เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SEVEN DAYS (NCT Johnny X Jaehyun)a week before valentine
1 - MONDAY







  • “ถ้าแจฮยอนขอฉันเป็นแฟนตอนนี้ ก็จะเป็นคนแรกของอาทิตย์นี้ และ ใช่ ฉันจะตอบตกลง”


    แจฮยอนไม่คิดว่ายองโฮล้อเล่นเลยสักนิด


    นัยน์ตาของเขาเบิกกว้างเมื่อค่อย ๆ ทำความเข้าใจประโยคเมื่อครู่ เขาเห็นประกายตาจริงจังขณะถ้อยคำเหล่านั้นผ่านริมฝีปากของรุ่นพี่ตรงหน้าออกมา และยิ่งเชื่ออย่างสนิทใจว่ามันไม่ใช่คำพูดพล่อย ๆ เมื่ออีกฝ่ายเว้นจังหวะ เน้นคำว่า ตกลง จนราวกับว่ามันดังก้องอยู่ในห้องนี้


    คนอายุน้อยกว่าอ้าปาก ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดรอด ช่วงจังหวะที่ความเงียบค่อย ๆ โรยตัวลงมาราวกับจะดูดกลืนเสียงทั้งหมดให้หายไปจากโลก คงเหลือไว้เพียงประโยคของยองโฮดำเนินไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึกของแจฮยอน ก่อนที่มันจะถูกทำลายลงเมื่อเขากะพริบตา


    แล้วประตูห้องก็เลื่อนเปิดออก


    “แจฮยอน! พิซซ่ามาแล้--”


    เสียงของคิมจองอูขาดหายไปในช่วงสุดท้าย และแจฮยอนห้ามไม่ทัน


    ยองโฮหันไปมองประตูห้องชมรมที่มีรุ่นน้องตัวสูงยึนอึ้งอยู่ ในมือถือถาดพิซซ่าถาดใหญ่ พอเห็นหน้าเขา รุ่นน้องคนนั้นก็โค้งศีรษะให้ด้วยความตกใจ คนที่ตามมาข้างหลังอีกคนพอเห็นเขาก็หน้าตาตื่น แล้วโค้งให้เหมือนกัน


    เขาหันกลับมามองรุ่นน้องฝั่งตรงข้าม ก่อนจะส่ายหน้าขำ ๆ


    “นี่สินะที่บอกให้พี่ทำเป็นมองไม่เห็น”


    แจฮยอนเงยหน้าควับ รู้สึกเหมือนประโยคเมื่อครู่มีอะไรไม่ถูกต้อง


    …พี่?


    แทนตัวเองว่า พี่?


    “อ่า ใช่ครับ” เขาพยักหน้ารับ พยายามยิ้มกลบเกลื่อนสถานการณ์ “รุ่นพี่กินด้วยกันสิ”


    “ค่าปิดปากเหรอ”


    “…จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ”


    ยองโฮหัวเราะ ทุกคนในห้องอึ้ง ปกติไม่ค่อยมีใครเห็นเขาหัวเราะหรอก แจฮยอนก็ไม่เคย ไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นเรียนกันจะไปเห็นตอนไหน ในชมรมก็ไม่ได้มีช่วงจังหวะให้หัวเราะกันเท่าไหร่


    มองรอยยิ้มกว้างจนตาหยีแล้วทำให้แจฮยอนนึกถึงหมียักษ์ตัวใหญ่ แต่เขาไม่ได้พูดมันออกไป แค่อมยิ้มกับตัวเองแล้วกวักมือเรียกเพื่อนให้ลากเก้าอี้มานั่งด้วยกันที่โต๊ะ


    เขาแนะนำโดยองกับจองอูให้ยองโฮรู้จักสั้น ๆ แล้วก็เริ่มปฏิบัติการณ์แบ่งพิซซ่าถาดใหญ่ พิซซ่าหน้าฮาวายเอี้ยนส่งกลิ่นหอมฉุย โดยองเขี่ยสับปะรดออกพลางทำหน้าแหย


    “โดยองไม่ชอบสับปะรดเหรอ” ยองโฮเป็นคนถาม


    “ไม่ชอบสับปะรดบนหน้าพิซซ่าครับ” คิมโดยองทำหน้าเหมือนกลืนยาขม “มันแปลก ๆ อะ”


    “แล้วแจฮยอนล่ะ” คราวนี้หันมาถามเขา แจฮยอนที่เพิ่งกัดพิซซ่าคำโตเข้าไปยกมือขึ้นปิดปากพลางรีบละล่ำละลักตอบ


    “กินได้หมดครับ”


    “ไม่ต้องรีบก็ได้นะ เคี้ยวก่อนค่อยตอบก็ได้ ไม่ได้รีบขนาดนั้น”


    แจฮยอนได้แต่หัวเราะเขิน ๆ ก่อนทั้งห้องจะเหมือนถูกแช่แข็ง เมื่อจู่ ๆ รุ่นพี่คนเดียวในห้องก็ยื่นนิ้วมา...จิ้มรอยบุ๋มข้างแก้มของแจฮยอน


    “มีลักยิ้มด้วยเหรอ เพิ่งเคยเห็นชัด ๆ”


    จองอูกับโดยองมองหน้ากันหน้าตาตื่น


    แจฮยอนสะดุ้ง ยกมือกุมแก้มข้างที่โดนแตะเมื่อครู่อย่างตกใจ


    “…ต้องจิ้มด้วยเหรอครับรุ่นพี่”


