เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ก่อนตะวันรอนngamdokbua
นวนิยายเรื่อง : ก่อนตะวันรอน ตอนที่ 14 : บ่าวแวง
  • นวนิยายเรื่อง : ก่อนตะวันรอน

    ตอนที่ 14 บ่าวแวง

    ตอนนี้ผู้แต่งได้แต่งขึ้นเพื่อไว้อาลัยให้กับการจากไปของ หมอลำพรศักดิ์ ส่องแสง เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564 หมอลำท่านนี้เป็นหมอลำที่ลำเต้ยได้ไพเราะและมีเสน่ห์ โด่งดังตั้งแต่ปลายยุค 70 ซึ่งเป็นยุคของแก๊งสาวส่าแห่งดอนผักหวานยังเป็นเด็กประถมกันอยู่ วัฒนธรรมการแต่งกายตลอดจนการใช้ชีวิตของผู้คนในชนบทเป็นอย่างไรบ้างในยุคที่หมอลำเต้ยที่ชื่อ “พรศักดิ์ส่องแสง” ดังทั่วฟ้าเมืองไทย ไปร่วมสัมผัสพร้อมกันเลยค่ะ

    บ่าวแวง

    “เชิด! เชิด!” บ่าวเขื่อนร้องเรียกเพื่อนรักอยู่หน้าบ้าน ด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ

    “แมนหยังหมอ? คือมาแต่เซ้าแต่เซียวแท้” บ่าวเชิดร้องถาม ในขณะที่กำลังก้าวลงมาจากบันไดบ้าน

    “มีข่าวดีหว่ะ! ป้านางซวนไปกินข้าวอยู่เฮือนเลา” ชายหนุ่มยังตื่นเต้นไม่หาย

    “ป้าดโท้! คึล่วงหน้าคักแท้วะหมอ ได้การเลยแบบหนิ” บ่าวเชิดพลอยดีใจไปกับเพื่อนรักด้วย

    “เออหน่ะ! ว่าแต่มื้อหนิโตว่างบ่? ” บ่าวเขื่อนขยับเข้าไปใกล้เพื่อน

    “มีหยังวะ? ” บ่าวเชิดเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย

    “เฮาว่าสิให้โตพาไปตัดผมจักบึดแน” บ่าวเขื่อนขอร้องเพื่อน

    “ไปกะไปติหล่ะเฮากะว่าสิไปตัดคือกัน” บ่าวเชิดตกปากรับคำเพื่อนรัก

    “กินข้าวงายแล้วพ้อกันอยู่หน้าวัดเด้อหมอ” บ่าวเขื่อนพูดจบก็รีบปั่นจักรยานกลับบ้านทันที

    “แล้วพ้อกันเด้อ!”

    “มันสิฟ่าวอิหยังกะดักกะด้อวะ? ”

    บ่าวเชิดร้องตามหลังเพื่อนก่อนจะบ่นพึมพำกับตัวเอง


    ที่สี่แยกหน้าวัด

    “อ้ายเขื่อนสิไปไส? ” แสงเห็นบ่าวเขื่อนแต่งตัวโก้ ท่าทางคงกำลังจะออกไปนอกหมู่บ้านแน่ ๆ เลย ที่สำคัญยังปั่นจักรยานคู่ใจมาด้วย แต่งตัวหล่อ

    ขนาดนี้ไม่ปั่นอยู่ในหมู่บ้านแน่นอน แสงถามและ

    ตอบตัวเอง ระหว่างที่รอคำตอบจริง ๆ จากเจ้าตัว

    “ตาถึงแท้บักหล่า มื้อนี้อ้ายสิไปกิ่งอำเภอ ว่าสิไปตัดผมตั้วหล่า” บ่าวเขื่อนหัวเราะเอิ้กอ้ากพอใจกับความช่างสังเกตของเด็กแสง

    “โอ้ว! อีหลีบ่อ้ายเขื่อน ตัดทรงบ่าวแวงเด้ออ้าย ข่อยว่าอ้ายตัดแล้วต้องหล่อบักคักเลย” แสงแววตาใสปิ้งนึกภาพตัวเองกับทรงผมบ่าวแวง ทั้ง ๆ ที่กำลังยุส่งให้บ่าวเขื่อนเป็นคนตัด

    ป้าบ!

