เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
FIC: CABLEPOOLhoramiji
[SF] Casino (Fucking) Royale
  • Title: Casino (Fucking) Royale
    Fandom: Deadpool
    Event: Deadpool 2 (ต้องดูหนังก่อนนะจ๊ะ)
    Pairing: Cable x Deadpool
    Rated: R - เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 17 ปี ให้แอบอ่านโดยลำพังใต้สีหน้าเคร่งขรึมเหมือนกำลังทวนเลคเชอร์ เนื้อหาประกอบไปด้วยความรุนแรง  การใช้ภาษาไม่เหมาะสม การใช้ยาเสพติด กิจกรรมทางเพศ ภาพสยดสยอง และความจังไรที่ผู้ปกครองอาจไม่เห็นควรด้วย




    (เปิดด้วยเพลงธีม Casino Royale)

    ...

    ทำไมเงียบ?

    "เวร!" 

    นี่เป็นแค่ฟิค ไม่ใช่หนัง!?

    ผมใช้เวลาสิบเอ็ดปีเน้นๆ ในการหลุดพ้นจากช่องการ์ตูนมาขึ้นจอเงิน ทำรายได้แข่งกับพระเยซูมาติดๆ จนสตูดิโอไฟเขียวให้สร้างภาคสอง แต่ต้องลงเอยด้วยการกลับมาเป็นแค่ตัวอักษรงั้นเหรอ โคตรแย่ นอกจากไม่มีภาพดีๆ เสียงเพลงประกอบเพราะๆ แล้วยังละเมิดลิขสิทธิ์เขาอีกต่างหาก แค่ตัวหนังก็แซะชาวบ้านไปทั่วจนต้องมานั่งหนาวๆ ร้อนๆ อยู่ทุกวันแล้ว ดิสนีย์ก็สั่งตัดมุกา่ดหสาหวยาไๆ่ำพ นี่มาสถิตในแฟนฟิคชั่นที่แซะหนังตัวเองซึ่งก็แซะคนอื่นเขาไปทั่ว ความละเมิดในละเมิดไปอีก ผมแม่งคิดอะไรอยู่วะตอนรับงาน

    แต่อย่างว่า อย่าหวังวิจารณญาณดีเด่เสมอต้นเสมอปลายจากคนที่ชาติหนึ่งเคยเป็นกรีน แลนเทิร์นเลย 

    (ถอนหายใจแรง)
    (สำลักโคเคนผ่านหน้ากาก)

    "ปิ๊ง ได้เวลาชิมิชังก้าแล้ว"

    ผมหมุนนาฬิกาย้อนเวลาของเคเบิล 
    แหกปากร้องตอนเครื่องทำงาน

    กลับมาโผล่ในห้องอพาร์ตเมนต์เก่า
    ช่วยวาเนสซาไว้จากไอ้เลวนั่น

    "เดี๋ยวผมรีบกลับมานะ"

    ผมเกร็งคอตะโกนบอกเนส

    ก่อนแสงวูบวาบดูดกลืนร่างผมเข้าไป
    ยังทันประกาศกร้าวได้อีกประโยค

    "และยังไงเราก็จะตั้งชื่อลูกว่าแฌร์แน่!"

    เวลากลืนกินผม

    เหมือนร่องตูดดูดกลืน— เอ้อ ช่างเถอะ คำบางคำก็ควรเซ็นเซอร์ออกไปบ้าง เพราะแน่นอน ต้องมีเยาวชนหลายคนที่อ่านคำเตือนข้างบนผ่านตาไปแบบช่างแม่ง หรือไม่อ่านเลยด้วยซ้ำว่าจั่วหัวอะไรไว้บ้าง ใช่ พวกเด็กไม่ดี หมายถึงพวกหล่อนนั่นแหละ ยอมรับมาซะ และเพราะผมไปตรวจบัตรประชาชนทุกคนที่คลิกเข้ามาไม่ได้ เราก็จะไม่หยาบโลนกันเกินจำเป็น เพื่อน้องๆ หนูๆ เห็นไหมว่าเดี๋ยวนี้ผมรับผิดชอบต่อสังคมขนาดไหน แต่ว่านะ เมื่อกี้เรากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ อ้อใช่ ผมกำลังย้อนเวลากลับไปไล่แก้ไขความผิดพลาดในเส้นเรื่องอดีต 

    ไม่รู้เลยว่าการปล่อยให้หนังวูล์ฟเวอรีนทำเดดพูลออกมาผิดๆ หรือการที่ไอ้ไรอัน เรย์โนลส์รับเล่นกรีน แลนเทิร์น อันไหนทำให้แคนาดาทุกข์ใจกว่ากัน แต่ผมก็จัดการลบล้างมันให้สะอาดหมดจด เนี้ยบยิ่งกว่าเทคนิคการเช็ดตูดหลังขี้ที่ตัวละครของแมตต์ เดมอนแอบมาโผล่เป็นคามีโอ้แนะนำไว้ในหนังเสียอีก

    อะไรนะ? 

    ไม่เห็นจำได้ว่ามีหมอนั่นในหนังงั้นเรอะ แหงละ ไม่มีใครสังเกตทั้งนั้น ก็เล่นเมคอัพซะหนาเตอะ แถมอีการขึ้นเครดิตว่า "ดิคกี้ กรีนลีฟ" ในเว็บไอเอ็มดีบีก็ไม่ได้ช่วยห่าอะไรเลยด้วย ใครจะไปดูออกวะ บ้าป่ะ แต่เอ้อ มันเป็นชื่อตัวละครในเดอะ ทาเลนเท็ด มิสเตอร์ริพลีย์ที่เขาก็เล่นด้วยนะ ถ้าเป็นแฟนตัวยงเขาอาจจะรู้ก็ได้

    ช่างหัวแมตต์ เดมอนเถอะ

    แล้วไม่ต้องมาพูดล่ะว่าคามีโอ้ของตานี่ในธอร์: แร็กนาร็อก เจ๋งกว่า ไร้สาระ แค่เรย์โนลส์มันนั่งกินข้าวกับเขาแล้วชวนมาเล่นได้หน้าด้านๆ ก็ดีถมเถแค่ไหนละ (และธอร์สาม ไม่มีแบรด พิตต์ ผมชนะใส!)

