เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ว่าด้วยเรื่อง"ทา-จิ-กิ๊-สะถาน"GEEJEE
ว่าด้วยเรื่องต่างๆที่เราเผชิญ
  • ในปี2014 เราได้มีโอกาสไปฝึกงานที่ประเทศTajikistan มีเพื่อนคนไทยเก่งๆเยอะ ช่วยเหลือกันตลอด และเจอเพื่อนสนิทที่อยู่คนละซีกโลกมาจากยุโรป เป็นคนโครงการเดียวกันนี่แหละ ได้ลองอะไรแปลก ไปเที่ยวที่ไม่เคยไป ทำอะไรสนุกที่ไม่เคยทำเยอะแยะเลย

    มาเริ่มที่การออกเสียงชื่อประเทศก่อน
    Tajikistan อ่านว่า ทา-จิ-กิ๊-สะ-ถาน เป็นประเทศอิสลาม ผู้คนที่นี่หน้าตาสวย หล่อ สั้นๆว่า"แขกขาว"
    ขอข้ามข้อมูลพื้นฐาน ภูมิศาสตร์ ภูมิประเทศไป แล้วมาว่ากันด้วยเรื่องต่างๆที่เราได้เผชิญ...


  • ว่าด้วยเรื่องอากาศ...

    ทาจิกิสถานเป็นประเทศที่อากาศร้อนมาก-มากที่สุด ร้อนแบบแห้งๆด้วย
    ตอนมาอยู่อาทิตย์แรก วันแรกตื่นนอนมาก็เลือดกำเดาไหล คอแห้งตลอด ต้องดื่มน้ำมากๆ อาทิตย์แรกหมดเงินไปกับซื้อน้ำ ตอนหลังกรอกน้ำจากบ้านไปดื่มที่บริษัทละ(ดีที่พกกระบอกน้ำเปล่ามาด้วย) ทำให้ผิวแห้ง ลอก ต้องทาครีมทุกวัน ดีที่พกmoisturizer มา1ขวด ทาทั้งตัวเลย วาสลีนปริโตเลียมเจลลี่ก็ต้องพกไว้ทาปากตลอดไม่งั้นจะแห้งมาก ยิ้มแล้วเจ็บปาก สระผมต้องลงครีมนวดผมแห้งกรอบๆหวียากและปลายเสียมากขึ้น ผมแตกปลายอย่างกับโฆษณาเลย พึ่งเคยเป็นครั้งแรกนะเนี่ย
    จนตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่นะ ร่างกายไม่ได้ปรับตัวได้อะไร คือเกิดมามีผิว มีผมแบบนี้แต่แรกอยู่แล้ว ก็ทำใจ ทาครีมต่อไป ฮ่าๆๆๆๆ
  • ว่าด้วยเรื่องมื้อกลางวัน...

    ทุกกลางวันเราจะไปกินข้าวด้วยกันกับเพื่อนนักศึกษาที่มาจากสเปนและเยอรมัน
    แล้วคุยกันตลอดว่าทำงานอะไรบ้าง? วันนี้เป็นยังไง?
    เพราะช่วงที่เราไป เค้าถือศีลอดกันอยู่ ก็จะมีแต่พวกเราเนี่ยแหละที่ไปกินข้าวกลางวันกัน
    สองวันแรกไปกินกับคนสเปน แล้วหลังจากนั้นก็มีคนเยอรมันมากินข้าวด้วย ทุกคนมาจากโครงการเดียวกันหมดเลยนะ
    ก็กลายเป็นกินข้าวกลางวัน3คนทุกวัน เลยสนิทกัน
    ช่วงก่อนหน้าที่เราจะมา คนสเปนจะกินข้าวกับเจ้านายเค้า กินร้านเดิมประจำตลอด1เดือนเลย
    แต่พอเรามา เราก็ชวนเค้าเดินไปลองร้านอื่น แต่มันแพงกว่า ก็เลยกลับมากินร้านเดิม
    แล้วพอคนเยอรมันมา ก็พาเค้าไปกินร้านเดิม เค้าบอกมีร้านอื่นน่าสนใจ คราวหลังไปกินกัน
    ...อีกวันก็ไปลองร้านใหม่ ...พออีกวัน ก็ไปลองร้านใหม่อีก
    จนกลายเป็นกินข้าวกลางวันไม่ซ้ำละ ลองร้านใหม่ๆในละแวกนั้นไปเรื่อยๆ
    ฮ่าๆๆ สนุกดี
    แต่เท่าที่ลองมา ยังไม่มีร้านไหนราคาถูกกว่าร้านที่กินประจำเลย
    ส่วนใหญ่แพงหมด แต่ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกของทุกคน
    ร้านไหนถูกและอร่อยก็จะจำไว้ ร้านไหนแพงก็จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย

    บรรยากาศการกินข้าวกลางวันเป็นอะไรที่ผ่อนคลายสุด
    เพราะคุยกันนู่นนี่นั้น เยอะแยะ เราทุกคนพูดภาษาอังกฤษกัน
    พอกลับที่ทำงานก็จะไม่ได้พูดเยอะเท่า เพราะที่ทำงานแต่ละคนก็แทบไม่มีใครพูดอังกฤษ




  • ว่าด้วยเรื่องการกระโดดน้ำตีลังกา..


    คือคนที่ทาจิเค้าค่อนข้างชอบว่ายน้ำ เนื่องจากอากาศร้อน นี่มาอยู่ที่นี่2อาทิตย์ ก็ได้ไปว่ายน้ำทั้ง2อาทิตย์เลย แล้วกิจกรรมที่ผู้ชายเค้ามองว่าcoolมากเลยคือการตีลังกาลงน้ำ ตีจากขอบสระ จะกระโดดพลิกตัวม้วนหน้าหรือจะตีลังกากลับหลังลงน้ำ ใครทำได้นี่ถือว่าcoolสุด.ไรสุด

    ไอเราก็ไม่รู้ไง คือตีลังกาลงน้ำสำหรับคนไทยมันก็ปกติปะ แต่เราเองตอนอยู่ไทยก็ลงน้ำปกติเนี่ยแหละ มีโดดบ้างตามความพอใจ แต่ก็ไม่เคยกระโดดแล้วตีลังกาลงสระมาก่อน..

    อาทิตย์แรก..hostพาไปสวนน้ำ(Aqua park) แล้วเห็นกลุ่มผู้ชายเค้าเล่นตีลังกาลงน้ำกัน เลยอยากทำด้วย ก็ขึ้นจาากสระ แล้วกระโดดเลย รอบแรกหันหน้าเข้าสระก่อน แล้วกระโดดม้วนตัวลง...โห เป็นอะไรที่โคตรสนุกเลย ลงน้ำ ตู้มม!! เลยรู้สึกยังไม่พอ อยากลองbackflipบ้าง ปีนขึ้นอีกรอบ ทีนี้หันหลังให้สระ แล้วกระโดดตีลังกาลงสระเลย ตู้มม! เฮ้ยหนุกหว่ะ เริ่มมีคนมองแล้วตบมือให้ ชูนิ้วโป้งมาให้ เราก็ก้มหัวขอบคุณกลับไป แล้วก็มีเพื่อนของhostมาชมว่าตีลังกาได้ดี เราก็ขอบคุณ แบบเกรงๆ(ในใจคือ..นี่พึ่งเคยทำครั้งแรกเหมือนกัน ก็ไม่รู้ว่ามันดี มันท่าสวยรึป่าว เพราะไม่เคยเห็นตัวเองตอนตีนี่หว่า5555)

