เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SPEAK OUT | REVIEWS x ANALYSESWrite My Heart Out
[SPOILER] Stranger Things 2 สนุกน้อยกว่าซีซัน 1 (มาก) จริงเหรอ?
  • เราเพิ่งมีโอกาสได้ดู Stranger Things 2 จบ หลังจากคนรอบตัวที่เป็นสาวกเรื่องนี้ดูกันไปหมดแล้ว ถึงจะหลบสปอยล์มาได้ แต่ก็หลบฟีดแบ็กจากเพื่อนๆ ในเฟสบุกและทวิตเตอร์ที่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าซีซันนี้ดร็อปกว่าซีซันหนึ่งมากไม่ได้ เลยหวั่นใจเล็กน้อยว่าจะเอื่อยและเนือยจริงอย่างที่เขาว่าหรือเปล่า

    ต่อจากนี้คือความรู้สึกและความประทับใจของเราหลังดูซีซันนี้จบ


    Stranger Things ซีซันแรกทำไว้ดีมาก ไม่แปลกใจเลยที่หลายคนดูซีซันสองแล้วรู้สึกว่าสนุกน้อยกว่าหรือบางคนอาจถึงขั้นผิดหวังเลยทีเดียว (แง) ข้อแตกต่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดมากตั้งแต่ Chapters แรกๆ คือความเร็วในการดำเนินเรื่อง ซีซันแรก fast-paced ตื่นเต้นและลุ้นแทบทุกนาที แต่ละ Chapter ใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า เหตุการณ์ต่างๆ ไม่หลุดโฟกัสเรื่องการช่วยเหลือวิลและบาร์บาร่าจากดีมอกอร์กอนและก็จบสวยๆ ด้วยการเผชิญหน้าระหว่างน้องแอลและเจ้าอสูร

    อาจเป็นเพราะเส้นเรื่องหลักมุ่งไปที่การหาวิลใน The Upside Down และการหลบหนีของอีเลเว่นจากเจ้าหน้าที่ฮอว์กินส์ แล็บ ซึ่งมีความสัมพันธ์กัน ทำให้ซีซันหนึ่งดำเนินเรื่องได้เร็วกว่า อย่างที่เห็นว่าหลังจากน้องแอลหนีจากฮอว์กินส์ แล็บได้ไม่นาน ก็มารวมกลุ่มกับไมเคิล ลูคัสและดัสติน และในที่สุด พลังของน้องก็ทำลายเจ้าดีมอกอร์กอนซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้วิลออกจาก The Upside Down ได้ 

    เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองซีซัน ซีซันสองมีช่วงที่ช้าไปบ้างโดยเฉพาะสาม Chapters แรก แต่เรากลับชอบความรู้สึกหน่วงๆ เหมือนพายุกำลังก่อตัวเหนือครอบครัวไบเออร์สและทั่วทั้งเมืองฮอว์กินส์ บรรยากาศอึมครึมก่อนพายุเข้าแทรกด้วยเหตุการณ์ชวนสงสัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่วิลยังรู้สึกว่าตัวเองหลุดไปในโลกกลับด้าน ฟักทองในเมืองฮอว์กินส์ที่จู่ๆ ก็เน่า สัตว์เลี้ยงปริศนาจากถังขยะของดัสติน และเบื้องหลังของแมดแม็กซ์เพื่อนคนใหม่ เมื่อพายุมาถึงใน Chapter 4: Will the Wise (ตอนที่เจ้าเงานั่นมาเป็นกาฝากในร่างน้องวิล) การดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็วแบบซีซันหนึ่งก็กลับมาอีกครั้ง

    รูปภาพจาก https://heroichollywood.com/new-stranger-things-2-pumpkin-patch/
    สิ่งที่เราชอบมากเป็นพิเศษในซีซันสองคือการสร้างสายสัมพันธ์หรือ bond ระหว่างตัวละครหลายๆ ตัว บางตัวก็เซอร์ไพรส์มาก ความสัมพันธ์ของตัวละครในซีซันนี้นอกจากช่วยพัฒนาตัวละครแล้ว ยังส่งผลต่อใจคนดูอย่างเราๆ ให้เกิดความรู้สึกเป็นห่วงความเป็นความตายของตัวละคร สำหรับเรา ความรู้สึกนี้มากกว่าแค่ลุ้นว่าใครจะรอดไม่รอดอย่างในซีซันแรกที่เรายังไม่ผูกพันกับตัวละครมากนัก 

