เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
GO ALONE HONG KONGSor Winchester
003 : รับบัตรคอนเสิร์ตไม่ได้ First Time
  •  

                   รถบัสจอดตรงป้ายKowloon Bay Station ฉันลากกระเป๋าลงมาแล้วมองซ้ายมองขวาอย่างไม่รู้ทิศทาง  ตรงหน้าคือป้ายรถเมล์และมีสะพานลอยอยู่ใกล้ ๆมีแผงสังกะสีตีขึ้นกันเป็นแนวคล้าย ๆ กำลังก่อสร้างอะไรบางอย่าง  เห็นผู้คนเดินไหลไปตามทางเดียวกันเลยตัดสินใจเดินไปดูอีกฝั่งว่าตรงนี้มันคืออะไร  และฉันอยู่ตรงไหนของแผนที่

                   เดินมาเจอป้ายAmoy Plaza เลยรู้ว่าอยู่ผิดฝั่งซะแล้ว  ต้องข้ามสะพานลอยอันเมื่อกี้เพื่อไปยังฝั่งของ MTRKowloon Bay และเดินต่อไปอีกจึงจะถึงโรงแรม  ฉันตัดสินใจเดินย้อนกลับมา ระหว่างทางมองเห็นโพสอิทและกระดาษจำนวนมากติดอยู่บนสังกะสี  พอสังเกตดูดี ๆเลยเห็นว่าเป็นข้อความที่เกี่ยวกับการประท้วงทั้งนั้น  บางทีพื้นที่ตรงนี้อาจจะเคยมีม็อบก็ได้


                   ฉันลากกระเป๋าเดินทางไซส์ 28 นิ้วขึ้นสะพานลอยท่ามกลางอุณหภูมิสามสิบกว่าองศาเซลเซียส  ยังไม่ทันจะถึงไหนเลย  เหงื่อก็ท่วมตัวแล้ว  ระหว่างทางก็มองหาจุดสังเกต  ดูเหมือนบนสถานีจะถูกสร้างเป็นห้างสรรพสินค้าคร่อมทับเอาไว้ แต่จากกูเกิลแมพบอกว่าฉันต้องเดินผ่านตรงนี้ไปก่อน ซึ่งทางที่ต้องผ่านนั้นไม่มีลิฟต์หรือบันไดเลื่อนเลย  หรือลิฟต์ที่เจอก็เป็นลิฟต์สำหรับคนพิการเท่านั้น  ถ้าจะใช้ก็ต้องกดเรียกเจ้าหน้าที่ (รู้สึกคุ้นๆ ยังไงชอบกล) 


                   ฉันเดินมาเรื่อยๆ จนถึงโรงแรม  พนักงานต้อนรับติดป้ายชื่อบนอกเสื้อว่าEric ต้อนรับฉันอย่างดี พอยื่นใบจองห้องไปเอริคก็ให้เช็คอินก่อนเวลาได้เลย  ซึ่งตามกำหนดให้เช็คอินบ่ายสอง ฉันได้ห้องพัก438 ไม่เอาวิวอะไรทั้งนั้น แต่ห้องที่ได้มองเห็นสวนหย่อมเล็ก ๆ ของโรงแรม  ดูแล้วก็เพลินตาดี

                วางกระเป๋าเรียบร้อย  ก็คิดว่าออกไปรับบัตรคอนเสิร์ตและซื้อกู๊ดส์เลยดีกว่า  ตัวโรงแรมมีทางออก 2ด้านคือไปทะลุถนนเส้นที่อยู่ใกล้กับ KITEC ซึ่งเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ต  ตามข้อมูลที่หามาฉันเข้าใจว่า KITEC น่าจะประมาณเมืองทองธานี  แต่ของจริงคือดูเล็กกว่านั้นและเหมือนห้างมากกว่า  ชั้นล่างฝั่งที่เราเดินเข้าไปเป็นโรงแรม  เลยโถงกลางไปเป็นโรงหนัง  และมีร้านขายของกระจายตัวอยู่ 