    “โอ๊ย! ไผวะ? ” แสงหันขวับไปตามทิศของฝ่ามือที่เพิ่งฟาดมาบนหัวของตน

    “ทำเป็นฮู้จักทรงผมบ่าวแวง น้อย ๆ แน่ ๆ ” บ่าวเชิดแกล้งทำหน้าตาเคร่งขรึม

    “โอ๊ยอ้ายเชิด ไผสิบ่ฮู้จักทรงผมบ่าวแวง คะเจ้าฮิตกันวะสั่น แต่ข่อยยังอยากตัด แต่กะตัดได้แต่ทรงนักเรียน ฮ่า.. ฮ่า..” แสงอธิบายยาว

    “เอาหน่ะ! ให้พวกอ้ายตัดก่อน เป็นเด็กน้อยกะทรงนักเรียนไป ค่อยบ่ได้รักษายาก” บ่าวเขื่อนตบไหล่แสง ก่อนที่จะปั่นจักรยานนำเชิดออกไป

    สายลมพัดมาปะทะใบหน้าของสองหนุ่ม สัมผัสได้ถึงอากาศที่เย็นสบาย ช่วงเช้าในฤดูฝนเช่นนี้ ถึงจะมีแดดออกมาแล้ว แต่ก็ยังมีเมฆน้อยใหญ่นับไม่ถ้วนลอยหมุนเวียนไปมา ทำให้การเดินทางของสองเกลอเป็นไปด้วยความสดชื่น ชายผ้าขาวม้าลายสก๊อตที่พันรอบคอปลิวไหวไปมาตามแรงลม กางเกงยีนตัดขาสั้นเหนือเข่ายังคงเป็นทรงที่นิยมของบ่าวแวงตามบ้านนา บ่าวเขื่อนและบ่าวเชิดเองก็สวมใส่ตามแฟชั่น เสื้อยืดตราห่านสีขาวของสองหนุ่มตัดกับสีผิวเข้มของทั้งคู่ทำให้มองเห็นได้ในระยะไกล

    ตามสองข้างทางที่สองหนุ่มกำลังปั่นจักรยานมุ่งหน้าไปกิ่งอำเภอนั้นเป็นนาข้าวทั้งหมด ซึ่งตอนนี้เริ่มมีน้ำเจิ่งนองเต็มไปหมด นาหลายผืนถูกไถกลบเพื่อเตรียมการปักดำ บางส่วนก็ไถคราดไว้เพื่อนำข้าวเปลือกที่แช่ไว้มาหว่านนั่นเอง บางเจ้าก็เพิ่งเอาข้าวเปลือกลงแช่


    แม้แรงลมที่ทวนกระแสการปั่นจักรยานของทั้งคู่จะพัดมาปะทะร่างให้ได้สัมผัสไอเย็น ๆ แต่ก็ไม่มีเสียงใด ๆ รบกวนบรรยากาศบ้านทุ่งได้เลย เสียงกบเสียงเขียดที่เพิ่งได้สัมผัสน้ำฝนใหม่ร้องประสานกันดังเซ็งแซ่

    “พากันไปไสน้อหล่า? ” เสียงตาน้อยร้องถามสองหนุ่มในขณะที่กำลังเดินตามฝูงควายมุ่งหน้าไปยังทุ่งนาของตน

    “ไปตัดผมครับลุงน้อย คันแทนาปั้นแล้วไป๊ลุง? ” บ่าวเขื่อนร้องตอบ ในขณะที่ชะลอความเร็วในการปั่นลง ตาก็มองเห็นว่าตาน้อยแบกจอบไปด้วย คงไปปั้นคันนาแน่ ๆ