    ตั้งแต่ซีซันแรกยันซีซันสอง หนุ่มๆ โกสต์บัสเตอร์ดูจะมีปัญหากับการผูกมิตรกับเด็กสาวอยู่ไม่น้อย (ฮ่า) ตอนหนุ่มๆ เจอแม็กซ์ เราแอบนึกถึงตอนเจอแอลไม่ได้ ซีซันหนึ่ง ไมค์อยากให้แอลมารวมกลุ่มเพื่อช่วยวิล (และเพื่อช่วยแอลเอง) ตอนนั้น ลูคัสเป็นฝ่ายไม่พอใจ แต่ในซีซันสอง กลับกลายเป็นว่าลูคัสและดัสตินอยากเมคเฟรนด์กับแม็กซ์ เด็กสาวลึกลับที่ทำสถิติเอาชนะดัสตินในเกม Dig Dug ในขณะที่ไมค์กลับต่อต้าน อาจเป็นเพราะไมค์คิดว่าเรื่องของแอลและวิลควรเป็นความลับในกลุ่มการรับคนอื่นเข้ามาจะเสี่ยงให้ความลับรั่วออกไป หรือไม่ก็ไม่อยากให้ใครมาแทนที่แอล แต่ยิ่งไมค์ไม่อยากให้แม็กซ์เข้ากลุ่ม เรายิ่งอยากเอาใจช่วยแม็กซ์ให้เอาชนะใจไมค์ให้ได้เพราะถึงจะไม่มีพลังแบบน้องแอล แต่แม็กซ์ก็ดูเป็นเด็กสาวที่เจ๋งพอตัว

    นอกจากความสัมพันธ์ของเด็กๆ  แล้ว รักสามเส้างงๆ ของแนนซี่ สตีฟ และโจนาธานก็ยังดำเนินต่อมาจนถึงซีซันนี้ อย่างที่พอจะเดาได้ตั้งแต่ตอนปิดซีซันหนึ่งที่อยู่ๆ เราก็เห็นแนนซี่ไปนอนกอดกับสตีฟหลังไปร่วมผจญภัยกับโจนาธานมา เราชอบประเด็นนี้ตั้งแต่ซีซันก่อนแล้วเพราะถ้าให้แนนซี่เลือกคบโจนาธานหรือให้สตีฟตายก็จะดูดาดเกินไป ทิ้งประเด็นไว้เพื่อมาเล่นต่อในซีซันสอง ทำให้ตัวละครเรียลและกลมมากกว่า ถึงแม้ว่าในที่สุด พี่สตีฟจะแห้ว แต่การเลือกจับสตีฟมาอยู่กับกลุ่มเด็กๆ ทำให้เรารักตัวละครตัวนี้มากขึ้น ยิ่งอยู่กับดัสตินแล้ว ยิ่งเห็นความเป็นพี่เลี้ยงเด็กอย่างที่เจ้าตัวพูดจริงๆ 


    "I may be a pretty shitty boyfriend,
    but turns out I’m actually a pretty damn good babysitter." — Steve Harrington

    บ็อบเป็นอีกตัวละครหนึ่งที่ยิ่งเรื่องราวดำเนินไป เรายิ่งชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ขอสารภาพว่าตอนแรกรำคาญตัวละครตัวนี้นิดหน่อย เพราะไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนและมาทำไม แถมยังดับฝันแฟนๆ หลายคนที่จิ้นคุณตำรวจจิม ฮอปเปอร์กับจอยส์ ไบเออร์ส เราขอเรียกตัวละครตัวนี้ว่าผู้ปลดล็อคเพราะฟังก์ชันของบ็อบในเรื่องนี้คือมาเพื่อปลดล็อคและจากไป เริ่มจากปลดล็อคตัวเองจากฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน ช่วยวิลปลดล็อคจากภาพหลอน (แต่มันไม่ใช่ภาพหลอนน่ะสิ เลยปลดไม่ได้) ไขภาพวาดปริศนาของวิล และสุดท้ายคือช่วย 'ปลดล็อค' ประตูฮอว์กินส์ แล็บเพื่อให้ทุกคนรอด ตอนที่บ็อบเสนอตัวไปปลดล็อคประตู เราได้กลิ่นอายความตายมาเยือนคุณพี่เขาแล้วล่ะ แต่อย่างที่บอกไปว่าฟังก์ชันของบ็อบ เดอะเบรนเหมือนมาเพื่อไขปัญหาจริงๆ เราเลยรู้สึกว่าวินาทีที่บ็อบหนีออกจากตึกจนมาเจอจอยส์คือเวลาที่ตัวละครตัวนี้สมบูรณ์แล้ว บ็อบได้เอาชนะความกลัวของตัวเอง เมื่อได้กลับมาเจอจอยส์ สีหน้าของบ็อบบ่งบอกว่าเขามีความสุขที่ทำสำเร็จในที่สุด

