เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
A Tale from ENTEBBEA 24-HOUR TALE
Uganda Through the Minibus Windows
  • 24 ชั่วโมงในอูกันดา

    เด็กวิ่งตามรถ คนนั่งข้างถนน สองข้างทางไม่มีแม้แต่บ้าน กันดารแน่ๆ
    แต่หลังจาก 24 ชั่วโมงที่นี่ เราค้นพบว่า มันไม่ใช่เลย !

    ย้อนกลับไปวัน roster ออก ความรู้สึกตอนที่เห็น EBB ในตาราง คำถามพรั่งพรูเข้ามาในหัว Where's EBB? Entebbe? Africa? But, where's Entebbe anyway? ก็ถามอากู๋กูเกิ้ลตามเคย แล้วก็ได้แผนที่
    ด้านล่างมาเชยชม
    เห่ยยยยยยย ยังไงดี แลกไม่ออกหรอก ไปก็ได้ !
    สุดท้ายเพิ่งมารู้ว่าคนอื่นทั้งบิดทั้งแลกมาเพื่อประเทศนี้

    ขอเริ่มที่สาระกันก่อนค่ะ
    อูกันดา (UGANDA) เป็นประเทศที่ไม่มีพรมแดนติดกับทะเลเลยค่ะแต่ที่เห็นสีฟ้าด้านล่างคือ 
    Lake Victoria  ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา
    เมืองหลวงชื่อ Kampala ซึ่งตอนแรกเข้าใจว่าเมืองหลวงคือ Entebbe มาตลอดแต่ผิดจ้า
    เมื่อก่อนนั้นเคยเป็นเมืองขึ้นของประเทศอังกฤษในช่วงปี ค.ศ. 1894 - 1962 ค่ะ ผู้คนเลยพูดภาษา-อังกฤษกันเป็นภาษาหลัก ค่าเงินเรียกว่า เงิน Ugandan Shilling เรียกคล้ายๆกันกับของประเทศอังกฤษ
    ประเทศนี้มีแอร์พอร์ตอยู่ที่เดียวเท่านั้นค่ะ นั่นก็คือ Entebbe International Airport 
    เพราะฉะนั้นใครจะเข้าเมืองต่อก็ต้องต่อรถกันไป เท่าที่สังเกตดู รู้สึกว่าจะไม่มีทางรถไฟ

    ตัดภาพมาที่ Entebbe International Airport ...
    พอเดินลากกระเป๋าลงมาจากเครื่อง สิ่งแรกที่เห็นคือเครื่องบินลำเลียง UN จอดอยู่ออกไปไม่ไกล 

    ในที่สุดก็ได้มาเหยียบที่ๆไม่เคยคิดว่าจะมา ถึงแล้วสินะ อูกันดา

    สนามบินที่นี่มีความทรานส์แพเร้นท์ (transparent) สูงมากค่ะ คือถ้าคนในอาคารผู้โดยสารอยู่ๆจะวิ่งลงไปเล่นกับล้อเครื่องบินก็ทำได้เลย ประตูกับล้อเครื่องมันใกล้กันประมาณ 5 เมตรไม่เกิน และ 
    อีกหนึ่ง Feature ของสนามบินนี้คือ การที่ทางเดินจากตัวเครื่องไปถึง Arrival zone กับสายพานกระเป๋า และทางออก อยู่ใกล้กันมากๆ ใช้เวลาเดินไม่ถึง 10 นาที คุณพระ! ถ้าเป็นที่สุวรรณภูมิ หรือ กัวลาลัมเปอร์นี่เดินกันรองเท้าสึกนาจา 

