เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ก่อนตะวันรอนngamdokbua
นวนิยายเรื่อง: ก่อนตะวันรอน ตอนที่ 16 : ของฝากจากบ้านทุ่ง
  • นวนิยายเรื่อง: ก่อนตะวันรอน

    ตอนที่ 16: ของฝากจากบ้านทุ่ง

    หลายพื้นที่ของประเทศไทยในช่วง ฤดูฝน คนที่ทำนานั้นใช่ว่าจะได้ข้าวงามทุกปี บางครั้งก็แล้งบางทีน้ำก็ท่วม แต่ที่หมู่บ้านดอนผักหวานเมื่อถึงฤดูกาลทำนาทีไรก็มีน้ำให้ชาวบ้านได้ทำนาตลอด พ่อสีเล่าให้เดอลาและต้นฟังว่าที่หมู่บ้านดอนผักหวานแห่งนี้ พอถึงช่วงปลายฝนต้นหนาวน้ำไม่เคยท่วมทุ่งนาเลยอย่างมากก็แค่ครึ่งแข้ง เมื่อถึงเวลานั้นชาวบ้านจะเริ่มระบายน้ำออกทันที กว่าข้าวจะสุกงอมพอเก็บเกี่ยวได้ น้ำในนาข้าวก็แห้งขอดพอดี

    อย่างในเช้าวันนี้ตาสีออกตระเวนตรวจดูน้ำในทุ่งนา เพื่อดูว่าตรงไหนมีน้ำเยอะตาสีก็จะได้จัดการขุดคันนาให้น้ำระบายออกไปเรื่อย ๆ จนถึงห้วยแดงเลย


    จึ๊ก! จึ๊ก! จึ๊ก!

    “พ่อ…! พ่อ…! เสียงไผน้อมาขุดบักจกอยู่หนิ”

    “ต้น! ต้น!ได้ยินเสียงขุดบักจกบ่ แมนอีพ่อบ่? ”

    เดอลาร้องถามต้นน้องชาย ที่กำลังจูงควายแม่ใหญ่อยู่คันนาอีกฝั่ง หลังจากที่ร้องเรียกพ่อแล้วไม่มีเสียงตอบรับ


    “เดี๋ยวสิไปเบิ่งให้” ต้นรีบเดินจูงควายตรงไปดูที่ต้นเสียงว่าเป็นใคร

    “พ่อ! เอื้อยหล่าเอิ้นบ่ได้ยินบ่? ”

    ต้นร้องถามตาสีผู้เป็นพ่อขณะที่มือก็ยังคอยดึงเชือกควายแม่ใหญ่ เพื่อไม่ให้กินต้นข้าวที่กำลังออกรวงสะพรั่ง

    “บ่ได้ยิน… เอิ้นอยู่ทางได๋เดี่ยวหนิ”

    ตาสีวางจอบแล้วหันมาคุยกับลูกชาย ตาก็กวาดดูบริเวณแถวนั้นด้วยเผื่อเจอลูกสาว

    “พุ้น! เพิ่นจูงควายอีด่อนเลี้ยงอยู่คันนาทางพู้น” ต้นชี้ไม้ชี้มือบอกพ่อ

    “อีพ่อ! เอิ้นคือบ่ปาก? ” เดอลาเดินแกมวิ่งมาหาพ่อและต้นท่าทางตื่นเต้น

    “อ้าว ..พ่อกะบ่ได้ยินเนาะ” ตาสีหัวเราะกับสำเนียงค่อนแคะของลูกสาว

    “หนูได้ยินเสียงปลาข่อนอยู่แกไฮ่นาทางพู้น! เลยว่าสิบอกให้อีพ่อไปเบิ่งแน หนูคาเลี้ยงควายอยู่”

    เดอลารีบบอกผู้เป็นพ่อ


    “เอาควายไปไว้ไส คนคึมาอยู่หนิ? ”

    ตาสีนึกขึ้นได้รีบถามถึงควาย เพราะเด็ก ๆ เพิ่งจูงมากินหญ้าได้ไม่นาน

    “หนูผูกไว้อยู่ดอนขี้เหล็กเดี๋ยวไปเอาแล้ว”

    สาวน้อยพูดเสร็จ ก็รีบหันหลังวิ่งไปเอาควายมาจูงเลี้ยงต่อเพราะกลัวพ่อด่า

    “ไป! ฟ่าวไป! สวยมาค่อยเอาไปผูก” ตาสีร้องบอกลูกสาว

    “พ่อผมบ่ได้เอาไปล่ามเด้อ ผมจูงแม่ใหญ่กินอยู่คันแทนาตลอด” ต้นรีบออกตัวกลัวพ่อเอ็ด

    “เอ้า! ฟ่าวไปเลี้ยงลูกหล่า เบิ่งดี ๆ อย่าให้มันกินข้าวเด้อ”

    ตาสีบอกลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาใช้จอบคู่ใจขุดดินออกจากคันนา เพื่อระบายน้ำออกไป ให้นาแห้งก่อนที่จะถึงเวลาเก็บเกี่ยว


    “ข้าวงามคักน้อปีหนิพ่ออีนาง!”ผู้ใหญ่บ้านคงร้องทักตาสี หลังจากที่เดินมาเจอตาสีกำลังขุดคันนาอยู่พอดี


    “งามอยู่ผู้ใหญ่ นาเจ้าปีนี้กะงามคักคือกัน ว่าแต่สิเกี่ยวมื้อได๋อย่าลืมบอกเด้อเดี๋ยวข่อยสิไปซ่อย"

    “บ่ยาก ๆ พ่ออีนาง อีกอาทิตย์สองอาทิตย์พู้นหล่ะ เบิ่งทรงหนินาเจ้าหนั่นหล่ะสิได้เกี่ยวก่อน”

    ผู้ใหญ่บ้านคงหัวเราะเอิ้กอ้ากก่อนที่จะเดินข้ามสะพานไม้ไผ่ที่พาดผ่านห้วยแดงเพื่อไปยังที่นาของตนอีกฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกัน

    ส่วนเดอลากับต้นต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองต่อ นั่นก็คือจูงควายเลี้ยงที่คันนา แล้วค่อยเอาไปล่ามไว้ที่ดอนขี้เหล็กตามพ่อสั่ง

    “หึย! หึย! โอ๊ย! อีด่อนมึงคึดึงยากแท้” เดอลาบ่นกับควายด่อน เพราะเธอพยายามดึงเชือกแล้วแต่มันก็ยังไม่วายที่จะยื่นปากเข้าไปใกล้ ๆ รวงข้าว ท้ายสุดแล้วก็ได้กินข้าวที่เพิ่งออกรวงสมใจ


    “ควายกินข้าวอีกติเอื้อยหล่า? ”

    ด้วยความอยากรู้ต้นจึงร้องถามมาจากอีกฝั่งของคันนา

    “บ่! บ่ได้กินดอก อีด่อนมันบอกง่าย ระวังแม่ใหญ่หนั่น!”

