เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
A Tale from MyanmarA 24-HOUR TALE
หลบนิวยอร์คมาสโลวไลฟ์ที่ย่างกุ้ง ตอนที่ 2
  • วันนี้จะพาไปดููอะไร local กันนิดนึงค่ะ เรานัดทานข้าวเช้าที่โรงแรมกัน  9:30 น. และ ออกไปเที่ยวกันอีก ชม. ให้หลังค่ะ ทายสิว่าแน็ตลากตัวเองลงไปกี่โมง คือตั้งปลุกไว้ 8:30 น. พอมันดังปัํป คำแรกที่พูดออกมาคือ นี่กูได้นอนแล้วหรอเนี่ย!? แล้วก็หลับตาหลับต่อ คืนนั้นกลับมาจากสนามบินก็ตีสองกว่าแล้ว ไม่รวมเวลากลัวผีอีก กว่าจะได้นอนไม่รู้กี่โมง แต่กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ โผล่ที่ลานเบรคฟาสท์ 10 โมงตรงเป๊งค่ะ 
    เพื่อนถามว่า นอนไม่พอใช้มั้ยภัคค์ทิ? (ชื่อที่ใช้ในวงการคือภัคค์ทิค่ะ lol) เพราะนั่งกินแบบเงียบ เค้าคุยไรกัน โนสนโนแคร์ รู้แค่หิวและง่วง แต่พอได้ โมฮิงกา* และน้ำผลไม้คั้นสดไป สติก็เริ่มมาค่ะ 

    วั น ที่  4  สิ ง ห า ขึ้นไปรถไฟไปดาวทาวน์ - ตลาดสดย่านชุมชน - Bogyoke Market - 999 Shan Noole

    คุณลูกครึ่งเกาหลีไปบอกคุณลูกครึ่งญึ่ปุ่นว่า ขึ้นรถไฟที่นี่ได้เห็น  country side ด้วยนะ !  เจ๊แกก็ตื่นเต้นไง พอคุณเซ้าแอฟริกันของเราตื่นเต้นไปด้วย ส่วนภัคค์ทิหรอ หึ ยืนยิ้มๆ มันต้องเหมือนรถไฟสงครามโลกบ้านเราแน่ๆเลย บ้านแน็ตอยู่แถวๆพระรามสอง มีทางรถไฟวิ่งผ่านหมู่บ้าน อยู่ข้างๆบ้านอี๊เลย ม๊าเลยสั่งให้ไปนั่งรถไฟไปวงเวียนใหญ่เพื่อให้เรียนรู้ชีวิตชาวบ้าน โดยเอารถไปจอดบ้านอี๊แล้วก็ขึ้นรถไฟไปกลับ make sense มั้ย? ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็ทำไปแล้ว ขัดไม่ได้ แต่เห็นวิถีชาวบ้านจริงๆ 

    สถานีรถไฟอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากค่ะ แต่ว่านั่งแท๊กซี่ไปดีกว่า เวลาเราน้อยและยังเพลียจากไฟลท์เมื่อคืนอยู่เลย ค่าแท๊กซี่ 2,500 จ๊าดค่ะ หรือ 2.5 US dollars อ่ะไปดูคลิปด้านล่างค่ะ ดูก่อนที่จะถูกลบเพราะไม่รู้จะโดนเรื่องอะไรรึป่าวเอาเพลงเค้ามาใช้ 


    คลิปด้านบนก็เป็นการตัดตอนนิดนึงจากที่ออกจากโรงแรมไปถึงตลาดแถวๆ Central Station ค่ะ ภาพไม่ชัด เอาเป็นว่าถ่ายวิดีโอไม่เก่งเนอะ ปรับไม่ถูก ขออภัยค่าาา

    รถไฟมาจากญี่ปุ่นค่ะ ด้านในยังเป็นป้ายสถานีของญี่ปุ่นอยู่เลย

    มองป้ายบนหัวแน็ตจะเห็นตัวตารางกำกับด้วยคันจิ ด้านขวาเป็น route ของรถไฟสายนี้ค่ะ 

    ถ้าพูดถึงเรื่องสภาพอากาศที่นี่เย็นดีค่ะ ชิลล์ๆ ตอนแรกคิดว่าจะร้อนมากๆ เหมือน กทม. แต่มานั่งนึึกดีๆ ย่างกุ้งมันภาคเหนือบ้านเรานี่นาาา ก็ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศไปอีกแบบค่ะ แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ แดดออกก็ร้อนอ่ะค่ะ แล้วก็ก่อนฝนตกนี่อบอ้าวแบบคุณพระหายใจไม่ลำบากจัง หน้าเริ่มชุ่ม อยากอาบน้ำเลย

