เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวหนังสือแบบเครียดๆWanderingBook
-ทำไมคุณถึงเริ่มอ่านหนังสือ?-
  • ผมเชื่อว่าแต่ละคนมีเส้นทางก้าวสู่โลกของการอ่านแตกต่างกันไป มีหนังสือที่ชอบอ่านไม่เหมือนกัน ถึงกระนั้น สุดท้ายแล้ว เส้นทางมากมายเหล่านั้นล้วนมาบรรจบกันในโลกใบเล็กที่มีขนาดเป็นอนันต์

    ผมคงตอบว่าไม่รู้

    แต่ผมตอบได้ว่าทำไมผมจึงเริ่มอ่านหนังสือ จุดเริ่มต้นมันค่อนข้างจะชั่วร้ายนิดๆ

    ตอนขึ้น ม.4 ใหม่ๆ ในวิชาสังคมศึกษา อาจารย์สอนประวัติศาสตร์ไทยกระแสหลักถึงช่วงสมเด็จพระนเรศวร ผมจำไม่ได้ว่าเพื่อนคนหนึ่งได้ลุกขึ้นตอบได้อย่างไร แต่สิ่งที่เขาทำคือการเล่าประวัติศาสตร์ช่วงนั้นให้ทั้งห้องฟัง ไล่ตั้งแต่สมเด็จพระศรีสุริโยไทย แล้วคำชมและเสียงปรบมือก็ดังกึกก้องไปทั้งห้อง

    มันดัง ดังเหลือเกิน ดังเข้าไปถึงในจิตใจตัวเอง กลั่นตัวเป็น ‘ความอิจฉา’

    สมัย ม.ต้น ผมเรียนไม่เอาอ่าวเลยสักนิด การบ้านคณิตศาสตร์ไม่เคยส่ง เพราะไม่เข้าใจเนื้อหา ไม่เข้าใจว่าเรียนไปทำไม ผ่านขึ้น ม.4 แบบงงๆ แถมอยู่ห้องคิงเสียด้วย (ก็คิงแบบโรงเรียนรัฐต่างจังหวัดเมื่อ 20 กว่าปีก่อนน่ะนะ) ก็เหมือนเดิม การบ้านคณิตศาสตร์ไม่เคยส่ง ฟิสิกส์ เคมี ไม่เคยเข้าใจ ชีววิทยาพอรู้เรื่องบ้าง ภาษาอังกฤษไปไม่ถึงอ่าวไทย ติดอยู่แถวชัยนาทตลอดมา

    ความอิจฉาในวันนั้นสั่งสอนผมว่า เฮ้ย เรื่องแค่นี้ฉันก็ทำได้ (วะ) ไม่ยากอะไร ก็แค่ ‘อ่านหนังสือ’

    เท่านั้นแหละ ผมเดินเข้าห้องสมุดแล้วยืมหนังสือประวัติศาสตร์มาอ่าน อ่าน และอ่านไปเรื่อยๆ ข้ามจากเรื่องประวัติศาสตร์ไปยังเรื่องต่างๆ เท่าที่หนังสือในยุคนั้นจะมีให้อ่าน เรื่องลึกลับ นิยาย การ์ตูน และอื่นๆ

    ถ้าจะมีเรื่องโม้บ้าง ผมอ่านสามก๊กจบตั้งแต่ยังไม่จบ ม.ปลาย แอบอ่านในชั้นเรียนวิชาฟิสิกส์ พอครูจับได้ก็เอาหนังสือสามก๊กตีหัวผม 3 ที แล้วถามว่ากี่ก๊ก ตอนนั้นน่ะโคตรอาย ส่วนตอนนี้ ผมคงตอบโต้ด้วยการบอกว่าถ้าการสอนมันสนุก น่าสนใจ และทำให้ผมรู้ว่าเรียนไปเพื่ออะไร นอกจากเพื่อสอบ ผมก็คงตั้งใจเรียนมากกว่านี้

    ขึ้น ม.5 ผมเริ่มซื้อมติชนสุดสัปดาห์มาอ่าน ลองทายมั้ยครับว่าทำไม?

    เปล่าเลย ผมไม่ได้สนอกสนใจการบ้านการเมืองขนาดนั้น ไม่ได้อยากจะทำตัวเป็นปัญญาชน แล้วก็ไม่ได้เป็นเด็กกิจกรรมอะไรด้วย ผมซื้อเพราะอาจารย์สอนวิชาสังคมคนหนึ่ง ซึ่งผมรู้สึกว่าเขาสอนดีมาก เขาถือมติชนสุดสัปดาห์เข้ามาในห้องเรียนทุกครั้ง...