    เดอลารีบร้องตอบน้องชาย ในใจก็ภาวนาอย่าให้พ่อเดินผ่านคันนาเส้นนี้ในวันนี้เลยไม่อย่างนั้นเธอต้องถูกพ่อดุแน่ ๆ

    “เอื้อยหล่า! มาทางนี่!”

    เสียงต้นร้องเรียกเดอลาให้ไปสมทบที่นาข้าว หลังจากที่ทั้งคู่เอาควายไปผูกไว้ดอนขี้เหล็กเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    “มีปลาข่อนอยู่แมนบ่ต้น”

    เดอลาวิ่งตาตื่นมาหาน้องชาย หลังจากที่นัดแนะกันว่า ผูกควายเสร็จจะกลับมาดูว่ามีปลาในนาข้าวตามที่คิดไว้ไหม เพราะระหว่างที่สองพี่น้องเดินจูงควายเลี้ยงตามคันนาอยู่นั้น ทั้งคู่ได้ยินเสียง “แต๊บ! แต๊บ!” ตลอด มั่นใจว่าเป็นเสียงของปลาที่ดิ้นไปมาในโคลนตมเพื่อหาแอ่งน้ำแน่นอน

    “มีอยู่! ไปเอาข่องมาใส่ปลาแนเอื้อย”

    เสียงต้นดูตื่นเต้นมากกับการได้ปลาข่อนแรกของปี


    สาวน้อยเดอลาวิ่งหน้าตั้งกลับขึ้นบ้านเพื่อไปเอาข่องและสวิงมาจับปลากับน้องชาย โดยไม่ทันได้สังเกตว่าแม่และน้าต้อยของเธอถามอะไรกัน

    “นางหล่า! สิไปไส? บ่มาหากินข้าวกินน้ำบ่? ” แม่นางร้อง

    “บ่แม่ หนูสิเอาปลาข่อนก่อน"

    เดอลาวิ่งกระโดดโลดเต้นไปตามคันนา เพราะความดีใจจะได้จับปลาในนาข้าวจนหายหิวไปเลย

    “ฟ่าวมาเอื้อยหล่า ปล่าข่อปลาเข็งมีเหมิดเลย ถ้าได้ปลาหลดนำผมสิให้อีแม่ปิ้งใส่ห่อข้าวไปโรงเรียน ผมมักกินปิ้งปลาหลด”

    ต้นเงยหน้าขึ้นมาเพื่อร้องบอกพี่สาว มือไม้เต็มไปด้วยโคลนแยกไม่ออกเลยว่าอันไหนโคลนตมอันไหนปลา

    “หน้าคึเป็นจังสั่น? ” เดอลาอดขำน้องชายไม่ได้

    “ผมไล่คุบปลาข่อใหญ่เลยหมื่นขี้ตมล้ม”ต้นก็อดขำตัวเองไม่ได้

    บนใบหน้าต้นเปื้อนไปด้วยโคลนตมโชคดีล้มไปเพียงข้างเดียวเท่านั้น ส่วนเสื้อผ้าหน่ะหรือไม่เหลือเค้าสีเดิมเลย คงควานหาปลาไปด้วยเกลือกกลิ้งไปด้วยสนุกเขาหล่ะ ถึงว่าให้เราไปเอาข่อง แทนที่ตัวเองจะไปเดอลาคิด

    “พากันได้อยู่บ่ปลาหนั่น? ”

    เสียงพ่อสีร้องทักลูกสาวลูกชาย ในขณะที่กำลังแบกจอบเดินเข้ามาใกล้เด็ก ๆ

    “ได้ปลาข่อกับปลาเข็งอีพ่อ ผมเอากองไว้แกไฮนาหนั่น”

    ต้นชี้มือบอกพ่อด้วยความภูมิใจที่ตัวเองจับปลาได้

    “ไป! พอแล้วหล่ะมันสวยแล้ว บ่าย ๆ แดดอ่อนค่อยมาหาอีก มื้อนี้เห็นยายนางสิพาเฮ็ดข้าวเหม่าตั้ว อยากบ่ข้าวเหม่า"

    “ข้าวเหม่า!” เดอลากับต้นอุทานขึ้นพร้อม ๆ กัน

    ก่อนหน้านี้ที่แม่ทำยังกินไม่เต็มอิ่มเลย ทั้งสองรบเร้าให้แม่ทำอีกรอบ แต่แม่ยังไม่มีเวลาทำให้เลย พอได้ยินผู้เป็นพ่อพูดแบบนี้ ทั้งต้นและเดอลาไม่รอช้ารีบขึ้นจากนาข้าวทันทีเลย ตาสีเห็นท่าเดินของเดอลาแล้วกลัวจะลื่นล้มเลยยื่นมือไปรับข่องปลากับเดอลาขึ้นมาถือเอง

    “ไป พากันไปล้างเนื้อล้างโตอยู่ห้วยก่อน มีแต่ขี้ตมไปเฮียนจังสิกะเปื้อนเหมิด เดี๋ยวพ่อสิพาไป”

    ตาสีเดินนำเด็ก ๆ ไปล้างโคลนตมออกจากตัวที่ห้วยแด


    ต้าม! ต้าม!

    เสียงเดอลาและต้นกระโดดลงน้ำในลำห้วยแดง ทำเอาควายที่ผูกไว้ที่ดอนขี้เหล็กต้องหันมามอง นกกระจอกแถวนั้นบินหนีกระเจิงเลยทีเดียว ตาสีเห็นอย่างนั้นก็ได้แต่อมยิ้ม นึกถึงตัวเองสมัยเด็ก ๆ ก็ไม่ได้แตกต่างกับลูก ๆ ตอนนี้เลย แถมยังนุ่งแต่ผ้าแพรผูกเป็นเตี่ยวไขว้ไปด้านหลัง ไม่มีกางเกงใส่เหมือนเด็ก ๆ ทุกวันนี้

    “เอ้า ๆ พอได้แล้ว แม่กับน้าต้อยเขาสิถ่ากินข้าว”

    ตาสีเร่งเด็ก ๆ เพราะเห็นว่าขี้โคลนได้หลุดออกจากเสื้อผ้าหมดแล้ว

    “จ้า อีพ่อ” เดอลารับคำก่อนจะเดินนำต้นขึ้นมาจากห้วยแดง

    สามพ่อลูกเดินตรงไปที่บ้าน โดยมีต้นวิ่งนำหน้าตามด้วยเดอลาและตาสีผู้เป็นพ่อที่แบกจอบและถือข่องตามกันเด็ก ๆ มา เมื่อถึงบ้านก็พบว่าแม่นางเตรียมผ้าถุงและผ้าแพรไว้ให้ต้นกับเดอลาเอาไว้เปลี่ยนด้วย  เพราะเห็นว่าเริ่มสายแล้วถ้าให้เด็ก ๆ ไปจัดการกันเองคงอีกนาน วันนี้ยิ่งมีนัดกับนางเอ็ดว่าจะทำข้าวเม่าเสียด้วย


    “ต้อยไปเกี่ยวข้าวกับน้าเอ็ดถ่าเอื้อยเลยเด้อ แล้วแลงแล้วงายเดี๋ยวเอื้อยนำก้นไป บอกน้าเอ็ดนำแหน่”

    แม่นางจัดแจงหน้าที่ให้น้องสาว ก่อนที่ตนจะไปเตรียมกับข้าวให้กับตาสีผัวรักและลูก ๆ ส่วนเธอและต้อยกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว


    กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!