    เห็นสัปปะรดแล้วก็อยากกินแต่ไม่กล้าซื้อ
    ตอนนี้แน็ตก็เริ่มขอบคุณม๊าที่ส่งแน็ตไปนั่งรถไฟไปวงเวียนใหญ่ขึ้นมานิดนึงเพราะมันทำให้เราเอาวัฒนธรรมของคนสองชาติมาเทียบกันได้ถือเป็น learning point ค่ะ สำหรับแน็ตวัฒนธรรมที่น่าเรียนรู้ไปไม่น้อยกว่า ตึก วัด สถานที่ คือวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของคนท้องถิ่นค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องอาหาร เครื่องแต่งกาย การทักทาย ชีวิตความเป็นอยู่ สภาพสังคม ภาษา แน็ตชอบบินมาแถบเอเชียเพราะคนแต่ละประเทศมีสิ่งที่ unique เฉพาะตัวมากๆ ถึงแม้ว่าประเทศจะติดกัน การที่เราได้มาเห็นอะไรที่ต่างออกไป มันทำให้เราเปิดมุมมองใหม่ๆในชีวิต และใจกว้างมากขึ้นค่ะ ด้วยความที่แน็ตพูดได้ 4 ภาษา แน็ตชอบไปที่ไหนที่เราเข้าถึงได้ง่ายๆค่ะ ถ้าเราพูดภาษาเค้าได้ เค้าจะเปิดรับเรามากขึ้น เราก็จะมีโอกาสได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆมากขึ้นด้วย แต่นี่ไม่ได้หมายความพูดพม่าได้นะ ได้แค่สองคำจากทริปนี้ค่ะ 5555 

    บนรถไฟก็เหมือนตลาดย่อมๆเลยค่ะ มีการขายผักผลไม้กลางโบกี้เลย แน็ตอยากซื้อมากแต่ไม่รู้จะหิ้วยังไง ผักสดมากกกกกกกกกก มาเป็นเข่งๆ เหมือนออกมาจากไร่ ถ้าใครชอบทำอาหารจะรู้ว่าการได้เจอของสดๆใหม่ๆ ผักใบเขียวๆสวยๆ แต่ไม่ได้ดูเหมือนโดนรมยาฆ่าแมลงมามันทำให้เราแฮปปี้ได้ขนาดไหนเนอะ อาหารจะอร่อยไม่อร่อยก็ขึ้นอยู่กับความสดของวัตถุดิบนี่แหละค่ะ   

    นอกจากจะมีพ่อค้าแม่ค้าขายของแล้ว ผู้โดยสารก็มีตั้งแต่เด็กน้อยยันรุ่นชรา พระสงฆ์ แทบจะทุกๆคนอ่ะค่ะ เพราะค่าโดยสารแค่ 200 จ๊าด ลืมบอกตอนแรกเนอะ แล้วรถไฟมาแล้วต้องรีบโดดขึ้นนะ มันไม่เหมือนจะจอดสนิทซะที แบบพร้อมเคลื่อนที่ตลอดเวลา แอบกลัวตกเหมือนกัน

    เรานั่งกินลมชมวิวไปสักพักค่ะ จำไม่ได้ว่านั่งกันไปกี่สถานี อ่านป้ายก็ไม่ออก แต่เหมือนรู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าทำไมสถานีนี้คนขึ้นลงเยอะจังและดูใหญ่กว่าสถานีอื่นๆด้วย มันจอดนานกว่าปกติด้วย เลยหันไปถามเจ้าหน้าที่ค่ะ ถ้าไม่ถามนี่นั่งเลยแน่ๆ รถไฟนี่ถ้านั่งครบรอบใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ค่ะ เอาเป็นว่าถ้าเห็น ตึกโรงแรม Shangrila เมื่อไหร่คือต้องลงตรงป้ายนั้นค่ะ (ตึกโรงแรมจะอยู่ด้านขวาถ้ามองจากรถไฟนะคะ)
    Yangon Central Railway Station

    ตอนแรกไม่มีใครกล้าลงไปถ่าย แน็ตนี่แหละค่ะ เดินลงไปคนแรกเลย
    ออกจากสถานีเลี้ยวขวาจะเดินเข้าตลาดค่ะ เป็นเขตที่อยู่อาศัย เหมือนชนบทบ้านเราที่บ้านยังเป็นเพิงๆอยู่ (ตามคลิปเลยค่ะ) แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายก็เป็นทางเดินไป Bogyoke Market ค่ะ 
    พวกเราเหมือนว่าจะเดินตามทางจุดสีฟ้าๆอ่ะค่ะ แต่ตอนนั้นถามทางกับคนแถวนั้นอย่างเดียวเลย Google Maps ใช้ไม่ได้ค่ะ ซิมโรมมิ่งแน็ตจับสัญญาณ 4G ไม่เจอ แต่ยังอัพสตอรี่ได้นะ แปลกเนอะ 

    ไปดูตลาดกันดีกว่าค่ะ ...
     