    “แล้วพี่จิ้มแก้มแฟนตัวเองไม่ได้เหรอ”


    “…”


    “…”


    “…”


    เดี๋ยวนะ


    พิซซ่าในมือแจฮยอนเกือบร่วง แต่พิซซ่าในมือจองอูร่วงกลับถาดไปแล้วเรียบร้อย โดยองนั่งสำลักอยู่ข้าง ๆ และไม่มีใครตอนนี้มีสติจะไปช่วยลูบหลังให้


    แจฮยอนมองรุ่นพี่ที่ยังคงกินพิซซ่าต่อเหมือนไม่ได้เพิ่งปล่อยระเบิดลูกเท่าบ้านออกมา ซ้ำร้ายพออีกฝ่ายเห็นพวกเขานั่งนิ่งก็ถามกลับหน้าตาเฉย


    “ไม่กินต่อกันเหรอ เดี๋ยวหมดพักเที่ยงนะ”


    “อะ...ครับ”


    เป็นโดยองกับจองอูที่มีสติแล้วกินต่อด้วยความเงียบงัน ส่วนแจฮยอนแม้ปากจะเริ่มเคี้ยวพิซซ่าต่อ แต่ใจหลุดลอยไปอยู่ตรงไหนแล้วเขาก็ไม่รู้


    แฟน?


    แฟน...?


    พี่ยองโฮหมายถึงใคร?


    เรา?


    เราไปเป็นแฟนพี่ยองโฮตอนไหน???


    หลากหลายคำถามวนเวียนอยู่ในหัวและชนกันโครมครามยุ่งเหยิงไปหมด แจฮยอนคิดว่าอาจมีอะไรบางอย่างเข้าใจผิด แต่อีกใจก็แปลกใจตัวเองว่านอกจากความรู้สึกตกใจ ลึก ๆ แล้วตัวเองกลับไม่ได้รู้สึกอยากปฏิเสธคำพูดของรุ่นพี่ยองโฮเลย


    “แจฮยอน”


    เสียงเรียกทำเอาเขาสะดุ้ง และคนเรียกก็คือรุ่นพี่ที่ยังวนเวียนอยู่ในความคิด เขาหันไปสบนัยน์ตาสีน้ำตาลของรุ่นพี่


    “ครับ?”


    “เย็นนี้กลับบ้านด้วยกันนะ”


    ถ้าแจฮยอนกับยองโฮหันมามอง จะเห็นว่าโดยองกับจองอูนั่งจิกมือกันและกันอยู่ใต้โต๊ะแรงมาก พร้อมกับส่งสายตาหากันตลอด


    มันอะไรกันวะ


    “อ่า ครับ” แจฮยอนพยักหน้ารับ “คือ ผมขอถามอีกรอบได้ไหม พี่ยองโฮ”


    เขาลองเปลี่ยนสรรพนามดูบ้าง ยองโฮเลิกคิ้ว ก่อนจะพยักหน้ารับ “ว่า”


    “ตกลงแล้ว ตอนนี้เราสองคนเป็น...”


    “แฟน”


    “ตั้งแต่...”


    “ที่นายถาม”


    อ่า ชัดเลย


    แจฮยอนพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า ค่อย ๆ ซึมซับข้อมูลที่ทะลักทลายเข้ามาเบื้องหลังคำพูดนั้น ก่อนจะยิ้มกว้างให้คนอายุมากกว่า


    “งั้นเย็นนี้แวะกินไอติมกันนะครับ”


    “ได้สิ”


    ยองโฮพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย


    ส่วนจองอูกับโดยองตอนนี้มีประมาณล้านคำถามอยู่ในใจ


    ไม่กี่นาทีถัดมา พิซซ่าก็เข้าไปอยู่ในท้องทั้งสี่คนจนหมดเกลี้ยง ยองโฮขอตัวขึ้นไปเรียนก่อน ปล่อยให้พวกแจฮยอนเก็บข้าวของและทำลายหลักฐาน


    เมื่อยองโฮก้าวออกไปนอกห้อง ประตูห้องปิดลงได้ประมาณสิบวินาที คิมโดยองก็ตรงเข้าหาเพื่อนเจ้าปัญหาของตัวเองทันที


    “จองแจฮยอน อธิบายมาเดี๋ยวนี้”


    แจฮยอนที่ดูดโคล่าอยู่ทำหน้างง “อะไร”


    “ยังจะมาอะไรอีก” จองอูตาถลนใส่เพื่อน “นายคือแฟนอาทิตย์นี้ของรุ่นพี่ยองโฮเหรอ!”


    แจฮยอนถอนริมฝีปากออกจากหลอดดูดโคล่า ก่อนจะพยักหน้ารับ


    “ใช่”


    “ได้ไง!!?”