    เสียงกระดิ่งรถจักรยานดังมาแต่ไกล ทำให้ผู้คนในละแวกคุ้มวัดหันมามองเป็นตาเดียวว่าเจ้าของจักรยานนั้นเป็นใคร

    “โอ้ว! ว่าที่เขยใหม่คือซอดเซ้าซอดแลงแท้น้อ”

    ตาดำผัวนางเอ็ดร้องแซวบ่าวเขื่อน ในขณะที่บ่าวเขื่อนกำลังปั่นจักรยานยิ้มหน้าบานไปทางบ้านของตาสี

    “อ้ายเขื่อน!”

    สาวต้อยยิ้มแป้นร้องทักหลังจากที่ได้ยินเสียงตาดำแซวหนุ่มคนรัก

    “ทำคะแนนแหน่ละเนาะลุง โอ้ย! น้าดำ ซ้อมเอิ้นก่อน ฮ่า..ฮ่า..”

    บ่าวเขื่อนหัวเราะชอบใจ หลังจากที่แวะเวียนมาคุ้มวัดแทบทุกวัน จนเริ่มสนิทชิดเชื้อกับเพื่อนบ้านคุ้มนี้มากขึ้น โดยเฉพาะญาติพี่น้องของสาวต้อย

    “อ้ายได้ยินข่าวว่าสิพากันตำข้าวเหม่า ได้เตาขั้วข้าวเหม่าแล้วบ่? ”

    บ่าวเขื่อนทำหน้าหล่อถาม

    “น้าดำเพิ่นกำลังเบิ่งอยู่ เห็นว่าสิขุดเตาใต้ต้นบักสีดาหนั่นหล่ะ ไปเบิ่งเพิ่นแนข่อยกะสิไปคือกัน”

    สาวต้อยพูดเสร็จก็รีบลงจากเรือนไปหยิบเคียวเกี่ยวข้าวในยุ้งข้าวออกมา

    “น้าเอ็ดมาเด้อ! ข่อยไปเกี่ยวข้าวก่อนเด้อ ให้อ้ายเขื่อนไปขุดเตาซ่อยน้าดำแทน"

    หลังจากส่งบ่าวเขื่อนไปหาดำ เธอก็ถือเคียวพร้อมตอกข้าวเดินไปยังนาข้าวที่ตาสีบอกจุดให้ไปเกี่ยวมาทำข้าวเม่าทันที

    “ข้าวลุงสีจะแมนงามน้อปีหนิต้อย”

    นางเอ็ดเอ่ยกับสาวต้อย ขณะที่มือก็รวบต้นข้าวมากำก่อนที่จะใช้เคียวเกี่ยวเสียงดัง ฉับ! ฉับ!

    “งามคักอยู่น้าเอ็ด ไคยุนาบ้านข้าวงามสุปี คันได้ข้าวปัดลานหลายข่อยว่าสิขอแม่ป้าพาหลานไปเที่ยวงานทุ่งในจังหวัดเด็กน้อยคือสิดีใจ”

    สาวต้อยพูดไปยิ้มไป เมื่อนึกถึงงานทุ่งประจำจังหวัด


    “น้ากะอยากไปคือกัน เอาไว้แล้วไฮ่แล้วนาก่อนเนาะค่อยว่ากัน”

    นางเอ็ดยิ้มอย่างมีความสุขไม่แพ้สาวต้อยเมื่อนึกถึงงานทุ่งที่ตัวเองไม่ได้ไปเที่ยวนานมากแล้ว

    ทางบ่าวเขื่อนกับตาดำกำลังง่วนกับการขุดดินเพื่อทำเตาคั่วข้าวเพื่อเอาไปทำข้าวเม่า

    “อ้ายเขื่อนขุดแล้วไป๊? ”

    ต้นร้องถามบ่าวเขื่อนในขณะที่เดินเคี้ยวฝรั่งบ้วย ๆ หันหน้ามาทางสองหนุ่ม

    “แล้วพอดีหำน้อย ไปเบิ่งพวกแม่หญิงดู้คะเจ้าเกี่ยวข้าวแล้วไป๊ กว่าสิเอามาขูดอีก”

    พูดจบบ่าวเขื่อนก็เดินไปหยิบไม้มาปลิดฝรั่งบนต้นที่เล็งไว้ก่อนหน้านี้แล้ว กะว่าถ้าสาวต้อยกลับมาจากเกี่ยวข้าวจะได้กินพอดี

    “น้าเอ็ดกับน้าต้อยมาแล้ว!”

    เดอลาร้องด้วยความตื่นเต้น เพราะอยากจะเห็นการทำข้าวเม่าจนเนื้อเต้นแล้ว ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกแต่การทำข้าวเม่าไม่ใช่ว่าชาวดอนผักหวานจะทำได้ตลอดทั้งปี เพราะต้องรอให้ข้าวนาปีออกรวงให้เป็นเมล็ดข้าวอ่อน ๆ ก่อน เรียกได้ว่านานทีปีหน สาวน้อยเดอลาถึงได้ตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ

    เวลาที่ครอบครัวเธอมารวมกันทำข้าวเม่า นอกจากจะได้เห็นบรรยากาศพี่ ๆ น้อง ๆ กินข้าวรวมกัน เธอยังจะได้กินข้าวเม่าแสนอร่อย ทั้งหอมทั้งมันและหวานนิด ๆ อีกด้วย

    “มาให้อ้ายซ่อย” บ่าวเขื่อนรีบเข้าไปรับหาบข้าวจากสาวต้อยทันที

    “เดี๋ยวหนูไปเอาฝืนมาให้” เดอลาอาสาเพราะรู้ว่าพ่อสีของเธอเตรียมฟืนไว้ที่ไหน

    “ผมไปนำ” ต้นเองก็ไม่น้อยหน้ารีบวิ่งรี่ตามพี่สาวไปเอาฟืนทันที

    “หอบได้บ่หล่ะ” ตาสีเอ่ยถามลูก ๆ หลังจากที่เห็นท่าทีถูลู่ถูกังอยู่สักพัก

    “ได้อยู่อีพ่อ สาซำหนินึงสบาย” ต้นยิ้มแป้นจนเห็นฟันหลอข้าง ๆ ที่พึ่งหลุดออกไป

    “หือ... จะแมนเพิ่นคัก ฟ่าวไปน้าดำเพิ่นถ้าดังไฟยุหนั่น” เดอลาเบรกน้องชาย

    “โอ้ว! สิได้กินข้าวเหม่าตั้วมื้อหนิเนาะ!” ผู้ใหญ่บ้านคงเดินผ่านมาในระหว่างที่บ้านเดอลากับบ้านตาดำกำลังเตรียมทำข้าวเม่า

