เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOU / MELIPDA
DAY 3 : CAT
  •          ตลาดนัดยามเช้าคนค่อนข้างวุ่นวาย พวกผมที่ตั้งใจจะมาเดินเล่นสบายๆซื้อของกินกระจุ๊กกระจิ๊ก กลับแคมป์จำต้องมาทนเบียดเสียดกับก้อนมวลมนุษย์ในท้องตลาด
            “ฮืออออออ ทำไมร้อนงี้ว่ะ”
            โอมร้องโอดครวญ สะบัดคอเสื้อเพื่อระบายความร้อน
            “ไหนน้ำตาลบอกว่ามาตอนเช้าแบบนี้จะไม่ค่อยมีคนไง”
            “อ้าว ก็เราไม่รู้นี่...” น้ำตาลว่าเสียงอ่อน
            พวกเราสามคนเหมือนตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะทว่ายาวนานกว่านั้น น้ำตาลแทบไม่พูดอะไรเลย หลังจากที่ถูกโอมต่อว่าเหมือนเคืองๆที่โอมพูดแบบนั้น โอมเองก็เลือกที่จะไม่พูดขอโทษ ทำให้บรรยากาศอึมครึมเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคนโดยมีผมอยู่ตรงกลาง
           “มึงแม่งไม่ไปขอโทษน้ำตาลว่ะ” ผมถาม
           “...ขอโทษทำไม ก็...กุพูดจริงปะว่ะ” โอมบ่นอุบอิบด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมทิฐิ ตลอดเส้นทางในตลาดนัดทั้งสองไม่ยอมพูดกันเลย ผมเองก็หมดถ้อยคำที่จะพูดให้ทั้งสองเข้าใจกันแล้ว แอบคิดว่าบางครั้งทั้งคู่ก็ควรพูดคุยกันด้วยตัวเองบ้าง
           “อ๊ะ”

           เวฟ...?

           สายตาของผมเหลือบไปเห็นคนตัวเล็กที่นั่งยองๆแถวท่อระบายน้ำ ในมือถือกิ่งไม้ยาวๆ ทำท่าเหมือนกำลังพยายามเขี่ยอะไรบางอย่างที่อยู่ในท่อระบายน้ำอย่างใจจดจ่อ
           “มีอะไรเหรอ แปง?” น้ำตาลถาม
          “อ้อ ไม่มีอะไรหรอก ...เออ พวกแกกลับกันไปเลยก็ได้นะ”
          “อ้าว ทำไมอะ?”
          ผมเดินออกมาก่อนที่จะให้คำตอบนั้น รีบตรงไปทางเวฟที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาหาบางอย่าง หยุดยืนตรงหน้าอีกฝ่าย พอเวฟสังเกตเห็นเท้าของผมจึงยกหน้าขึ้นมามอง
          “แปง?”
          “มึงทำอะไรอยู่อะ?”
          “...กุ”

         “เหมียว...”

         เสียงเล็กๆดังมาจากก้นท่อระบายน้ำ ผมรีบมองตามเสียงที่สามไปจนพบกับลูกแมวลายสลิดที่กำลังตะกุยท่อขึ้นมา ลูกแมวตัวน้อยส่งเสียงร้องเล็กๆพร้อมดวงตาสีใสเหมือนจะอ้อนวอน
          “แมว...มันตกลงไป” เวฟบอกอย่างนั้นก่อนจะพยายามใช้กิ่งไม้เขี่ยเจ้าตัวเล็กในท่อ แมวน้อยพยายามเกาะกิ่งไม้แต่มันก็เล็กเกินไป
          “ขึ้นมาสิ” 
         เวฟพยายามเรียกเจ้าเหมียวข้างล่าง
         “มา..เดี๋ยวกุช่วย”
         ผมเอากิ่งไม้ที่อยู่แนวๆนั่นมาต่อเป็นตะแกรงเล็กๆแล้วถอดเสื้อคลุมของตัวเองมาพัดยืดไม้ไว้ ผมขอกิ่งไม้ของเวฟมายืดตัวตะแกรงเป็นมือจับ ก่อนจะค่อยๆหย่อนตัวตะแกรงลงไปในท่อ เจ้าตัวเล็กรีบคว้าตัวตะแกรงก่อนจะปีนขึ้นมาอยู่บนพื้นตะแกรง พอได้จังหวะผมก็สาวไม้ขึ้นมา
          “เหมียว..”
          เวฟรีบอุ้มแมวน้อยเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนโดยมีเสื้อคลุมของผมเป็นผ้าคอยประคองเจ้าตัวเล็กไว้ มันตัวสกปรกเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำคลอง เวฟจึงใช้เสื้อของตัวเองเช็ดเจ้าแมวตัวมอมแมม
          “ยังเด็กอยู่เลย ตัวเท่ามือเอง”
         “แล้ว...เอาไงต่อดีว่ะ” เวฟหันมาถามผม
         เราทั้งคู่ก้มมองดูลูกแมวที่อยู่ในอ้อมแขนของเวฟ มันจ้องตาพวกเราไปมาก่อนจะส่งเสียง “เหมียว” ด้วยใบหน้าน่ารักน่าชัง
         “กุว่า ต้องอาบน้ำให้มันก่อนว่ะ” ผมพูดสิ่งที่คิดออกเป็นอย่างแรก

    01.

          หลังจากที่ผมกับเวฟอาบน้ำให้ลูกแมวเสร็จแล้ว พวกเราก็พากันเดินหาร้านขายอาหารหมาแมวอยู่นาน โชคดีที่มีคลินิกสัตว์อยู่แถวนี้ โดยข้างๆคลินิกเป็นร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ตอนแรกผมตั้งใจจะซื้ออาหารแมว แต่เวฟบอกว่ามันดูยังไม่หย่านม เจ้าตัวบอกให้ซื้อนมสำหรับลูกแมวกับชามใส่นมมา แล้วน่าจะซื้อถุงนอนเล็กๆให้มันด้วย ผมบอกว่าน่าจะซื้อตะกร้าไว้สำหรับใส่มันกลับแคมป์
            “มึงเคยเลี้ยงแมวมาก่อนออ?” ผมถาม
           “ทำไมถึงคิดงั้นอะ?”
           “ก็มึงดูรู้ดีว่าต้องมีอะไรบ้าง...หมายถึงของที่ไว้สำหรับแมว”
           เราเดินออกจากร้านไปตามทางเพื่อกลับแคมป์
           “กุเคยเลี้ยง แต่มันตาย”
           “…อืม แก่ตายเหรอ?”
           “เปล่า..เป็นโรคหัดแมว ช่วงนั้นโรคนี้ระบาด มันยังเด็กอยู่...ก็เลยไม่รอด”
           “...กุเสียใจด้วยนะ”
           “อืม”
           พวกเราเดินไปตามทาง เจ้าเหมียวในตะกร้าส่งเสียงร้อง
           “แล้วมึงเคยเลี้ยงแมวบ้างปะ?” เวฟถาม
          “อืม...ไม่นะ เลี้ยงแต่หมา”
          “อ้อ.. เหมาะกับมึงดีนะ”
          “นี่ชมถูกไหม?”
          “แล้วแต่มึงจะคิดดิ”
         เวฟพูดพร้อมหัวเราะน้อยๆ
         “เออ ขอโทษเรื่องเสื้อมึงด้วย” เวฟคงหมายถึงเสื้อคลุมของผมที่ใช่ทำตะแกรงช่วยแมวขึ้นมา แล้วมันยังเป็นผ้าที่ใช้หอบเจ้าเหมียวไปอาบน้ำ ผมบอกเวฟให้ทิ้งมันไปเลยเพราะมันสกปรกจนเกินเยียวยาแล้ว 
         “..ไม่เป็นไรเว้ย ว่าแต่เสื้อมึงเหอะ เปื้อนหมดเลย”
         ผมชี้ไปทางเสื้อยืดสีขาวของเวฟ เพราะใช้มันเป็นผ้าเช็ดลูกแมวตอนช่วยมันขึ้นมา ทำให้ตอนนี้สีขาวนั้นเปื้อนไปด้วยสีดำคล่ำของดินโคลนในท่อระบาย
         “ช่างมันเหอะ กุซักได้”
         เวลาล่วงเลยมาจนตอนนี้เป็นช่วงบ่ายแก่ๆแล้ว มองเห็นที่ตั้งแคมป์ของพวกเราอยู่ไม่ไกลมากหนัก
         “แล้ว...จะบอกครูยังไงดีว่ะ เรื่องแมว” ผมถาม
         “ไม่รู้ดิ กลับไปถึงค่อยคิดแล้วกัน”

    02.

            ตอนนี้พวกเราพากันกลับมาที่แคมป์แล้ว เพราะกลัวว่าจะมีคนอื่นมาเจอเราเลยพาลูกแมวเข้ามาหลบในเต็นท์กันก่อน...

