความเหงานี่เองที่ทำให้รู้ใจตัวเองเสียที (แหม่ แต่ก่อนหน้านี้ตอนมีลาวทองก็ไม่เคยคิดถึงวันทองเลย พอวันทองไม่อยู่ ต้องนอนเหงาคนเดียวกลับค่อยคิดถึงวันทองขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าถ้าไม่เหงาขุนแผนจะคิดถึงวันทองไหม) 


    >เหตุเกิดจากความเหงา - Emotion Town www.youtube.com/watch?v=iGVeFDyhxA0



    4. เคยรู้สึกไหมว่า ความรักไม่เข้าใครออกใคร


    สำหรับความรักนั้น บางครั้งที่เราชอบใคร เขาก็ไม่รักเรา หรือบางครั้งที่มีคนมารักเรา แต่เราก็ไม่มีความรู้สึกให้กับเขาหรือเธอคนนั้นแม้แต่นิดเดียว ความรักและความรู้สึกของหัวใจ ไม่ใช่สิ่งที่จะบังคับกันได้ เช่นเดียวกับความรักที่ออกแบบไม่ได้ของซมพลา ลำหับและฮเนา ตัวละครจากเรื่องเงาะป่า ที่ซมพลาและฮเนาต่างก็รักผู้หญิงคนเดียวกันซึ่งก็คือลำหับ เรื่องมันเศร้าสำหรับฮเนาตรงที่ ลำหับเป็นคู่หมั้นของตนแต่ในใจลำหับกลับมีแต่ซมพลา ทำให้ลำหับหนีตามซมพลาไป แต่ฮเนากลับคิดว่าซมพลาลักพาตัวลำหับไปจึงออกตามหาลำหับ ระหว่างทางฮเนาได้พบกับมือซังกับวังคอนซึ่งหญิงแก่ทั้งสองคนนั้นมีใจให้ตน แต่ตนรักเพียงแต่ลำหับ ทำให้ฮเนาคิดขึ้นมาได้ว่า ความรักเป็นสิ่งประหลาด คนที่ไม่ได้หมายปองก็มารัก แต่อีกคนที่รักแทบตายกลับห่างเหินออกไป ดังคำกลอนที่ว่า


                                      เมื่อนั้น                                  ฮเนานึกประหลาดอนาถจิต

                             สงสารสองนางจริงหยุดนิ่งคิด         มาหมายผิดเออนี่กรรมทำกระไร
                             จะแจ้งความตามสัตย์ตัดสวาท        ไหนสองนาฏนางจะหยุดสุดวิสัย

                             จึงปลอบโยนสองนางให้สร่างใจ      แล้วอำลาครรไลเข้าในดง

                                      เดินพลางทางตรึกนึกก็ขัน      ดูเหมือนฝันอนาถจิตพิศวง

                             นางที่เราจงจิตคิดจำนง                   เกือบได้คงคู่แล้วกลับแคล้วไกล

                             ส่วนนารีที่มิได้เคยนึกฝัน                 มาหมายมั่นจงจิตพิสมัย

                             เออโลกนี้นี่มันเป็นอย่างไรไป           จึงดลให้ไขว้เขวเล่ห์ดังนี้


    ความคิดของฮเนานี้ แสดงถึงคติความรักที่เป็นสากล ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ความจริงข้อนี้ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไป ดังที่เห็นได้จากเรื่องเงาะป่าที่เขียนในสมัย ร.5 (พ.ศ.2448) และในสมัยปัจจุบันก็มีเพลงให้ตายสิพับผ่าของแสตมป์ที่นำเสนอคติความรักนี้ผ่านท่อนที่ว่า “ฉันชอบใครเขาก็ไม่ชอบฉัน พอเขามาชอบเรา เราก็ไม่ชอบเขาเหมือนกัน ความรักมันประหลาดไม่ค่อยมีโอกาสเกิดขึ้นพร้อมกันสักที”


    > ให้ตายสิพับผ่า - STAMP www.youtube.com/watch?v=H_1bYgbU5Cw


    จะเห็นได้ว่า วรรณคดีไทยที่แต่งกันมาตั้งแต่อดีตกับเพลงไทยในสมัยปัจจุบันไปด้วยกันได้ การเชื่อมโยงเหตุการณ์ในวรรณคดีเข้ากับเนื้อเพลง ทำให้รู้สึกสนุก ตลกขบขัน และยังทำให้เราจดจำเหตุการณ์ได้โดยไม่ต้องท่องจำ เพียงแค่นำวรรณคดีที่ดูเหมือนไกลตัวมาเชื่อมโยงกับของใกล้ตัวอย่างเพลงสมัยใหม่ ทำให้ไม่รู้สึกว่าวรรณคดีเป็นของที่ห่างเหินหรือเข้าถึงยาก หากแต่เป็นของที่สามารถเข้าถึงได้ในชีวิตประจำวันเช่นกัน

    ________________________

    บทความนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพจคาราโอเกะชั้นใต้ดิน
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in