    “เฮ็ดแล้วแล้วสิให้เด็กน้อยเอาไปฝากเด้อผู้ใหญ่” ตาสีร้องบอก

    “บ่ต้องเอาไปฮอดเฮือนดอกเดี๋ยวพ่อว่าสิไปหาตู้คำอยู่ เอาฝากไว้นั้นหล่ะ”

    “เอ้า! เอาจังสั่นกะได้พ่อ”

    ตาสีพยักหน้าเป็นการตอบรับกับผู้ใหญ่บ้านคงด้วย ก่อนที่จะหิ้วหม้อดินขนาดใหน้ำกินมาวางลงบนเตาดิน ที่ตาดำกับบ่าวเขื่อนได้ขุดไว้รอก่อนหน้านี้แล้ว

    “พ่อเตาขั่วข้าวเหม่าคือบ่คือเตาแนวอื่น” เดอลาถามตาสีด้วยความสงสัย

    “เอ้า! สิให้คือเตาแนวอื่นได้จังได๋หล่ะลูกหล่า ข้าวเหม่าเฮาต้องเฮ็ดต้องเตรียมหลายอย่างหลายแนว ข้าวน้าเอ็ดกับน้าต้อยเกี่ยวมากะต้องเอามาขูด ขูดแล้วกะขั่วเลย ไหกะหน่วยใหญ่ฟ่อนข้าวกะหลายฟ่อนไหนสิฟืนไฟอีก ขุดเตาดินเฮ็ดอยู่เดิ่นจังสิหล่ะซำบาย น้าดำเพิ่นขุดยาว ๆ ไว้หุถ่างใส่ฟืน ไหนวยใหญ่ ๆ ก็ตั้งใส่โลด ไปนำป่านำเขาบ่มีเตา กะพากันขุดดินเฮ็ดเตาจังสิกะได้เด้อ”

    ตาสีอธิบายให้ลูก ๆ สองคนรู้จักวิธีทำเตาดินและวิธีการใช้งาน พูดไปก็ยิ้มไปเมื่อเห็นเด็ก ๆ ตั้งใจฟัง อยากรู้อยากเห็นการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติรอบตัว

    “ต้อยเอาข้าวมา! เดี๋ยวเอื้อยสิคั่ว”

    แม่นางยื่นมือไปรอรับกระด้งข้าวเปลือกจากต้อย หลังจากที่สาวต้อยกับนางเอ็ดขูดเมล็ดข้าวออกจากรวงได้เยอะพอที่จะเอามาคั่วได้แล้ว

    “เสียงคั่วข้าวดังซ่วดซ่าดว่าม่วนหูแล้ว กลิ่นข้าวคั่วแห่งหอมคักอีแม่”

    เดอลาชะโงกหน้าเข้าไปดูหม้อดินที่แม่กำลังคั่วข้าวใกล้ ๆ

    “หอมป่านนั่นหวา” ต้นหยุดกินฝรั่งแล้วหันหน้ามาถามเดอลาพี่สาว

    “มาดมเบิ่งถะแหมะคันบ่เซื่อ” เดอลาทำสีหน้าระอาน้องชายที่ชอบถามเซ้าซี้

    “หื้อ! หอมคักอีแม่ ผมอยากกินข้าวเหม่าแล้วหล่ะ”

    ต้นทำหน้าตาตื่นเต้น ก่อนจะโยนแกนของฝรั่งที่เหลือจากการแทะเล็มจนเกือบจะเกลี้ยงหมดแล้ว

    “อยากกะสิได้กินหนิหล่ะอดเอา พากันไปเบิ่งครกเฮียนลุงคำแนไป๋ เผื่อมีคนมาตำข้าวเหม่า ถ้าบ่มีกะพากันจองคิวไว้เด้อ แม่คั่วอีกบ่โดนดอกเดี๋ยวกะสิแล้วแล้ว”

    แม่นางจัดแจงหน้าที่ให้เด็ก ๆ ทำ ก่อนที่ก้มหน้าก้มตาใช้ไม้คนข้าวในไหต่อ ส่วนสาวต้อยกับนางเอ็ดก็ช่วยกันเอาช้อนขูดเมล็ดข้าวออกจากรวงจนเสร็จ  ทันทีที่ได้ยินแม่นางบอกให้ไปดูครกตำข้าวเม่าที่บ้านตาคำ เดอลาและต้นน้องชายก็รีบถอดรองเท้ามาถือไว้ในมือแล้วรีบวิ่งหน้าตั้งไปยังบ้านตาคำทันที


    “หญิง! สิไปไส? ” กรีนนี่ร้องทักเดอลาหลังจากที่เห็นท่าทางของเพื่อนและน้องชายดูรีบร้อนผิดปรกติ

    “สิฟ่าวไปจองคกเฮียนลุงคำ มื้อนี้อีพ่อเพิ่นพาเฮ็ดข้าวเหม่าย้านคกบ่ว่างเผื่อมีคนเฮ็ดหลาย”

    เดอลายิ้มหน้าบานบอกกับเพื่อน ก่อนที่จะออกวิ่งอีกครั้งเพื่อตามน้องชายให้ทัน


    “เดี๋ยวเฮาไปนำ!” กรีนนี่ร้องตาม แต่คงไม่ทันเพราะเดอลาวิ่งไปไกลแล้ว

    “หญิงนก! สิไปไส? ”

    กรีนนี่กำลังจะตามเดอลาไป พอดีเห็นนกแก้วเดินผ่านหน้าบ้านไปอีกคนก็เลยร้องทัก เผื่อจะได้มีเพื่อนไปด้วยกัน

    “ไปเล่นโรงเรียน” นกแก้วตอบไปยิ้มไป

    “ไปหยังโรงเรียน มาไปตำข้าวเหม่าซ่อยหญิงหล่าหนิ” กรีนนี่รีบชวนนกแก้วอย่างไว

    “ไปโรงเรียนก่อน เดี๋ยวค่อยไปตำข้าวเหม่า" นกแก้วไม่พูดเปล่ามือก็ดึงกรีนนี่ให้ตามไปด้วย

