เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First StoryVannisa Ploy
Work and Travel จุดเริ่มต้นหลังเรียนจบ
  • Work and Travel เป็นโรงการลำดับต้นๆที่นักศึกษาเข้าร่วมในช่วงปิดเทอมเพราะจะมีโอกาสได้ทำงานจริง ได้ฝึกภาษาและได้เที่ยวไปในตัวเช่นกัน ซึ่งเป้าหมายของแต่ละคนที่เข้าร่วมโครงการก็จะแตกต่างกันออกไป บางคนอาจไปเพราะอยากทำงานเก็บเงินบางคนอาจไปเพราะอยากใช้ชีวิตอิสระแบบไม่มีใครคอยคุม หรือบางคนอาจไปเพราะอยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิต

    เราก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ เราไปเวิร์คตอนจบปี 4 ทำงานประมาณ 3 เดือนนิดๆ และเที่ยว 1 เดือนเต็ม+แวะเที่ยวญี่ปุ่นอีก 10 วัน คือกะเอาคุ้มเลยเพราะคิดว่าถ้าทำงานแล้วคงหาโอกาสเที่ยวยาวๆยาก เราเข้าร่วมโครงการนี้เพราะอยากไปดิสนีย์แลนด์ อยากเจอมิกกี้เม้าส์สัญชาติอเมริกัน แค่นั้นเลยจริงๆ
    แล้วถ้าถามว่าทำไมถึงไม่สมัครโครงการที่ไปเวิร์คที่ดิสนีย์แลนด์เลยล่ะตอบตรงๆเลยว่า... สมัครไม่ทันจ้า


    What is Workand Travel Program?

    ก่อนอื่นเราขอพูดถึงโครงการ Work and Travel แบบสั้นๆง่ายๆเพื่อที่ทุกคนจะได้ทราบว่าโครงการนี้คืออะไร

    โครงการ Work and Travel คือโครงการที่เปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษาปริญญาตรีและปริญญาโทอายุไม่เกิน 28 ปี ไปทำงานประมาณ 3-4 เดือนและท่องเที่ยวในประเทศอเมริกาต่อได้นานสุด เดือน โดยจะแบ่งออกเป็น ช่วง คือ Spring (มีนาคม-มิถุนายน) และ Summer (พฤษภาคม-กันยายน) งานส่วนใหญ่ที่มีจะเป็นประเภทร้านอาหาร โรงแรม คาสิโน และร้านขายของต่างๆ โดยเราสามารถสมัครผ่านทางเอเจนซี่ได้เลย มีเยอะมากกกกกกกก 


    " แพลนไว้ว่าจะไปกับเพื่อนอีก คน แต่สุดท้ายต้องบินเดี่ยวไปทำงานคนละรัฐ "


    หลังจากที่เรามีเป้าหมายหลักแล้ว เราก็เริ่มหาข้อมูลและอ่านรีวิวเรื่องเอเจนซี่ ค่าใช้จ่าย งาน สภาพภูมิอากาศ คือหาข้อมูลทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ประมาณว่ารู้เยอะไว้ให้อุ่นใจ 


    ตอนแรกเราจะไปกับเพื่อนอีก2คนเพราะที่บ้านเป็นห่วงและจะได้แพลนทริปเที่ยวด้วยกันตอนทำงาน แต่ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน มีงานเสนอมาให้เรากับเพื่อนพร้อมๆกันแต่เป็นคนละที่ เนื่องจากกลัวไม่มีงานทำแล้วจะอดไป เรากับเพื่อนเลยกดรับงานไปก่อนเพราะอ่านรายละเอียดแล้วไม่น่าได้ ไหนจะต้องสัมภาษณ์กับนายจ้างอีก แต่สุดท้าย สุดยอดคนดวงซวยก็กลายเป็นคนดวงดี ได้งานเลยแบบไม่มีสัมภาษณ์อีกรอบ มากไปกว่านั้นคือเพื่อนอีกคนก็ได้งานที่เดียวกันกับเพื่อนคนแรก สรุป เราไปคนเดียว.. มีใครดวงดีกว่านี้ไหม