    สองเสียงของชายหนุ่มสกุลคิมดังลั่น แจฮยอนยักไหล่


    “เก็บของกลับไปเรียนกันเถอะ เดี๋ยวเข้าเรียนสายนะ”


    เขายกโคล่าขึ้นดื่มอีกรวดเดียว แล้วหย่อนแก้วเปล่าใส่ถุงพลาสติก เดินนำออกจากห้อง ปล่อยให้เพื่อนทั้งสองอึ้งกับเรื่องราวที่เพิ่งได้รับรู้ต่อไป


  • เสียงสัญญาณเลิกเรียนดังขึ้น แจฮยอนยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจด้วยความอ่อนล้า แม้เขาจะเก่งวิชาภาษาอังกฤษ แต่นั่งนาน ๆ ก็เมื่อยใช่เล่น


    “สรุปวันนี้” จองอูชะโงกหน้ามาหาเขา “จะกลับกับรุ่นพี่ยองโฮใช่ไหม”


    แจฮยอนชะงัก เหมือนเพิ่งนึกได้ “อ่า ใช่ ต้องกลับกับพี่ยองโฮ”


    “ใจคอจะไม่บอกจริง ๆ เหรอว่าเกิดอะไรขึ้น” โดยองถาม


    แจฮยอนเกาแก้ม ใช่ว่าไม่อยากอธิบายหรือจะปิดบังอะไร แต่มันพูดยากเสียเหลือเกิน จะให้เขาเล่ายังไงดี มันเป็นความเออออตามกันไปโดยที่ไม่ได้นัดกัน แบบนี้เหรอ


    ยังไม่ทันจะพูดอะไร เสียงกรี๊ดกร๊าดเบา ๆ ก็ดังมาจากประตูหน้าห้อง พวกแจฮยอนหันไปมอง แล้วก็พบต้นตอความคึกคักของห้องที่โผล่มาแบบไม่ทันตั้งตัว


    “รุ่นพี่ยองโฮ” เสียงกระซิบกระซาบของสาว ๆ ในห้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “อาทิตย์นี้ใครเป็นแฟนพี่เขาอะ มีคนขอไปหรือยัง พวกเราลองดีไหม”


    แจฮยอนหลุดขำเบา ๆ กับคำพูดนั้น ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้


    “แจฮยอน”


    แล้วยองโฮก็เรียกชื่อเขาออกมา


    ทุกคนในห้องหันควับ เสียงจ้อกแจ้กสลายไปทันที แจฮยอนยิ้มแบบไม่เห็นฟันให้รุ่นพี่คนดัง แล้วหยิบกระเป๋าตัวเองมาสะพาย


    “งั้นฉันกลับก่อนนะ” เขาบอกเพื่อนสองคนที่มองเขาสลับกับยองโฮไม่ละสายตา “พรุ่งนี้เจอกัน”


    “เออ” โดยองกับจองอูพึมพำตอบรับ


    แจฮยอนเดินฝ่าความสนใจของเพื่อนทั้งห้องตรงไปที่ประตูหน้า ยองโฮมองเขายิ้ม ๆ ทำเอารู้สึกใจเต้นขึ้นมาทันที


    ถึงจะไม่ได้ชอบอะไร แต่มองอย่างนี้ก็เขินนะโว้ย


    “เปิดตัวแบบคนดัง”


    “มารับเจ้าชายแจฮยอนก็ต้องให้สมเกียรตินิดนึงสิ”


    เขาตาโต “พี่รู้จักชื่อนั้นด้วยเหรอ”


    “มีใครไม่รู้จักบ้างดีกว่า”


    แจฮยอนถอนหายใจ กึ่งขำกึ่งเขิน ก่อนจะตาโตเมื่อยองโฮเอื้อมมือมาโอบไหล่เขาให้เดินออกจากตรงนั้น


    “ไปเถอะ”


    จริง ๆ การเดินโอบไหล่ก็เป็นสิ่งที่เขากับเพื่อนทำออกบ่อย แต่กับยองโฮมันต่างออกไป แจฮยอนเหลือบมองรุ่นพี่ที่เดินสบาย ๆ ข้าง ๆ อย่างไม่แน่ใจนัก ยองโฮตัวสูงกว่าเขา พอโดนโอบแบบนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองตัวเล็กลงไปเท่าตัวเลย


    “ไอติมร้านไหนอร่อยเหรอ”


    ยองโฮถามเขาขึ้นมา แต่แจฮยอนไม่ได้ตอบคำถามนั้น


    “กับแฟนคนอื่นก่อน ๆ พี่ก็ทำแบบนี้เหรอ”


    ยองโฮชะงัก


    แจฮยอนช้อนตามองคนตัวสูงกว่า เขาเห็นสีหน้ารุ่นพี่เปลี่ยนไปชั่วขณะ


    “หมายถึงยังไง”


    “ก็…” แจฮยอนชี้มือที่ยังเกาะอยู่ที่ไหล่ของเขา “โอบไหล่แบบนี้”


    ยองโฮส่ายหน้า “ทำแบบนั้นกับผู้หญิงตั้งแต่วันแรก ๆ ไม่ได้หรอก”


    “แล้วกับผม...”


    “อ่า…” ยองโฮละมือออก “ไม่ชอบเหรอ”


    “คือ เปล่าครับ มันแค่ ยังไงดี” แจฮยอนเอียงคอไปมา “แปลก ๆ นิดหน่อย”


    “ยังไงเหรอ”


    ยองโฮดูสนใจการตอบคำถามของเขา ก้มหน้าลงมาฟังใกล้จนแจฮยอนแทบจะรู้สึกถึงลมหายใจอีกฝ่าย


    “…ใกล้ไปไหมครับ”


    “หอมจัง”


    “ครับ?”


