เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ก่อนตะวันรอนngamdokbua
นวนิยายเรื่อง : ก่อนตะวันรอน ตอนที่ 20 : ทางหลายแพร่ง
  • นวนิยายเรื่อง : ก่อนตะวันรอน

    ตอนที่ 20 : ทางหลายแพร่ง


    ณ บริเวณลานวัดบ้านดอนผักหวาน ผู้คนเริ่มทยอยกันมาร่วมงานฝั้นสายสิญจน์บ้างแล้ว บรรดาผู้ใหญ่ก็มีบ้างประปราย ดู ๆ ไปเหมือนมาเพราะหน้าที่บังคับมากกว่าแถมอยู่กันคนละมุมวัดอีก บรรยากาศช่างแตกต่างจากเมื่อยี่สิบปีก่อนมาก ๆ ผู้คนก็เดิม ๆ จะมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาก็ลูกหลานชาวดอนผักหวานทั้งนั้น ลานวัดที่เคยเป็นที่วิ่งเล่นของเด็ก ๆ ลานวัดที่เคยเป็นที่ชุมนุมของผู้ใหญ่ บรรยากาศแบบนั้นมันหายไปไหนกัน

    สมาชิกที่ต้องเข้าพิธีฝั้นสายสิญจน์เหลือกันไม่กี่คน เพราะลูกหลานชาวดอนผักหวานรุ่นนี้มีไม่เยอะ หลังจากทักทายถามไถ่กันพอรู้ความว่าเพื่อนบางคนก็ตายจากกันไปแล้ว

    “เริ่มงานหล่ะไป๊จ้าถ้านางแน”

    เสียงเล็กแหลมดังมาจากประตูทางเข้าศาลาเพราะความตั้งใจของเจ้าของเสียง ทำเอาทุกคนที่อยู่ในศาลาวัดต้องหันหน้ามาดูว่าเป็นใคร

    “นกแก้ว” เดอลาพึมพำเบา ๆ พร้อมกับหันหน้าไปสบตากับกรีนนี่ ที่จ้องมองมาทางเธอก่อนหน้านี้แล้ว ก่อนที่จะพยักหน้าให้กันเพื่อยืนยันว่านั่นคือนกแก้วจริง ๆ

    ส่วนแสงก็มองนกแก้วตาไม่กะพริบเหมือนกัน ถึงเธอจะสวมชุดขาวเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ แต่ก็ดูออกว่าเธอดูแลผิวพรรณอย่างดี จมูกแหลมได้รูปรับกับใบหน้าเล็กเรียวตามสมัยนิยม นกแก้วดูสวยสะโอดสะองถูกใจเขาเลย ซึ่งผิดกับกบที่แค่ได้ยินชื่อนกแก้วก็ไม่อยากได้ยิน เพราะนกแก้วทำให้เขาช้ำรักจนเสียผู้เสียคนเรียนก็ไม่จบ เพียงเหตุผลที่ว่าเขาไม่รวยพอ แต่ตอนนี้คนที่เสียใจไม่ใช่เขาแน่นอนเพราะเขาได้กลายเป็นพ่อเลี้ยงใหญ่ในย่านนี้ไปแล้ว

    “ไอ้แสงมึงมองเขาตาเยิ้มเลยนะมึง ช่วยให้เกียรติชุดขาวที่ใส่หน่อยได้ไหมวะ”

    กรีนนี่กระซิบแสงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แสงไม่ตอบแต่ก็อดขำท่าทางของกรีนนี่ไม่ได้

    “อ้าว ๆ มากันครบเหมิดแล้วน้อ เตรียมโตเด้อพากันสงบจิตสงบใจพ่อตู้สิพาอาราธนาศีลแปด คันสวดบ่ได้กะเปิดหนังสือสวดมนตร์เบิ่งนำ”

    ตานายผู้รับหน้าที่เป็นมัคนายกวัด ได้พาทุกคนอาราธนาศีลและอาราธนาธรรม นอกจากคนที่จะเข้าพิธีฝั้นสายสิญจน์ก็มีผู้เฒ่าผู้แก่ที่ตามยายของแม่ขาวม่านฟ้ามา ซึ่งตอนนี้ท่านบวชเป็นแม่ชีแล้ว และที่หมู่บ้านก็มีแต่ตานายที่เป็นมัคนายกวัดและยายเผื่อนเมียของตานายเท่านั้นที่มาขอถือศีลแปดด้วย