    เพื่อนบอกว่าอันซ้ายอร่อยนะ แต่ไมรู้ทำมาจากอะไร

    ป้าแกมีเด็กเดินตามเป็นขโยง

    สดมั้ยล่ะะะ!? กล้าพูดว่าสดเพราะไปยืนดูใกล้ๆเหมือนจะซื้อแล้วก็จากไป

    ร้านข้าวแกงมีให้เห็นเยอะมากค่ะ อย่างต่ำ 6-7 ร้านตั้งแต่เดินเข้ามาในโซนนี้ ไม่รู้ว่าแบ่งกลุ่มลูกค้ากันยังไง กับข้าวก็คล้ายๆกัน แต่มีร้านนี้ที่ดูน่าทานสุด มีครัวเปิดอยู่ด้านข้างโต๊ะแดงๆเลย

    นี่ก็น่าจะอาหารพื้นเมืองแต่ไม่ได้ถามเค้าว่ามันคืออะไร คุณป้าตักข้าว คุณลุงนั่งสับมะม่วงกันหน้าปากซอย

    เดินตรงเข้าไปเรื่อยๆ จะมีสะพานข้ามไปเป็นชุมชนที่ถือว่า ค่อนข้างแออัด เลยค่ะ 

    ร้านขายของชำร้านเดียวในซอยนี้

    โดดยางมั้ยล่าาา !? เค้าไม่ได้โดดเหมือนเราด้วยนะ เป็น pattern กะเพลงอีกแบบเลย
    บอกอายุเลยเนอะ 5555 

    อยู่ดีๆน้องคนนี้ก็เดินเข้ามาแล้วบ๊ายบายพวกเรา ขอแม่เค้าถ่ายรูปเลย น่าร้ากกกก

    แด่ทาสแมว
    สำหรับแน็ต แน็ตค่อนข้างคุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้ เวลาเรานั่งรถผ่านเวลาเราไปต่างจังหวัดก็น่าจะเคยเห็นอะไรแบบนี้กันบ้าง แต่นี่คือครั้งแรกที่แน็ตเดินเข้าไปในนั้นจริงๆ คนที่เฟรนด์ลี่ค่ะ แต่ไม่เท่าคนไทยหรอก เราก็เข้าใจว่าที่นี่คนเค้าก็อยู่ภายใต้ความกดดันกันมานานมากๆ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ จะให้ยิ้มแย้มแบบบ้านเราก็คงไม่ใช่ แต่ก็มีคนมาขอถ่ายรูปบ้างนะ