    มาถึงความสัมพันธ์ของตัวละครสองตัวที่เราทั้งเซอร์ไพรส์และประทับใจปนหมั่นไส้ เกริ่นมาแบบนี้ น่าจะพอเดาได้ว่าพูดถึงดัสตินกับดาร์ท ที่จริง จะว่าเซอร์ไพรส์ก็ไม่เชิงเพราะตัวดัสตินเองก็สนใจวิทยาศาสตร์และสิ่งมีชีวิตประหลาดๆ อยู่แล้ว และถ้าติดตามตั้งแต่ซีซันแรก คงรู้สึกตะหงิดไม่มากก็น้อยว่าเจ้าตัวนี้น่าจะเป็นดีมอกอร์กอน หรือตัวอะไรสักอย่างที่หลุดมาจากโลกกลับด้าน ความรู้สึกตอนที่เห็นดาร์ทลอกคราบเป็นดีมอกอร์กอนเลยไม่ใช่ความตกใจเวลาเจอจุดหักมุมหรืออะไร แต่เป็นความรู้สึกว่า 'เออ ในที่สุด แกก็เผยโฉมออกมา' 


    ซีซันแรก เราได้แต่มองเจ้าดีมอกอร์กอนจากไกลๆ จึงเห็นภาพมันเป็นอสูรร้าย ทำได้แค่ล่าเหยื่อและกิน กิน กิน เป็นสัตว์ประหลาดที่มีด้านเดียวและใช้ชีวิตตามสัญชาตญาณดิบ มาซีซันนี้ เราได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเผ่าพันธุ์นี้ผ่านดาร์ท เรายังไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียวว่าเราจะสามารถเลี้ยงดีมอกอร์กอนให้เชื่องได้จริงๆ แต่อย่างน้อย เราก็ได้เห็นอะไรที่ต่างออกไปจากการเป็นผู้ล่าเพียงอย่างเดียว เมื่อดาร์ทเผชิญหน้ากับกลุ่มเด็กๆ และพี่เลี้ยงสตีฟในอุโมงค์โลกกลับด้าน มันจำดัสตินได้และยอมปล่อยให้ดัสตินพร้อมเพื่อนๆ เดินผ่านไป เราอดรู้สึกเอ็นดูดาร์ทในฉากนี้ไม่ได้ เพราะเมื่อดัสตินพูดถึงนูแกต ท่าทางของดาร์ทก็เหมือนกับหมาน้อยกำลังขออาหาร ยิ่งตอนสุดท้ายที่ฝูงดีมอกอร์กอนกำลังจะตายและกล้องแพนไปที่ซองนูแกตที่พื้น  เรายิ่งรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างดัสตินและดาร์ท is real to a certain degree

    โดยรวม เรายังประทับใจซีรีส์เรื่องนี้เหมือนเดิม แอบชอบซีซันสองมากกว่านิดหน่อย เพราะปมดราม่าที่ใส่เพิ่มเข้ามา แต่ไม่มากเกินไปจนเสียบรรยากาศเก่าๆ ถึงจะมีช่วงน่าเบื่อบ้าง แต่ไม่ถึงขนาดหาวหวอด การปูเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครทำให้ทั้งซีรีส์และตัวละครมีมิติมากขึ้น แถมยังเพิ่มเสน่ห์ให้หลายตัวละคร การผจญภัยของตัวละครทำให้ตัวละครยิ่งผูกพันกัน และยังทำให้คนดูอย่างเรารู้สึกรักตัวละครมากขึ้น ถ้าใครที่เคยดูซีซันแรกมา ดูซีซันนี้ต่อเถอะ ไม่ต้องลังเลเลย ส่วนใครที่กำลังคิดว่าจะดูดีไหม ขอบอกเลยว่าคุ้มค่าคุ้มเวลามาก นอกจากเนื้อเรื่องสนุกๆ แล้ว ยังได้สัมผัสบรรยากาศยุค '80 ของเมืองเล็กๆ ในอเมริกาอีกด้วย 






Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Sonia Anios (@fb1015513728399)
งั้นเราก็ต้องดูซีซั่นสองเอาใจช่วยเด็กๆ ต่อไป
Write My Heart Out (@fergieli)
@fb1015513728399 อ๊ะ เราไม่ได้เข้ามินิมอร์มานานมากแล้วค่ะ เลยเพิ่งได้เห็นคอมเมนท์ ตอนนี้ได้ดูซีซั่น 3 แล้วหรือยังคะ ส่วนตัวเราว่ากอบกู้สิ่งที่ซีซั่น 2 ดร็อปไปจากซีซั่น 1 ได้ดีมากเลยค่ะ แล้วก็เริ่มสำรวจความสัมพันธ์ของตัวละครลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิม ?