เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
NN traveling guidenuna wongvises
เวียดนามตามท้องเรื่อง ตอนที่ 3
  • เวียดนามตามท้องเรื่อง ตอนที่ 3
    ตอน นิงบิงห์ว่ะ

    วันสุดท้ายในเวียดนาม ด้วยอำนาจเเห่งการตัดสินใจจากตำเเหน่งหัวหน้าไกด์ทัวร์
    เราได้เลือก One-Day Trip ที่ "ฮาลองบก" แทนที่จะเลือก "ฮาลองเบย์"
    เนื่องจากเห็นว่าชื่อเเปลก น่าจะใหม่ เเละมีกิจกรรมที่หลากหลายกว่าการไปล่องเรือไปฮาลองเบย์

    8.00 ตรงของวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2020
    Ms.Dung ทักมาแต่เช้าว่าให้รอไกด์ที่ล้อบบี้อย่าหนีหายไปไหน
    ชะนีเก้าคนในชุดตีมยีนส์พร้อมหน้ากันในบรรยากาศสะลึมสะลือแต่หน้าเเน่น
    เราเลือกชุดตีมยีนส์กันในวันนี้เพราะเห็นว่าสีขาว-ยีนส์น่าจะถ่ายรูปสวยในบรรยากาศกับทุ่งนาสีเขียวตามที่ได้ทำการรีเสิชมาแล้ว เเละความชิบหายก็ยังคงอยู่กับเราจนกระทั่งทริปสุดท้ายในวันนี้

    เพราะว่าฝนตก !

    ตกเเม่งตั้งเเต่เเปดโมงเช้า ตกจนกระทั่งอุณหภูมิที่เราดูมาตั้งเเต่ประเทศไทยว่ามันจะยี่สิบองศาหน่อยๆ
    หล่นร่วงลงไปถึงสิบห้าองศา หนาวสัส หนาวชิบหาย 
    ลมฝนเเละความชื้นปะทะเข้าหน้าพวกเราทันทีที่ประตูอัตโนมัติที่ล้อบบี้เปิดให้ไกด์เดินเข้ามา
    พวกเรามองหน้ากันอย่างทำใจ จะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ไม่ทันแล้ว
    เราต่างคนต่างภาวนาให้ฝนหยุดเพราะว่าจะได้มีรูปถ่ายสวยๆกลับไปอย่างเงียบๆ 

    คุณ Kimmy ไกด์ผู้น่ารักของเราในวันนี้
    ไกด์วันนี้ของเราแนะนำตัวว่าชื่อคุณ Kimmy 
    นอกจากเเนะนำตัวเองเเล้ว ยังเเนะนำผู้โดยสารทั้งหมดบนรถให้เราฟังด้วย
    ผู้ร่วมทริปของเราก็จะมีชายหนุ่มชาวเวียดนาม สาวญป สาวออส 
    เเละคู่รักมาจากหลากหลายประเทศอีกสามคู่ 
    ส่วนเเก๊งพวกเรา เนื่องจากชื่อภาษาอังกฤษเรายาวมาก ไกด์เลยจะเรียกรวมๆว่า
    The nine ladies from Thailand 
    รู้สึกเหมือนตัวแทนประเทศไทยไปประกวดนางงามมาก 5555
    บนรถมีผู้โดยสารทั้งหมด 18 คน เป็นเเก๊งเราไปเเล้ว 9 คน 
    เรียกว่าได้ว่ากรุ๊ปใหญ่สุดอะไรสุด 

    ประทับใจคุณ Kimmy มากๆ
    นอกจากภาษาอังกฤษที่คล่องเเคล่วแล้ว 
    มุกตลกยังเเพรวพราว เเยบยล ไม่ยัดเยียดขายของ เเละบริหารจัดการเวลาได้ดีมากๆ 
    ประทับใจเเม้ว่าจะจำชื่อบริษัททัวร์ไม่ได้ 
    เอาเป็นว่าจองผ่านคุณเฮือง ก็จะได้พบกับบริการทัวร์ของคุณ Kimmy อย่างเเน่นอน

    คุณคิมมี่เล่าว่าเราจะใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง
    เดินทางจากฮานอย มีการจอดเเวะปํ้มน้ำมันหนึ่งหนเพื่อให้เราเข้าห้องน้ำเเละยืดเส้นยืดสาย