    ระหว่างที่มองหาTicketDispensing Machines ก็หันไปเจอตู้ที่ว่าพอดี  ซึ่งภาพในหัวก็น่าจะประมาณตู้แบบหน้าโรงหนังบ้านเรา  สแกนโค้ดแล้วรับบัตรได้เลย  แต่ของจริงไม่ใช่ว่ะ  บนจอขึ้นว่าให้ใช้บัตรเครดิตรูด  หรือล็อกอินผ่านยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ด  ซึ่ง.... บัตรเครดิตที่ฉันใช้จองรายการนี้โดนแฮคไปเมื่อเดือนก่อน  ธนาคารเลยให้ทำลายบัตรและออกบัตรใหม่ให้  แต่เอาเข้าจริงบัตรใบเก่ายังไม่ได้ทำลายทิ้งนะ  แต่ก็.... ลืมเอามาอยู่ดี   

    งั้นล็อกอินเอาก็ได้เนอะ


    แต่จิ้มๆ ตู้ดูแล้วไม่มีให้ตัวหนังสือหรือช่องกรอกอะไรเลยว่ะ  มีให้ใส่แต่ตัวเลข  ลองยังไงก็ไม่สำเร็จ  ระหว่างนั้นก็มีผู้ชายคนนึงมากดเอาตั๋วจากตู้พอดี ซึ่งวิธีการก็แสนจะง่ายคือรูดบัตรเครดิตแล้วตั๋วก็หล่นลงมาในช่องด้านล่าง

    ฉันเลยตัดสินใจถามเขาว่าถ้าไม่ใช้บัตรจะทำยังไงดี  เขาช่วยดูเอกสารที่ปริ๊นมาแล้วตอบสั้น ๆ

    “คุณต้องลองติดต่อซิตี้ไลน์ดูแล้วล่ะ”

     

    จ้ะ...คำตอบสุดแสนจะเบสิค

     

    ตอนนั้นคิดว่าต้องโทร.อย่างเดียวแล้วล่ะ  แต่ในมือถือก็ไม่ได้เติมเงินมาเผื่อเลยติดต่อพี่สาวว่าให้ช่วยเติมเงินหน่อย  เพราะต้องใช้ พี่สาวก็ดูงง ๆ แต่ก็เติมให้ พอเติมสำเร็จฉันเลยเริ่มปฏิบัติการไล่ล่า(?)บัตรคอนเสิร์ต

    อย่างที่บอกไป  คอนเสิร์ตมันมีวันนี้  ยังไงวันนี้ก็ต้องได้บัตร

    อันที่จริงฉันจองบัตรไว้2 ใบ  เพราะตอนแรกจองพลาด  คอนเสิร์ตครั้งนี้บัตรมี 2 ราคาคือ 688 กับ 888ซึ่งความแตกต่างก็คือ 888 จะได้เข้าคอนเสิร์ตก่อนและได้รับโปสเตอร์จากศิลปินหลังคอนเสิร์ตจบ  เป็นใครก็ต้องเลือก 888 หรือเปล่า  แต่วันจองฉันกด 888 ไม่ได้เลยสงสัยว่าทำไมเลยลองกด 688 ไป ดันตัดบัตรไปแล้ว พอเข้าเว็บมาอีกที 888 ก็ยังกดได้ เลยกดซื้อ 888 ไป  ซึ่งในตอนนั้นใช้บัตรเครดิตคนละใบ  ไอ้ 688 ดันใช้บัตรเครดิตอีกใบซึ่งรับตั๋วได้

    แต่....  ฉันไม่ได้บินมาเพื่อแค่ได้ดูคอนเสิร์ตหรือเปล่า  ฉันอยากได้เจอศิลปินใกล้ ๆ นะ

    แวบแรกคือซื้อบัตรใหม่ก็ได้มั้ง  ยังไงบัตร 888 ก็ยังเหลือ  แต่คิดอีกทียังไม่ได้พยายามจนถึงที่สุดเลยนี่นา  ยังไงก็ลองติดต่อ cityline ซึ่งเป็นคนจัดจำหน่ายบัตรก่อนแล้วกัน

    ตอนนั้นคิดในใจ  จะมีคนรับสายไหมนะ  เพราะวันนี้เป็นวันหยุดซะด้วย  เช็คดูจากอินเตอร์เน็ต cityline เปิดจันทร์ – เสาร์แต่วันนี้หยุดเทศกาลไหว้พระจันทร์

