เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#พวมีประโยชน์Aprilz
Chapter 2: ดินร่วนในกระถางแตกร้าว


  • ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของจอยลดาเรื่อง มีประโยชน์ต่อระบบนิเวศ ตอนที่2: ดินร่วน ดินทราย
    อยากอ่าน คลิกได้ที่นี่ แนะนำว่าอ่านก่อนจะดีกว่าค่ะ ♥







    by ภพธร สุณทรญาณกิจ








    'ไปจริงๆแล้วนะ'

    'อืม โอเค'

    'ดูแลตัวเองดีๆนะพี่ตู่' 

    'ครับ' 

    'โอเคปะเนี่ย?' 

    'ไม่ค่อย'

    'ยากหน่อย แต่เดี๋ยวก็ดีขึ้นนะ'

    'แล้วทำไมเราถึงดูตัดใจง่ายจัง?'

    '...'

    'ที่ผ่านมามันไม่มีความหมายเลยหรอ?' 

    'เราจะไม่พูดถึงมันอีก คุยกันแล้วนี่'

    'มีคนใหม่แล้วใช่เปล่า?'


    'ที่เคยวาดภาพด้วยกันไว้มันหายไปไหนหมด'

    'พี่เอาอีกแล้วนะ'

    'ขอโทษ.. อืม ไปเถอะ'



    'โชคดีนะคะ'



    การจากลาน่าเศร้าเสมอ 

    ผมยังคงเสียใจกับการจากลาเหมือนเด็กๆแม้อายุจะมากขึ้นแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมีเพียงผมจัดการกับมันได้ เวลาไหนควรเศร้าหรือเวลาไหนไม่ควร 

    และไม่ควรเศร้านาน

    ผมเลือกจัดการกับมันด้วยการทำงาน ออกกำลังกาย แทนที่จะดื่มเหล้าเหมือนใครบางคน 

    ไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีหรอกนะ คนเราจัดการความเศร้าต่างกันไป ผมเข้าใจ


    เราสองคนตัดสินใจยุติความสัมพันธ์จากอะไรหลายๆอย่าง ถึงก่อนหน้านั้นจะมีปากเสียงแต่ก็จากกันด้วยดี แม้ว่าแผนอนาคตที่วางไว้ด้วยกันมันจะพังทลายลงมา แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนร่วมโลกที่ดีต่อกันได้

    อย่างน้อยได้รู้ตัวว่ามันไปต่อไม่ไหว ดีกว่าฝืนทนกันจนเวลามันล่วงเลยไปมากกว่านี้ 






    9.30น.

    ผมเดินทั่วบ้าน พยายามหาเสื้อเชิ๊ตสีดำตัวโปรดที่ผมไม่ได้หยิบมันมาใส่อยู่พักใหญ่ มันเป็นเสื้อเชิ๊ตสีดำธรรมดา แต่เนื้อผ้านิ่มและใส่สบายกว่าตัวไหนๆ 


    ผมค้นตู้เสื้อผ้ารอบที่สาม มันจะหายไปไหนได้ในเมื่อเดือนก่อนผมซักแล้วก็รีดเก็บไว้ในตู้เนี่ย

    "มาอยู่นี่เอง" ในที่สุดก็เจอในตู้เสื้อผ้าอีกห้องหนึ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่ามันไปอยู่ในนั้นได้ยังไงเพราะปกติเสื้อผ้าที่ใส่บ่อยๆผมจะแขวนไว้ในห้องของตัวเอง 



    'ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง' 

    จู่ๆก็คิดถึงประโยคที่นักร้องรุ่นน้องคนสนิทพูดออกมาเมื่อวาน ประโยคสั้นๆที่อธิบายความสัมพันธ์ของคนสองคนได้ดีจนน่าใจหาย มันคือการที่ต่างคนต่างไม่ได้ข่าวคราวของกันและกันสักพักใหญ่ จนเพิ่งกลับมาเจอกันอีกครั้งในรอบหลายเดือน


    บางทีว่านก็คล้ายๆเสื้อตัวนี้อยู่เหมือนกันนะ




    'Pramote: พี่ตู่'

    'Pramote: เมื่อคืนโคตรวุ่นวายเลยไม่ได้อัพเดท'

    'Pramote: ไอว่านมันอยู่กับผมนะพี่'









    16.00น.