    หลังจากที่ทุกคนขอสมาทานศีลแปดสวดมนต์แผ่เมตตาเรียบร้อยแล้วก็ได้แยกย้ายกันเข้าที่พัก ที่หลวงตาได้พาชาวบ้านทำเตรียมไว้ให้ โดยทำเป็นสองกระโจมใหญ่ ๆ แยกไว้สำหรับพ่อขาวและแม่ขาวคนละกระโจม

    ถึงแม้ว่าพิธีฝั้นสายสิญจน์จะจัดขึ้นในกลางเดือนเมษายน ซึ่งนับว่าเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดของประเทศไทยแล้ว แต่ภายในบริเวณวัดดอนผักหวานแห่งนี้ยังหลงเหลือต้นยางนาอยู่หลายต้น จึงให้ทั้งความร่มรื่นและความเย็นสบายสำหรับผู้ที่เข้ามาในบริเวณวัดไม่น้อย กระโจมใหญ่ทั้งสองกระโจมนี้นอกจากจะถูกจัดไว้ใต้ต้นยางแล้ว ตัวกระโจมยังทำจากไม้ไผ่สานจากร้านลุงคำอีกด้วย ทั้งสวยงามและยังถ่ายเทอากาศได้ดีทีเดียว

    ขณะที่ทุกคนกำลังจับจองมุมภายในกระโจมสำหรับไว้พักตลอดระยะเวลาที่ต้องทำพิธีฝั้นสายสิญจน์ นกแก้วก็ดูท่าทางจะเรื่องมากว่าเพื่อน เพราะของใช้ส่วนตัวที่เธอเตรียมมานั้นค่อนข้างเยอะ ที่สำคัญนกแก้วไม่อยากอยู่ใกล้ใครมากเกินไป โดยให้เหตุผลว่าหายใจไม่ค่อยออก

    “เรื่องมากเนาะซุมผู้ดีหนิ” สาวติ่งเพื่อนรุ่นเดียวกันกระแนะกระแหนนกแก้ว หลังจากที่ทนอีกฝ่ายเรื่องมากไม่ยอมหยุดเสียที


    “นกแก้วมานอนข้าง ๆ เฮากะได้ที่ว่างอยู่” เดอลาลองเอ่ยชวนเพื่อน ที่ครั้งหนึ่งพวกเธอเคยสนิทกันมาก ๆ แต่หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานเดอลาก็ไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอคนนี้ยังเหมือนเดิมอีกไหม

    “เฮาอยู่ฝั่งทางในเด้อทางนอกคนหลายรำคาญคนหย่างไปหย่างมา” ว่าแล้วนกแก้วก็ยกกระเป๋าใบเบ่อเริ่มมาวางไว้ข้าง ๆ ที่ของเดอลา

    “เดี๋ยวเฮาออกไปถ่าทางนอกเด้อนกแก้วสิได้เวลาโฮมแล้ว”

    “อืมเดี๋ยวนำก้นไป”

    บนศาลาวัดมีบรรดาเพื่อนผู้ชายของเดอลารวมถึงกรีนนี่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทุกคนนุ่งขาวห่มขาวและหลังจากที่ขอสมาทานศีลแปดก็ถือว่าเป็นพ่อขาวอย่างเต็มตัวส่วนผู้หญิงก็เป็นแม่ขาว

    “เว้าหยังกันอยู่น้อคือเป็นตะม่วนแท้? ” เดอลาเอ่ยถามเพื่อน ๆ หลังจากที่เห็นท่าทีของแต่ละคนดูตื่นเต้นมาก ๆ

    “มา ๆ แม่ขาว กำลังเว้าเรื่องชมรมที่เฮาเคยชวนกันว่าสิเฮ็ดแหม”

    “ชมรมอิหยังคือบ่หล่ะ? ” นกแก้วพูดแทรกขึ้นมากลางวงทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ฟังรายละเอียดที่มาที่ไปก่อนหน้านี้ว่าเพื่อน ๆ พูดอะไรไปบ้างแล้ว

    “กะจังสิหล่ะ มูเสนออิหยังขึ้นมามีแต่ค้านไว้ก่อนเลยนิสัย” กบพูดกระแทกเสียงโดยไม่มองหน้านกแก้ว