    แต่โชคยังเข้าข้าง  มีคนรับสาย ฉันเลยเล่าสถานการณ์ให้ฟังไปว่าเกิดอะไรขึ้น  ฉันรับบัตรไม่ได้แบบนี้ต้องทำยังไง  ไอนี้ดยัวร์เฮลป์  พนักงานก็แนะแต่ละวิธีแต่มันจบตั้งแต่บัตรเครดิตใบนั้นไม่ได้อยู่กับเรา  สุดท้ายเลยได้ข้อสรุปว่าฉันต้องเอาพาสปอร์ตไปยืนยันตัวตนว่าเป็นเจ้าของบัตรจริงๆ และต้องไปที่ คุนทอง...  อะไรสักอย่าง

    แล้วมันอยู่ที่ไหนวะ

    ตอนนั้นเลยถามกลับไปว่ามันอยู่ที่ไหนล่ะ  จะไปยังไง พนักงานก็บอกว่า MTR ก็มาได้ และเขาก็บอกที่อยู่มาว่าตึกไหน ชั้นไหน  เราก็รีบจดแล้วขอบคุณ

    พอตั้งสติได้เลยกดๆ ดู  ปรากฏว่าที่เขาบอกคือฉันต้องไปสำนักงานใหญ่หรือไปบริษัทเขาซึ่งอยู่ตรงใกล้ๆ สถานี Kwun Tongนั่นเอง  และห่างออกไปจากสถานี KowloonBay แค่ 2 สถานี

    ตอนนั้นใจชื้นขึ้นมาหน่อยแล้ว  อย่างน้อยก็ยังมีความหวัง  ฉันเลยรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไป MTR  ระยะทาง1.2 กิโลเมตรท่ามกลางแดดเปรี้ยงนี่ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่เลย  (นึกถึงวินมอเตอร์ไซค์ขึ้นมาจับใจ)  แต่ตอนนั้นฉันก็พยายามใจเย็น ๆ และไปให้ถึง citylineก่อน  ระหว่างทางก็กดดูกูเกิลแมพอีกครั้ง  ทำไมมันบอกว่าปิดวะ  แต่มีคนรับโทรศัพท์และบอกให้ไปที่นั่น  มันก็คงจะได้แหละ

    พอไปถึงสถานีฉัน Kwun Tongฉันกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตรงนั้นให้ฟีลเหมือนสถานีศาลาแดง  ให้ฟีลแบบย่านสีลมมาก  มีห้างสรรพสินค้า  มีร้านอาหารดัง ๆ มากมาย  อีกด้านก็เป็นตึก  ผู้คนพลุกพล่าน  ดูเป็นย่านธุรกิจ  แตกต่างจากย่านท่องเที่ยวมาก ๆ ฉันเดินงงอยู่แถวนั้นสักพักก็หาตึกจนเจอ  ตอนแรกยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ามันจะเป็นเคาน์เตอร์แบบไทยทิกเกตหรือเปล่า สรุปว่าฉันต้องขึ้นไปบนตึกและไปสำนักงานเขา  ซึ่งถามรปภ.แล้วขึ้นไปได้เลย  ไม่ต้องแลกบัตรใด ๆ ทั้งสิ้น

    สะดวกดีเหมือนกันมั้ง

    พอไปถึงหน้าประตูฉันก็ยกหูโทรศัพท์แล้วแจ้งว่าฉันคือใคร  ที่โทรมาติดต่อไงเธอ สักพักประตูก็ปลดล็อกและพนักงานบอกให้ฉันนั่งรอ สักพักก็มีคนเดินออกมาแล้วบอกว่าขอดูพาสปอร์ตและหลักฐานว่าเป็นเจ้าของบัตรเครดิตใบนั้น  ตอนนั้นก็คิดในใจก็บัตรไม่ได้เอามาไงงงแต่เหมือนพนักงานรู้เลยบอกว่าสเตทเมนท์ก็ได้ ฉันเลยค้น ๆ ดูในอีเมล พอเรายิ่งรีบมันก็ยิ่งช้า ยิ่งหาไม่เจอ จนกระทั่งเจออีเมลสเตทเมนท์ พนักงานดูแล้วก็ให้ฉันเซ็นรับก่อนจะส่งบัตรคอนเสิร์ตให้

    รอดตายแล้วเรา  ตื่นยิ่งกว่ากินกาแฟอีก



    พอรับบัตรเสร็จเรียบร้อย  ก็คิดว่าควรกลับไปซื้อกู๊ดส์ให้เสร็จแล้วไปหาอะไรกินดีกว่า  ตอนนั้นท้องเริ่มร้อง  ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาก็ใกล้จะบ่ายสามแล้ว  ฉันเลยนั่ง MTR กลับสถานี Kowloon Bay