    "กินยารึยัง?" ผมเอ่ยบอกคนที่กำลังนอนเอาแขนก่ายหน้าผากบนโซฟากลางห้อง โทรทัศน์ถูกเปิดไว้เป็นเพื่อนแต่เจ้าตัวคงไม่ได้สนใจนัก ทำไมผมถึงรู้หรอ?

    เพราะว่าตอนนี้มันเป็นรายการธรรมะน่ะสิ... 


    วันนี้เราทั้งคู่มีปากเสียงกันเล็กน้อย ถามว่าโมโหไหม ใช่ ผมโมโห หงุดหงิดมากกับการประชดประชันและไม่ยอมปริปากพูดความจริงของมัน แต่ผมเข้าใจความรู้สึกของว่านนะ เมื่อนึกทบทวนไปตอนที่คุยกับโอ๊ต ถึงสำนึกว่าผมคงละเลยคนใกล้ตัวไปเยอะจริงๆ พอคิดได้แบบนั้นแล้วดันรู้สึกผิดขึ้นมา ยอมเอ่ยขอโทษออกไปซะดื้อๆ ส่วนเจ้าตัว พอเห็นคำว่าขอโทษเลยเหมือนจะอารมณ์เย็นลงไปบ้าง เราต่างคนมีเหตุผลของตัวเอง เป็นเรื่องดีที่ต่างฝ่ายต่างพยายามเข้าใจเหตุผลของกันและกัน

    หลังจากซ้อมร้องเพลงกับวงรูมแล้วจึงขอตัวออกมาทันที รีบจนโดนทอมแซวว่าแอบไปหาสาว ผมทำได้แต่ยิ้มแห้งๆแล้วบอกว่าเดี๋ยวเล่าให้ฟัง แหงสิ สาวบ้าอะไร ใช่ที่ไหน เพิ่งจะโดนทิ้งไป แถมยังทะเลาะกับเพื่อน(รุ่นน้อง)สนิทอีก 

    และแม้จะทำทีว่าเอาของมาคืนก็เถอะ แต่ใครมันจะพกกล่องเครื่องมือไว้ในรถกันล่ะ ไม่ได้แพลนไว้ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำว่าจะมา


    แค่เป็นห่วงมัน เท่านั้นเอง


    "ว่าน" เมื่อไร้เสียงตอบกลับ ผมเลยเขย่าแขนอีกฝ่าย ทรุดตัวลงนั่งเบียดข้างๆ 

    "ยัง" เจ้าตัวเหมือนยังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ต้องการคุยกับใคร ผมถอนหายใจ จับแขนหนักๆให้พ้นใบหน้าคม เปลือกตาสีมุกปิดสนิท

    "ไปกินยา" ว่าเสียงแข็งไปหนึ่งที เขาลืมตาขึ้นมามองผม

    "ไหนของของผมอะ" 

    "ไม่ได้เอามา"

    "แล้วพี่มาทำไม?" คำถามห้วนๆถูกส่งมา ถ้าเป็นคนอื่นคงคิดว่ามันหาเรื่องไปแล้ว แต่ผมรู้ว่ามันแค่ติดนิสัยช่างถามเท่านั้น

    "มาดูอาการมึงนี่ไง" ว่านกลั้วหัวเราะเสียงแผ่ว "ขำอะไรวะ?"

    "เปล่า ได้ เดี๋ยวผมไปกิน" ท่าทางตายซากเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ว่านเป็นคนที่โลกส่วนตัวสูง ถึงจะเหมือนขี้เล่นไปเรื่อยแต่เขาก็มีกำแพงใสๆกั้นไว้อีกที เพื่อไม่ให้มีใครล้ำเส้นเข้ามา สำหรับผม ว่านไม่ใช่คนที่คาดเดายากอะไรนักเพียงแค่ต้องใส่ใจให้มากๆเท่านั้น

    แต่เหมือนผมจะกลับมาเดาใจเขาไม่ค่อยออกแล้วสิ.. 

    ยังใส่ใจไม่มากพอหรือเขาพยายามปิดบังกันแน่นะ?