    พอนั่งรถถึงปากทางสนามบินก็เจอกับเครื่องบินของ UN อีกหลายลำจอดอยู่ รอบนี้มาพร้อมกับองค์กรอื่นๆ เช่น Unicef, WHO, ฯลฯ เหมือนกับองค์กรระดับโลกเหล่านี้จะมีโซนจอดเครื่องบินของเค้าเลยค่ะ
      โซนจอดเครื่องบินอยู่ด้านหลังปั๊มนี้ค่ะ เสียดายไกลไปหน่อย เก็บรูปไม่ได้ อูรุคมั้ยล่ะ??
    ระหว่างที่นั่งมินิบัส (ที่มินิจริงๆ ยืดขาไม่ได้) ไปรีสอร์ท กัปตันที่นั่งข้างๆก็บรรยายสองข้างทางตลอดเวลา เฮียแกมาที่นี่สามรอบแล้ว จึงค่อนข้างเป็น information tank ให้แน็ตสูบความรู้ 
    เนื่องจากที่นี่มีช่องว่างทางสังคมค่อนข้างมาก คนชั้นกลางมีอยู่น้อยมากๆ คนรวยไปเลยคือคนกลุ่มเดียวที่เป็นนักการเมือง นอกนั้นคือประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นคนชั้นล่าง รายได้ต่ำ 
    นักการเมืองที่นี่ทำมาค้าขายกับเมืองนอกโดยการส่งออกผลผลิตของประเทศตัวเองให้กับประเทศอื่นๆเช่นจีนค่ะ รายได้ที่ได้มาไม่ต้องพูดถึง ก็เข้ากระเป๋าเค้ากันหมดนั่นแหละ
    กัปตันชี้บ้านนักการเมืองให้ดูด้วยค่ะ สวยมากจริงๆ ตั้งแต่ทางเข้ายันตึกข้างใน แต่เค้าเหมือนตั้งใจสร้างบ้านให้อยู่สูงๆ ปลูกต้นไม้บังๆไว้ ก็เลยไม่ได้เห็นรายละเอียดบ้านทั้งหมด


    สองข้างทางที่นี่ก็เป็นบ้านเล็กๆชั้นเดียวเรียงรายกันไป มองเข้าไปก็จะเป็นหมู่บ้านตามเนินเขา
    จากสภาพที่เห็นแล้วแน็ตไม่ค่อยแปลกใจว่าทำไมถึงมีหลายๆคนจากหลายประเทศทั่วโลกเดินทางมาเป็นอาสาสมัครที่นี่หนึ่งในนั้นคือลูกเรือชาวโปแลนด์ที่ถึงขนาดบิดไฟลท์นี้ด้วยความที่อยากจะมาเยี่ยมคนที่นี่ เค้าเล่าให้ฟังว่าเค้าเลยมาเป็นอาสาสมัครที่นี่อยู่สองสัปดาห์สอนหนังสือให้ความรู้แก่เด็กๆในหมู่บ้านเค้าบอกว่าคนที่นี่น่ารัก เด็กๆฉลาดมาก บ้านเมืองอาจจะดูไม่น่าอยู่ แต่มีวัฒนธรรมหลายๆอย่างที่น่าสนใจ ผู้คนให้การต้อนรับเป็นอย่างดีอีกอย่างคือ ไม่ติดมาลาเรียแน่นอน ถามว่าแน็ตกลัวยุงมั้ย ก็ศัตรูอันดับหนึ่งเลยนะ แต่ ซอฟเฟล ก็ไม่ได้หยิบมา หาไม่เจออยู่ดี

    แล้วที่นี่มันกันดารขนาดนั้นมั้ย?
    แน็ตว่าไม่นะคะ ถึงแม้ว่าการนั่งอยู่ในรถชั่วโมงเศษๆจะทำให้แน็ตเกือบตายก็เถอะ ถนนสองเลนสวนกันที่เหมือนอยู่ในโลกพระ-จันทร์เลเวล 1 เขย่าไปเขย่ามา จากที่มองออกไป ผู้คนไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด ไม่มีขอทานวิ่งตาม ไม่มีใครมาเคาะกระจกตอนที่รถจอดรอ มันอาจจะไม่ได้เจริญขนาดนั้น แต่มันก็เป็นประเทศโลกที่สามที่ดีกว่าที่คนทั่วไปจินตนาการภาพไว้ ตึกไม่ได้ดูทันสมัยแต่แน็ตว่าสภาพดีกว่าที่เห็นที่อินเดียค่ะ
    เราใช้เวลาเดินทางจากสนามบินมาถึงรีสอร์ทประมาณชั่วโมงกว่าๆ แน็ตเผลอหลับไปน่าจะช่วงครึ่งชั่วโมงก่อนถึงเนื่องจากมึนหัวมากๆ พอลืมตาขึ้นมาเท่านั้นล่ะ  อ่าว เฮ้ยยยยย เปลี่ยนร่างเป็น พี่อะตอมแพรพพพ
    จากสนามบินถึงโรงแรมตาม google maps ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 11 นาที
    ก็ตามนั้นแหละค่ะ
    เนื่องจากเราพักกันที่รีสอร์ทในเขตเมืองหลวงค่ะ ก็เลยใช้เวลาเดินทางนานหน่อย พอลืมตาขึ้นมาก็ตระการตา ทีนี่มันไม่ใช่ Uganda แล้ว