    “โอ๊ย.. ลุงปั้นแล้วแต่มื้อวานนี้หล่ะมื้อนี้ว่าสิไปขุดเหงี่ยมาใส่เบ็ดนำ” ตาน้อยร้องตอบ ขณะที่บ่าวเขื่อนและบ่าวเชิดเริ่มปั่นจักรยานออกไปไกลแล้ว

    “ขุดเผื่อแนเด้อลุงน้อย มื้อแลงสิชวนหมอเขื่อนไปใส่เบ็ดนำ” บ่าวเชิดไม่วายหันกลับมาร้องวานตาน้อยหาเหยื่อเผื่อด้วย

    “พากันมาเอาเฮียนลุงเด้อมื้อแลง” ตาน้อยยิ้มก่อนจะร้องตะโกนบอกสองหนุ่ม


    อ๊บ ๆ อ๊บ ๆ

    เสียงกบเสียงเขียดยังคงร้องดังระงมไปทั่วทุ่งนา หลังจากได้น้ำฝนใหม่ ฝนที่คืนชีวิตให้กับสรรพสัตว์ตามท้องทุ่ง ฝนที่คืนชีวิตชีวาให้กับแมกไม้ใบหญ้าชาวไร่ชาวนาจะเข้าป่าหรือลงห้วยหนองคลองบึงในหน้านาเช่นนี้ไม่เคยขัดสนเรื่องอาหารการกินเลย จะขายจะแจกก็มี ไม่อดไม่อยากถ้าไม่ขี้เกียจตัวเป็นขน

    “หมอ ๆ มื้อแลงไปใส่เบ็ดนำเฮาเนาะ บอกลุงน้อยขุดเหงี่ยไว้ถ้าแล้ว” ในระหว่างที่ปั่นจักรยานมุ่งหน้าตรงไปยังกิ่งอำเภอ บ่าวเชิดยิ้มแป้นชวนบ่าวเขื่อนเพื่อนเกลออย่างมีความสุข

    “ได้การเลยหมอ พอดีหล่ะคันแมนได้ปลาสิเอาไปฝากป้านางนำ ฮ่า..ฮ่า..” บ่าวเขื่อนหัวเราะพอใจกับตัวเอง

    ทั้งสองเร่งฝีเท้าปั่นจักรยานจ้ำอ้าว โดยไม่มีใครยอมใคร ปั่นไปร้องเพลงฮิตติดหูของนักร้องชื่อดัง พรศักดิ์ ส่องแสง ไปด้วย

    สองหนุ่มปั่นจักรยานมาถึงปากทางเข้ากิ่งอำเภอ เริ่มมีรถจักรยานยนต์วิ่งผ่านไปมาแล้ว ส่วนมากจะเป็นบรรดาคุณครู ไม่ก็นายตำรวจหรือหมอพยาบาลที่พอมีเงินซื้อใช้ ถ้าเป็นจักรยานก็จะมีชาวบ้านร้านค้าที่ไม่ค่อยมีธุระปังนอกพื้นที่เท่าไหร่ การใช้จักรยานสัญจรไปมายังเป็นที่นิยมกันอยู่ โดยเฉพาะกระเป๋าสตางค์ เพราะจักรยานยนต์แต่ละคันนั้นราคาค่างวดก็แพงโขอยู่เหมือนกัน

    อีกกลุ่มคนที่ใช้จักรยานอยู่เป็นประจำก็เห็นจะเป็นบรรดาแวงนี่แหละ ที่พอมีเงินเก็บจากการรับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ สะสมจนได้ซื้อจักรยานไว้ปั่นไปหาเพื่อนฝูง หรือไม่ก็ปั่นไปหาจีบสาว ๆ ตามหมู่บ้านนั่นเอง แต่ก็มีบางคนถึงจะขี้เกียจตัวเป็นขนก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสได้ปั่นจักรยานเอาซะเลย ถ้าพ่อแม่เผลอก็เอามาขี่เล่นตามเพื่อน ๆ ไป