    “บอกมาก่อนไปหยังโรงเรียน!” กรีนนี่สะบัดแขนออกจากนกแก้ว

    “อ้ายเอกกับอ้ายอาร์ตมากับครูสมัย!” นกแก้วพูดไปยิ้มไป


    “โอ๊ย! นกแก้ว! เป็นหยังหลายบ่หนิ ปะสาผู้ซงผู้ซายเอาไว้ก่อนเพิ่นบ่เมือง่ายดอก ไปตำข้าวเหม่าซ่อยหมู่ก่อน”

    กรีนนี่ทำสีหน้าระอานกแก้ว

    “ไปบ่? ถ้าสิไปกะนำก้นมา”

    กรีนนี่เบ้ปากใส่นกแก้วก่อนที่จะเดินตรงไปทางบ้านตาคำถึงจะไม่ค่อยชอบใจที่กรีนนี่ไม่ทำตามที่เธอขอร้อง แต่ท้ายสุดแล้วนกแก้วก็ไปช่วยเดอลาก่อนอยู่ดี

    “หญิง! มาทางพี่! กำลังสิตำข้าวเหม่าพอดี มา ๆ มาซ่อยกัน”

    “เด็กเล็กเด็กน้อยบ่ต้องดอก ให้พวกผู้สาวผู้บ่าวเขา

    ซ่อยกันตำเอากะได้ดอก” ตาคำบอกเด็ก ๆ ที่กำลังจับจองที่สำหรับตำข้าวเม่า

    “เชิดมาแล้วครับทันเวลาพอดีเป๊ะ! บ่ขาดบ่เกิน”

    บ่าวเชิดไม่พูดเปล่ายังเสยผมทำหน้าเก๊กหล่อจนสาวขาวอดหมั่นใส้ไม่ได้



    โป๊ก! โอ๊ย!

    “ป้าดโท้! แมนไผคือจังไรแคงเกิบมาใส่เชิดแท้วะ? ”

    บ่าวเชิดกวาดตามองหาคู่กรณี มือก็ลูบขาตรงที่โดนเขวี้ยงด้วยรองเท้า

    “เอาอีกจักข้างบ่? คือสิคาไปเล่นแต่สาวบ้านอื่นเนาะ บ่เห็นหน้าเห็นหนวดเลย” สาวขาวถามเคือง ๆ

    “หึย! ผู้ได๋ว่าอ้ายไปหาเล่นแซ่เล่นสาวทางได๋ บอกมาดู้อ้ายสิไปเหยียบปากมัน” บ่าวเชิดเริ่มเคืองบ้าง

    “กูหนิหล่ะ! เห็นมึงเทียวไปแต่ทางกิ่งอำเภอ กะเว้าหยอกอีขาวมันซื่อ ๆ ดอก ว่าแต่มึงเทียวไปหยังกะด้อแท้? ”

    “ข่อยกะไปหาสืบข่าวดีตั้วลุง เห็นว่าคะเจ้าพากันไปนอกไปนาได้เงินได้คำมาซื้อไฮ่ซื้อนา ข่อยเลยอยากไปนำคะเจ้าสั่นเด้" บ่าวเชิดพูดด้วยแววตามีความหวัง

    “จังสั่นบ่หำ! เขาเอาอายุหลายปานได๋แนหล่ะจังพ่อลุงหนิไปได้บ่? ”

    ตาน้อยถามบ่าวเชิดด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    “อาทิตย์หน้าเห็นว่านายหน้าคะเจ้าสิมาอีกยุ ไปฟังนำกันติหล่ะ” บ่าวเชิดชักชวน

    “มาตำข้าวเหม่าหม่องมันสิได้กินหนิ สูพากันโสหยังกันกะด้อแท้? ” ตาคำเอ่ยเสียงเข้ม

    สิ้นเสียงตาคำทุกคนก็แยกย้ายไปประจำตำแหน่ง โดยมีแม่นางของเดอลานั่งอยู่ที่ตัวครก คอยคนข้าวให้แหลกได้ถั่วถึงกัน และมีหนุ่ม ๆ สาว ๆ นำโดยบ่าวเขื่อนบ่าวเชิดสาวขาวสาวต้อยและนางเอ็ดคอยช่วยกันเหยียบกระเดื่องตำข้าวเม่า ส่วนเด็ก ๆ ก็นั่งลุ้นอยู่ข้าง ๆ


    จึ๊ก! จึ๊ก! จึ๊ก!

    เสียงกระเดื่องตำข้าวเม่าตามจังหวะแรงเหยียบของหนุ่ม ๆ สาว ๆ กว่าเปลือกข้าวจะกะเทาะออกจากเมล็ดข้าวก็ใช้เวลานานพอดู แม่นางของเดอลาทำหน้าที่คนครกไป ส่วนหนุ่ม ๆ สาว ๆ ก็ช่วยกันเหยียบกระเดื่องไป พอแหลกได้ที่นางเอ็ดก็มาตักข้าวเม่าในครกใส่กระด้งเพื่อนำไปฝัด ส่วนเด็ก ๆ ก็นั่งลุ้นน้ำลายสอไปด้วย เพราะความหอมของข้าวเม่าที่เรียกน้ำย่อยไม่หยุดนั่นเอง

    “พ่ออีหล่ามาเอาบักพร้าวแนหนิ” ตาน้อยวางกระสอบปุ๋ยที่บรรจุมะพร้าวจนเต็มถุงไว้ข้าง ๆ แคร่ที่ลานหน้าบ้านตาคำ

    “ได้มาแต่หลายแท้ลุงน้อย? ” ตาสียกมือไหว้ขอบคุณตาน้อย ก่อนจะเปิดดูในกระสอบปุ๋ย

    “ครูสมัยเพิ่นแบ่งให้มาในสวนเพิ่นหลายคัก นั่นเดะมาพอดี”

    “สวัสดีค่ะพ่อคำสวัสดีค่ะพ่อสีได้ยินข่าวว่าจะทำข้าวเม่ากันเลยวานลุงน้อยช่วยเอามาให้ค่ะ มะพร้าวห้าวคลุกกับข้าวเม่าคงอร่อย”

    “ขอบคุณหลาย ๆ เด้อครูพอดีหล่ะบักพร้าวอยู่เฮือนกะแก่คักโพด ได้บักพร้าวห้าวมาใส่เข้ากันคักอยู่”

    “ยินดีค่ะลุงสี ถ้าอยากได้อีกก็บอกนะคะยังมีอีกเยอะเลย พ่อของเด็ก ๆ เขาจะตัดทิ้งเห็นบอกว่าจะปรับที่สวนทำบ่อไว้เลี้ยงปลาด้วยค่ะ”

    ครูสมัยพูดจบก็หันหลังไปมองหาเอกกับอาร์ตที่บอกว่าจะตามมาด้วย แต่ก็ยังไม่เห็นเงาเลย

    “มาแล้วครับ!”