    เมืองที่เราจะไปชื่อว่านิงบิงห์ (Ninh Binh) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้ไกลจากฮานอยมากนัก
    ระยะทางก็น่าจะเทียบได้ประมาณกรุงเทพฯ - ชลบุรี 
    เเละฝนก็ยังคงตกหยิมๆตลอดทาง 

    คุณ Kimmy เล่าว่าในส่วนของฮาลองมีสองส่วน คือส่วนที่เป็น Land เเละ Ocean 
    ซึ่งเเปลเป็นไทย ก็เลยเล่นคำได้ว่า ฮาลองบก ฮาลองเบย์ นั่นเเหละ
    กิจกรรมช่วงเช้าคือการไปเยี่ยมชมพระราชวังที่ฮวาลือ (Hua Lu) 
    ซึ่งเป็นสถานที่ที่กษัตริย์องค์เเรกเเละองค์ที่สองของเวียดนามอาศัยอยู่มาก่อน

    เรามาถึงพระราชวังที่ฮวาลือช่วงประมาณสิบโมงเศษ
    คุณ Kimmy ไปซืื้อตั๋วให้เราและให้เราไปรอที่สะพานข้ามห้วยเล็กๆ
    ซึ่งเข้าใจว่าเป็นกำเเพงเมืองล้อมรอบพระราชวังในสมัยก่อน
    ดูความชื้นนั่นสิคะทุกท่าน ...
    ฝนยังคงตกหยิมๆตลอดเวลาการเยี่ยมชมพระราชวัง
    พวกเราตัวสั่นกันเหมือนลูกนกที่เปียกฝนพร้อมกับฟังเนื่องหาสาระจากคุณ Kimmy ไปด้วย

    คุณ Kimmy เล่าว่ากษัตริย์พระองค์เเรกของเวียดนามเลือกตั้งพระราชวังที่นี่เพราะว่าเป็นพื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาเเละเเม่น้ำ ยากต่อการโจมตีของข้าศึกในสมัยก่อน
    ให้สังเกตว่าจะมีธงประดับ ซึ่งธงนี้เป็นสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์
    ประตูหน้าพระราชวัง จะมีประดับธงห้าสี
    สำหรับวังของพระมหากษัตริย์องค์เเรก บนหลังคาก็จะมีมังกรประดับอยู่ด้วย
    เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ที่เเสดงถึงอำนาจของกษัตริย์
    หลังคาพระราชวังนี่ประดับรูปปั้นมังกร
    คุณ Kimmy เล่าว่าพระราชวังของเวียดนามจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก
    เนื่องจากคนเวียดนามสมัยก่อนตัวเล็ก
    เเละให้ระวังธรณีประตูด้วย เนื่องจากในสมัยก่อนที่นับถือผีกัน
    เวียดนามได้รับอิทธิพลด้านความเชื่อมาจากจีน ซึ่งผีจีนจะต้องกระโดดเคลื่อนที
    ดังนั้น ความเชื่อที่ว่าการทำธรณีประตูที่สูงๆจะป้องกันผีจีนได้ก็จะปรากฎที่วังด้วยเช่นกัน

    เเละใช่ค่ะ 
    กูนี่เเหละ ผีจีนที่สะดุดธรณีประตูที่ว่า ...
    ดีนะที่ใส่กางเกงยีนส์มา เลยไม่ได้เเผลกลับไปด้วย 
    ส่วนสูงดิฉันเมื่อเทียบกับพระราชวัง
    หลังจากชมพระราชวังที่เเรกเรียบร้อย
    เราก็เดินเท้าไปยังอีกฝั่งที่เป็นพระราชวังของกษัตริย์องค์ที่สอง
    ตามประวัติศาสตร์ที่คุณ Kimmy เล่า ...
    หลังจากกษัตริย์พระองค์เเรกสิ้นพระชมน์ พระราชโอรสก็ยังเด็กเกินกว่าที่จะครองบัลลังก์ไหว
    พระราชินีในสมัยนั้นจึงอภิเษกสมรสใหม่กับเเม่ทัพในสมัยนั้นเพื่อรักษาอำนาจเเละชีวิตของลูกๆไว้

    คุณ Kimmy เล่าอีกว่าเป็นการกระทำที่กล้าหาญมากๆของผู้หญิงในสมัยนั้น
    สำหรับการเเต่งงานสองครั้ง เเละทุกๆปี จะมีหนึ่งวันที่จะมีการนำพระรูปของพระราชินี
    กลับไปยังวังของกษัตริย์พระองค์เเรก เพื่อให้นางได้อยู่ร่วมกับอดีตสามีหนึ่งวัน