    จากนั้นเราก็เดินกลับออกไปทางเดินที่เดินออกมา จุดหมายต่อไปคือ Bogyoke Market ค่ะ ตอนนั้นอากาศอบพอสมควร เหงื่อซกกันหมด เพราะต้องเดินกันประมาณ 20 นาที เนื่องจากไม่มี maps.me แลัวจับสัญญาณ 4G ไม่ได้ เลยใช้ google maps ไม่ได้ ก็ถามทางไปเรื่อยๆอ่ะค่ะ อารมณ์แบบ The Amazing Race แต่ไม่ต้องรีบ 
    มันก็จะมีความเป็นซิตี้เข้าไปเรื่อยๆ ตาทางที่เราเดินไป ด้านหน้าเป็นสี่แยกใหญ่ซึ่งเพื่อนบอกว่า ตอนมาปีที่แล้วมันยังไม่มีทางม้าลายกับไฟข้ามถนนเลย เราจะสังเกตได้ว่าตอนนี้ย่างกุ้งกำลังพัฒนาจริงๆค่ะ จะเห็นตึกสร้างใหม่เยอะ รวมถึงตึกใหม่ๆที่ยังก่อสร้างกันอยู่ อีกอย่างนึงค่ะ มองในรูปข้างบนด้านขวา คือถ้าเราเดินตรงข้ามสี่แยกไปมันจะเป็น โรงแรมแชงกรีลาค่ะ พอข้ามไปให้เดินไปทางซ้ายต่อค่ะ จากจุดที่แน็ตถ่ายรูป มองตรงๆไปจะเห็นเป็น Sule Pagoda กลางวงเวียนเลยค่ะ จริงๆจะเดินไปทางนั้นแล้วค่อยเลี้ยวซ้ายก็ได้ แต่อ้อมมากค่ะ 
    เห็น KFC มั้ย ?? เค้าแปกสติกเกอร์หน้าร้านว่า 2nd Anniversary แหละ 
    ที่นี่ยังไม่เปิดรับ Foreign Investment กันมากเท่าที่ควรค่ะ คนที่นี่โดยส่วนใหญ่จะพูดว่าไม่อยากให้ย่างกุ้งเป็นแบบกรุงเทพบ้านเรา อ่ะ อ่านถึงตรงนี้อย่าเพิ่งด่าเค้านะ ฟังแบบใจกว้างๆค่ะ เค้ามีเหตุผลของเค้า เค้าไม่ได้เกลียดเรา เค้าไม่ได้ว่าเราแย่ ถึงแม้เราจะรบกันมานาน สะพายแล่งกันไม่รู้เท่าไหร่ 555 เหตุผลแรกเมือง พม่าเป็นเมืองที่  conservative มากจริงๆ ผู้หญิงส่วนใหญ่ยังแต่งตัวมิดชิด กระโปรงเลยเข่า ผู้ชายใส่สะโหร่ง นุ่งชุดประจำชาติเป็นเรื่องปกติ เป็นบ้านเราใครจะใส่โจงกระเบนออกมาเดินล่ะ จิงม่ะ ? เค้ายังหวงแหนและรักในวัฒนธรรมของเค้าค่ะ ถือเป็นเรื่องน่าชื่นชมนะ นี่ใส่ขาสั้นไปยังรู้สึกว่าโดนมองเลย แต่ไม่ไหวแล้วจริงๆ ร้อนมาก ถ้าไม่ได้เข้าวัดเข้าเจดีย์พวกเราแต่งตัวปกติค่ะ อีกเหตุผลคือว่า เค้าไม่อยากให้คนของเค้ากลายเป็นแรงงานชั้น 2 ค่ะ ถ้านึกดูจริงๆแล้ว คนไทยเก่งๆส่วนใหญ่ย้ายไปทำงานเมืองนอกกันหมด และการศึกษาของประเทศเรายังไม่ได้ถูกพัฒนาให้เทียบกับชาวต่างชาติได้ ไม่ต้องเทียบกับชาติตะวันตก เทียบกับสิงคโปร์หรือญี่ปุ่นก็พอเนอะ เค้ามีมหาวิทยาลัยท๊อปๆติดอันดับโลกแต่เรายังไม่มี เพราะฉะนั้นบริษัทข้ามชาติส่วนใหญ่ก็ชอบจ้างฝรั่งมาเป็นนายเราทั้งนั้นแหละค่ะ เรื่องนี้แน็ตเห็นด้วยแล้วก็ไม่ชอบที่เมืองไทยกลายเป็นแบบนี้จริงๆ Foreign Investment ไม่ได้แย่ค่ะ ดีด้วยซ้ำ แต่เราต้องรู้จักพัฒนาตนเองด้วยเนอะ แต่ก็นั่นแหละค่ะ ความเห็นส่วนตัวนะ อย่าด่าเรา ไปเที่ยวกันต่อดีกว่า ! อิอิ
    เค้าก็นั่งขายผักไรแบบนี้กันข้างๆฟุตบาทเลยค่ะ ซึ่งเมืองไทยไม่น่าจะมีแล้ว ถ้ามีก็เป็นรถเข็นไปเลย
    เดินตรงไปเรื่อยๆจากจุดนี้ก็จะถึง Bogyoke Market ค่ะ แน็ตไม่ได้ถ่ายรูปมาอีกเช่นเคย ตลาดจะมีสองฝั่ง ฝั่งดั้งเดิมกับฝั่ง New Bogyoke Market เหมือนโบ๊เบ๊บ้านเราอ่ะค่ะ มีตึกใหม่ตึกเก่า แต่ตึกเก่าเค้านี่สองชั้นหลังคาโบราณ ตึกใหม่ติดแอร์เย็นฉ่ำ เราต้องเดินข้ามสะพานลอยไปฝั่งดั้งเดิมค่ะ แต่ตอนขึ้นมาถึงหัวบันได้ โดนแอร์เรียกค่ะ เย็นมากก ไม่รอช้าทุกคนรีบเดินเข้าไปเลย ข้างในเหมือนห้างเลยค่ะ แต่จะมีขายทองเยอะมากกกก แบบ 24k อะไรสักอย่าง เราก็ดูไม่เป็น มีเครื่องสำอางเสื้อผ้าแบรนด์นอก ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านขนม 
    ก็ไม่ได้คิดว่าจะเจอร้าน bruch อะไรในนี้หรอกค่ะ ร้านนี้กาแฟ frappe อะไรไม่แพง แต่น้ำเปล่าขวดละเกือบ 2 เหรียญ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร เพิ่งมาคิดตอนนั่งเขียนอยู่นี่แหละว่ามันแพงงจัง