    “อ้าว เว้าแนวนี่มันหาเรื่องกันหนิหว่า”

    “พอ ๆ นกแก้ว นี่พวกเฮาถือศีลอยู่นะ” เดอลาติงนกแก้วก่อนที่จะขอร้องให้กรีนนี่ช่วยสรุปที่มาที่ไปของเรื่องราวที่ต้องการรวมตัวกันจัดตั้งชมรมให้เพื่อนฟัง

    “คือจังสิเด้อ พวกโตกะฮู้ว่าพิธีฝั้นสายสิญจน์หนิหลัก ๆ แล้วพวกผู้ใหญ่สิส่งต่อไม้ให้พวกเฮาช่วยกันพัฒนาหมู่บ้านแมนบ่”

    “พัฒนาต่อจังได๋ที่ผ่านมาคะเจ้ากะบ่ได้พัฒนาหยังเลยนั่งกินนอนกินแต่เงินเดือน ปากกะบอกซ่อยกันพอเสนอหยังกะบ่เอา” แสงบ่นบ้าง

    “คิดจังสิกะบ่ถูกเด้ สิถ้าแต่คนมีหน้าที่มีตำแหน่งมาพัฒนาบ้านเฮากะอยู่บ่ได้ดอก เบิ่งแนะสุมื้อนี้เทิงวัดเทิงโรงเรียนงานหมู่บ้านกะไปคนละทางเลย” ศักดิ์แย้งความคิดของแสงทันที เพราะจากประสบการณ์ที่เคยทำงานมาและเป็นหัวหน้าก็หลายครั้ง ศักดิ์จึงเข้าใจดีว่าทุก ๆ ความสำเร็จไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ทุกคนมีส่วนร่วมทั้งนั้น

    เดอลาจำได้แม่นว่าวันที่เธอและเพื่อน ๆ หลายคนกลับบ้านไปเอาเอกสารเพื่อมาสมัครเรียนต่อ แต่ศักดิ์คือหนึ่งในเพื่อนที่ปฏิเสธการเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยม แต่เขาเลือกที่จะบวชเรียนแทน ดูซิตอนนี้เขาเป็นถึงรองปลัดอำเภอท่าทางภูมิฐานซะด้วย

    “เอาจังสิพวกเฮามาลงรายละเอียดปัญหากันดีบ่ว่ามีหยังแน ถ้ารู้ปัญหาพวกเฮากะสิได้ตั้งชมรมได้ถูก”

    ทุกคนเห็นด้วยกับข้อเสนอของเดอลาและได้ข้อสรุปของปัญหาหลายข้อด้วยกัน ซึ่งแต่ละข้อนั้นไม่ง่ายเลยสังเกตจากสีหน้าของสมาชิกแต่ละคนที่มองมายังกรีนนี่ที่กำลังอ่านข้อสรุปให้เพื่อน ๆ ฟัง

    “ถามแนแมนผู้ได๋เป็นโตตั้งโตดีอยากเฮ็ดชมรมขึ้นมา” กบที่นั่งอยู่ข้าง ๆ วงประชุมเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

    “เฮากับกรีนนี่เอง” เดอลาออกปากยอมรับว่าตัวเองเป็นคนต้นคิด เธอได้พูดกับกรีนนี่และแสงนานแล้วแต่แสงไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะขี้เกียจรับผิดชอบหน้าที่ใด ๆ

    “แค่ตั้งกรรมการเป็นชุด ๆ เวลาสิมาทอดกฐินทอดผ้าป่ากะพอแล้ว สิมาตั้งชมรมให้มันยากอิหยัง” กบยังไม่ลดละความพยายามยามที่จะคัดค้านต่อไป

    “สมมุติถ้าตั้งชมรมมันต้องใช้เงินนะสี่ห้าแสนพวกโตมีอยู่บ่” ถึงแม้ว่านกแก้วมีอดีตที่จบลงไม่สวยกับกบเท่าไหร่ แต่ความคิดที่จะต้องมารับผิดชอบหรือตั้งกลุ่มตั้งชมรมอะไรโดยไม่เงินทุนนั้นเธอก็ไม่เห็นด้วยเป็นอันขาด