    "เดี๋ยวผมไปเอายามาให้แล้วกัน" สาวเท้าเดินตรงไปบริเวณครัว จัดการเทน้ำอุณหภูมิห้องลงแก้วทรงสูงแล้วเดินกลับมาพร้อมยาแก้ปวดสองเม็ด "ลุก" 

    เขาทำท่าอิดออดแต่ก็ยอมลุกขึ้นมารับไปทาน ผมนั่งลงข้างๆ ว่านที่ปกติผิวขาวอยู่แล้วประกอบกับอาการป่วยด้วยจึงซีดลงไปอีก ผมยุ่งเหยิงกับเสื้อผ้ายับยู่ยี่ ทำเอาคนเจ้าระเบียบอย่างผมเอื้อมมือไปสางผมสีเข้มตรงหน้าให้ด้วยความรำคาญใจ


    เราต่างนิ่งเงียบเผชิญหน้ากัน ว่านมองตามการกระทำของผมไม่ว่างตา มือหนาเลื่อนวางบนหน้าตักของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมปัดผมหน้าที่เริ่มยาวของอีกฝ่ายไปข้างๆแล้วดึงมือกลับมากอดอก

    "ผมยาวแล้วนะ" 

    "ขี้เกียจไปตัด" 

    "อย่างอแงเป็นเด็กสิ" 

    "ผมป่วยอยู่นะ อย่าดุดิ"

    "ทำตัวเองไหมล่ะ?" เขาทำหน้าบึ้ง ผมเม้มริมฝีปากกลั้นหัวเราะ


    "พี่มาดูแลผมหรอ" ว่านเอ่ยน้ำเสียงตัดพ้อ ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่อาจเป็นเพราะยังคงเศร้ากับเรื่องอะไรก็ตามที่มันไม่ยอมบอก

    "เปล่า มาดูแลหมา" 

    "เห่าไม่เป็นด้วย ทำไงดี" 

    "ไอบ้า" ผมหลุดหัวเราะ "กินยาแล้วก็นอนพักซะไป" 

    "พี่ไม่มีงานหรอ?" ว่านยังคงดื้อชวนคุยไม่หยุด ผมพยักหน้ารับ

    "ตอนนี้ไม่มี แต่มีงานคู่รูมตอนห้าทุ่ม นอนได้แล้ว"

    "ไม่อยากนอน"

    "แล้วอยากทำอะไร"



    "กอด" ผมเลิกคิ้ว สายตาของว่านดูจริงจังผิดปกติ แถมยังแฝงอารมณ์หม่นหมองในน้ำเสียงจนสัมผัสได้

    "มาดิ" ท่อนแขนหนักๆโอบรอบตัวผม ไออุ่นจากแผ่นอกกับใบหน้าซุกลงบนไหล่ทำให้ผมคลี่ยิ้มออกมาบางๆ 

    ว่าน ธนกฤต นักร้องหนุ่มคารมณ์ดีฝีปากกล้าที่มักจะโดนตราหน้าด้วยความนิสัยเลวของมัน(นี่ไม่ได้หลอกด่านะ) พอหมดความกวนประสาท ปากหมา มันก็คือเด็กหนุ่มธรรมดาๆที่มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนคนทั่วไปเนี่ยแหละ(แต่ออกจะซับซ้อนกว่าสักหน่อย)

    และเด็กคนนี้คงกำลังเศร้า


    ผมกอดอีกฝ่ายไว้แล้วลูบหลังเบาๆ การกอดคือการรักษา ข้อเท็จจริงพิสูจน์ได้แล้วในวันนี้ อาการเศร้าซึมอยู่ลึกๆของผมก็เริ่มดีขึ้นจากกอดของเขา เราเหมือนกำลังช่วยกันรักษาอาการบาดเจ็บ แผลฉีกขาดค่อยๆสมานและดีขึ้นตามลำดับ


    เสียงพรั่งพรูลมหายใจดังออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ผมหลุดหัวเราะก่อนที่เขาจะผละออกไป


    "ดีขึ้นมั้ย?" ว่านชิงถามขึ้นมาก่อน

    "ผมสิต้องถาม" 

    "พี่ก็เศร้า ใช่ไหม?" ผมอมยิ้ม เด็กนี่มันรู้ดีสมกับที่สนิทกันมา เลื่อนมือไปตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆแล้วพยักหน้ารับ

    "ดีขึ้นแล้ว ขอบใจ ว่าแต่คุณเถอะ"


    "ผมดีขึ้นตั้งแต่เห็นพี่อยู่หน้าประตูแล้ว" 

    "เวอร์"

    "จริง" ว่านย้ำ ผมแสร้งขำกลบเกลื่อนอาการเก้อเขิน ก่อนจะดันให้เขาเอนตัวนอนราบไปกับโซฟา แต่อีกฝ่ายกลับขืนตัวแล้วฉวยเอามือของผมไปกุมไว้

    "นอนไป" 

    "เขินอะดิ" 

