จะว่าไปผมมาอยู่สก๊อตแลนด์ได้ปีกว่าแล้วยังไม่ได้มีโอกาสไปฝั่งอังกฤษเลยหรือแม้กระทั่งเมืองหลวงอย่างลอนดอน (London) ก็ไม่เคยไปหรือแวะเลยด้วยซ้ำหลังจากผมเสร็จการเขียน Dissertation หรือวิทยานิพนธ์แล้วผมจึงเริ่มวางแผนเที่ยวที่ที่ไกลกว่าสก๊อตแลนด์ละ จะว่าไปการเรียน 1 ปีนี่มันแทบจะไม่มีเวลาไปไหนไกลๆ หรือนานๆเลยแต่ก็นั่นแหละไหนจะต้องทำงานอีก แต่สุดท้ายแล้วมันก็ผ่านไปจนได้

            หลังจากเขียนงานเสร็จได้ไม่นานสถานการณ์โควิดเริ่มซาลง หลายประเทศเปิดรับนักท่องเที่ยวให้กลับมามากขึ้นผมเลยตัดสินใจทำวีซ่า Schengen เพื่อบินกลับไปฝั่ง EU หลักๆก็คือการไปเยี่ยมเพื่อนเก่าๆและเที่ยวสถานที่ใหม่ๆที่ไม่เคยไปเมื่อ7 ปีที่แล้ว แม้ในใจจริงตอนนั้นเราก็อยากเที่ยวให้มากกว่านี้แต่อย่างว่า เงินในการเป๋าและเวลามันช่างจำกัดไปหมด

            และแล้วหวยก็มาตกที่ “สเปน” แต่เนี่องจากผมขอวีซ่าจากสถานทูตฝรั่งเศสและได้ทำการซื้อตั๋วรถไฟจากลอนดอนไปปารีสทำให้ผมมีความจำเป็นที่จะต้องแวะลอนดอนก่อน ทำไมไม่บินมาจากสก๊อตแลนด์เลยล่ะเรื่องมันมีอยู่ว่าตั๋วจากที่สก๊อตแลนด์ไปสเปนค่อนข้างแพงอีกทั้งเราก็ไม่รู้ว่าจะได้วีซ่าหรือเปล่า จริงๆมันก็ควรได้แหละ แต่ก็ลุ้นๆอยู่เหมือนกัน เอาเป็นว่าการจ่ายค่าตั๋วรถไฟ 39 ปอนด์ขาเดียวไปฝรั่งเศส ถ้าไม่ได้วีซ่าก็ยังเลื่อนตั๋วไปอีกได้แล้วเราก็อยากมาลอนดอนอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ไปฝรั่งเศสอย่างน้อยๆก็บินมาเที่ยวที่ลอนดอนก็ยังดี

            พอวีซ่าผ่านผมก็เลยวางแพลนว่า โอเค บินไปลงลอนดอนก่อนเที่ยวซัก 2 วันและไปปารีส 1 คืนนั่งจากปารีสมาลียง 1 คืน และรถไฟสายตรงไปบาเซโลน่า

            ยังไงก็ตามที่พักในลอนดอนแพงมากกกกก แพงไปไหน ห้องเดี่ยวราคาถูกสุดคือ คืนละ 100  ปอนด์หรือราวๆ 4,000 กว่าบาทไทย ห้องได้เท่า โรงแรมราคาคืนละ 300 ประเทศไทย ไม่อยากจะเชื่อเลย นี่มันโรงแรมรูหนูชัดๆ พระเจ้าจอร์จใครมีเพื่อนก็มาหารค่าห้องกับเพื่อนก็ได้นะ มาคนเดียวแล้วโดนสูบเงินมหาศาลหลักๆก็ค่าที่พักเนี่ยแหละ

            เนื่องจากผมมองว่าอาจจะได้มาลอนดอนอีกในอนาคตกับแฟนหรือไม่ก็เพื่อนหรือครอบครัว การมาเที่ยวครั้งนี้ก็เป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น การเดินทางหลักๆก็หนีไม่พ้นรถไฟใต้ดิน Underground ถ้ามีบัตร Travel Card ก็แตะเข้าได้เลยนะไม่ต้องไปซื้อ Oyster ให้เสียเวลาราคาเท่ากัน ส่วนเรื่องอาหารการกินก็ แล้วแต่สะดวก เบี้ยเยอะหอยเยอะก็กินหรู จะว่าไปมันก็ไม่ได้แพงแค่ค่าที่พักนะ ค่าอาหารก็เช่นกัน

            ที่หลักๆที่ไปครั้งนี้ก็มี Westminster กับ Big Ben หรือหอนาฬิกาอันเลื่องชื่อ (ชื่อจริงชื่อ Elizabeth Tower) ที่ปิดทำการมาหลายปี และในที่สุดก็เปิดซักทีในปี 2022 ต้นๆปีแต่ตอนนี้หน้าร้อนละ พอได้โอกาสมาดูใกล้ๆแล้วนี่ โหมันยิ่งใหญ่สวยงามจริงๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยถ้ามาลอนดอนแล้วก็คงต้องมาที่นี่ถ้าไม่แวะถือว่าไม่ได้มาลอนดอนนะเออ

            ที่ถัดไปก็มีโอกาสได้เข้าชม Westminster Abbey ราคาก็ 27 ปอนด์สำหรับผู้ใหญ่ถ้ามีบัตรนักเรียนอาจจะได้ลดด้วยนะ แต่ไม่แน่ในว่ากำหนดเกณฑ์อายุหรือเปล่า คำแนะนำคือมันจะออกแนวโบสถ์ สถานที่ที่ทำพิธีต่างๆ เห็นว่าตอนควีนเสียก็มาทำพิธีที่นี่แต่ผมมาก่อนที่ควีนอลิซาเบธจะเสีย ข้างในก็จะมีสุสานของคนสำคัญต่างๆรวมถึงกษัตริย์ให้ได้ชม เดินไปเรื่อยๆก็จะได้ฟีลแฮร์รี่หน่อยๆ ถ้าไม่ได้อินกับสถานที่ก็ผ่านๆก็ได้นะ ค่าเข้าแพงเกินใครกลัวเสียดายแอบมาแวะก็ไม่เสียหาย