เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Yuri!!! On Ice FanfictionKolya Plisetsky
Shape of my heart : Episode 4
  • ตอนที่ 4   

    วิคเตอร์มองหน้าจอโทรศัพท์มือถือแล้วลากนิ้วไปมาเพื่อดูว่ามีข้อความใหม่เข้ามาหรือไม่ แล้วก็ถอนหายใจ นี่ก็เกือบ 4 วันแล้วหลังจากการแข่งขัน 4CC แต่ก็ยังไม่มีการติดต่อจากยูริมาเลย เมื่อถามนิชิโกริและมินาโกะ สองคนนั้นก็บอกแค่ว่ายูริแยกเดินทางกับพวกเขาและให้สองคนนั้นกลับญี่ปุ่นไปก่อน ส่วนยูริไปจัดการธุระส่วนตัวเสร็จแล้วจะตามกลับไป 

     

    “ธุระอะไร ถึงสำคัญขนาดที่ต้องแยกเดินทางกับพวกนั้นนะ”  ยิ่งคิดวิคเตอร์ก็ยิ่งฉิวคนต้นเหตุความไม่สบายใจนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มผมสีแพลตินัมบลอนด์โยนมือถือไว้บนโต๊ะหัวเตียง ไม่รู้ว่ายูริมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ไหนจะอาการบาดเจ็บอีก ต่อให้นิชิโกริเล่าว่ายูริบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาสบายใจขึ้นเลย 

     

    ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับยูริ อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะอยู่เหนือการควบคุมและความคาดหมายของเขาไปเสียหมด

     

    *****************************

     

    เมื่อรู้สึกว่าการที่จะต้องมานั่งคิดฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวไม่ใช่ช่วยให้จิตใจเขาสงบลง วิคเตอร์จึงตัดสินใจพามัคคาชินมาเดินเล่นแทน พวกเขาเดินจากสถานีรถไฟไปตามถนนเลียบคลองในเขตเมืองเก่า ทั้งๆ ที่ช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศหนาวจัดแต่ความหนาวเย็นของอากาศก็ดูเหมือนจะไม่สามารถหยุดชาวเมืองและนักท่องเที่ยวให้ออกมาชื่นชมทิวทัศน์อันสวยงามของสถาปัตยกรรมอันเป็นที่เลื่องชื่อของเมืองนี้ได้เลย 

     

    เมื่อเดินเลยย่านคนพลุกพล่านมาจนถึงย่านจัตุรัสใจกลางเมืองแล้วนั้น วิคเตอร์กับมัคคาชินนั่งเล่นตรงม้านั่งหลังและมองผู้คนเดินไปมาด้วยแววตาเลื่อนลอย ดูเหมือนความสวยงามของทิวทัศน์รอบตัวไม่สามารถช่วยให้จิตใจของเขากระชุ่มกระชวยขึ้นเลย เขาคงเป็นห่วงยูริมากเกินไปจริงๆ วิคเตอร์กอดเจ้าพุดเดิ้ลโตของเขาแน่นเมื่อลมหนาวพัดวูบผ่านตัวเขาไป และเกล็ดน้ำแข็งเย็นเยียบก็ตกกระทบแก้มขาวจัดของเขา พร้อมสายลมที่ทวีความรุนแรงขึ้น พร้อมกับหยาดหิมะที่พรั่งพรูลงมาจากบนฟากฟ้า อยู่ดีๆ ก็หิมะตกหนักแบบนี้เนี่ยนะ โลกนี้เป็นอะไรกันไปหมดแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบกระตุกสายจูงมัคคาชินไปที่ถนนแล้วโบกรถแท็กซี่กลับอพาร์ทเมนต์ก่อนที่จะโดนแช่แข็งไปพร้อมกับพายุหิมะที่กำลังจะมา

     