    "จะนอนไม่นอน" 

    "ดุอีกแล้วอะ" 

    "ก็ดูมึงสิ" เราเถียงกันอยู่อย่างนั้นจนว่านหลุดหัวเราะออกมา ท่าทางอารมณ์ดี(แถมยังมีหน้ามากวนประสาทผมอีก)เหมือนกำลังบอกว่าอีกฝ่ายกลับมาเป็นปกติแล้วทำให้ผมคลายกังวลอยู่ไม่น้อย ดีแล้วที่ตัดสินใจมาหาวันนี้ 

    "หยุดขำแล้วไปนอน"

    "ค้าบ"  ผมส่ายหัวระอา ว่านปล่อยให้มือของผมเป็นอิสระก่อนเอนตัวลงนอน 

    "หายไวไว" เปลือกตาสีมุกปิดลงอีกครั้ง ไม่นานนักเขาก็หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ เป็นสัญญาณถึงห้วงแห่งนิทรา ผมนั่งจ้องอีกฝ่ายอย่างพินิจ ก่อนเอื้อมมือไปเกลี่ยปอยผมปรกใบหน้าออกให้ 


    ชั่ววูบหนึ่งที่ความรู้สึกบางอย่างปรากฎขึ้นมาเด่นชัดจนตกใจ แต่แล้วก็หายไปไวเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต 

    ผมนิ่งงัน ขมวดคิ้วทบทวนกับสิ่งนั้นว่ามันคืออะไร 


    ความรู้สึกนั้นตลบอบอวลอยู่ในอก มันเบาบางจนนึกไม่ออกจริงๆว่าหมายถึงอะไร แล้วต้องทำยังไงถึงจะทำให้มันชัดเจนขึ้นอีกครั้ง 



    "อะไรวะ" ผมพึมพัมกับตัวเอง ก่อนจะขยับตัวออกมานั่งโซฟาว่างๆใกล้กัน กดทีวีเปลี่ยนช่องหาอะไรดูไปเรื่อยเปื่อย ไปพลางพยายามตามหาความรู้สึกประหลาดนั้น






    หรือว่า...  











    by ธนกฤต พาณิชวิทย์




    หอม.. 

    กลิ่นหอมของข้าวต้มทำให้ผมขืนเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมองไปรอบๆ สายตาพร่ามัวพยายามปรับโฟกัสอยู่สักพักจึงเห็นว่ามีใครบางคนกำลังวุ่นวายอยู่บริเวณที่ทำครัวของห้องผม 

    "พี่ตู่?" 

    "อ้าว ตื่นแล้วหรอ?" คนคนนั้นหันมาหา ในมือถือทัพพีไม้ ส่วนตรงหน้ามีหม้อใบเล็ก "ดีขึ้นมั้ย?" 

    ผมพยักหน้าตอบ อาการปวดหัวแปลบหายไปแล้ว แต่ยังคงมึนๆเพราะเพิ่งตื่นนอน ผมเหลือบเห็นโทรศัพท์บนโต๊ะใกล้ๆสั่นเหมือนเจ้าเข้า แจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวเด้งจนต้องหยิบมาอ่าน 


    ผมอัพเดทอาการของตัวเองให้เพื่อนๆในกลุ่มฟังก่อนทักโอ๊ตแยกไปอีกที เล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนจะละสายตาออกมานึกทบทวนอะไรบางอย่างจนไปเจอคนผิวสีน้ำผึ้งตรงนั้น 


    ผมพรั่งพรูลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน เกลียดตัวเองตอนนี้ชะมัด 


    'Wan Soloist': ถามว่าทำใจได้ไหม'

     'Wan Soloist': ไม่รู้ว่ะ'



    ไม่รู้จริงๆว่าตอนนี้ควรรู้สึกยังไง ใช่ แน่นอน คนที่ผมแอบชอบมาดูแลถึงที่ แม่งโคตรดี แต่เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า เพราะตัวเขาเองนั่นแหละ ผมถึงเป็นแบบนี้ 





    "ว่าน มาชิมหน่อย" 

    "โอเค" ผมตอบกลับเสียงเรียก พิมพ์ข้อความในมือถือสักพักก่อนจะวางมันลงที่เดิม ลุกออกไปหาคุณภพธร 

    พอเดินไปถึง เขายังคงง่วนกับการปรุงข้าวต้ม ผมลอบมองอยู่เงียบๆ 


    น่ารัก.. 