    อาทิตย์ที่สอง...กลุ่มเพื่อนนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่มาอยู่ที่Tajikistanเหมือนกัน นัดกันไปเที่ยวที่บ้านพักตากอากาศ ที่นั่นมีสระว่ายน้ำด้วย ก็เลยไปว่ายเล่นอีก ตอนแรกไปลงสระผู้หญิงก่อน(ที่บ้านพักจะมีสระว่ายน้ำ2สระ แยกหญิง-ชาย เพราะเหตุผลทางศาสนา สระผู้หญิงจะมีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่เข้าไปว่ายน้ำได้ มีฉากกั้นกันคนมองเข้ามา แต่สระผู้ชายเจะเป็นเหมือนสระสหฯ คือลงได้ทั้งชายและหญิง)
    พอลงสระเท่านั้นแหละ นับยังไม่ถึงสิบนี่ขึ้นเลย ไม่ไหว;หนาว!!!! นึกภาพ แดดร้อนเปรี้ยงเวลาบ่ายสอง แต่น้ำในสระน่าจะ10-15องศาได้มั้ง โคตรเย็น~ มีสระน้ำพุด้านข้าง ในสระก็มีแตงโมลอยอยู่3-4ลูก คือคนเค้าซื้อแตงโมมาแล้วก็เอาลงไปแช่ให้มันเย็นแล้วค่อยมากินกัน ตอนกินนี่เย็นเจี๊ยบเลย ชื่นใจ;แล้วคิดดู น้ำเย็นขนาดเอาแตงโมไปแช่ในสระแทนตู้เย็น คนลงไปว่ายแม่งหนาวปากสั่นฟันกระทบกันดังกึกๆๆ
    เลยเปลี่ยนใจไปสระสหฯเผื่อมันจะดีกว่า..แต่สรุป น้ำเย็นเท่ากันหมด =_="

    พอไปถึงสระสหฯ ก็เจอเพื่อนผู้ชาย เค้าชี้ๆให้ดูเพื่อนที่อยู่บนแทนกระโดด ว่าจะกระโดดลงมาแล้วนะ เค้าก็โดดท่าธรรมดากัน เราเห็นก็เฮ้ย!อยากลองบ้าง คราวก่อนโดดจากขอบสระ คราวนี้มีแท่นกระโดดโว้ย~ เลยวิ่งขึ้นบันใดไปเลย มีคนอยู่แล้ว4-5คน เค้าก็ถามจะกระโดดหรอ? แน่ใจนะว่าจะกระโดด? เราก็แบบ อืมๆ โดดดิ ชัวร์! เค้าก็เอ้า! โดดก็โดด หลีกทางให้หมดเลย55 เราก็ลุยเลย

    รอบแรกโดดแบบตีลังกาม้วนหน้าก่อน ตู้มม!! ฮู้วว~ สนุกมาก โดดจากที่สูงประมาณ(ตึก1ชั้นได้) สนุกกว่าที่ขอบสระอีก แต่ต้องกะจังหวะดีๆ ไม่งั้นเจ็บหลังตอนลงน้ำ
    ไม่พอ..วิ่งไปอีกรอบ ไปโดดแล้วทำbackflip ลงน้ำ ตู้มม!! โอ้ย โคตรมัน 
    เล่นอีกสักพัก ก็ไปกินข้าวแล้วกลับมาโดดเล่นอีกรัวๆ
    โดดไปโดดมา ก็มีคนเดินมาขอจับมือ ถามว่ามาจากไหน แล้วชมว่าหูยย~ youโดดตีลังกาได้ดีมากเลย เราก็ยื่นมือให้จับแบบงงๆ ก็thank youกลับไป 
    แล้วคือ เพื่อนผู้ชายที่ไปด้วยกันเรียกเราว่าmaster ฮ่าๆๆๆๆๆ
    เค้ามาบอกเราว่า Now, You are Tajik man. ฮ่าๆๆๆๆ เราก็ยังงงๆ
    แค่กระโดดน้ำตีลังกาเนี่ยนะ?!? 
    มีฮากว่านั้นคือ เพื่อนอีกคนมาถามว่าเราเป็นนักกีฬารึป่าว?

    โว๊ะ~ ใจเย็นนะทุกคน ฉันแค่กระโดดน้ำตีลังกาเล่นเฉยๆ
    แต่ในใจก็เริ่มสงสัยละ ว่ากระโดดน้ำตีลังกามันมีอะไรนักหนา ถึงมาชมกันขนาดนี้

    ตอนเย็นกินข้าวกับHost เค้าก็ยังชมว่าเรากระโดดน้ำได้ดี ดีหว่าเพื่อนผู้ชายทุกคนอีก
    เราก็เลยนึกขึ้นได้เลยถามไป ได้คำตอบมาว่า
    การกระโดดน้ำตีลังกาที่นี่ ไม่มีผู้ผญิงคนไหนทำได้ เราก็ถามว่า Why?
    เค้าก็บอก Because we can't เราก็ถามอีก Why? why the women can't?
    เค้าก็บอก Because we can't, I can't เอิ่มม....สรุปเหตุผลที่ทำไม่ได้คือ
    We can't. เค้าบอกว่า ไม่ได้มีข้อห้ามอะไรนะว่าผู้หญิงห้ามกระโดดตีลังกา แต่ที่ทำไม่ได้เพราะทำไม่ได้เอง ผู้ชายบางคนก็ยังทำไม่ได้เลย แล้วพูดซ้ำ Because we can't, I can't.

    แต่พอเราทำได้ เลยเป็นอะไรที่coolมักมวากกกกก~ แบบว่า 
    WOW~ That girl can!!! ทุกคนเลยแปลกใจมาก
    ทุกคนแปลกใจจริงๆนั่นแหละ ตัวเองเองยังแปลกใจเลย
    ไม่ได้แปลกใจที่ตัวเองตีลังกาได้นะ แต่แปลกใจพวกเค้าเนี่ยแหละ55555

  • ว่าด้วยเรื่องบุหรี่...


    คนทาจิกก็เหมือนคนไทยนั่นแหละ มีทั้งสูบและไม่สูบ ส่วนใหญ่ก็ผู้ชายที่สูบแต่เราดันโชคไม่ค่อยดีที่คนใกล้ตัวล้วนแล้วแต่สูบบุหรี่ ยิ่งคนสเปนที่ทำงานบริษัทเดียวกัน ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันทุกวันก็สูบ จัดมากด้วย วันละซองเลย เพราะที่นี่บุหรี่ราคาถูกกว่าที่สเปนมาก
    เราพยายามเลี่ยงแล้ว แต่เลี่ยงไม่ได้เลย แรกๆก็เหม็นๆพอทน แต่อาการเริ่มหนักขึ้น ถ้าโดนควันบุหรี่แล้วน้ำตาจะไหลและแสบตามาก ลืมตาไม่ขึ้นเลย ตอนนี้เรารู้สึกแสบคอแสบจมูกแม้ไม่ได้กลิ่นบุหรี่ แค่หายใจปกติก็แสบคอ ต้องดื่มน้ำอุ่นมากๆถึงจะรู้สึกดีขึ้นหน่อย

    เฮ่อ~ ไม่ไหวเลย ที่ไทยมีต้นไม้เยอะกว่า และอากาศบริสุทธิ์กว่า ที่นี่อากาศแห้งและฝุ่นเยอะมาก


  • เกี่ยวกับงานที่ทำบ้าง...

    บริษัทที่เรามาทำงานอยู่ชื่อ BABILON-'T' ว่ากันว่า เป็นผู้ให้บริการที่ใหญ่ที่สุดของบริการโทรคมนาคมในTajikistan;

    “Вавилон-Т”
    крупнейший провайдер телекоммуникационных услуг

    ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็ใหญ่เหมือนกับAISบ้านเรานั่นแหละ แต่บริการครอบคลุมทุกอย่างทั้งinternetและโทรศัพท์;เหมือนTruemove คือโคตรใหญ่
    (ถึงจะทำงานที่BABILON-'T' แต่local sim cardที่เรากับเพื่อนใช้อยู่ก็เป็นของTcellนะ~เหมือนกับเราทำงานAIS แต่ใช่simของDTACอะไรประมาณนั้นอ่ะ555 เพราะมันแพงกว่ากันมาก และไม่มีsupportให้พนักงาน;หรืออาจจะมี แต่เราไม่รู้มั้ง)

    เรามาอยู่ใน IT Department : Technical support and Security servers >>จริงๆมันเป็นภาษารัสเซีย แต่เค้าแปลอังกฤษมาให้เราแบบนี้...แปลออกมาได้งงๆนะ =.,="
    บรรยากาศการทำงานก็สบายๆ ..อย่างที่บอก.....มีเราเป็นผู้หญิงคนเดียวทั้งoffice(ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่นี่ไม่ชอบเรียนสายนี้ หรือมีแต่ผู้ชายที่เรียนสายนี้ได้กันแน่ ฮ่าๆๆ)
    ที่ทำงานไม่มีปัญหา มีmanagerใจดี คอยให้คำปรึกษาตลอด :)


  • ว่าด้วยเรื่องที่ไม่ชอบ...


    วันนี้ได้คุยกับmanager เค้าถามว่าเราชอบอะไรในTajikistan จากที่อยู่มา1เดือน? เราบอก...ก็ชอบหมดนะ ทั้งบ้านเมือง สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ผู้คนfriendly สิ่งที่ชอบมีมาก
    เราเลยเลือกตอบเป็น2อย่างที่ไม่ชอบตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่แทน คือ

    1.เวลาเดินไปไหนผู้คนก็จะมองมาที่เราตลอด เพราะหน้าตาเราแตกต่างจากประชากรที่นี่มาก อันนี้เรารู้ตัวดี แต่เพราะถูกมองแบบเปิดเผยมากก ว่า-กูจ้องมึงอยู่นะ=stop&stareเลย นึกภาพดิ เดินไปไหนก็ถูกสายตามองมาตลอด มันไม่ได้รู้สึกดีเลย~มันอึดอัด! และถูกเข้าใจว่าเป็นคนจีน ดังนั้น ก็มีคนทักทาย你好ทุกวัน-ทั้งวันตลอดทาง เดินสวนกันนี่ได้ยินตลอดก็เจอคนทั้งที่ดี และเป็นมิตร
    แต่ในทางกลับกัน มาแกล้งเราก็เยอะ
    มาตะโกนใส่หูตอนที่เดินสวนกันนี่เจอบ่อยมาก, ชี้มาที่เรา/พูดว่า"นั้นคนจีน"(พูดภาษาเค้า)แบบเปิดเผย สำหรับเราถือว่าเสียมายาทมาก~เทียบเท่ากันนินทา(บอกเลยว่าเคยโดนนินทาด้วย ขนาดฟังไม่ออกยังรู้ว่าพูดถึงเรา เพราะท่าทางชัดมาก สายตาจ้องมาไม่มีปิดบัง มีหรี่เสียงเบาลงตอนเราเดินผ่านด้วยนะ555...ท่าชัดขนาดนี่จะหรี่เสียงเพื่อ??), มา你好ใส่เรารัวๆ, ทำท่าทางล้อเลียนว่าเราตาตี่;เอามือดันให้ตาเป็นขีด, ตะโกนวิ้ด/ฮู้ว/วี๊ บ้าบอใส่

    โว๊ะ!แรกๆก็พอทน หลังๆน่ารำคาญมาก แล้วคิดดู เราเจอแบบที่ทุกวัน อย่างน้อยวันละครั้ง...