    คำพูดที่โพล่งขึ้นมากะทันหันทำเอาแจฮยอนลืมสิ่งที่จะตอบไปเสียสิ้น แต่ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ รุ่นพี่ยองโฮก็เดินดึงให้ถอยห่างเขาออกไป


    “โอโห เพื่อนรัก นี่มันทางเดินบนอาคารเรียน” เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งดังขึ้นมา เขาคือคนที่ดึงยองโฮออกไปพร้อมกับกอดคออย่างสนิทสนม “แล้ว นึกว่าสาวที่ไหน นี่มันเจ้าชายแจฮยอนคนดังนี่”


    แจฮยอนเหลือบมองป้ายชื่อบนอกอีกฝ่าย คน ๆ นี้คือรุ่นพี่นากาโมโตะ ยูตะ ปีสาม


    “สวัสดีครับ” เขาโค้งให้


    ยูตะทำท่าแปลกใจ ก่อนจะหันกลับไปมองยองโฮที่หัวเราะหึ ๆ ในคอ


    “อาทิตย์นี้คือคนนี้เหรอ”


    ยองโฮกับแจฮยอนมองหน้ากัน


    ก่อนแจฮยอนจะพยักหน้ารับ


    “…นายขอไอ้บ้านี่เป็นแฟนเหรอ”


    พอยูตะถาม เขาก็พูดไม่ออก เอาจริง ๆ คือไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง


    เขาขอพี่ยองโฮเป็นแฟน? จะว่างั้นก็เหมือนจะใช่ แต่ตอนนั้นมันแค่สมมุตินี่นา คนที่ถือคำพูดของเขาเป็นจริงเป็นจังก็คือพี่ยองโฮเองนั่นแหละ


    “จะมาอยากรู้อะไรล่ะ” ยองโฮดึงแขนเพื่อนออก แล้วขยับมายืนข้างแจฮยอน “จะกลับแล้วเหรอ ไว้เจอกัน”


    “เออ แต่อย่ามาทำท่าอะไรแบบนั้นบนตึกอีกนะเพื่อน ขอเถอะ” ยูตะทำหน้าจริงจัง “แค่นี้ข่าวฉาวก็เยอะพออยู่แล้ว อย่าให้มีหลักฐานจริง ๆ เลย จะจบอยู่แล้ว”


    แจฮยอนมองหน้ารุ่นพี่ข้างตัว ยองโฮพยักหน้ารับ


    “ขอบใจที่เตือน”


    “กลับ ๆ ไปเถอะ”


    ยองโฮยกมือบอกลากเพื่อน ก่อนจะดันไหล่แจฮยอนให้เดินนำไปก่อน


    พวกเขาเดินลงมาจนถึงชั้นล่างของอาคาร ต่างคนต่างแวะเปลี่ยนรองเท้าที่ล็อกเกอร์ ก่อนจะเดินออกมาเจอกันที่หน้าอาคาร


    ท้องฟ้ายังคงสดใสเหมาะกับการลงไปวิ่งเล่นที่สนามเหมือนเมื่อเช้า แจฮยอนมองนักเรียนคนอื่นที่ใส่ชุดกีฬาแล้วนึกอยากเล่นอะไรสักอย่างบ้าง แต่เมื่อคิดถึงของกินแล้ว แน่นอนว่าเขาต้องเลือกอย่างหลัง


    “พี่มีข่าวฉาวเยอะเหรอ”


    พอยองโฮมายืนข้าง ๆ แจฮยอนก็ถามทันที


    คนอายุมากกว่าสะดุ้ง หันมามองคนถามจนคอจะหลุด


    “ปกติเป็นคนตรงไปตรงมาแบบนี้เลยเหรอ”


    “พี่ไม่โอเคเหรอครับ”


    “เปล่า แค่แปลกใจ ปกติไม่ค่อยได้คุยกัน ไม่รู้ว่าแจฮยอนเป็นคนแบบนี้”


    คนที่ทำตัวเหนือความคาดหมายยิ้ม


    “แล้วสรุปว่า เป็นคนมีข่าวฉาวเยอะจริงเหรอครับ”


    ยองโฮยักไหล่ ขณะเริ่มเดินนำ “ก็เปลี่ยนแฟนอาทิตย์ละคน จะให้มีแต่ข่าวดี ๆ คงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”


    “ผมไม่รู้ว่าพี่มีข่าวฉาวเลยนะ ยกตัวอย่างได้ไหมครับ”


    “คือต้องพูดให้ฟังจริง ๆ เหรอ”


    “ก็อยากรู้นี่นา”


    ยองโฮถอนหายใจ ไม่ได้ดูเบื่อหน่าย ติดจะขำเสียมากกว่า


    “ก็...เคยโดนอาจารย์เรียกไปถามว่า ‘จูบกับเพื่อนผู้หญิงในห้องตอนคนอื่นไปเรียนพละ’ เหรอ”


    แจฮยอนเลิกคิ้ว “เบากว่าที่ผมคิดไว้อีก”


    “นี่คิดว่าพี่เป็นคนยังไงเนี่ย”


    “ไม่มีความคิดในหัวเลยครับ เราไม่เคยคุยกันเลยนี่นา”


    พอมาย้อนคิดดูแล้ว ช่วงเวลาที่เหมือนจะมีบทสนทนากันจริง ๆ จัง ๆ ก็แค่ตอนคุยกันเรื่องหนังสือในชมรม ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้รู้จักกันมากขึ้นสักเท่าใด


    “งั้นวันนี้เรามาคุยกันเยอะ ๆ เป็นไง” ยองโฮเสนอ “กลับบ้านดึกได้ไหม”


    “ไม่เกินสองทุ่มครับ เลี้ยงข้าวด้วยนะ”


    ยองโฮทำหน้าเหมือนจะหัวเราะ “ดูชอบพวกอาหารจัง”


    “มีใครไม่ชอบอาหารด้วยเหรอครับ เราต้องกินเพื่ออยู่นะ”