    เดอลาเห็นท่าไม่ดีหลายคนเริ่มมีความคิดเห็นที่ต่างกันเธอจึงเสนอตัวอธิบายแนวคิดให้เพื่อน ๆ ฟัง เผื่อว่าพวกเขาจะเข้าใจเจตนารมณ์ของเธอและกรีนนี่มากขึ้น

    “เอาจังสิเดี๋ยวเฮาสิเว้าสุฟังคร่าว ๆ ก่อน ถ้าพวกโตเห็นดีนำค่อยว่ากันเป็นงานเป็นการอีกเทือหนึ่งโอเคบ่”

    “คันว่าจะของคักกะเว้ามา” กบยังเล่นไม่เลิก เดอลาได้แต่สูดหายใจลึก ๆ ยาว ๆ เพื่อเก็บอารมณ์ไม่พอใจกับพฤติกรรมของกบ ที่นอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้วยังคอยขัดขวางทุกอย่างอีกด้วย

    “ที่พวกเฮาอยากตั้งชมรมขึ้นมาเพราะว่าอยากเห็นพี่น้องบ้านเฮากลับมามีความสุขคือเก่า กะเข้าใจอยู่ดอกว่าเงินมันสำคัญการศึกษามันสำคัญหน่ะ แต่ความฮักความสามัคคีในบ้านในเมืองเฮาไปไสเหมิด ออกจากบ้านกะใช้แต่เงิน กับพี่กับน้องกะต้องมีเงินถึงเอิ้นหากันได้แมนบ่”

    “เอาเงินมาให้คะเจ้าติหล่ะ” นกแก้วพูดแทรกด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน แต่ไม่กล้าที่จะหันหน้าไปสบตากับเพื่อน

    “กะจังสิหล่ะโตอย่างหน่ะ ปากออกมีแต่เงินเลยบ่สนโลกสนหอยอิหยังเลยแมนบ่ บ่สนว่าสิได้มาจังได๋สิฆ่าสิแกงสิต้มสิตุ๋นไผกะบ่สนว่าแต่ได้เงินแมนบ่ ได้หลายแห่งดี” กรีนนี่ทนไม่ไหวที่เห็นนกแก้วและกบคอยแย้งอยู่ตลอดเวลา

    “เงินไผกะอยากได้เด้อ ขนาดคนรวย ๆ จังคุณนายนกแก้วกับพ่อเลี้ยงกบคะเจ้ายังอยากได้” ติ่งออกความเห็นกับเพื่อนบ้าง เพราะถึงอย่างไรเธอเองก็ไม่เคยปฏิเสธเงินอยู่แล้ว

    “ติ่ง พวกเฮากะบ่ได้ปฏิเสธเงินดอก ทุกอย่างที่ต้องเฮ็ดสิใช้น้อยใช้หลายมันกะต้องได้ใช้ แต่ก่อนสิเว้าฮอดเรื่องเงินหน่ะ ข้อสำคัญที่อยากตั้งชมรมขึ้นมากะเพราะว่าอยากให้ไทบ้านเฮามีความฮักความภูมิใจ ละกะเห็นคุณค่าในโตของจะของ ถ้าข้อพวกนี้บ่มีแล้ว เจ้ามีเงินร้อยล้านพันล้านเจ้ากะบ่มีความสุขเด้อ ที่สำคัญชมรมที่อยากตั้งขึ้นมาหนิ พวกเฮาอยากให้สุคนมีส่วนร่วมนำกัน ไผมีเงินกะออกเงิน ไผมีความรู้มีประสบการณ์ดี ๆ กะมาแบ่งปันมาบอกมาสอนกัน แบ่งหน้าที่กันทำสลับกันไปแล้วกะบ่ต้องมีเงินมาผูกมัดให้มีปัญหาทีหลัง มีโครงการหยังกะค่อยประชุมหารือกันไปทีละโครงการบ่ดีบ่ ถ้าเอามากองไว้เลยยากคนมาดูแลอีก เดี๋ยวหายอีกเห็นมาหลายแล้วแบบหนิ”