    หลังคาพระราชวังที่ไม่มีการประดับรูปปั้นมังกร
    สำหรับหลังคาวังที่สอง คุณ Kimmy ได้ให้ข้อสังเกตว่า
    จะไม่มีรูปมังกรบนหลังคา เนื่องจากท่านเเม่ทัพต้องการให้เกียรติเเละถวายความเคารพเเด่กษัตริย์พระองค์เเรก จึงไม่ประสงค์ที่จะใช้สัญลักษณ์มังกรบนวังของพระองค์

    เนี่ย .. มากับไกด์ก็จะดูมีความรู้ มีข้อมูลเยอะเเยะมาเล่าต่อเเบบนี้ 
    ตกลงนี่เป็นข้อดีหรือเปล่าวะ 

    หลังจากชื่นชมพระราชวังด้วยความปากสั่นงันงก
    เวลาประมาณ 11.30 กว่าๆ เราก็กลับขึ้นรถเพื่อไปรับประทานอาหารตามที่ทางทัวร์จัดไว้ให้

    ซึ่ง .. ความชิบหายของมันก็คือ
    เป็นอาหารที่ไม่อร่อยมาก มิน่า คุณ Kimmy เเม่งนั่งสูบบุหรี่รอข้างนอก
    พวกเราสายบุฟเฟ่ที่ตักอาหารพูนจานด้วยความไม่รู้ 
    ได้เเต่นั่งอมผัดผักรสชาติจืดชืด ไก่ทอดที่เหนียวจนน่าสยดสยองก็นอย่างพะอืดพะอม

    เอาวะ คิดซะว่ากินเพื่ออยู่
    ฮือออออออ

    ------------------------------------------------------------

    หลังจากจบมื้อกลางวันฝันร้าย
    ใช้เวลาไม่นานจากฮวาลือ รถทัวร์ก็มาถึงตามก๊อก (Tam Coc)
    ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของทริปนี้อีกที
    เนื่องจากเราจะได้ล่องเรื่อกัน โดยจะใช้เวลาล่องประมาณ 2 ชั่วโมงไปตามลำน้ำ
    ผ่านทุ่งนา หุบเขาที่เขาใช้เป็นซีนในเรื่อง King Kong The Skull Island 
    เเละก็จะได้ลอดถ้ำสามถ้ำด้วย เพราะว่าคำว่า Tam Coc เนี่ย เเปลว่า สามถ้ำ

    คุณ Kimmy นัดเเนะว่าหลังจากทุกคนล่องเรือเสร็จ
    ก็จะมีของมาขายมากมาย ถ้าจะไม่ซื้อก็ทำเฉยๆละพูดไปว่าโน
    รวมถึงคนขับเรือให้เราอาจจะขอทิป คุณ Kimmy บอกว่าจะให้หรือไม่ให้ก็ได้
    เพราะว่าทางท่าเรือเค้าจะจ่ายให้อยู่เเล้ว
    คุณ Kimmy เล่าว่าจะมีเรือประมาณ 1200 ลำให้บริการนักท่องเที่
    หลังจากนัดเเนะจุดนัดพบกันเรียบร้อย
    พวกเราก็ใส่เสื้อชูชีพ รับตั๋วจากคุณ Kimmy เเล้วก็ไปจ่ะ จับคู่ลงเรือ

    ซึ่ง...ชิบหายเอ้ยยย
    หนาวมากกกกกกกกกกกกกกกก
    วิวที่ต้องฝ่าลมหนาวราวกับนรกไปดู ไหนคือซีนในหนังวะ 555555
    ฝนยังคงตกพรำๆตลอดช่วงเวลาที่เราล่องเรือกัน
    วิวสวยระดับพันล้านจริงๆ
    คุ้มค่า คุ้มราคา คุ้มเเก่การรอคอย 
    เเต่ว่าเเม่มึงงงงงงงง หนาว หนาวมากๆ 

    กว่าสองชั่วโมงที่ลมตีหน้า
    ซีนที่เราพายเรือลอดเข้าไปในถ้ำเเล้วไปลอดออกอีกฝั่ง
    เป็นซีนที่อะเมซิ่ง เปิดประสบการณ์ ใจเต้นตึกตักที่สุด
    ซึ่งมีทั้งหมดสามถ้ำให้ลอด เเละขากลับก็ต้องกลับเส้นทางเดิม
    หมายความว่าเราจะได้ลอดทั้งหมดหกที คุ้ม คุ้มมาก