    “ไปเถลไถลที่ไหนกันมาเด็ก ๆ ? รู้ไหมว่าแม่เป็นห่วง ไหนบอกว่าจะตามแม่ออกมาเลย”

    “ก็มาแล้วนี่ไงครับ” อาร์ตทำเสียงออดอ้อนเพราะกลัวแม่จะดุอีก โดยไม่รู้ตัวว่ามีแก๊งสาวส่าแอบหัวเราะคิกคักกับท่าทีของเขาอยู่

    “มาดูป้านางทำข้าวเม่านี่ลูก เคยกินแต่ไม่เคยเห็นใช่ไหม เอาไปเขียนเป็นรายงานส่งครูได้เลยนะ” ครูสมัยพาลูก ๆ เดินเข้าไปดูใกล้ ๆ

    "ไสเธอว่าคุณครูอยู่โรงเรียนหญิง ?" กรีนนี่สะกิดถามนกแก้ว

    "เอ๋า  ฉันกะได้ยินพวกนายแสงเว้ากันมื้อเซ้านี้"

    “สวัสดีค่ะคุณครู” เดอลากรีนนี่นกแก้วและต้นเข้าไปไหว้ครูสมัยพร้อม ๆ กัน 

    “อ้าวเด็ก ๆ อยู่นี่เอง ครูวานพวกหนูเล่าให้เอกกับอาร์ตฟังหน่อยนะว่าทำข้าวเม่าต้องทำอย่างไรบ้าง เผื่อเขาอยากเก็บข้อมูลไปทำรายงานส่งครูที่โรงเรียน”

    พูดเสร็จครูสมัยก็เดินไปดูนางเอ็ดที่กำลังฝัดข้าวอยู่ข้าง ๆ แคร่ใต้ต้นมะขามพออาร์ตเห็นนักเรียนของแม่ก็ทำสีหน้าไม่ถูก เพราะเมื่อกี้ออกอาการขี้อ้อนจนไม่เหลือคราบหนุ่มหล่อมาดเข้มเลย  โดยเฉพาะกับสายตาของเด็กหล่านั้น มันดูเย้ย ๆ ยังไงพิกล


    “อยากรู้อะไรบ้างหล่ะจะได้บอกถูก”

    เดอลาออกปากถามก่อน เพราะดูท่าทางแล้วรอให้อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนก็คงจะมืดค่ำพอดี

    “อะไรก่อนก็ได้ครับพวกพี่ยังไม่เคยเห็นเขาทำข้าวเม่าเลย”

    พูดเสร็จเอกก็หันไปพยักหน้าให้กับอาร์ตน้องชายฝาแฝด

    “ถ้าอย่างนั้นก็ดูที่แม่นางและพวกน้าต้อยทำอยู่นะคะ อย่างนี้เรียกว่าตำค่ะต้องใช้ครกกับสากแบบนี้ จะมีคนคอยคนข้าวเม่าด้วย ถ้าใครถนัดแล้วก็ใช้มือคนได้เลย ถ้าไม่ถนัดก็ใช้ไม้ไผ่ที่ใช้คั่วข้าวนั่นแหละคน”

    “ครกนี้ใช้ตำเฉพาะข้าวเม่าเหรอ?” อาร์ตยื่นหน้าเข้ามาดูครกใกล้ ๆ

    “ก็ตำได้หมดนั่นแหละพี่อาร์ต อยากตำอะไรก็เอามาตำ” นกแก้วรีบตอบ

    “ตำส้มตำได้ไหม” อาร์ตถามกวน ๆ

    “ตำได้สิหัวคนก็ตำได้นะ  จะลองไหม? ” เดอลาเริ่มหงุดหงิดกับท่าทีขี้เล่นของอาร์ต

    “หญิง!” กรีนนี่สะกิดเพื่อนพร้อมโบ้ยหน้าให้ดูว่าครูสมัยก็อยู่

    “แล้วยังไงต่อครับน้อง?”

    เอกไม่แน่ใจว่าสาวน้อยที่กำลังอธิบายเกี่ยวกับการทำข้าวเม่าให้พวกเขาฟังชื่ออะไร

    “เดอลาค่ะพี่เอกส่วนหนูชื่อกรีนนี่และคนนี้ชื่อนกแก้ว”

    กรีนนี่จีบปากจีบคอแนะนำชื่อในวงการของตัวเองและเพื่อน ๆ ให้เอกกับอาร์ตรู้จักอย่างเป็นทางการ

    “เดอลา!”

    อาร์ตอดที่จะหัวเราะกับชื่อของสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ ส่วนเอกเก็บอาการมากกว่ายิ้มมุมปากแค่นั้น

    “หญิง! เฮาบ่ไหวแล้วเดะ” คราวนี้สาวน้อยหมดความอดทนจริง ๆ

    “มาค่ะ เดี๋ยวกรีนนี่ศรีดอนผักหวานจะรับหน้าที่นำเสนอวิธีการทำข้าวเม่าต่อนะคะ”

    หลังจากที่เห็นท่าทีของเดอลาแล้วกรีนนี่ไม่รอช้าที่จะอาสามาทำหน้าที่แทนไม่อย่างนั้นคงทะเลาะกันแน่ ๆ

    “ครกที่พี่เอกกับพี่อาร์ตเห็นอยู่เนี่ยชาวดอนผักหวานเราใช้ตำทั้งข้าวเปลือกข้าวสุกและข้าวสารแช่ เวลาเราจะตำอะไรแต่ละครั้งก็ต้องอาศัยแรงคนเยอะ ๆ อย่างที่พวกพี่เห็นนี้แหละ เพราะสากกระเดื่องทั้งใหญ่และหนัก คนน้อย ๆ เหยียบไม่ขึ้นหรอก” กรีนนี่อธิบายยาว

    “แล้วไม้ที่พี่คนนั้นกำลังใช้ค้ำอยู่นั่นหล่ะ” อาร์ตชี้ไปทางบ่าวเขื่อนที่กำลังใช้ไม้ค้ำเพื่อค้ำสากกระเดื่องไว้

    “ใช้ค้ำก็เรียกไม้ค้ำสิ” เดอลาไม่วายที่จะค่อนแคะอาร์ตต่อ

    “อ้อเรียกไม้ค้ำนั่นเอง แล้วก่อนที่จะเอาข้าวเม่ามาตำต้องทำอะไรก่อนครับน้องเดอลา”

    “ว่ายังไงครับต้องทำอะไรก่อน” หนุ่มอาร์ตยังถามต่อ

    “ก่อนจะมาตำก็ต้องไปเกี่ยวข้าวก่อนสิ เกี่ยวเสร็จก็เอามาขูดเมล็ดข้าวออกจากรวงให้หมด จากนั้นก็เอาข้าวมาคั่วพอคั่วเสร็จก็เอามาตำอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะพี่เอก” เดอลาตอบแต่กลับไม่มองหน้าอาร์ตเพราะยังเคืองอยู่

    “ลูกหล่าไปเอาใบตองอยู่ข้างเล้าลุงคำมาให้แม่แน แม่สิห่อข้าวเหม่า”