            ...หมายถึงเต็นท์ของเวฟ

           อีกฝ่ายจ้องเจ้าเหมียวที่กำลังดื่มนมจากชาม ลูบหัวมันอย่างเอ็นดู เวฟแสดงแววตาที่อ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แปลกที่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด
          “ทำไมมึงไม่มองกุแบบที่มองแมวบ้างว่ะ”
         ผมพูดออกมาลอยๆ เวฟละสายตาจากแมวแล้วหันมามองทางผม อีกฝ่ายจ้องผมอยู่นานจนผมเริ่มรู้ตัวแล้วว่าพูดอะไรออกไป แล้วหยุดๆใบหน้าก็รู้สึกร้อนฉาบขึ้นมา

         บ้าชิบ ...ผมเปล่าหึงแมวนะ

        “อิจฉาออ?” เวฟยิ้มอย่างมีเลศนัย
         แมวน้อยกินอิ่มแล้ว มันเดินเตอะตะมาทางเวฟ คลอเคลียขาของเวฟด้วยขนนุ่มนิ่มของมัน เวฟก้มมองก่อนจะเอามือลูบหัวเจ้าตัวเล็ก มันหลับตาพริบ เอนหัวขึ้นรับสัมผัสนั่น ได้ยินเสียงครางในลำคอเล็กๆ

         อยากเป็นแมว...ชะมัด

         “ก็...คงงั้นมั่ง” ผมตอบเสียงค่อย พยายามเหลือบตาไปมองทางอื่น ได้ยินเสียงเวฟแอบหัวเราะน้อยๆ ผมหันไปตามเสียงหัวเราะและสบตาเข้ากับรอยยิ้มชวนใจเต้นนั้น

          เวฟยิ้มแบบนั้นให้ใครเห็นไปบ้างแล้วนะ

          “มองไร?” เวฟถามเสียงห้วน
         "เปล่า...” 

          ไม่อยากให้เป็นของใคร

          “ก็เห็นอยู่ว่ามึงมองกุ”
          “เออ ช่างเหอะน่า”

          ทั้งรอยยิ้มนั้น ทั้งเวฟ
          ไม่อยากให้เป็นของใครทั้งนั้น

          นอกจากผมคนเดียว...

    03.

           ผมกับน้ำตาลจำต้องเดินกลับแคมป์ด้วยกัน เราทั้งคู่ต่างไม่พูดอะไรกัน อันที่จริงเป็นเธอต่างหากที่ไม่ยอมพูดกับผม แล้วไอ้แปงดันหายไปตอนนี้ บรรยากาศสุดโคตรพ่อโคตรแม่มาคุก็แผ่ขยายจากตัวน้ำตาลมาสู่ผม 
           ผมไม่ผิดสักหน่อย น้ำตาลนั่นแหละที่งี่เง่าเอง ...กับเรื่องแค่นี้ทำไมต้องโกรธด้วย ผมต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้า ทิ้งโลกแห่งความฝันอันหอมหวานเพื่อมาเดินตลาดนัด เพราะน้ำตาลบอกว่าให้มาเช้าๆจะได้ไม่มีคนหรอก ถ้ารู้ว่าคนจะเยอะขนาดนี้และต้องมายืนเบียดเสียด อากาศก็ร้อนชวนหงุดหงิด สู้นอนอยู่เต็นท์ต่อยังจะดีสักกว่า
          ผมมองไปทางอีกฝ่ายที่เดินเรื่อยเปื่อยไม่สนใจผม
       
         อ้าว ก็เราไม่รู้นี่...

         เสียงกับภาพของน้ำตาลที่ทำหน้าหง่อยแวบเข้ามาในหัว แต่เดี๋ยวสิ! มันไม่ยุติธรรมเลยที่ผมต้องเป็นฝ่ายขอโทษเธอตลอดเวลา มันไม่ถูกต้องอะ 

        แต่..ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย โอ้ยยยยยยยย อึดอัดโว้ยยยยยย

         “น้ำตาล”
         อีกฝ่ายหันมาตามเสียงเรียกของผม
         “...?”
         “ขอโทษนะ...”
         “…”
         “...ที่ว่าเธอเมื่อเช้าอะ”
         น้ำตาลหันมองผมอยู่นาน เธอยิ้มเล็กๆแล้วพยักหน้า “อืม...”

         อา สุดท้ายก็เป็นผมที่ต้องยอมเธอตลอดสิน่า...

    04.

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
luckmepeach (@luckmepeach)
แปง แกต้องใจเย็นๆ นั่นแมวไง
aasai_ (@aasai_)
ชอบเวฟแนวนี้ มันให้ฟิวแบบอบอุ่น
mook_kanokwan07 (@mook_kanokwan07)
หูยยยยยหนูเวฟมุมแบบนี้มันแบบโอ๊ยยยย น่ารัก เราคิดเหมือนแปงเลย แต่แปงแกหึงแมวหรอ 55555 อาการหนักนะเรา แต่เข้าใจ เจอหนูเวฟโหมดนี้เข้าไปใครๆก็หลง น่ารัก