    ผมนึกคำอธิบายไม่ออกนอกจากคำนี้จริงๆ 

    "ระวังร้อน" เขาเป่าช้อนหนึงทีแล้วย้อนมาตรงหน้า ผมอ้าปากรับ แกล้งแสดงสีหน้าไม่ค่อยดีออกไป 

    "ไม่อร่อยหรอ?" คุณภพธรขมวดคิ้วมุ่น เห็นแบบนั้นเลยคลี่ยิ้มออกมา

    "อร่อยดิ" 

    "อร่อยกว่าไข่เจียววันนั้นมั้ย?" ผมหลุดขำทันทีที่ได้ยิน คุณภพธรกำลังพูดถึงไข่เจียวในรายการนอนบ้านเพื่อนเทปแรก ที่ผมดันไปให้คะแนนเยอะกว่าพอร์คช็อปของเขา 

    นั่นแหละ วันนั้นแหละ ที่ผมต้องกินไข่เจียวจืดๆโดยที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งอะไรเลย


    ก็ธรรมชาติดีนะ


    "อะไรที่ผ่านมาแล้วก็อย่าไปพูดถึงมัน ปล่อยเบลอๆไป อันนี้สิอร่อย" ผมบอกในขณะที่คุณภพธรกลั้วหัวเราะชอบใจ เขายกแขนขึ้นมองนาฬิกาก่อนจะปิดฝาหม้อใบเล็ก 

    "รออีกสักห้านาทีให้หมูสุกแล้วก็กินให้หมดนะ" เขาหันมาบอกแล้วเอื้อมมือบีบบ่าเบาๆ "ผมต้องไปแล้ว มีงานกับรูมแถวทองหล่อนู่น" 

    "โอเคฮะ" ผมคลี่ยิ้มให้ เวลาของความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ 


    ไม่น่าหลับเลยแฮะ 


    คุณภพธรสาวเท้าเดินไปหน้าประตูโดยมีผมตามมาส่ง เขาใส่ร้องเท้าก่อนจะคว้ากุญแจรถในตู้แขวนกุญแจใกล้ๆ ดูคุ้นชินกับห้องของผมเสียจนน่าหมั่นไส้เล็กๆ 

    "สบายใจขึ้นหรือยัง?" เขาเอ่ยถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นห่วงแบบไม่ปิดบัง

    "บอกว่าหายตั้งแต่เห็นพี่อยู่หน้าประตูแล้วไง" ผมอมยิ้ม "ขอบคุณนะฮะคุณภพธร" 

    "เออ ให้มันจริงเหอะ" ว่าเสียงแข็งแต่มุมปากกลับมีรอยยิ้ม คุณภพธรมักแสร้งทำเป็นดุอยู่บ่อยๆเวลาที่เขาเขิน 

    น่ารักชะมัด :) 


    มือสวยเอื้อมจับลูกบิดเปิดประตูออก มองยืนส่งเขาจนลับตาไปแล้วปิดประตูลง คุณภพธรกลับไปแล้วแต่กลิ่นหอมของข้าวต้มยังคงอยู่ มันทำให้ผมเดินกลับไปดู สายตาเหลือบเห็นโพสท์อิทสีเหลืองแปะหลบข้างๆเตาไฟฟ้า 







    'กลับมาอารมณ์ดีไวไวนะคุณว่าน - ภพธร' 









    END



    ถึง คุณที่มีหัวใจแข็งแกร่งทุกคน, 


    ฮาโหลลลลลล เป็นยังไงกันบ้างคะ ^^ ย้อนเวลากันไปหน่อยเนอะ 

    ตอนนี้ออกมาช้ามาก จอยไปตอน4แล้วแหน่ะ 55555555555555 หวังว่าทุกคนจะได้เข้าใจมุมของพี่ตู่มากขึ้นด้วย(หรืออาจจะไม่เข้าใจ ว่าทำไมคุณเขาซื่อบื้อจัง(....))

    ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งและอีกครั้งนะคะ สำหรับคอมเม้นท์จากทุกๆคนเลย 

    แอบสปอยล์ว่ากำลังมีOSที่น่าจะปล่อยภายในอาทิตย์นี้อีกเรื่อง 

    ฝากติดตามกันไปเรื่อยๆน้าาา พูดคุยกันได้เสมอทั้งในแท็กฟิคและเมนชั่นนะคะ เราไม่กัด งุ้งงง 


    เลิ้บยูปู๊นปู๊น ♥, 

    น้ำหอม

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in