    ระหว่างนั้นเหลือบไปเห็นป้ายShuttle Bus ไปยังKITEC กับ MegaBox เลยคิดว่านั่งรถเอาแล้วกัน  ไม่ไหวจะเดินแล้ว  หมดแรงมาก ฉันเดินตามป้ายไปเจอจุดขึ้นรถ เห็นแถวยาว ๆ เลยคิดว่าน่าจะเป็นตรงนี้มั้ง  แต่หารู้ไม่ว่า KITEC กับ Mega Box มันคือคนละจุด และต้องขึ้นรถคนละที่ มารู้ตัวก็ตอนไปถึง Mega Box แล้ว  ตอนลงจากรถก็เพิ่งรู้อีกว่าMega Box มันคือห้างนั่นแหละ  มี Ikea อยู่ในนั้น แต่เป็นตึกสูง ๆ คนละเรื่องกับ Mega บางนา 55555 ตอนแรกเลยคิดว่าจะกินข้าวที่นี่เลยดีไหมนะ  แต่คิดอีกทีกลับไปซื้อของให้เสร็จ ๆก่อนแล้วค่อยกินดีกว่า

    พอกดดูกูเกิลแมพ  ระยะทางจาก Mega Box ไปถึง KITEC ก็ 650 เมตรเอง เอาวะ  เดินเอาละกัน  มาถึงขั้นนี้แล้ว ระหว่างที่เดินก็คิดเสียว่าเป็นการสำรวจเมืองไปในตัว  ย่านนี้ดูเหมือนจะมีโชว์รูมรถเยอะ  มีสำนักงาน ดูโล่ง ๆ ไม่วุ่นวายเท่าไหร่ แตกต่างจากภาพฮ่องกงที่คิดไว้ คงเป็นเพราะไม่ใช่ย่านท่องเที่ยวแบบที่เราเห็นตามสื่อบ่อย ๆ นั่นแหละ

    ไม่นานนักฉันก็เดินมาจนถึงKITEC พอเดินไปจนถึงหน้าบริเวณจัดคอนเสิร์ต  สต๊าฟบอกว่าเริ่มขายของ 6 โมงเย็นนะ...

    เออแล้วก็ไม่บอกไว้ในเว็บหรือในเพจหน่อยวะ


    ได้แต่ด่าในใจแล้วก็ยิ้มก่อนจะไปหาข้าวกิน  ตอนนั้นบ่ายสามแล้ว  คิดว่ากินอะไรก็ได้แล้วล่ะ  พอขึ้นไปชั้น 2 ซึ่งเป็นโซนขายอาหาร  สภาพเหมือนห้างร้างมาก  มองไปเห็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งดูมีคนเยอะสุด  แต่รวมฉันด้วยก็ไม่ถึง 6 คน  เลยเลือกอาหารมาแบบที่ดูน่าจะกินได้มา  ราคาถือว่าแรง ชุดนึง 78 ดอลลาร์ แต่ตอนนั้นหิวมาก  อะไรก็เอามาเถอะ

    ฉันเลือกสั่งชานมไข่มุกไปด้วย  เพราะต้องการของหวาน  ชานมรสชาติแบบอยากจะลืมมันไปซะ  ส่วนอาหารก็พอกินได้  แต่ใหญ่มากกกกกกกแน่นอนว่ากินไม่หมดและจัดการไปได้ครึ่งเดียว



    แปลกดีที่ร้านอาหารดูเป็นสไตล์ญี่ปุ่น  แต่รสชาติจีน เค็ม ๆ มัน ๆ  และในร้านเปิด KPOP ระหว่างเคี้ยวอุด้งกับไก่ทอดก็ได้ยินเสียงเพลงของG Friends กับ WannaOne

    พอท้องอิ่มแล้วฉันก็เดินข้ามถนนกลับโรงแรม  คิดว่าควรอาบน้ำก่อนแล้วค่อยออกไปตรงสถานที่จัดคอนเสิร์ตอีกรอบดีกว่า  และดูเวลาคิดว่าไม่น่าจะได้งีบแล้ว ฮึบไว้แล้วค่อยนอนทีเดียวหลังจบคอนเสิร์ตน่าจะดี

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in