    ผมคิดว่ามันเท่ดี เท่านั้นจริงๆ

    ความเท่ทำให้ผมเจียดเงินซื้อทุกสัปดาห์และอ่านมันแบบเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง

    พอมาถึงจุดนี้ ผมเริ่มหันไปหาหนังสือที่หนักขึ้นอย่างงานวิชาการด้านต่างๆ เช่นกัน รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง เน้นเท่ไว้ก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง เพราะในช่วงวัยรุ่นอย่างนั้น ผมไม่รู้จริงๆ ว่าผมควรทำอย่างไรให้เท่ ตอนนั้นก็มีแต่เรื่องกีฬาที่พอจะโดดเด่น แต่ผมไม่แต่งตัว ไม่ชอบถือกระเป๋าแบนๆ ...ก็เลยทำได้แค่นี้

    จากความอิจฉาและความอยากเท่ ผมไม่รู้เลยว่าสิ่งที่อ่านมันค่อยๆ สั่งสมในกลีบสมอง วิชาภาษาไทยและสังศึกษาเป็นวิชาที่ผมถนัดที่สุด ซ้ำยังรู้สึกว่ามันง่ายเกินไปด้วยซ้ำ

    ช่วง ม.6 น่าจะเป็นช่วงพีคที่สุดของผมแล้ว ทางโรงเรียนส่งผมไปแข่งขันตอบคำถามความรู้ทั่วไป ณ โรงเรียนเอกชนใหญ่ในจังหวัดและที่มหาวิทยาลัยบูรพา ผมได้ที่ 1 และที่ 2

    พอเข้ามหาวิทยาลัย ปี 1 และปี 2 เทอมแรก ผมทำเกรดได้ 4 กว่า มนุษย์กับสังคม มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น กฎหมายเบื้องต้น กฎหมายธุรกิจ กฎหมายภาษี ภาษาไทย ไม่ A ก็ B แต่พอเข้าวิชาเอก ผมก็รู้ตัวว่าพลาด มันไม่ใช่วิชาที่ผมชอบ สุดท้าย ถ้าไม่ไปแอบหลับในห้องชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ก็หมกตัวอยู่ในห้องสมุด

    เคยตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือในชั้นชั้นหนึ่งให้ครบทุกเล่ม ไม่สำเร็จครับ เพราะเห็นเล่มอื่นๆ บนชั้นอื่นๆ ที่น่าสนใจกว่าก็เลือกมาอ่านก่อน

    ผมไม่รู้ตัวเลยว่า ณ จุดจุดไหนของเวลาที่การอ่านกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

    รู้เพียงว่าปัจจุบัน การอ่านทำให้ผมมีอาชีพ จับประเด็นได้ มีคลังคำในการอธิบายความคิด ความรู้สึกตัวเอง และทำให้ผมอยากเล่าเรื่องราวของผู้คนและเหตุการณ์มากมายที่พานพบจากการทำงาน

    ตอนเป็นเด็ก รัศมีโลกของผมไกลสุดแค่บ้านกับโรงเรียนที่อยู่ห่างกันไม่มาก โตขึ้นหน่อย ขี่จักรยานเป็น ขนาดของโลกก็ใหญ่โตมโหฬารสำหรับเด็กวัยประถม โตขึ้นอีก โลกก็ใหญ่ขึ้นอีกด้วยมอร์เตอร์ไซค์ พอเป็นผู้ใหญ่ โลกขยายขึ้นอีกมากจากการเดินทางลงพื้นที่ไปทำงานหรือเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง

    ในโลกของหนังสือ เราเดินทางไปได้ไกลกว่าขอบเขตของโลก ไกลกว่าสุดขอบจักรวาล ไกลไปในอนาคตเป็นพันเป็นหมื่นปี ย้อนกลับสู่อดีตตั้งแต่โลกยังเยาว์วัย ลึกลงไปถึงแกนกลางโลก เล็กลงไปถึงระดับอนุภาค สัมผัสกับความรักที่งดงามหรือโศกนาฏกรรมที่ปวดร้าว ไปถึงแม้กระทั่งสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง พูดคุยกับมังกร สงครามระหว่างเอลฟ์กับก็อบลิน พ่อมดผู้ชั่วร้าย ฯลฯ

    ผมเชื่อว่าแต่ละคนมีเส้นทางก้าวสู่โลกของการอ่านแตกต่างกันไป มีหนังสือที่ชอบอ่านไม่เหมือนกัน ถึงกระนั้น สุดท้ายแล้ว เส้นทางมากมายเหล่านั้นล้วนมาบรรจบกันในโลกใบเล็กที่มีขนาดเป็นอนันต์

    ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีนั่นแหละว่า ทำไมคุณถึงเริ่มอ่านหนังสือ

    แต่ผมรู้ว่าที่ไหนที่เราจะได้เจอกัน...

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in