    เเต่ป้าคะ ช่วยพายเร็วๆหน่อยได้ไหมคะ
    หนูหนาววว !!!!
    บรรยากาศการลอดถ้ำ ลอดให้สะใจไปเลยจ้า หกที จุกๆ 
    เเน่นอนค่ะทั่นผู้อ่าน
    เราโดนไถตังจริงๆตามที่คุณ Kimmy ทำนายไว้
    ทันทีที่เราเห็นเรือขายขนม เราได้เเต่ภาวนาให้ป้าคนขับเรือเราขับผ่านไป
    จะได้ไม่ต้องปฏิเสธกันให้เสียใจ

    ไม่จ่ะ ... ป้าหันหัวเรือพุ่งเข้าไปในดงเเม่ค้าราวกับนัดหมายกันไว้
    เเม่ค้าก็หัวใสละเกิน "Buy for her, Tip her, she hungry" 
    อห มึง .. มองจากดาวอังคารก็รู้ว่ามึงฮั้วประมูลกันไว้
    เราตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ ป้าจะมาเหนื่อยอะไรวะ เพื่อนกุถึงฝั่งหมดเเล้วเนี่ย

    นอกจากนั้นเเล้วหลังจากลงเรือ ป้าก็ถามหาทิปทันทีที่ถึงฝั่ง
    ซึ่ง เราก็ปฏิเสธที่จะให้อย่างสุภาพเช่นเดียวกัน
    เนื่องจากป้าถีบเรือเอื่อยลอยชาย เเวะตลาดซื้อผัก เเละจอดเม้ากับเพื่อนระหว่างให้บริการเราอยู่
    เรือเรามาถึงเป็นลำสุดท้ายเพราะเพื่อนๆขึ้นฝั่งไปกันหมดเเล้ว ป้าจะเอาทิปอะไรวะ 5555
    ตรงไหนที่เรียกว่าบริการอันน่าประทับใจคะป้า !

    เราเดินผ่านเสียด่าไล่หลังของคุณป้าผู้ขับเรือ
    ประสบการณ์วิวหลักพันล้านก็เลยเป็นอันจบด้วยเสียงก่นด่าของคุณป้านักเวียดนาม
    นับว่าประทับใจ เพราะยังไงก็ฟังไม่ออกโว้ย 5555

    หลังจากกิจกรรมลงเรือ
    คุณ Kimmy พาพวกเราไปปั่นจักรยานรอบที่นา
    ซึ่งเป็นเส้นทางที่ทำให้เราได้ชมธรรมชาติที่สวยงามอีกเเบบ
    เป็นวิวที่มีที่ประเทศไทย เเต่ว่าไม่มีอากาศดีๆเเบบนี้ที่ไทยจ่ะ 
    ขับจักรยานมือเดียวสะด้วย เท่ระเบิดเลยกู
    เพื่อนร่วมทัวร์เดียวกับเรา
    บางคนก็มาขับจักรยานด้วยกับเรา 
    บางคนก็ไม่มา เนื่องจากปวดเขา 
    เเต่พวกเราเก้าคน นักขับจักก้าจากประเทศศาลายาสนุกกับกิจกรรมนี้มาก
    เเม้ว่าเนื้อตัวจะสั่นเทาเนื่องจากเปียกน้ำค้างจากการล่องเรือเมื่อกี้
    เเละรู้ตัวดีว่ากลับไปโรงเเรมกูจะต้องจับไข้เเน่นอน 555555
    เเต่ก็เป็นการปิดท้ายวันที่สดชื่นเเละสนุกมาก 

    ขอบคุณเเก๊งสาวๆที่ไว้วางใจหัวหน้าทัวร์คนนี้
    เป็นทริปที่สนุกเเละสั่นเทาไปทั้งหัวใจจริงๆจ่ะ 5555

    The nine young ladies from Thailand !!!
    ดิฉันสลบ ...
    เเทบจะทันทีที่ขึ้นรถทัวร์เพื่อเดินทางกลับฮานอย
    รู้สึกไม่ค่อยดีนิดหน่อย เนื่องจากนั่งหนาวสั่นมาทั้งวัน
    เเละรู้ตัวดีว่ากูจะต้องเป็นไข้เเน่ๆ 
    เเต่ว่าจะเป็นไมไ่ด้ ถ้ามีไข้จะไม่ได้เข้าประเทศ
    ตอนนี้เขายิ่งเฝ้าระวัง COVID19 กันอยู่ !

    หลังจากถึงโรงเเรมเเละทานยาพอเป็นพิธีเเล้ว 
    พวกเราเก้าคนก็ออกไปเดินในถนนฮานอยกัน 
    เเวะซูเปอร์มาเกตเพื่อซื้อของฝาก อันได้เเก่มะม่วงหิมพานต์ราคาสองเเสนสาม (VND)
    ซึ่งเเม่งอร่อยมากจริงๆ รู้งี้อยากซื้อกลับมาอีกหลายๆถุง 

    หลังจากนั้นเราก็ไปรับทานอาหารร้าน Pizza 4P'S ที่จองไว้ตั้งเเต่เมื่อวานกัน

    PIZZA 4P'S ร้านอาหารที่ฮอตที่สุดในฮานอยในเวลานี้จ่ะ
    ร้านอาหารร้านนี้ได้รับเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากผู้มาเยือนเวียดนาม ที่เป็นที่รู้จักกับหนึ่งกล่าว
    ว่าเป็นร้านที่ต้องมา ต้องมากินให้ได้เมื่อมาถึงเวียดนาม
    เสียใจหน่อยๆที่รู้สึกพะอืดพะอม เเล้วก็ทานได้ไม่เต็มที่เนื่องจากพิษไข้เบาๆ

    เราทานพิซซ่าได้ชิ้นนึ สปาเกตตี้อีกสองสามคำก็ขอตัวกลับก่อน
    เนื่องจากทวดเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกัน เลยประคับประคองกันกลับมาถึงจนถึงโรงเเรม

    หลังจากซัดยา อ้วกไปหนึ่งยก (เสียดายของสัส ตั้งหลายเเสน) 
    เเล้วก็นอนพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม 
    พิษไข้เเละความพะอืดพะอมทั้งหลายก็หายเป็นปลิดทิ้ง ...

    -------------------------------------------------------------

    เช้าวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2020

    รถตู้จากบริษัททัวร์คุณเฮืองมาจอดหน้าโรงเเรมตรงเวลาเป๊ะ
    พวกเราหอบสารร่างที่เหนื่อยล้าประมาณนึง
    พร้อมกับหน้ากากอนามัยเเละเจลล้างมือเต็มพิกัด
    เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ COVID19 ณ สนามบิน Noi Bai เเละ สุวรรณภูมิ

    ไม่น่าเชื่อว่าซี ฟ้า เเละกี้จะซัดเบอร์เกอร์คิงไซส์ XL จนหมดก่อนขึ้นเครื่อง
    เเละกู ผู้กินเเฮชบราวน์หมดเเต่เพียงผู้เดียว
    เเละพวกเราหลายๆคน ที่ซื้อรอยซ์ช็อคโกเเลต ของฝากชื่อดังจากญี่ปุ่นที่สนามบินเวียดนาม กลับไปเป็นของฝากจากเวียดนาม 

    มึนงง สับสน เเละอิหยังวะ ...
    เเต่ว่าก็เป็นทริปที่สนุกสนาน เเละเป็นความทรงจำที่ดีๆในปีนี้

    ปิดท้ายด้วยพื้นที่โฆษณา
    เนื่องจากทริปนี้เราได้รับเกียรติจาก Youtuber ชื่อดังชาเเนล Ping Wipawee
    ให้เกียรติรับเชิญไปเที่ยวกับเราด้วย ซึ่งคุณผิงได้กล่าวอย่างซาบซึ้งขณะเดินเข้างวงช้างตอนขากลับว่า
    คราวหน้าจะ(ไม่)มาด้วยกะพวกมึงอีกอย่างเเน่นอน :)

    สำหรับท่านที่อยากเสพภาพเคลื่อนไหวของทริปนี้
    เชิญรับชมเเละรับฟังได้เลยค่ะ 



    สำหรับดิฉัน นนคนดีคนเดิมของทุกคน
    ลาไปก่อนกับเวียดนามตามท้องเรื่อง
    กับดิฉัน หัวหน้าไกด์ทัวร์เวียดนามเหนือในครั้งนี้

    ทริปหน้าไปไหนไว้ว่ากันอีกทีจ่ะ 5555

    รักซ์เสมอ สุดใจ
    นนเอง

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in