    แม่นางร้องบอกเดอลาหลังจากที่ข้าวทุกคนช่วยกันตำข้าวเม่าหมดแล้ว

    “เอกกับอาร์ตไปช่วยน้องด้วยนะลูก”

    “ได้ครับแม่” อาร์ตรีบวิ่งตามเดอลาไปทางยุ้งข้าวของตาคำโดยมีเอกนกแก้วและกรีนนี่วิ่งตามไปด้วย

    เมื่อช่วงเช้าพอตาคำรู้ว่าน้องสาวจะทำข้าวเม่า ก็รีบไปตัดใบตองไว้รอทันที เพราะกว่าจะได้ใช้งานความร้อนของแสงแดดก็ทำให้ใบตองอ่อนยวบไปเยอะเลย เมื่อนำมาห่อข้าวเม่าพอดีใบต้องก็จะไม่แตก

    เด็ก ๆ ช่วยกันหอบใบตองมาวางไว้บนแคร่ จากนั้นก็ช่วยกันฉีกใบออกจากก้าน เอาไว้ให้ผู้ใหญ่มาห่อกันเอง อาร์ตกับเอกก็เรียนรู้วิธีการฉีกใบตองจากเดอลากรีนนี่และนกแก้วอีกทีนึงทางด้านบ่าวเขื่อนกับบ่าวเชิดก็ช่วยกันเฉาะมะพร้าวเพื่อที่จะขูดเอาเนื้อมาคลุกใส่ข้าวเม่าทำเป็นของว่างให้ทุกคนได้กินกัน


    “น้ำตาลพอบ่แม่อีหล่า ถ้าบ่พอไปเอาเฮือนยายจ่อยเด้อเดี๋ยวพ่อสิไปจ่ายเอง”

    ผู้ใหญ่บ้านคงเสนอออกค่าน้ำตาลให้

    “เอาอีกจักเคิ่งโลกะพอหล่ะพ่อ”

    แม่นางเอ่ยหลังจากที่ดูท่าว่าต้องทำข้าวเม่าคลุกเพื่อแจกจ่ายอีกหลายคนเลย

    “นางหล่าไปเอาน้ำตาลเฮือนยายจ่อยมาให้แม่แน”

    “จ้าแม่เอาเคิ่งโลแมนบ่” เดอลาถามแม่นางเพื่อความแน่ใจ

    “เอาเคิ่งโลกะพอลูก ฟ่าวไปฟ่าวมาเด้อ”

    “แม่ผมอยากไปดูร้านชำให้ผมไปกับน้องด้วยนะครับ” พูดจบหนุ่มอาร์ตก็วิ่งตามเดอลาไปติด ๆ

    “นี่ถามจริง ๆ เถอะจะตามมาทำไมเนี่ย!? ” ในที่สุดเดอลาก็ต้องถามออกมาเพราะทนไม่ไหว

    “พี่ก็บอกแล้วว่าอยากไปดูร้านขายของชำ อยากรู้ว่าที่นี่เขาขายอะไรกันบ้างเหมือนที่บ้านพี่ไหม”

    หนุ่มอาร์ตอธิบาย แต่จริง ๆ แล้วเขาก็อยากมาเป็นเพื่อนเธอนั่นแหละ ถ้าจะบอกไปแบบนั้นรับรองว่าเขาไม่ได้มาแน่ ๆ

    “ถ้าอย่างนั้นก็เดินไกล ๆ หน่อยนะ”

    เดอลากำชับนึกในใจถ้ามาเดินด้วยกันไปถึงร้านยายจ่อยต้องล้อเธอแน่ ๆ เธอไม่ชอบให้ใครมาล้อเธอเรื่องผู้หญิงผู้ชายอะไรพรรค์นี้เพราะเธอยังเด็ก แต่ก็แปลกเวลาเธอได้เห็นหน้าได้คุยกับอาร์ตถึงรู้สึกมีความสุข ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ชอบความขี้เก๊กขี้เล่นของเขา

    “ได้รองเท้าใหม่แล้วเหรอ”

    อาร์ตเอ่ยถามหลังจากที่สังเกตเห็นว่าเดอลาใส่รองเท้าแตะคู่ใหม่แล้วสาวน้อยมองดูเท้าตัวเองแล้วมองหน้าอาร์ตแทนที่จะตอบแต่กลับหัวเราะและสปีดตัวออกวิ่งนำไปจนถึงร้านยายจ่อย

    “ฟ่าวหยังกะด้อแท้อีหล่า ร้านแม่บ่ย้ายหนีดอก”

    ยายจ่อยเอ่ยปากแซวเดอลาเพราะเห็นวิ่งหน้าตั้งมาแต่ไกล

    “แม่จ่อยเอาน้ำตาลให้หนูแนเคิ่งโล”

    เดอลาสั่งน้ำตาลจากนางจ่อย แม่ค้าเนื้อหอมประจำหมู่บ้านทั้ง ๆ ที่ยังเหนื่อยหอบอยู่

    “ได้หยังกินน้อคือได้ซื้อน้ำตาลหนู”

    “เอาไปใส่ข้าวเหม่าครับ”

    ยังไม่ทันที่เดอลาจะตอบหนุ่มอาร์ตที่วิ่งตามก้นมาติด ๆ ก็ชิงตอบเสียก่อน เดอลาและนางจ่อยหันหน้าไปทางหนุ่มอาร์ตพร้อม ๆ กัน

    “เอ๋า แมนไผหล่ะหนิหนู”

    นางจ่อยขมวดคิ้วถามเดอลา เพราะนางไม่มั่นใจว่าหนุ่มน้อยหน้าหล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นคือใคร คับคล้ายคับคลาว่าเธอเคยเห็นที่ไหน แต่ก็นึกหน้าไม่ออก

    “อ้ายอาร์ตลูกคุณครูสมัยจ้าแม่จ่อย เพิ่นขอมานำอยากเห็นร้านแม่จ่อย” สาวน้อยอธิบายเสียงเรียบ

    “ส้มพ้อ! ว่าเคยเห็นยุไสลูกหล่าบ่ค่อยได้มากับครูสมัยแมนบ่แม่เลยจำหน้าบ่ได้เห็นแต่น้อย ๆ พุ้น ใหญ่มาหล่อคักเนาะ” นางจ่อยชมอาร์ตไม่ขาดปาก

    หนุ่มอาร์ตทำสีหน้าไม่ถูกเพราะปรกติไม่ค่อยมีใครมาชมเขาแบบนี้ ได้แต่หันไปยิ้มให้กับเดอลาแก้เขิน แต่ทว่าสาวน้อยทำหน้าบอกบุญไม่รับเลย ดูท่าทางเหมือนจะหมั่นไส้เขาด้วยซ้ำ