    Speke Resort Munyonyo เป็นรีสอร์ทที่มีลูกเรือจากหลายสายการบินเข้าพักค่ะ ขอไม่เปิดเผยรายชื่อล่ะกันเนอะ :)  รีสอร์ทนี้ตั้งอยู่ตรงพื้นที่ ที่ติดกับ Lake Victoria ทะเลสาบที่กล่าวถึงในช่วงแรก เหมือนมีหาดส่วนตัวยังไงอย่างงั้น แต่ทว่า .... พื้นที่ที่เป็นสนามหญ้าใหญ่ติดกับทะเลสาบเค้าก็เปิดให้เป็นพื้นที่สาธารณะค่ะท่านผู้โช้มมมมม ประจวบเหมาะกับว่าวันนั้นเป็นวัน  Eid Mubarak ซึ่งตามศาสนาอิสลามเค้าจะมีการเฉลิมฉลองกันค่ะ เราได้ข้อมูลมาว่า ผู้คนที่แห่แหนกันเข้ามาเที่ยวที่นี่ส่วนใหญ่เป็นคนจากโซมาเลียที่มาทำมาค้าขายที่นี่ค่ะ  ความครึกครื้นเต็มสิบ 
    พวกเราเดินมาดูด้วยความcuriousมากๆ
    สระว่ายน้ำตามธรรมชาติของเด็กๆ Lake Victoria

    แต่ไม่ใช่ว่าที่นี่จะไม่มีความเป็นส่วนตัวกันเลยทีเดียว ถึงแม้ฝั่งนี้จะเปิดเป็นพื่นที่สาธารณะ แต่คนน้อยกว่าค่ะ เพราะถัดไปด้านขวามือจะเป็นโซนจอดเรือทำกิจกรรมเช่น คายัค และ แคนนู สำหรับผู้เช้าพักที่รีสอร์ท

     Lake Victoria ผูกสามประเทศใหญ่ๆไว้ด้วยกัน นั่นคือ Uganda, Kenya และ Tanzania

    ที่รีสอร์ทก็มีกิจกรรมเยอะแยะมากมายถ้าไม่อยากออกไปข้างนอก หรือถ้าอยากไปเดินตลาดซื้อผลไม้สดๆ ก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่รีสอร์ทได้ เพราะเค้าจะมีรถรับส่งบริการค่ะ พี่คนขับบัคกี้ชาวอูกันด้ายังบอกด้วยว่า ถ้าไม่อยากออกก็เขียนใส่กระดาษ ทำเป็นลิสต์มาเลยก็ได้ว่าอยากได้อะไรจากตลาด เค้ามีบริการออกไปซื้อให้ด้วยค่ะ ของถูกมากกกกกกกกกก เห็นว่าถ้านั่งรถออกไปอีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็สามารถเข้าไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติได้ด้วย 

    แน็ตว่าประเทศนี้เป็นประเทศที่มีความน่าสนใจหลายอย่างค่ะ คนที่นี่ค่อนข้างเฟรนด์ลี่ในระดับนึง ผู้คนน่ารักเป็นกันเอง ซึ่งบางทีก็กันเองเกินไป 55 ที่สำคัญชอบตรงที่บ้านเมืองมันดูไม่หดหู่ ถ้าใครชอบการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ ขอแนะนำที่นี่ค่ะ 

    และ fact อีกอย่างนึงของคนที่นี่คือ เค้าจะตื่นเต้นกับ Coke มากค่ะ เพราะมันน่าจะหายากและมีราคาสูงถ้าให้เดา สำหรับแน็ต แน็ตเลิกกินน้ำอัดลมมา 7-8 ปีแล้ว แน็ตอยากแบกโค้กมาให้เค้ามากๆ เวลามีคนมาบ้านเค้าก็จะเสิร์ฟโค้ก ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่สำหรับประเทศนี้ค่ะ 

    และสิ่งที่ฟินที่สุดในทริปนี้คือการมอบเงิน Allowance ที่เหลือทั้งหมด ให้กับโรงเรียนท้องถิ่นในแคมปาลาเพื่อช่วยเหลือด้านอุปกรณ์การเรียนของเด็กๆค่ะ คือแน็ตเหลือเงินเยอะมากๆ ขนาดว่าทานทั้งมื้อเย็นและมื้อเช้า

    จริงๆแล้วแน็ตมีข้อมูลอีกเยอะมากๆที่อยากมาเล่าให้ฟัง แต่ก็กลัวว่ามันจะเริ่มยาวไปหน่อย 

    ขอบคุณที่แวะเวียนกันเข้ามานะค่ะ เจอกันใหม่ทริปหน้าค่าาาา  :)


    #ptentebbe1st 

    ig: ptnv_

    B777-300ER
    EK729
    DXB-EBB
    EK730
    EBB-DXB
    (12-13 September 2016)



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in