    ณ กิ่งอำเภอแห่งนี้ ถึงจะไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็พอจะมีแก๊งบ่าวแวงประจำถิ่นอยู่บ้าง บ่าวเขื่อนและบ่าวเชิดรู้จักมักคุ้นกันอย่างดีกับบ่าวเจ้าถิ่น เพราะมีเทศกาลงานบุญที่หมู่บ้านไหน บรรดาบ่าวแวงก็จะรวมกลุ่มกันปั่นจักรยานไปเที่ยวงานบุญตามหมู่บ้านนั้น ๆ โดยมีบ่าวแวงประจำหมู่บ้านที่มีงานบุญเป็นเจ้าบ้านพาเที่ยวพากินงานบุญบ้านตัวเอง นั่นแหละความรู้จักมักคุ้นของบรรดาผู้ชายตามชนบทต่างหมู่บ้านเริ่มต้นขึ้นที่การก้าวเข้าสู่วัยของบ่าวแวงนั่นเอง


    “เป็นจังได๋น้อพุบ่าวบ้านดอน มื้อนี้เอาทรงได๋” ช่างทองเจ้าของร้าน “ทองบาร์เบอร์” ร้องทักสองหนุ่มตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าร้าน

    “ทรงกระซากใจสาวมีบ่ครับอ้ายทอง? ” บ่าวเชิดทำหน้าตาทะเล้นถามช่างทองผู้หล่อเหลามาดเนี้ยบ ผมยาวรวบตึงไปด้านหลัง จนหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หลายคนเลียนแบบ แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียว

    “ทรงกระซากใจสาวกะทรงช่างหนิแหล่วน้องหล่า เฮาบ่? ” ช่าวทองกอดอกยืดตัว ท่าทางภูมิใจไม่น้อย

    “มื้อนี้ข่อยขอกระซากใจสาวต้อยผู้เดียวกะพอครับอ้าย ฮ่า..ฮ่า..” บ่าวเขื่อนรีบออกตัว

    “สาวต้อยทางได๋วะ? ” ช่างทองทำหน้าสงสัย

    “สาวต้อยน้องสาวหล่าลุงช่างสานติ๊บข้าวไทบ้านข่อยหนั่นแหมอ้าย” บ่าวเชิดรีบสาธยายแทนเพื่อน

    “โฆษกบ้านดอนเฮ็ดงานดีขนาดวะ ฮ่า.. ฮ่า..” บ่าวเขื่อนหัวเราะเอิักอ้ากพอใจ ช่างทองกับบ่าวเชิดเองก็พลอยหัวเราะผสมโรงไปด้วย

    “ว่าแต่มื้อนี้สิตัดในร้านรึโอเพ่นแอร์? ” ช่างทองยิ้มและถามอย่างมีเลศนัย

    “ป๊าดโท้! ข่อยกับบักเขื่อนถีบจักรยานมาฮอดร้านทองบาร์เบอร์ป่านนี้กะต้องในร้านตั้วขอรับ ฮ่า ฮ่า” บ่าวเชิดไม่พูดเปล่ามือก็ถูไถกันอยากจะเข้าไปในร้านเต็มทีแล้ว

    “เผลอบ่ได้เลยเนาะมึงหมอ” บ่าวเขื่อนแสร้งตำหนิเพื่อนแก้เขิน

    ภายในร้านขอช่างทองบาร์เบอร์มีเก้าอี้สำหรับให้ลูกค้านั่งสองตัว ส่วนกระจกก็มีสองบานติดตั้งอยู่ข้างฝาไม้อย่างแน่นหนา นอกเหนือจากอุปกรณ์การตัดผมที่ถูกจัดวางใส่ไว้กล่องไม้เก๋ไก๋ที่ช่างทองทำขึ้นมาเอง บางชิ้นที่ช่างทองไม่ค่อยได้ใช้ส่วนมากก็จะเป็นอุปกรณ์สำรองมากกว่าช่างทองก็จะเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะตรงหน้าเก้าอี้ของลูกค้านั่นเอง แต่สิ่งที่ทำให้ร้านตัดผม “ทองบาร์เบอร์” เป็นร้านตัดผมอันดับหนึ่งของ ที่บรรดาหนุ่ม ๆ เลือกมาใช้บริการ ก็เพราะศิลปะบนฝาผนังร้านนี่แหละ