    พอรู้ว่าตัวเองต้องบินเดี่ยวและไปอยู่ในที่ที่ไม่รู้จักใครและไม่รู้จักอะไรเลย เราเลยหารีวิวที่ทำงานที่เราจะไป ติดต่อรุ่นพี่ที่เคยไปและเข้าร่วมกลุ่ม Work and Travel Thailand ที่รวมประชากรที่ร่วมโครงการนี้ในเฟสบุ๊ก กลุ่มนี้คือช่วยชีวิตไว้ได้เยอะมากๆ มีข้อมูลทุกอย่างตั้งแต่เรื่องเอเจนซี่ยันทำแท็กรีฟันด์ ใครจะไปเราแนะนำให้เข้าร่วมกลุ่มนี้ไว้เลยค่ะ เริ่ด 

    " สัมภาษณ์วีซ่า = วัดดวง "

    ข้อมูลมีแล้ว รีวิวก็อ่านเยอะมากแล้วต่อไปก็เตรียมเอกสารสัมภาษณ์วีซ่า พวกรายละเอียดเอกสารต่างๆเอเจนซี่จะแจ้งว่าต้องเตรียมอะไรบ้างการนัดวันเวลาสัมภาษณ์เอเจนซี่จะเป็นคนจัดการให้ค่ะ เราเตรียมเอกสารให้พร้อม ดู How to แต่งหน้าลุคคุณหนูผู้ดีจากพี่ๆบล็อกเกอร์และทำบุญเยอะๆก็พอ เราทำแบบนี้จริงๆนะ  สำหรับเราการสัมภาษณ์วีซ่าคือการวัดดวงจริงๆไม่มีใครสามารถฟันธงได้ว่าเราจะผ่านหรือไม่ผ่าน เอกสารแน่น เกรดดีแค่ไหนก็แป้กบางคนโดนถามเยอะ ตอบได้หมดแต่ไม่ผ่าน บางคนโดนถามแค่ 3-4 คำถามก็ผ่านแล้วในส่วนของเรา เราโดนถาม 4 คำถาม ไม่ขอดูเอกสารใดๆแล้วบอกผ่าน เราก็เดินออกมาแบบงงๆ สงสัยแต่งหน้าลุคคุณหนูช่วยไว้

                                                           แผนที่การเดินทางไปสถานทูตอเมริกา


    พอวีซ่าผ่านแล้วก็กลับไปตั้งใจเรียนจ่ะ อย่าให้ตกแม้แต่ตัวเดียว ไม่งั้นปัญหาเรื่องลงทะเบียนเรียนเกิด แพลนเที่ยวล่มแน่ๆ แล้วไหนจะเงินค่าโครงการ ค่าตั๋วที่จ่ายไปอีก สุดท้าย โครงการนี้ให้เกียรติบัตรเรียนดีใบแรกกับเราตอนปี 4 ขอบคุณนะ

    28 พฤษภาคม 2562  คือวันออกเดินทางของเรา เราเลือกเดินทางช่วงดึกเพราะจะได้นอนบนเครื่องทีเดียว บอกเลยว่าการเดินทางครั้งนี้ยาวนานมาก ใช้เวลาเกือบ 2 วัน (รวมต่อเครื่อง) 

    ไทย → โอซาก้า (รอต่อเครื่อง 10 ชั่วโมง) → ลอสแองเจลิส (รอต่อเครื่องอีก 10 ชั่วโมง) คลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ

    เหตุผลเดียวที่ไฟท์เราเป็นแบบนี้เพราะต้องการประหยัด เราได้งานที่เกาะ Put In Bay รัฐโอไฮโอ การบินแบบลงเมืองใหญ่ก่อนจะถูกกว่าแต่ใช้เวลาในการเดินทางนานกว่า สำหรับใครที่ต้องการประหยัดแล้วเลือกเดินทางแบบต่อหลายต่อเราขอแนะนำให้คิดไว้ก่อนเลยนะว่าจะทำอะไรระหว่างรอต่อเครื่องเพราะเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากเวลาผ่านไปช้ากว่าสลอธคลาน และที่สำคัญ พกสติไปเยอะๆ อย่าขี้หลงขี้ลืมระวังเรื่องเวลา และอย่าเลือกที่นั่งแถวA

                                                            อาหารบนเครื่องมื้อแรก.. ไม่อิ่ม
                                                            เด็กอ้วนแบบเรา เรื่องกินเรื่องใหญ่

                                                                                                                              - พลอย -


    ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ ไว้พลอยจะมาเล่าถึงประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงอีก ฝากด้วยนะคะ :)

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in