เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
กว่าจะเข้าใจว่าป่วยเป็น ADHDshimwave
ฉันเลี้ยงปีศาจเอาไว้หนึ่งตัว
  • ตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทำอะไรโดยไม่มีการวางแผน ตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมาจนกระทั่งปิดเปลือกตานอนหลับ เราเป็นคนที่ดำเนินชีวิตบนแบบแผนที่ตัวเองวางไว้ตลอด ทุกๆ ย่างก้าวที่เดิน ทุกๆ การตัดสินใจ ล้วนแล้วแต่ผ่านการคิดวิเคราะห์มาอย่างดีแล้วทั้งนั้น จึงเป็นเหตุผลที่ว่า แม้จะเคยผิดพลาด แต่เราจะลุกขึ้นยืนได้ไว ไม่เคยจมปลักกับความล้มเหลวยาวนาน การใช้ชีวิตที่กระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา ต้องการอยากรู้อยากเห็นทุกอย่างด้วยตัวเอง สามารถจมปลักกับหนังสือเล่มหนาๆ สิบกว่าเล่มได้และอ่านจบทั้งหมดในเวลาไม่ถึงสองอาทิตย์ พร้อมกันนั้นก็ยังเรียนหนังสือและทำการบ้านรับผิดชอบงานต่างๆ ที่อาจารย์มอบหมายให้ครบถ้วนสมบูรณ์ นั่นคือเราที่ผ่านมา เป็นคนแบบนั้นเสมอมา รับผิดชอบอะไรแล้วก็จะทำอย่างเต็มที่เช่นนั้นเรื่อยมา

    เราคือคนที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ตอนนี้ต้องใช้คำว่า "เคย" เป็นแบบนั้น บางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในตัวเรา การดำเนินชีวิตที่เรามองข้ามจุดเล็กๆ ไป เพียงเพราะคิดว่ามันไม่มีทางเป็นปัญหาสำหรับเราแน่ๆ เวลาสิบปีผ่านมา กระทั่ง 15 ปีผ่านมา ในวันนี้ เราถึงเพิ่งรู้และซึ้งใจว่า เราใช้ชีวิตผิดพลาดมาโดยตลอด เรามองข้ามปัญหาเล็กๆ ที่สุดท้ายวันนี้สะสมเป็นภัยร้ายเป็นปีศาจที่เราต้องต่อกรกับมันอย่างสุดกำลัง เราสู้กับตัวเอง ตัวเราเองที่ตระหนักได้ในตอนนี้ว่า เราเป็นคนสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา จากการเพิกเฉยมัน ไม่เคยแก้มันอย่างตรงไปตรงมา "สมาธิ" ของเราไม่เหลืออีกแล้ว เรากำลังถูกตัวตนของเราทำลายสิ่งที่เราเป็นทุกอย่างในวันนี้

    การที่อดหลับอดนอนอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตายช่วงสอบตอนเรียนมัธยมฯ หรือกระทั่งตอนเรียนมหา'ลัย การอดหลับอดนอนเพื่อทำงานบางอย่างให้สำเร็จลุล่วง สิ่งเหล่านั้นไม่คิดเลยว่า ในวันนี้มันจะรวมตัวกันเป็นกองทัพ จากกองพลเล็กๆ กลายเป็นข้าศึกนับล้านทีี่ชอนไชอยู่ในจิตใจ ภายในร่างกายของเรา

    หากเป็นเมื่อก่อน เราคงเรียกตัวเราเองในวันนี้ว่า "โรคขี้แพ้" มีแต่คนขี้เกียจและไร้ความรับผิดชอบเท่านั้นที่จะไม่ยอมลงมือทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ มีแต่คนขี้แพ้เท่านั้นที่ล้มเลิกโดยไม่พยายามสักนิดเดียว สุดท้ายแล้วเรากำลังต่อว่าตัวเองอยู่ทุกวัน ที่ไม่สามารถทำสิ่งที่เคยทำได้ในอดีต ซึ่งวันนี้เราทำมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่เลยแม้แต่น้อย 

    จุดเริ่มต้นมันมาจากความสนุกและเพลิดเพลินในการอ่านหนังสือ และทำงาน หรือแม้แต่การเขียนฟิคหลังเที่ยงคืน เป็นช่วงเวลาที่เราคิดว่าสมาธิเราจดจ่อและทำงานได้ดีที่สุด เราสนุกกับมันและใช้ชีวิตเช่นนั้นมาเกิน 10 ปี หากย้อนไปว่าในอดีต เราเริ่มเขียนฟิคตั้งแต่เราเรียนอยู่มัธยมตอนปลายละก็ เราก็ใช้ชีวิตโดยมองข้ามปีศาจตัวน้อยๆ นี้จนล่อเลี้ยงมันให้เป็นกองพันพร้อมอาวุธครบมือเป็นเวลากว่าทศวรรษเลย เราอ่านหนังสืออย่างไม่เลือกประเภท เราชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ เรามีหนังสือในชีวิตเราเกิน 1000 เล่ม และเราก็อ่านมันจบทุกเล่ม เราเคยเป็นคนที่สงสัยคนรอบข้างเสมอ ที่ยืมหนังสือเราไป แล้วอ่านไม่จบเสียที ต่างกับเราที่ใช้เวลาไม่ถึงสองวันก็อ่านจบได้แล้ว 