    ไม่นานนักรถแท็กซี่ก็พาเขามาที่หน้าอพาร์ทเมนต์ ชายหนุ่มจ่ายค่าโดยสารโดยไม่ลืมที่จะให้ทิปกับคนขับรถ ทันทีที่เปิดประตูรถ มัคคาชินก็ผลุนผลันออกจากรถวิ่งออกไปโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว มันวิ่งผ่านลานหน้าตึกอพาร์ทเมนต์ไปตรงประตูทางเข้า เสียงเห่าระรัวของมันทำให้เขาต้องรีบสาวเท้าตามไปดูแล้วเขาก็พบว่ามีร่างคนอยู่ตรงหน้าประตูอพาร์ทเมนต์ วิคเตอร์รีบสาวเท้าเดินจนเกือบวิ่งเมื่อแน่ใจว่าสิ่งที่เขาเห็นไม่ได้ตาฝาด หัวใจเต้นแรงโลดไปด้วยความยินดีเมื่อเขาเห็นชายชาวเอเชียในเสื้อโค้ทสีน้ำตาลเข้มตัวหนานั่งคุดคู้อยู่ข้างๆ กระเป๋าเดินทางใบโต โชคดีที่กันสาดหน้าประตูของอพาร์ทเมนต์ยาวพอที่จะกันหิมะที่กำลังตกหนักได้เป็นอย่างดี  มัคคาชินเห่าพลางดุนหัวของมันใส่เสียงดังจนคนที่หลับอยู่ตื่นขึ้น ใบหน้าคมเข้มถูกซ่อนไว้ภายใต้หน้ากากผ้าสีขาว ดวงตาใต้กรอบแว่นสีน้ำเงินมีแววงงวยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดึงหน้ากากลงแล้วยิ้มกว้างเมื่อสายตาจับโฟกัสได้แล้วว่าใครยืนอยู่ตรงหน้าเขา 

     

    ทันทีที่เห็นรอยยิ้มของยูริ อารมณ์หม่นๆ ที่เขาเป็นมาทั้งวันก็เหมือนละลายหายไปราวกับหิมะต้องแสงตะวัน ดวงตาสีเทอร์ควอยซ์นั้นอ่อนแสงลงเมื่อเห็นสภาพเหมือนเด็กหลงทางของอีกฝ่าย วิคเตอร์เอื้อมมือฉุดแขนยูริให้ลุกขึ้น

     

    “เข้าไปข้างในก่อนเถอะ พายุหิมะกำลังพัดมาแล้ว”

     

    ************************

     

     ห้องพักของวิคเตอร์เป็นห้องชุด 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว ตกแต่งแบบโมเดิร์นเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ดูมีเอกลักษณ์ และงานศิลปะของศิลปินที่มีชื่อเสียงในยุคปัจจุบัน ส่วนอีกฟากหนึ่งของห้องนั่งเล่นเป็นตู้ใบใหญ่จรดเพดาน ส่วนหนึ่งเป็นที่เก็บรางวัลของวิคเตอร์ที่ได้มาตลอดอาชีพการเป็นนักฟิกเกอร์สเก็ต ซึ่งเจ้าตัวบอกว่านี่เป็นแค่ทัวร์นาเมนต์ที่เขาต้องการเก็บเอาไว้ ส่วนที่เหลือเขายกให้ยาคอฟเก็บไว้ที่สโมสร (แต่แค่ส่วนหนึ่งของวิคเตอร์นั้นก็เยอะกว่าถ้วยรางวัลที่ยูริชนะมาทั้งชีวิตหลายเท่าเป็นภูเขาเลากา)


     "ตั้งแต่ไปอยู่ญี่ปุ่น ฉันเลยติดนิสัยถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้านทุกที" วิคเตอร์พูดติดตลกพลางยื่นรองเท้าสลิปเปอร์ให้กับยูริ "เอากระเป๋าของเธอไปเก็บที่ห้องข้างๆ ห้องน้ำละกันนะ" ห้องที่วิคเตอร์พูดถึงนั้นแต่เดิมเป็นห้องนอนรับแขกสำหรับเผื่อมีใครมาพักด้วย แต่ตอนนี้ถูกแปรสภาพเป็นห้องเก็บของชั่วคราวเพราะบรรดาข้าวของที่ขนมาจากญี่ปุ่นยังไม่ได้จัดให้เข้าที่ถูกกองรวมกันอยู่ในห้องนั้น

     

    “ยูริมาถึงทีนี่ตั้งแต่กี่โมง” เสียงแว่วๆ ของวิคเตอร์ลอยมาจากข้างในห้องครัว พร้อมกับเสียงครางหงิงๆ ของมัคคาชิน ที่รออาหารเย็นอยู่

     

    “ผมมาถึงตั้งแต่ตอนสี่โมง แต่เสียเวลาตอนที่แท็กซี่พาหลงทางไปเกือบสองชั่วโมง กว่าจะมาถึงหน้าอพาร์ทเมนต์ของคุณฟ้าก็มืดเสียแล้ว” ยูรินั่งบนสตูลเล็กๆ หน้าตู้รองเท้าเล่าเรื่องไปพลางแก้เชือกรองเท้าผ้าใบเก็บไว้ในตู้ จากนั้นก็ใส่รองเท้าสลิปเปอร์ที่วิคเตอร์เตรียมไว้ให้  

     

    “โชคดีที่คุณมาทันตอนพายุหิมะยังมาไม่หนักมาก ไม่งั้นผมคงกลายเป็นตุ๊กตาหิมะแน่ๆ” เมื่อหมดเรื่องจะคุย ความเงียบแบบฉับพลันทำให้เกิดบรรยากาศอึดอัด  ยูริเห็นปลายรองเท้าสลิปเปอร์ลายบักส์บันนี่อยู่ตรงหน้าเขา ชายหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของรองเท้า วิคเตอร์ยืนกอดอกพิงกรอบประตูห้องนั่งเล่นมองเขาด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ยูริขนลุก

     

    "เธอทำทุกคนเป็นห่วงมากเลยรู้ตัวไหม" เขาทำวิคเตอร์โมโหอีกแล้ว...


    "ถ้าเธอคิดจะหายไปไหนโดยไม่บอกไม่กล่าวชาวบ้านแบบนี้อีก ฉันก็กะว่าจะเปิดโต๊ะแถลงการณ์ว่านักกีฬาของฉันหายสาปสูญไปหลังจากได้เหรียญทอง"  แววตาที่ขัดกับรอยยิ้มนั้นยิ่งทำให้ยูริรู้สึกผิดขึ้นเป็นทบทวี


    "ผมขอโทษครับที่ทำให้เป็นห่วง” ชายหนุ่มขอโทษเสียงอ่อน 


    เมื่อเห็นอีกฝ่ายคอตกเป็นลูกหมีหงอยแบบนี้คิ้วของวิคเตอร์ขมวดก็คลายลง มือข้างที่กอดอกอยู่คลายลงและเอื้อมมือไปลูบศีรษะของยูริเบาๆ 


     “เธอคงเหนื่อยมากแล้ว ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปเตรียมที่นอนให้” 

     

    **********************

     

    “ไหนเล่ามาซิว่าเธอหายไปไหนมาตั้งหลายวันโดยไม่บอกไม่กล่าวกันแบบนี้” วิคเตอร์ถามยูริที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จแล้วก่อนจะหยิบไดร์เป่าผม พลางบุ้ยใบ้ให้อีกฝ่ายมานั่งตรงโซฟา (ยูริเป็นพวกชอบปล่อยให้ผมแห้งไปเองซึ่งเป็นนิสัยที่วิคเตอร์มองว่าไม่ดีต่อสุขภาพผม)

     

    "เรื่องมันยาวน่ะ… จริงๆ แล้วผมควรได้เจอคุณตั้งแต่เมื่อวานซืนแล้วด้วยซ้ำ" ยูริพูดพลางหลับตาเมื่อลมร้อนเริ่มเป่าและนิ้วมือเรียวยาวของวิคเตอร์สางเบาๆ ไปตามเส้นผมหนานุ่มของเขา ลมอุ่นๆ ทำให้ความตึงเครียดตลอดหลายวันเริ่มผ่อนคลายลงบ้าง

     

    "ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะหาไฟลท์ที่เร็วที่สุดมาเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่ไฟลท์เต็มหมดเลย ผมก็เลยต้องหาเครื่องไปลงที่มอสโคว์แล้วก็นั่งรถไฟมาที่นี่แทน..." เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทาง

     

    "แต่ตอนเปลี่ยนเครื่องที่อัลมาตี้เกิดพายุหิมะหนักมาก ผมก็เลยต้องนอนที่นั่นคืนนึงเพราะเครื่องบินเทคออฟไม่ได้ แล้วตอนที่อยู่ที่โน่นก็มีคนทำโทรศัพท์ผมตกในอ่างล้างหน้าในห้องน้ำอีก โทรศัพท์ผมก็เลยพัง จะหาที่ซ่อมก็ไม่ได้เลยต้องรอจนกว่าจะมาถึงมอสโคว พอมาถึงมอสโควผมก็รีบขึ้นรถไฟมาที่นี่ทันทีเลย"

     

    "ว้าว... นี่มันมหากาพย์ชัดๆ เลยนะเนี่ย กะใจเธอจะเดินทางด้วยตั๋วชั้นประหยัดตลอดชีวิตเลยหรือไง" วิคเตอร์โคลงศีรษะด้วยความอ่อนใจกับความมัธยัสถ์ของยูริ ไม่รู้จะเก็บเงินรางวัลที่ได้มาให้ราขึ้นทำไม เงินรางวัลที่ได้ก็ไม่ใช่น้อยๆ สักหน่อย  ไหนจะค่าสปอนเซอร์ที่เพิ่งถ่ายโฆษณาไปเมื่อหลังปีใหม่อีก 

     

    "เอ้า เสร็จแล้ว” คนแก่กว่าปิดสวิทช์ไดร์เป่าผม แล้วจับหน้าของอีกฝ่ายมาดูใกล้ๆ ยามไร้เแว่นกรอบหนานั้นร่องรอยของความอิดโรยอยู่บนใบหน้าก็ปรากฏให้เห็นชัดขึ้น ไรเคราเริ่มขึ้นเป็นรอยเขียวบริเวณริมฝีปากและแนวกรามตัดกับผิวขาดจัดที่คล้ำนิดๆ แบบคนคิวชูของเขายิ่งทำให้ ใบหน้าดูคมเข้มมากยิ่งขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลที่ตอนนี้ตาขาวแดงนิดๆ ที่ดูเหมือนอาการเจ็ตแล็กจะทำพิษเข้าเสียแล้ว วิคเตอร์ถอนหายใจยาวพลางลุกขึ้นยืน

     

    “คืนนี้เธอนอนทีเตียงของฉันละกันนะ เดี๋ยวฉันนอนตรงโซฟาเอง” เมื่อได้ยินแบบนั้นยูริจึงรีบส่ายหน้าหวือปฏิเสธทันที

     

    “ไม่ได้หรอก คุณเป็นเจ้าของบ้านควรนอนในห้องสิครับ ผมจะนอนตรงโซฟาเอง ” 

     

    “แต่ว่าหลังของเธอเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ” วิคเตอร์มองยูริที่ทำหน้าเหมือนเด็กโดนจับโกหกได้ “อย่าปิดฉันเสียให้ยาก มินาโกะเล่าให้ฉันฟังหมดแล้วว่าเธอแอบไปหาหมอมา ขืนเธอนอนโซฟาหลังเธอไม่แย่ไปกว่าเดิมหรือไง”

     

    เมื่อรู้ว่าเถียงคนเป็นโค้ชไปก็เปล่าประโยชน์ แต่ยูริก็ไม่อนุญาตให้ตัวเองสบายคนเดียวได้ ในเมื่อเจ้าของบ้านยืนกรานที่จะให้เขานอนบนเตียงให้ได้ละก็...

     

    "ถ้าอย่างนั้นนอนบนเตียงด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ" 

     

    "หา?" 

     

    ************************

     

    ไม่รู้เพราะเจ็ตแล็กหรือเปล่าที่ทำให้ยังข่มตาหลับไม่ได้เลย ยูริพลิกตัวหันไปทางหน้าต่างเขาจ้องลึกไปในความมืดของยามราตรีที่มีแต่เสียงหิมะปลิวดังอื้ออึงอยู่ภายนอก และเกล็ดหิมะที่ติดอยู่ตามขอบหน้าต่างที่สั่นเบาๆ จากแรงลมพายุตัดกับความมืดยามราตรีที่นอกหน้าต่างที่ค่อยๆ จางไปเพราะสายลมพายุที่พัดเข้ามา 

     

    “นอนไม่หลับเหรอ” เสียงงัวเงียของคนที่นอนข้างๆ ทำให้ยูริหันกลับไปมอง วิคเตอร์เลื่อนผ้าห่มที่ร่นไปกองตรงเอวมาจรดถึงปลายคางของยูริ คนที่อ่อนกว่าพึมพำขอบคุณเบาๆ พลางขยับตัวเข้าไปใกล้วิคเตอร์

     

    “ยังโกรธผมอยู่หรือเปล่า” เขาจ้องดวงตาสีเทอร์ควอยซ์สะท้อนแสงสีเงินยวงจากนอกหน้าต่างเป็นประกายอ่อน

      

    “ฉันหายโกรธเธอตั้งนานแล้วล่ะ” วิคเตอร์ลูบแก้มสากระคายเพราะไรเคราที่เริ่มขึ้นของยูริเบาๆ พลางถอนหายใจ

     

    "จริงๆ แล้วน้อยใจมากกว่าน่ะ" เขาเม้มปากเมื่อเห็นคนที่อายุน้อยกว่าเลิกคิ้วในเงาสลัวนั่น