    “แม่นแล้วกรีนนี่เอาเงินมาถือไว้กะยากคนถืออีก และที่สำคัญพวกเฮากะอยากตั้งชมรมเป็นโตเป็นตนจักเทือหนึ่ง ที่ผ่านมามีแต่คิดว่าสิเฮ็ดสิซ่อยนั่นซ่อยนี่กะบ่ได้ลงมือจักเทือ สิให้ออกแต่เงินถวายแต่ปัจจัยพวกเฮากะบ่ไหวเด้ บางเทือซองผ้าป่าพวกเฮาจักสิไปแจกทางได๋ พวกโตบางคนยังดีสังคมหม่องเฮ็ดงานคะเจ้ายังเข้าใจเรื่องพวกนี้ทีเพิ่นทีโต แต่บางสังคมจังพวกเฮาอยู่บ่ค่อยมีไผแจกซองผ้าป่ากัน ถึงคะเจ้านับถือพุทธกะเจ้ากะบ่ได้สนใจเฮ็ดบุญสุคนเด้ คำถามกะคือถ้าพวกเฮาบ่มีเงินพวกเฮาบ่สามารถที่สิซ่อยหมู่บ้านเฮาให้พัฒนาได้บ่ แมนบ่? ”

    “แมนควมหมู่เฮาหนั่นหล่ะ จังบริษัเฮาเฮ็ดงานเบิ่งแนมีแต่ผู้แต่งโตดี ๆ ใช้ของแพง ๆ รถกะคันใหญ่ ๆ มีแต่หนี้ทั้งนั้นเลย หาได้น้อยที่สิรวยหล่ะมีเงินเก็บนำ ส่วนหลายกะพากันเป็นแต่หนี้อยากได้นั้นอยากได้นี้มีแต่แนวแพง ๆ เว้ากะเว้าซะเถาะ เฮาเองกะบ่ต่างจากพวกนั้นดอก อยากได้นั้นอยากได้นี่ใช้ของดีของแพงพอถึงคราวเฮ็ดบุญเฮ็ดสินเห็นซองขาวเฮากะย้านคือกันหนั่นหล่ะ”

    หลังจากที่แสงได้ฟังเดอลาและกรีนนี่พูดมาพักใหญ่ ตัวเขาเองก็อัดอั้นตันใจมานานกับปัญหาที่เขามี โดยเฉพาะเรื่องการเงินที่จะต้องปรนเปรอกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง งานที่ทำก็รักแต่ภาษีสังคมก็เยอะมันไม่ง่ายเลยที่จะจัดการให้ทุกอย่างมันเดินไปด้วยกันได้อย่างราบรื่น

    กรีนนี่เดินเข้ามาตบไหล่แสงเพื่อให้กำลังใจและเข้าใจในสิ่งที่แสงพูดเป็นอย่างดี

    “บ่แมนโตพุเดียวดอกเพื่อนพวกเฮากะคือกัน กว่าสิได้ลูกค้ามาแต่ละคนย้องแล้วย้องอีก แถมต่อราคาเฮาป่านเฮาขอมาอิหยังกะดาย ลางเทือเฮากะเบื่อคือกันหนั่นหล่ะแต่กะได้ทนเอา”

    “นั่นหล่ะคือปัญหาที่พวกเฮาเห็น แล้วพวกโตเบิ่งไอ้สาเบิ่งนายศักดิ์แน ถึงหมู่พวกเฮาบ่ได้เรียนหนังสือตั้งแต่ตอนแรกเขากะยังได้ดีกันเลย พวกเฮากะมีประสบการณ์ชีวิตมาหลายแบบ ต่างคนกะต่างมีดีเป็นของจะของ เลยอยากให้สุคนซ่อยกันแนะนำน้องนุ่งลูกหลานไทบ้านเฮา อยากให้เขาเห็นโตอย่างหลาย ๆ ด้าน คนบ่ได้เรียนมื้อนี้มื้อหน้ากะสามารถหาเรียนได้ หรือถ้าบ่ได้เรียนอีหลีจำเป็นต้องเฮ็ดงานพวกเฮาหลายคนซ่อยกันกะสิหางานหรือสร้างงานให้ลูกหลานบ้านเฮาบ่ได้เลยบ่ อย่างน้อยหาคนมาสอนวิชาชีพอยู่หมู่บ้านเฮากะยังดีแมนบ่? ” เดอลาอธิบายยาวและเธอก็หวังว่าทุกคนจะเข้าใจในสิ่งที่เธอพูด