    จากนั้นเราก็เดินข้ามไปอีกฝั่งค่ะ ส่วนใหญ่ของที่ขายจะเป็น จิวเวอรี่ เพชร พลอย ทับทิม ทอง อะไรก็ตามที่แน็ตไม่อิน มีของฝากเล็กน้อย แต่เราดันไปติดกับกะสิ่งนี้ค่ะ 
    เป็นภาพวาดสีน้ำ ที่ปกติแน็ตก็ไม่ได้อินกะภาพวาดอะไรทั้งนั้น แต่วันนั้นทำไมไม่รู้ชอบมาก เพื่อนก็ชอบ ซื้อกันคนละสองใบเพื่อต่อราคา ภาพด้านบนแน็ตไม่ได้แต่งเลยนะคะ คือไม่อยากใส่ filter อยากให้เห็นสีจริงๆมากกว่า ตอนแรกเค้าคิด 4 ใบ 20,000 จ๊าดด นี่ก็คิดในใจ แพงจัง ต้องถูกอีกสิ แต่เกรงใจเพื่อนลูกครึ่งเกาเด๋วเค้าจะตกใจว่าทำไมเราต่อไม่ไว้หน้าเค้า เราเลยเงียบก่อน สักพักนางเริ่มต่อเองจ้า สุดท้ายนี่เลยบอกว่า 4 ใบ 70,000 นะ เพราะใบซ้ายเลอะมาก ลบก็ไม่ออก มันดูเก่ามาก แต่แน็ตชอบมาแน็ตจะเอา ไปๆมาๆ ซื้อเสร็จเดินออกมา นางบอกว่าดีแล้วที่ยูต่อ ไอไม่กล้าต่อ แต่ไอก็อยากต่อนะ นี่ก็ อ้าววววว คือลืมไปว่าคุณแม่เค้าเป็นคนเกาหลีค่ะ เรื่องต่อราคานี่เค้าชินแล้วแน่ๆ ยังไงเราก็ต่อไม่เท่ารุ่นแม่เราอยู่ดี สกิลเหลือล้นจริงๆ 

    พอจะกลับกัน ฝนตกหนักมากกกกก ไขข้อสงสัยทำไมร้อนมากๆ หลังจากนั้นก็กลับไปที่โรงแรมแล้วก็เหมือนทริปวันนี้จะจบ ไม่จบค่ะ หิว สายแดก ต้องกิน ! ที่โรงแรมข้างล่างมีร้านอาหารจีน เพื่อนอยากกินเป็ดปักกิ่งแต่ไม่ทันเค้าปิดซะก่อน เปิดอีกที 6 โมงเย็น ตอนนั้นยังแค่ 4 โมงค่ะ เราต้องรีบทำเวลา รีบกินรีบนอน 
    แถวโรงแรมมีห้างใหญ่ชื่อว่า Junction Square ค่ะ ก็มีซุปเปอร์ที่ชื่อว่า City Mart แล้วก็ร้านอาหารเต็มไปหมด มันจะมีสองตึก ตึกจอดรถกับฝั่งห้าง ชั้น 6 ของตึกจอดรถเรียกว่า Secret Garden เป็นชั้นร้านอาหารค่ะ อารมณ์ชั้น 7 Central World บ้านเรา แต่เล็กกว่า 10 เท่า ชั้น 5 ก็จะเป็นชั้นร้านอาหารเหมือนกันค่ะ คือจริงๆก่อนทำไฟลท์ไปพนมเปญวันก่อนก็ไปมาแล้วเพราะหิวข้าวและไม่อยากสั่งที่โรงแรม มันแพงมาก เลยออกไปหาไรกินที่นี่แหละค่ะ ได้ Kyay-Oh จากร้าน YKKO มาชามนึง Take Away กลับไปทานที่ห้อง มันคือก๋วยเตี๋ยวเหมือนบ้านเรานี่แหละค่ะ อร่อยดีนะ น้ำซุปหวานดี ไม่ค่อย MSG เท่าไหร่ แต่เค้าก็คงใช้แหละ ร้านนี้อยู่ชั้น 5 ค่ะ ลองหาในไอจีได้