     

    “... แล้วก็กลัวด้วย ฉันกลัวว่าสักวันหนึ่งฉันจะหมดความสำคัญต่อเธอและทิ้งฉันไปในที่สุด" ชายชาวรัสเซียหัวเราะเสียงขื่น

     

    “ต่อให้ใครๆ เรียกฉันว่าตำนานที่มีชีวิต แต่ฉันก็เป็นคนธรรมดาเหมือนเธอนั่นแหละยูริ เชื่อไหมว่าตั้งแต่ฉันบอกเธอว่าฉันจะกลับมาสเก็ตอีกครั้ง ลึกๆ แล้วฉันไม่มั่นใจว่าฉันจะสามารถกลับมาสเก็ตแบบเดิมได้อีกไหม นี่ยังไม่รวมถึงความจริงที่ว่าฉันจะต้องโค้ชเธอไปด้วยและแข่งไปด้วย จนถึงตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออกเลยว่าฉันจะทำสองอย่างพร้อมกันได้ดีแค่ไหน และถ้าเกิดฉันล้มเหลวทั้งสองอย่างขึ้นมา เธอจะเกลียดฉันและทิ้งฉันไป” หางเสียงท้ายประโยคของวิคเตอร์สั่นสะท้านอย่างที่ยูริไม่เคยได้ยินมาก่อน

     

    “เธอกำลังสมเพชฉันอยู่สินะ...” เขาหยุดพูดเมื่อรู้สึกว่าลำคอตีบตันขึ้นมากะทันหัน แล้วก็ยกมือขึ้นเสยไรผมที่ตกลงมาระหน้าผากก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อนอาการของตัวเอง

     

    “ฉันก็แค่พูดเพ้อเจ้อไปเรื่อย เธออย่าถือสาเลยนะ…”

     

    “ผมไม่เคยคิดแบบนั้นกับคุณหรอกนะครับ และผมสัญญาว่าผมจะไม่ทิ้งคุณไป”  แม้จะเป็นคำพูดง่ายๆ แต่นั่นก็ทำให้วิคเตอร์รู้สึกอุ่นซ่านขึ้นมาในอก ชายชาวรัสเซีย์ฝังหน้าลงกับซอกไหล่ของคนอายุน้อยกว่า แล้วพึมพำขอบคุณเบาๆ ในขณะที่ยูริก็หัวเราะเบาๆ ในลำคอกับท่าทางขี้อ้อนของวิคเตอร์

     

    “ผมเริ่มง่วงละ หลับกันได้หรือยังครับ” ยูริพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความง่วงงุน วิคเตอร์พยักหน้าแล้วก็พลิกตัวหันหลังให้ และพยายามไม่สะดุ้งเมื่อยูริใช้แขนข้างหนึ่งเกี่ยวเอวเขาดึงให้หลังมาแนบกับอกเขา

     

    “เอาล่ะ ทีนี้ก็นอนได้แล้วนะ” เขากระซิบข้างหูลมหายใจที่เป่ารดข้างหูนั้นทำให้วิคเตอร์รู้สึกจั๊กจี้จนต้องย่นคอหนีไม่นานนักเสียงเสียงลมหายใจของยูริที่เป็นจังหวะสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเขาหลับไปแล้ว

     

    น่าแปลกที่วิคเตอร์เองก็รู้สึกว่าการนอนอยู่ในอ้อมแขนของคนที่อ่อนกว่าแบบนี้มันสบายและอบอุ่นอย่างน่าประหลาด ชายหนุ่มทาบทับมือเรียวยาวของตนลงบนมือหนาที่วางตรงบั้นเอวแล้วก็อมยิ้มอย่างเป็นสุข ก่อนที่ตัวเขาเองก็ค่อยๆ หลับตาและตามยูริไปในโลกแห่งความฝันอีกคน

     

    ว่ากันว่าท้องฟ้าหลังพายุจะสดใสยิ่งกว่าวันไหนๆ หวังว่าพวกเขาก็จะพบวันที่สดใสหลังพายุเช่นกันนะ....


    ******************

    To be continued…

    ตอนนี้ยังหาทางจบแบบสวยๆ ยังไม่ได้เลย สุดท้ายก็ต้องงอกอีกตอนจนได้ T-T 
    มาลุ้นกันค่ะว่าคุณโค้ชกะคุณนักกีฬาสุดดื้อจะลงเอยกันยังไงในตอนหน้า อิอิ 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in