    รุ่นพี่ไม่ได้ว่าอะไรกับคำพูดนั้น เพียงแต่หัวเราะออกมาเบา ๆ



  • ร้านไอติมที่แจฮยอนพายองโฮมากินอยู่ห่างจากโรงเรียนไปไม่ไกลนัก ยองโฮสั่งมาเพียงไอศกรีมหนึ่งสคูปสำหรับกินคนเดียว ขณะที่แจฮยอนสั่งพาร์เฟต์ชุดใหญ่มา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายเมื่อไอศกรีมที่จัดตกแต่งอย่างอลังการมาวางตรงหน้า


    “น่ากินจัง”


    “หน้าตามีความสุขจนพี่อิจฉาไอศกรีมแล้วนะ”


    แจฮยอนขมวดคิ้ว เบะปาก “เสี่ยวมากจริง ๆ อะ พี่ยองโฮ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้”


    ยองโฮหัวเราะ คราวนี้ดังกว่าปกตินิดหน่อย


    แจฮยอนตักไอติมเข้าปาก รสสัมผัสของวานิลลาทำเอาเขาอยากจะกระโดดไปรอบร้าน ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วทำได้เพียงส่งเสียงอื้ออึงในลำคอ รู้สึกเหมือนมีสวรรค์อยู่ในปาก ดีจนต้องหลับตาเพื่อดึงสัมผัสทั้งหมดมาที่ปลายลิ้น


    เมื่อลืมตาขึ้นมา ยองโฮมองเขาอยู่


    “…พี่ไม่กินเหรอครับ”


    “เห็นนายกินอร่อยจนไม่กล้ากินของตัวเองเลย”


    “เกินไปครับ”


    ยองโฮตักไอติมเข้าปากอีกคำ แล้วก็เริ่มชวนคุย


    “ได้ยินว่าเพิ่งเลิกกับแฟนเหรอ”


    มือที่กำลังจะตักไอติมเข้าปากชะงัก แจฮยอนหรี่ตา


    “มาถามเรื่องแบบนี้ตอนกินเลยเหรอครับ”


    “ก็ตอนนี้แจฮยอนอารมณ์ดีที่สุดนี่นา อย่างน้อยถ้าหงุดหงิดก็มีของกินดับความหัวร้อนได้”


    คนเป็นรุ่นน้องมองไอศกรีมตรงหน้า แล้วก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย


    “เลิกกันได้พักหนึ่งแล้วครับ แต่ก็ยังเจ็บ ๆ อยู่นะ”


    “เพราะงั้นเลยคิดเรื่องขอพี่เป็นแฟนเหรอ อยากลืมเขา?”


    แจฮยอนส่ายหน้า กลืนไอติมเข้าปาก


    “มันไม่มีใครแทนใครได้หรอกครับ”


    “แล้วทำไมถึงคิดอยากขอพี่เป็นแฟนล่ะ” ยองโฮขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเมื่อถามคำถามนี้


    “คนอื่นที่มาคบพี่ เหตุผลของเขาคืออะไรเหรอครับ”


    “ชอบน่ะสิ” รุ่นพี่เว้นช่วงการพูด “แต่ดูยังไงนายก็ไม่ได้ชอบพี่แบบนั้น”


    “แล้วพี่คิดว่าทำไมผมถึงถามพี่ไปแบบนั้นล่ะครับ”


    “งั้นถ้าผมขอรุ่นพี่เป็นแฟน รุ่นพี่ก็จะตกลงเหรอครับ”


    นึกถึงคำพูดของตัวเองเมื่อกลางวันแล้วแจฮยอนก็อยากเอาหน้าจุ่มไอศกรีม พูดตรง ๆ ก็อาย ไม่รู้ตอนนั้นคิดอะไรอยู่


    อาจจะเป็นเพราะนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่เป็นประกายสีทองเมื่อล้อแสงแดดนั่น ไม่ก็ท่าทางที่ดูเหมือนจะไม่มีวันโกหกเขาของอีกฝ่ายก็ได้


    หรืออาจจะเป็นเพราะคำพูดของซูยอง


    “รู้ตัวไหมว่าเป็นคนอ่านยาก”


    ยองโฮบอกเขา แจฮยอนเลิกคิ้ว


    “พอรู้ครับ พวกโดยองเคยบอก แฟนเก่าผมก็พูด เขาบอกว่าผมเหมือนจะให้คนรู้จัก แต่ก็เหมือนไม่อยากให้คนรู้จัก”


    “ถ้านายเป็นหนังสือ น่าจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการอ่านเลยนะ”


    “ประโยคสารภาพรักหรือไงครับ”


    ยองโฮส่ายหน้าขำ ๆ แต่สายตาไม่ละไปจากเขาเลย “เรามาทำความรู้จักกันหน่อยดีไหม คุณแฟน”


    “กับแฟนเก่าคนอื่น พี่ทำยังไงเหรอครับ”


    “ทำไมชอบพูดถึงคนอื่นจัง” ยองโฮสงสัย “นายน่าจะเป็นคนเดียวที่ชอบพูดถึงคนที่พี่เคยคบ อยากเปรียบเทียบอะไรหรือไง”


    แจฮยอนส่ายหน้า “ผมก็แค่สงสัย พี่เปลี่ยนวิธีการเข้าหาคนที่เข้ามาขอคบกับพี่ตลอดเลยเหรอ”


    “ก็ต้องดูว่าเขาเป็นคนยังไง”