    “แม่จ่อยค่าน้ำตาลผู้ใหญ่บ้านเพิ่นสิมาจ่ายเองเด้อจ้า”


    พูดจบเดอลาก็คว้าถุงน้ำตาลที่นางจ่อยยื่นไหนแล้วรีบวิ่งหนีอาร์ตอีกรอบ

    “บ่ฟ่าวไปบ่ลูกหล่า? ”

    นางจ่อยถามหลังจากที่เห็นเดอลาออกออกจากร้านไปแล้ว แต่เด็กหนุ่มที่มากับเดอลายังยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าร้านเธออยู่เลย

    “ป้าครับผมขอซื้อลูกอมได้ไหมครับเอาหนึ่งบาท”

    “เดี๋ยวป้าเอาให้  ป้าแถมให้เป็นห้าอันเด้อลูกหล่า”

    นางจ่อยรีบไปเปิดฝากล่องพลาสติกที่นางใส่ลูกอมไว้เพื่อนำมาให้อาร์ตพร้อมกับลูบใบหน้าของเขาด้วยความเอ็นดู

    “ขอบคุณครับป้าจ่อย ป้าจ่อยใจดีหลาย ๆ ครับ”

    “โอ้ย เว้าอีสานกะได้ฮิหนิ ไปฟ่าวไปอีนางหล่าแลนฮอดคกตู้คำแล้วติหนิ”

    นางจ่อยหัวเราะพอใจกับความน่าเอ็นดูของอาร์ตส่วนอาร์ต


    “รอพี่ก่อนจะรีบไปไหนพี่มีของจะให้”

    อาร์ตถอนหายใจยาวหลังจากที่วิ่งตามเดอลามาจนกว่าจะทันเล่นเอาเจ้าตัวหอบแฮ่ก ๆ เลยทีเดียว  สาวน้อยเริ่มใจอ่อนหลังจากที่เห็นท่าทีของหนุ่มอาร์ตไม่ยียวนกวนประสาทเหมือนเมื่อครู่แล้ว

    “หนูรีบเอาน้ำตาลไปให้แม่”

    “ขอบคุณที่เล่าเรื่องการทำข้าวเม่าให้พี่ฟังนะ เอ้านี่เอาไป”

    หนุ่มอาร์ตยื่นห่อลูกอมให้กับเดอลาโดยไม่ลืมที่จะส่งยิ้มหวานให้ด้วย

    “ขอบคุณจ้า”

    สาวน้อยรีบคว้าห่อลูกอมจากมืออาร์ตแล้วก็รีบวิ่งนำหน้าเขาไปอีก ในใจก็คิดถ้าต้องเดินไปด้วยกันสองคนเธอคงก้าวขาไม่ออกแน่ ๆ เพราะปรกติเธอจะอยู่กับเพื่อน ๆ ผู้หญิงที่สนิทกัน อยู่กับผู้ชายสองต่อสองแบบนี้รู้สึกแปลก ๆ พิกล

    สักพักอาร์ตกับเดอลาก็มาถึงลานหน้าบ้านตาคำ สถานที่ที่ชาวบ้านดอนผักหวานไปใช้บริการครกกระเดื่องเพื่อตำข้าวเม่า วันนี้ครกของตาคำคงต้องให้บริการจนถึงค่ำแน่ ๆ เพราะมีอีกหลายคนที่มาจองคิวต่อจากพ่อสีของเดอลา


    หลังจากที่ได้น้ำตาลแล้วแม่นางกับนางเอ็ดก็จัดการคลุกข้าวเม่าที่สาวต้อยกับสาวขาวช่วยกันฝัดจนเสร็จ ส่วนมะพร้าวที่บ่าวเขื่อนและเชิดก็ขูดจนหมดเกลี้ยงเลย คุณครูสมัยนั่งยิ้มไม่หุบที่ได้เอามะพร้าวอร่อย ๆ จากสวนของเธอมาใส่ในข้าวเม่าคลุกนี้ด้วย

    ในระหว่างที่เดอลาและอาร์ตไปเอาน้ำตาลจากร้านยายจ่อย แก๊งสามเกลอโดยมีแสงแห้งและกบมารวมตัวกับกรีนนี่นกแก้วและเอกด้วย ส่วนเด็ก ๆ ก็จับกลุ่มเพื่อนัดแนะกันไปนาวานเกี่ยวข้าว ทำเอาเดอลาแปลกใจไม่น้อย ว่าเพื่อนเธอหรือแก๊งสามเกลอกินยาผิดสูตรถึงได้มารวมกลุ่มกันได้

    “หญิง! ฟ่าวมา มีข่าวล่ามาบอก!” กรีนนี่ยิ้มหน้าบานรอเดอลาเดินไปสมทบ

    “ข่าวหยังอีก” ปากก็คุยกับกรีนนี่แต่สายตาของสาวน้อยเดอลากลับจ้องดูแก๊งสามเกลอแบบไม่วางใจ

    “อ้ายเอกเพิ่นเว้าสุฟังเรื่องโรงเรียนเพิ่นมีอิหยังให้เรียนแน เฮาสิเตรียมตัวไว้ตั้วหญิง นี่พวกนายแสงนายแห้งนายกบกะสิเรียนต่อคือกัน”

    “เอก! อาร์ต! กลับกันลูกเดี๋ยวพ่อรอ” ครูสมัยเรียกลูก ๆ หลังจากที่เธอได้กล่าวลาและขอบคุณทุกคนสำหรับข้าวเม่าคลุกและยังที่ไม่คลุกอีกหลายห่อให้เธอนำกลับไปฝากพ่อกับแม่เธอที่ตัวจังหวัดด้วย

    “โอ๊ย ยังบ่ทันได้ฟังยุ” เดอลาบ่นอุบมองหน้าอาร์ตกับเอกด้วยแววตาผิดหวัง

    “ไม่เป็นไรเดี๋ยวพรุ่งนี้พวกพี่จะเล่าให้ฟังอีก” เอกให้สัญญากับทุกคน

    “พรุ่งนี้? ” เดอลาทำหน้างงไม่คิดว่าจะได้เจอกับเอกและอาร์ตอีก

    “มื้ออื่นพวกเฮามีนัดไปเกี่ยวข้าวนาวานพ่อนายแสง” กรีนนี่พูดไปยักคิ้วหลิ่วตาไปด้วย

    “อีเขียวมึงอย่ามาตีคิ้วใส่กู” แห้งผลักไหล่กรีนนี่ให้ออกห่าง

    “ตีคิ้วมีความสุขเด้อ บ่ได้พิศวาสเธอเด้อนายแห้ง จังเธอหน่ะให้ฟรีกะขี้เดียด”

    “ส่ำเธอแลกคุวะติ” นกแก้วเสริม


    จบตอนที่ 16

    แล้วพบกันใหม่นะคะ

    ด้วยฮักจาก งามดอกบัว ผู้แต่ง

    สงวนลิขสิทธิ์


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in