    ไหนๆก็ไหนๆล่ะ ฝากเพจสายแดกของเพื่อนเลยล่ะกันค่ะ @dakmanghaimod ก็ช่วยๆกันโพสนี่แหละค่ะ แคปชั่นบางอันอาจจะโหดมาก แต่เราจริงใจค่ะ อันไหนอร่อยคืออร่อย อันไหนไม่อร่อยก็คือบอกตรงๆว่าไม่อร่อยค่ะ 

    พูดถึง Secret Garden แน็ตจำได้เลย มันมีอยู่ไม่กี่ร้าน หน้าลิฟท์ข้างล่างมี GONGCHA แต่พอขึ้นลิฟท์มาถึงชั้น 6 มี FUJI, ตำมั่ว, Shabushi, 999 Shan Noodle, The Spicy House (ร้านหม่าล่าเลย ถ้าชอบไปลองได้), ร้านฮอตพอทอีกร้าน หมดแล้ว 

    แต่พอมาวันนี้เลยมาลอง 999 Shan Noodle กับเพื่อนค่ะ เป็นร้าน tourist friendly คนในพันทิปก็มีรีวิวไว้นะ สั่ง Shan Noodle กับ Sticky Shan Noodle ไม่ค่อยต่างเท่าไหร่

    ตอนทาน Shan Noodle อย่าลืมทานกับเครื่องเคียงถ้วยเล็กๆ เข้ากันมาก เต้าหู้ทอดนี่ก็เด็ด ไปลองค่ะ มื้อนี้ก็ถูกมากๆอีกเช่นเคย ไม่เกิน 4 เหรียญเทียบกับปริมาณแล้วเหมือนกินก๋วยเตี็ยวฟูํดคอร์ทพารากอนสี่ชามในชามเดียว เส้นเยอะมากๆๆๆๆๆ ซึ่งแน่นอนเรากินไม่หมด แต่ซุปหมด เพื่อนอีกสองคนเส้นหมด ซุปไม่หมด

    จากนั้นก็ไปลุยซุปเปอร์มาร์เก็ตค่ะ เพื่อนชอบชานมพม่ามากกก เราขอบาย มันหวานไป เราเกลียดนมข้น นางก็เลยไปซื้อเป็นแบบชาผงๆมา แน็ตไปได้ Green Tea Salad มา น้องพม่าเอามาให้ลองบนไฟลท์ ติดใจไปสอยมาบ้าง ห่อละ 300 จ๊าด 3 cent เท่านั้น โกยรัวๆ กะเอาไปให้คนที่บ้านชิมด้วยค่ะ มันโอเคกว่าอันที่ไปกินที่ร้านอีก น้องพม่าแนะนำว่าถ้าอยากให้มันมีรสชาดเพิ่มก็หั่นมะเขือเทศ หั่นพริกใส่ บีบมะนาวนิ๊ดนึง อร่อยค่ะ จริงๆมันมีหลายยี่ห้อมาก แต่ยี่ห้อนี้ดูปลอดภัยสุด ดู packaging ดีหน่อย มีคำว่า Export Quality ใครได้แวะซุปเปอร์ก็ลองดูนะคะ


     อีกอย่างนึงก็คือ อะโวคาโด้ ค่ะ สดและถูกมาก 2 สองลูกในรูป 2,848 จ๊าด หรือประมาณ  3 เหรียญ


    ทริปเราก็จบเท่านี้แหละค่ะ หลังจากนั้นก็กลับไปนอนตายรอทำไฟลท์กลับดูไบกันล่ะ  ไฟลท์ต่อไปแน็ตไป Scotland ค่า อยากอัพเดทไปดูในไอจีได้เนอะ ในนั้นคืออัพเดทสุดแล้วค่ะ @pppp.pt 

    ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เที่ยวให้สนุกเนอะ :)

    ใครยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 ตามไปที่ลิ้งค์นี้ได้ค่ะ http://minimore.com/b/9bSfz/2 พาไปเที่ยวชเวดากองแล้วก็ไหว้เทพทันใจมาแหละ !

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in