    “แล้วพี่เป็นคนยังไงกันแน่”


    ไอศกรีมในถ้วยของยองโฮค่อย ๆ ละลายกลายเป็นของเหลว เขามองใบหน้าดูดีผิดมนุษย์มนาของรุ่นน้องตรงหน้าอย่างประหลาดใจ


    “พี่น่ะ ดูแลทุกคน แต่ไม่ได้แสดงตัวตนของตัวเองออกมาเลยใช่ไหมครับ”


    “…”


    “งั้นเราก็คงไม่ต่างกันนักหรอก”


    แจฮยอนพูดจบก็ตักไอติมอีกคำเข้าปาก


    ยองโฮเห็นขนตายาวที่หลุบลงเล็กน้อยตอนที่อีกฝ่ายเอาแต่สนใจไอติมตรงหน้า ปลายจมูกโด่งเป็นสัน แจฮยอนเป็นคนแก้มเยอะแต่ไม่ได้ดูอ้วนอะไร กลับกันมันดูทำให้อีกคนดูเป็นมิตร โดยเฉพาะเวลายิ้มแล้วแก้มนุ่ม ๆ นั้นบุ๋มลงไปเป็นลักยิ้ม ไหนจะริมฝีปากแดง ๆ ตัดกับผิวขาวจัดที่คอยแต่จะหาอะไรกินอยู่ตลอดเวลานั่นอีก


    เห็นในชมรมบ่อย รู้ว่าหน้าตาดี แต่ไม่เคยเห็นมุมนี้มาก่อน


    เป็นคนน่ารักดี


    “อ๋อ มีอีกเรื่อง” จู่ ๆ คนที่เขามองหน้าอยู่ก็เบนสายตากลับมา “ผมไม่ได้มีปัญหากับการที่พี่จะโอบมาอะไรหรอกนะ เอาจริง ๆ ก็ชิน ชอบโดนเพื่อนกอดประจำ แค่แปลก ๆ นิดหน่อย พี่ไม่ได้ทำงี้กับทุกคนใช่ไหมครับ”


    ยองโฮยิ้มมุมปาก “พี่โตที่ชิคาโก้ก่อนจะย้ายมาเรียนม.ปลายที่นี่ ไม่ชินกับสกินชิปหรอก ปกติกับเพื่อนก็ไม่ค่อยทำ กับคนก่อน ๆ ที่เคยคบก็ไม่ พี่ให้เกียรติผู้หญิง”


    แจฮยอนอมยิ้ม


    “แต่กับนาย... ไม่รู้สิ เป็นคนที่เห็นแล้วรู้สึกอยากยื่นมือไปจับน่ะ”


    “อาจจะเป็นเหตุผลที่โดยองกับจองอูชอบมาวอแวผมก็ได้”


    “หวงได้ไหม”


    “เป็นอะไรกันมาหวงครับ”


    “เป็นแฟนไงครับ”


    เห็นชัด ๆ ว่าแจฮยอนเขินนิดหน่อย ผิวแก้มขาว ๆ นั่นแดงเรื่อขึ้นมา


    “ปกติเป็นฝ่ายไปจีบสาว พอโดนพูดแบบนี้ใส่เลยเขินสินะ”


    “ลองนึกภาพว่าผมพูดงี้ใส่พี่ พี่จะเขินไหมล่ะครับ”


    “ไม่เหลือ”


    “ก็นั่นแหละ เลิกหยอดได้แล้ว ผมทำตัวไม่ถูก”


    ยองโฮหลุดยิ้ม “แจฮยอนนี่น่ารักจัง”


    คนฟังเหวอ “อะไรอะพี่ จู่ ๆ ก็พูดแบบนั้น”


    “ก็มันจริง”


    “ปกติมีแต่คนบอกว่าผมหล่อ เท่ อะไรแบบนี้”


    “ก็หล่อนะ” ยองโฮพยักหน้ารับ “แต่มุมนี้ก็น่ารักดี ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ชักชอบแล้วสิ”


    แจฮยอนจ้วงไอติมขึ้นกินเป็นสัญญาณว่าไม่อยากรับรู้อะไรชั่วขณะ ภาพนั้นทำเอายองโฮอดเอ็นดูไม่ได้

    อาทิตย์นี้น่าจะสนุกแฮะ



  • “ตกลงว่า เพราะอะไรพี่ถึงเปลี่ยนคนคบไปเรื่อย ๆ แบบนี้เหรอครับ”


    แจฮยอนกินไอติมหมดแล้ว และกำลังจะต่อของหวานเพิ่ม ซึ่งยองโฮไม่ได้ว่าอะไร เขาจัดการไอติมของตนเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ระหว่างรอวาฟเฟิลราดน้ำผึ้งอะไรสักอย่างของแจฮยอนมาเสิร์ฟ คนเป็นรุ่นน้องก็ยิงคำถามสัมภาษณ์อีกรอบ


    “คำถามที่พี่ถามไปนายยังไม่ตอบเลย ถามพี่กลับอีกแล้ว”


    “งั้นผมจะตอบคำถามนั้นวันจันทร์หน้าแล้วกัน”


    “ก็ได้”


    “ทีนี้ตอบคำถามผมเถอะ”


    ยองโฮยกมือขึ้นเท้าคาง ก่อนตอบ “ก็อยากรู้ว่าถ้าเราคบคนไปเรื่อยแบบนี้ สักวันจะเจอคนที่เราชอบจริง ๆ ได้ไหม”