    “โอ๊ย! เซา ๆ เว้าหยังยากกะด้อแท้บ่อึดดอกคนมาอบรมให้หน่ะ ว่าแมนส่งมาปีละสามสี่เทือพุ้น มาพาเฮ็ดสื่อ ๆ กะพากันหนีบ่มาตามข่าวอีกจักเทือ ผู้ได๋สิมางมมาซาวอยู่หนิเสียเวลาทำมาหากิน”

    ติ่งยังไม่เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อน ๆ ที่จะมาตั้งชมรมอาสา เพราะเธอคิดว่านอกจากจะไม่สร้างรายได้แล้วยังเสียเวลาอีกด้วย ที่สำคัญตัวตั้งตัวตีก็ทำงานที่อื่นกันทุกคน ใช่ว่าจะมารับรู้ความทุกข์ร้อนของคนที่อยู่ที่บ้านซะเมื่อไหร่

    “แล้วไป๊หนิเมื่อยหล่ะเด้” นกแก้วเริ่มชักสีหน้าเบื่อหน่ายที่จะต้องทนฟังโครงการเพ้อฝันของเพื่อน ๆ ก่อนที่จะเดินลงศาลาไป เพื่อนคนอื่น ๆ ก็เริ่มทยอยตามลงไปด้วย เหลือเพียงแต่เดอลากรีนนี่แสงสาและศักดิ์ที่ยังนั่งมองหน้ากันไปมา

    “เอาจังได๋หล่ะบานหนิ” เดอลาเอ่ยกับเพื่อน ๆ ด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน

    “เอาจังได๋หล่ะถ้าเขาบ่เอานำพวกเฮาสิเฮ็ดจังได๋ได้” สาตอบเดอลาด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ ไม่แพ้เพื่อนคนอื่น ๆ เลย

    “เอาจังสิพวกเฮายังพอมีเวลาอยู่ดอกกว่าสิฮอดมื้อลาศีลเผื่อคนอื่นเปลี่ยนใจ ในระหว่างนี้พวกเฮากะซ่อยกันร่างโครงการขึ้นมาให้มันเป็นรูปเป็นร่างอีกเทือหนึ่งดีบ่” ศักดิ์สรุปให้เพื่อน ๆ ที่กำลังหมดความหวังกันแล้ว โดยเฉพาะกรีนนี่และเดอลาส่วนแสงเพื่อนว่าอย่างไรก็ว่าตาม

    สำหรับเดอลาหลังจากที่เธอได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับสาแล้วเธอชื่นชมสามาก ที่ผลักดันตัวเองจากศูนย์จนสามารถขึ้นไปดำรงตำแหน่งผู้จัดการโรงงานตัดผ้าได้ เดอลาอยากนำเสนอตัวอย่างการใช้ชีวิตของสาให้เด็กรุ่นใหม่ได้เห็นคุณค่าของชีวิต ถึงแม้ว่าเด็กบางคนอาจจะไม่มีโอกาสได้เรียนต่อในระดับสูง ๆ หรือจำเป็นจะต้องออกจากโรงเรียนกลางคันก็ตาม ชีวิตของพวกเขาสามารถเรียนรู้อะไรได้อีกตั้งหลายอย่างที่อยู่นอกห้องเรียน หรืออยู่นอกสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เพราะท้ายสุดแล้วถ้ามีการเรียนรู้แต่ไม่นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์การเรียนก็สูญเปล่าอยู่ดี

    “ปะลงไปตะล่างเถาะหิวน้ำเว้าจนเหงือกแห้งแล้วกะบ่มีคนเอานำ” กรีนนี่บ่นอีกรอบ

    “กลับมายืนที่เดิม..” เดอลาเผลอตัวฮำเพลงหัวใจขอมาอันโด่งดังของคริสติน่า อากีล่าร์ จนสาที่เดินลงบันไดตามหลังรีบเข้ามาสะกิดว่าพวกเธอกำลังถือศีลแปดกันอยู่ แต่เดอลาก็ยังแอบขำกับตัวเองว่าแค่ฮำเพลง แต่เมื่อกี้นำเสนอโครงการแทบจะกินหัวกันอยู่แล้ว นี่แหละนะร้อยพ่อพันแม่หลากหลายความคิด มีแต่คนอยากได้หาคนอยากให้แทบไม่มีเลย


    จบตอนที่ 20

    ด้วยฮัก  งามดอกบัว ผู้แต่ง

    สงวนลิขสิทธิ์



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in