    มาวันนี้ แค่ 2 บรรทัดเท่านั้น เราก็ทนอ่านต่อไม่ได้ แม้แต่กับเรื่องที่เราชอบที่สุด เพลงที่เคยฟังอย่างหลากหลายและสามารถฟังได้ทุกแนว วันนี้เราฟังไม่ถึง 10 วินาที ก็กดเปลี่ยนเพลง อย่าพูดถึงหนังเรื่องยาวเลย แค่ขึ้นโลโก้หนังมาไม่นาน เราก็กด skip ข้ามไปตอนจบเลย เท่านั้นแหละ รู้เรื่องแล้ว หมดความสนใจแล้ว เบื่อแล้ว มันเป็นอย่างนี้....ปีศาจร้ายที่เรามองข้าม มันแผลงฤทธิ์กับเรา กว่าจะเข้าใจว่าตัวเองกำลังแย่ ก็พบว่าตลอดเวลา 1 ปีล่าสุดนี้ เราไม่เคยอ่านหนังสือจบเล่มเลย หรือแม้แต่หนังจากผู้กำกับคนโปรด ก็ดูจบทั้งปีไปแค่ 3 เรื่อง ตัวเลขแบบนี้อาจจะไม่น่าตกใจ หากเราไม่ได้เอามันไปเปรียบเทียบกับที่ผ่านมาว่าเราสามารถดูหนังได้ปีละหลายๆ เรื่อง เฉลี่ยก็ปีละเกิน 10 เรื่องได้เลยด้วยซ้ำ สามารถสนุกกับเนื้อเรื่องที่น่าเบื่อของหนังอิหร่านเรื่อง the separation ได้ ชนิดที่เคยวิเคราะห์ออกมายาวเหยียดเป็นหน้าๆ ว่าหนังเรื่องนี้ให้อะไรแก่เรา วันนี้...เราทำไม่ได้เลย แม้แต่กับหนัง romcom สักเรื่องก็น่าเบื่ออีกแล้ว ไม่ใช่หนังไม่ดี แต่คือตัวเรานั่นเองที่เปลี่ยนไป เปลี่ยนจากข้างในอย่างช้าๆ 

    วันนี้แค่นอนให้ตรงเวลายังยาก เรากลายเป็นคนที่นอนตีสี่ตื่นแปดโมงเช้าไปได้ยังไงกัน ร่างกายง่วงแทบตาย แต่เราหลับไม่ลง เราเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายที่ครั้งหนึ่ง เคยแก้ปัญหาได้ด้วยการทำตัวเองให้เหนื่อย หาอะไรทำจนร่างกายเหนื่อยและหลับไปเอง วันนี้เราใช้วิธีเดิมที่เคยทำสำเร็จเมื่อก่อน มันไม่ได้ผลอีกแล้ว เราลุกขึ้นมาทำนั่นทำนี่ตอนกลางคืน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะเหนื่อยและหลับไปเอง สุดท้ายยื้อยุดจนได้ยินเสียงไก่ขัน และตอนที่เราหลับช่วงเวลาตีสี่ของแต่ละวัน ไม่เคยหลับสนิทเลย...น้ำหนักลดฮวบ กระทั่งอาหารที่เคยชอบกินยังขี้เกียจจะกิน เบื่อไปหมด จนต้องลุกมาสร้างสิ่งสนใจใหม่ๆ ให้ตัวเองคือการเข้าครัว...หากทำกับข้าวกินเอง อาจจะดีขึ้นก็ได้ แต่มันก็แค่นั้น ระยะสั้นๆ สุดท้ายแล้วความอยากอาหารมันก็หายไป ไม่อยากกินอะไรอีกเลย ภาวะเกลียดตัวเองก่อตัวขึ้นทุกวันๆ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้

    มันเกิดอะไรขึ้น และถ้ายังดำเนินชีวิตอย่างนี้ต่อไป เราจะตายไหมนะ ร่างกายจะเป็นยังไงในอีก 5 หรือ 6 ปีข้างหน้า บางทีีอาจจะไม่ถึง 5 ปีก็ได้ อาจจะปีหน้านี่แหละที่มันจะพังลงอย่างชัดเจน

    หรือเราควรจองตั๋วเครื่องบิน บินไปประเทศที่เวลาตรงข้ามกับประเทศไทย ประเทศที่เวลาตีสี่ในไทย คือเวลาสี่ทุ่มของเขา แบบนั้นก็เท่ากับว่าเราได้นอนตอนสี่ทุ่มสมใจเราแล้ว 

    แบบนั้น...ยังคงเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอยู่ใช่ไหม? น่าจะใช่ เพราะต้นตอของมันคือตัวเราเอง ปีศาจตัวนั้น มันก็คือตัวเราเอง 


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in