    “…ไม่เก็ต”


    “ไม่ต้องเข้าใจก็ได้” ยองโฮว่า “ก็แค่ อยากรู้ว่าคนเราจะเปลี่ยนไปได้มากแค่ไหนตอนคบกับคนที่ตัวเองชอบ แล้วก็อยากรู้ว่าตัวพี่เองจะชอบใครสักคนจริง ๆ จัง ๆ ได้ไหม”


    “ก็ยังไม่ได้สินะครับ ไม่งั้นผมคงไม่มานั่งตรงนี้หรอก”


    ยองโฮหัวเราะ ไม่ปฏิเสธข้อสรุปนั้น


    “นายเป็นคนแรกเลยที่พี่มาพูดอะไรแบบนี้ด้วย” เขาว่า “กับคนอื่นเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก พอตกลงคบเป็นแฟนกัน ก็ต้องเอาใจเขา คอยดูแลเทคแคร์ ทำหน้าที่อย่างแฟนคนหนึ่งทำได้ เขาก็มีดูแลพี่ตอบบ้างนะ แต่ก็ไม่เคยเปิดใจคุยอะไรกันแบบนี้เลย”


    ขนมเสิร์ฟลงบนโต๊ะพอดี แจฮยอนตาลุกวาวกับน้ำผึ้งที่ราดอยู่บนหน้าวาฟเฟิลโปะไอศกรีมวานิลลา หลังจากลองกินไปคำหนึ่งและทำท่ามีความสุขที่สุดในโลกไป ก็หันมาคุยกับเขาต่อ


    “เอาจริง ผมรู้สึกเหมือนเราไม่ได้เดตกันอยู่เลยอะ เหมือนแค่จู่ ๆ ผมก็มีพี่อีกคนเข้ามาในชีวิต สถานะตอนนี้เหมือนเพื่อนมากกว่า”


    “แล้วแบบไหนถึงเรียกว่าแฟนล่ะ”


    แจฮยอนทำท่าคิดจริงจัง


    “รักกัน มั้ง”


    “งั้นพี่คงเป็นคนโสดมาตลอดแล้วล่ะ”


    “โห อดีตแฟนพี่ได้ยินนี่เสียใจตาย ไม่เคยหลงรักใครเลยจริง ๆ เหรอ”


    ยองโฮส่ายหน้า “ยังไม่เจอเลย”


    “ถ้าเป็นผมจะเป็นยังไงนะ”


    “ครับ?”


    แจฮยอนเอาช้อนชี้ตัวเอง “ถ้าสมมุติพี่เกิดรักผมขึ้นมา จะเป็นยังไงนะ”


    คนฟังหลุดยิ้มอีกแล้ว รู้สึกเหมือนตั้งแต่เจอรุ่นน้องคนนี้ เขายังไม่หุบยิ้มเลย


    “โอกาสเป็นไปได้มันก็มี”


    “ผมนึกภาพตัวเองรักพี่ไม่ออกเลยอะ”


    “โอโห เจ็บ” ยองโฮทำท่ากุมอก “แต่ใครจะรู้ ครบอาทิตย์ไปเราอาจจะไม่อยากเลิกกันก็ได้”


    “อาทิตย์เดียวเนี่ยนะ” แจฮยอนส่ายหน้า “ยาก”


    “แต่ก็น่าลอง”


    “ก็จริงครับ”


    ยองโฮยื่นมือไปตรงหน้า แจฮยอนมองอย่างไม่เข้าใจนัก แต่ก็เอามืออีกข้างมาวาง


    “สัญญาว่าสัปดาห์นี้จะเป็นแฟนที่ดีที่สุดในชีวิตแจฮยอนเลย ดีไหม”


    มือที่ประสานกันเปลี่ยนเป็นนิ้วก้อยยื่นมาเกี่ยวกันไว้ แจฮยอนมองแล้วหัวเราะเบา ๆ


    “โอเค งั้นผมก็สัญญาว่าสัปดาห์นี้จะเป็นแฟนที่ดีที่สุดในชีวิตพี่ยองโฮเลย”


    คำพูดนั้นทำเอายองโฮรู้สึกเหมือนตัวเองจะยิ้มไปได้อีกสักสามปี


    พอพวกเขาเกี่ยวก้อยกันเสร็จ แทนที่จะดึงมือกลับ ยองโฮกลับวางมือทาบทับมือเขาไว้บนโต๊ะ และแจฮยอนก็ไม่ได้คิดจะว่าอะไร


    “พี่ยองโฮ”


    “ครับ?”


    จู่ ๆ แจฮยอนที่ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างน่าเอ็นดูก็เรียกชื่อเขาขึ้นมา


    “พี่เคยไปอยู่ชิคาโก้ ผมก็เคยไปอยู่อเมริกามาก่อนนะ ช่วงประถม แต่จำรัฐไม่ได้แล้ว”


    “จริงเหรอ” ยองโฮถามอย่างสนใจ “สนุกไหมตอนนั้น”


    “สนุกนะ เท่าที่จำความรู้สึกได้” แจฮยอนหัวเราะ “แต่ตอนนี้เลือน ๆ ไปเยอะแล้ว ภาษาอังกฤษก็แค่ดีกว่าคนอื่น แต่พูดไม่คล่องเท่าเมื่อก่อนแล้วล่ะ”


    “You can talk to me.” ยองโฮเสนอตัว


    “ขี้เกียจอะ” แจฮยอนตอบหน้าตาเฉย “แต่งี้พี่ก็ต้องมีชื่อภาษาอังกฤษใช่ไหม ตอนอยู่นั่น”