    ฝาผนังด้านหน้าลูกค้านอกจากจะมีกระจกไว้ให้ลูกค้าและช่างได้ดูความเรียบร้อยในการตัดผมแล้วช่างทองยังตกแต่งร้านด้วยการนำปกนิตยสาร “นวลนาง” ไว้เอาใจ บรรดาลูกค้าอีกด้วย แต่ผนังหลังโต๊ะเก็บเงินเป็นผลงานการวาดรูปและลงสีของช่างทองเองซึ่งเป็นภาพบรรยากาศของชาวไร่ชาวนา ทั้งกำลังปักดำและกำลังเก็บเกี่ยว หลายต่อหลายครั้งที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการถามช่างทอง

    ว่า “วาดทำไมภาพคนทำนาแค่เดินออกไปนอกร้านก็เห็นแล้ว? ” ช่างทองก็ได้แต่ยิ้มอย่างอบอุ่นด้วยแววตาที่มีความหมายแทนคำตอบ

    ถึงแม้ว่าช่างทองต้องตกแต่งร้านให้ดึงดูดลูกค้า แต่ความชื่นชอบในงานศิลปะและความรักในบรรยากาศบ้านเกิดของช่างทองก็ยังมีมากพอ ให้เขาได้แบ่งพื้นที่ธุรกิจร้านตัดผมของเขาได้โชว์ผลงานศิลปะที่เขารักด้วยเช่นกัน

    “อ้ายทองเอาทรงจอนเด้ออ้าย” บ่าวเขื่อนอ้อมแอ้มบอกทรงผมที่ตัวเองต้องการ หลังจากที่รู้สึกตัวเผลอสำรวจร้านจนลืมตัว

    “อืม! อ้ายนึกว่าสิได้ตัดมื้ออื่นติหนิ ฮ่า..ฮ่า..” ช่างทองหัวเราะพอใจที่รู้ทันหนุ่ม ๆ

    “ตัดมื้อนี้หล่ะอ้าย มื้ออื่นมันมีนัดสาว” บ่าวเชิดรีบตอบแทนเพื่อน

    “เอ้า! เอาทรงฮิตบ่าวแวงน้อ เดี๋ยวอ้ายจัดให้หล่อ ๆ เลยน้อง” พูดจบช่างทองก็รีบคว้าหวีคู่ใจขึ้นมาจัดทรงให้บ่าวเขื่อน ก่อนที่จะลงมือตัดผมทรงฮิตของบรรดาบ่าวแวงตามสมัยนิยมทันที

    “อ้ายทอง ขอฟังเทปแนเด้ออ้าย? ” ระหว่างรอบบ่าวเชิดก็จัดการเป็นดีเจจำเป็นให้หนุ่ม ๆ ได้ฟังเพลงม่วน ๆ ไปด้วย

    “พรศักดิ์ เพราะหมอกำลังดังเลย อ้ายทองนำสมัยอีหลีมีสุอัลบั้มเลยซะ คันแมนอยู่บ้านเดียวกันข่อยมาขอสิงอยู่ร้านเจ้าแท้ ๆ ฮ่า .ฮ่า..”

    สามหนุ่มหัวเราะเอิ้กอ้ากพอใจ ก่อนที่จะปล่อยใจไปกับบทเพลงของ “อ้ายหนุ่มแขนซ้ายลายมังกร พรศักดิ์ ส่องแสง”


    ---- จบตอน ------

    แล้วพบกันใหม่นะคะ

    ด้วยฮัก งามดอกบัว

    สงวนลิขสิทธิ์

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in