    2.วัฒนธรรมการทักทายของคนที่Dushanbeคือhandshake(managerบอกว่าที่เมืองที่เค้าอยู่ ผู้ชายก็ทักทายผู้หญิงด้วยการจับมือปกตินะ แต่ที่Dushanbeเค้าไม่ทำกัน
    ตอนmanagerมาอยู่Dushanbe<เมืองหลวง>แรกๆก็งง เพราะเค้าก็ยื่นมือไปทักทายจะhandshakeกับผู้หญิง แต่กลับถูกมองเหมือนตัวประหลาด;เค้าบอกว่าสามารถรู้กลายๆว่าถ้าเห็นใครจะทักทายด้วยการจับมือ จะรู้เลยว่าเป็นคนต่างจังหวัด555)
    โดยยื่นมือขวามาจับมือกันแล้วเอามือซ้ายทาบอก เป็นการแสดงความเคารพและบอกว่าเราจริงใจ แต่...เค้าจะไม่ทำแบบนี้กับผู้หญิง เนื่องด้วยอิทธิพลทางศาสนา ผู้ชายจะแตะตัวได้เฉพาะคนในครอบครัวและภรรยาเท่านั้น สำหรับเพื่อนหรือคนอื่นที่เป็นผู้หญิงจะแค่พูดทักทาย
    ทำให้ตอนเจอกับเพื่อนร่วมงาน หรือคนอื่นๆ เวลาที่แนะนำตัวกัน บางคนก็ยื่นมือให้จับเพราะเค้าเข้าใจว่าเราเป็นคนต่างชาติและไม่ถือเรื่องพวกนี้ แต่บางคนก็ไม่ยื่นมือมา...ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่.
    นึกดู เราเจอกันเราทักทายกัน จับมือกันทุกคนมาเรื่อยๆทีละคน พอถึงตาเรากลับแค่พูดทักทาย มันแบบว่าเป็น awkward momentมากกกกก โดยเฉพาะถ้าเรายื่นมือออกไปแล้วนี่โคตรเก้อเลย ถึงแม้วัฒนธรรมไทยไม่มีการจับมือทักทายกันเหมือนชาวยุโรป แต่สำหรับเรา เราคิดว่าถ้าเราปฏิบัติกับใครคนใดคนคนหนึ่งแล้ว ก็ควรจะปฏิบัติกับคนอื่นๆเหมือนกันหมด ถ้าจับมือทักทายคนนึงแล้ว ก็ควรจะจับมือทักทายคนที่เหลือเหมือนๆกันหมด ซึ่งเราก็ปฏิบัติเช่นนั้นมาตลอด จนมาเจอคนที่นี่.. ทำให้แทนที่จะรู้สึกดีที่เจอกันครั้งแรก แต่กลายเป็นรู้สึกอึดอัดที่จะต้องทักทายกันตั้งแต่ตรั้งแรกแทน
    ...
    จนทนเก็บความสงสัยในใจไม่ไหว ต้องไปsearch

    คือที่นี่ ผู้ชายเค้าไม่handshakeกับผู้หญิงอ่ะ...พึ่งรู้ (- -)
    นี่สงสัยมานานมาก ว่าเวลาเจอกันก็เห็นเค้าทักทายกันนะ แต่ทำไมไม่มีใครทักทายเราเลยอ่ะ(คือที่ทำงานก็มีแต่ผู้ชายทั้งoffice)เวลาเค้าเจอกัน เค้าก็ทักทายกันด้วยhandshakeหมด แต่เสร็จแล้วก็ไปเลยอ่ะ....แบบ อ่าว! แล้วกูอ่ะ?? ไม่ทักทายกันบ้างเลย????
    ตั้งแต่อยู่ที่นี่มา ได้handshakeกับเพื่อนผู้ชายแค่2คน คนนึงเป็นชาวสเปนอีกคนเป็นชาวเยอรมัน เค้าก็handshakeกันเราทุกครั้งที่เจอปกตินะ รู้สึกดีอ่ะ แบบว่าเรามีตัวตน แต่กับคนที่นี่..ไม่เคยเลยอ่ะ
    เลยสงสัย จนทนไม่ไหว ถามคนสเปน เค้าก็บอก อ๋อ ประเทศเค้าก็เป็นคล้ายๆแบบนี้ ผู้ชายด้วยกันเวลาเจอกันจะทักทายด้วยการจับมือ แต่ถ้าต่างเพศจะkissที่แก้ม ผู้หญิงด้วยกันก็จะเอ่ยทักทายกัน ไม่ก็kissที่แก้มเหมือนกัน
    สรุป.ต่างเพศกัน จะไม่จับมือทักทายกัน
    เราก็ถึงบางอ้อเลย~
    มาsearch Googleดูก็เจอ..."Hand shaking between men and women is not encouraged in countries where the majority religion is Islam."
    โอเค เข้าใจละ คือสงสัยมานานว่าทำไมไม่มีใครทักเราเลยวะ(นอกจากชาวต่างชาติ2คนอ่านะ ฮ่าๆๆๆๆ)

    นี่แหละน้าา~ ความแตกต่างของวัฒนธรรม

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in