    “อืม” ยองโฮพยักหน้ารับ “จอห์นนี่”


    “ของผมคือเจย์”


    “งั้นพี่เรียกนายว่าเจย์ได้ไหม”


    แจฮยอนพยักหน้า “เอาสิ ผมก็จะเรียกพี่ว่าจอห์นนี่เหมือนกัน”


    “มีชื่อเรียกเฉพาะด้วย สมเป็นแฟนกันจริง ๆ”


    “เล่นเองชงเองงี้เหรอ” แจฮยอนหัวเราะ


    พอแจฮยอนจัดการขนมอีกจานเสร็จพวกเขาก็ออกจากร้าน ยองโฮพาอีกคนแวะร้านหนังสือประจำ พวกเขาเดินวนกันในร้านแต่ไม่ได้หนังสือติดมือมาสักเล่ม สุดท้ายเลยนั่งรถบัสห่างออกมาจากโรงเรียนพอสมควรเพื่อหาข้าวเย็นกิน ตอนที่ออกจากร้านนาฬิกาบอกเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม นับว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันนานพอสมควรเลย


    “พี่ไม่ต้องไปส่งผมที่บ้านก็ได้นะ” แจฮยอนบอก เมื่อยองโฮทำท่าจะนั่งรถไฟไปกับเขาด้วย “เดี๋ยวกลับบ้านดึก”


    “ดึกก็นอนบ้านเจย์เลยเป็นไง”


    “ตลก แฟนกันวันแรกไหมล่ะ”


    ยองโฮหัวเราะ เจ้าเด็กนี่น่ารักจริง ๆ นะ


    “งั้นพี่ส่งที่สถานี พอเจย์ถึงแล้วก็ทักมาบอกพี่นะ”


    “เดี๋ยวครับ” แจฮยอนยกมือขึ้นมาขัด “เราไม่มีเบอร์หรือช่องทางติดต่อกันเลยนะ”


    ยองโฮทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ดูเหมือนพวกเขาจะคุยกันจนลืมนึกถึงว่าถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันจะสื่อสารกันยังไง


    ใช้เวลาไม่กี่นาทีในการแลกเบอร์และช่องทางติดต่ออื่น ๆ แจฮยอนมองรูปประจำตัวในแอปแชตสีเหลืองของรุ่นพี่ตรงหน้าแล้วหลุดขำ


    “พี่ชอบไรอันเหรอ”


    “มีคนบอกว่าเหมือนพี่อะ” ยองโฮว่า


    “มีคนบอกว่าเจย์เหมือนพีชเหมือนกัน”


    ยองโฮมองหน้าคนเด็กกว่า


    “ตะกี้แทนตัวเองว่าเจย์เหรอ”


    แจฮยอนทำหน้างง ก่อนจะตาโตขึ้นมา


    “เฮ้ย ๆๆๆ ผมลืมตัวอะ ขอโทษครับ”


    “ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” ยองโฮยิ้ม “พี่ชอบนะ แทนตัวเองว่าเจย์ น่ารักดี”


    “…”


    แจฮยอนหน้าแดงไปถึงใบหู โอเค นี่ขนาดยังไม่ได้ชอบอะไรกันนะ แต่เจอชมแบบนี้ตรง ๆ ใครไม่เขินก็เป็นตุ๊กตาหินแล้ว


    “งั้นแยกกันเลยนะ ผมต้องกลับแล้ว” แจฮยอนรีบตอบ แต่ยองโฮคว้าแขนเขาไว้ก่อน


    “ครับ?”


    “แทนตัวเองว่าเจย์กับพี่นั่นแหละ ดีแล้ว”


    เขาเงยหน้าสบสายตาของคนตรงหน้าแล้วก็ได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ ก้าวถอยออกมาด้วยพยายามผละออก แต่ยองโฮก็ไม่ปล่อยมือสักที


    “โอเค ๆ” แจฮยอนยอมแล้ว “เจย์จะกลับแล้ว พี่จอห์นนี่ปล่อยมือเถอะ เดี๋ยวถึงบ้านดึกนะ”


    ยองโฮปล่อยมือแต่โดยดี เจ้าเด็กลูกพีชย่นหน้าใส่เขา ก่อนจะโบกมือให้ “บายครับ” แล้วก็หันหลังวิ่งเข้าสถานีไป


    เมื่อเงาร่างนั้นหายลับไปในฝูงชน ยองโฮจึงเดินกลับไปยังทางของตนบ้าง



  • แจฮยอนถึงบ้านตอนทุ่มครึ่ง เขาทักทายคุณพ่อคุณแม่เสร็จก็เข้าห้องตัวเอง เตรียมอ่านหนังสือ แต่นึกขึ้นได้ว่าต้องส่งข้อความบอกพี่คนนั้นเสียก่อน



    ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพแล้วนะครับ



    ยังไม่ทันวางมือถือลง เสียงข้อความตอบกลับก็ดังขึ้นมาทันที



    พรุ่งนี้เจอกันครับ เจย์ :)



    อิโมติค่อนหน้ายิ้มทำเอาคนอ่านเผลอยิ้มตามจริง ๆ แจฮยอนวางมือถือลง ถอนหายใจเบา ๆ แล้วเริ่มเปิดหนังสืออ่าน


    วันแรกของการเป็นแฟนกับซอ ยองโฮ จบลงไปแบบนี้

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in