    ทีนี้ กลับมาที่เนส

    ผมวกกลับมาหาเธอจริงๆ

    เพราะหนึ่งผมรักเธอ
    สอง ผมรักเธอ
    สาม ผมรักเธอ

    อย่าเพิ่งอ้วก

    เพราะสี่ ผมมีเรื่องต้องสารภาพกับเธอ

    "เนส..."
    "ไปไหนมา ตาชุดแดง"

    เธอทำเสียงดุ แต่นัยน์ตากลับยิ้มหวาน
    ไม่รู้ตัวเลยว่ายิ่งทำให้ผมหนักใจ

    ผมสวมกอดเธอด้วยความคิดถึง พยายามไม่ให้ความเงียบปกคลุมบรรยากาศรอบกายนานเกินไป แต่ยากเหลือเกินที่จะหลีกเลี่ยงความกระอักกระอ่วนใจในสิ่งที่กำลังจะพูด เนสรับรู้ได้ผ่านสัมผัสอันไม่มั่นคงว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอกระซิบถาม น้ำเสียงอ่อนโยน

    "มีอะไร หืม..."
    ผมสูดหายใจ"คุณอาจจำไม่ได้ ไม่สิ— ไม่รู้ เพราะคุณตายแล้ว หมายถึง...เคยตายน่ะ ตอนนี้ผมย้อนเวลากลับมาช่วยคุณแล้ว เพราะงั้นคุณเลยไม่ตายแล้ว แต่ว่าจริงๆ คุณตาย—"
    "เวด ฉันงง"
    "ที่ผมจะสื่อก็คือ มีอะไรเกิดขึ้นมากมายตอนที่คุณตาย— ยังตายอยู่น่ะ ถึงตอนนี้คุณจะไม่ตายแล้ว แต่ว่าระหว่างที่คุณยังตาย คุณพูดอะไรบางอย่างไว้"
    เนสขมวดคิ้วหนัก "ถ้าฉันตายแล้วจะพูดอะไรได้ยังไง..."
    "มีเหตุผล" ผมชะงัก "แต่...นั่นแหละนะ ผมเองก็ตายไปเจอกับคุณแป๊บนึง ไม่ว่ามันจะเป็นภาพมโนของคนอยู่ระหว่างความเป็นความตาย หรือฝันซ้อนฝันอินเซปชั่นอะไรก็ตาม ในสวรรค์สั้นๆ ที่เราได้กลับมาพบกัน คุณพูดบางอย่างที่สำคัญมากๆ ออกมา..."
    "นั่นคือ?"
    "อย่าอึ๊บโคลอสซัส"

    วาเนสซาผลักผมออกจากอ้อมกอด
    มองผม เบิกตากว้าง ยกมือขึ้นปิดปาก

    "ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำ!" ผมรีบละล่ำละลักก่อนสาวเจ้าเข้าใจผิด
    เนสหัวเราะน้อยๆ ดูโล่งอก "กำลังเป็นห่วงประตูหลังคุณเลย ไม่ใช่อะไร นี่ถ้าไม่ได้ทำแล้วมาทำให้ตกใจทำไม"
    "อันนั้นคือข่าวดีไง แต่ว่ามันมีข่าวร้าย"

    ผมก้มหน้านิ่ง มองเท้าตัวเอง

    "อะไร..."

    เธอเอื้อมมือมาเชยคางผมขึ้นเบาๆ
    ผมมองตาเธอ กุมมือเรียวสวยนั้นไว้

    "ผมไม่ได้อึ๊บโคลอสซัส..."
    "อันนั้นพูดไปแล้ว"
    "แต่ผมอึ๊บเนทตี้"

    เนสชักมือตัวเองกลับในฉับพลัน

    "ใครนะ..."
    "ที่รัก ฟังผมอธิบายก่อน"
    เธอไม่มองผม เม้มปาก "หล่อนสวยไหม...ผมบลอนด์รึเปล่า..."
    "ไม่ เนส คือ—"
    "อะไร"
    "โทษที ที่ว่าเนทตี้ผมหมายถึง เนท..." 

    ผมถอนหายใจ

    "จริงๆ ผมควรพูดว่าเคเบิล"

    นั่นแหละ เรื่องที่ผมต้องสารภาพ

    ผมหวังเหลือเกินว่าจะขอลิขสิทธิ์ฉากท้ายในช่วงต้นเรื่องพลิกรหัสพิฆาตพยัคฆ์ร้าย 007 (เชี่ย ใครตั้งชื่อไทย) มาใช้ได้ เพราะนอกจากความเงียบจากเนสจะดังกึกก้องกัมปนาทเหมือนฟ้าถล่มทลายทับใจผมแล้ว สายตารวดร้าวของเธอยังพุ่งทะลุตัดขั้วหัวใจผมราวกระสุนจากปืนของมันนีเพนนี แรงกระแทกจากไหล่เล็กๆ ของเธอที่เดินผ่านไปทำให้รู้สึกเหมือนถูกผลักตกจากรถไฟลงสู่ห้วงน้ำหนาว ภาพแผ่นหลังของเธอคล้อยห่างพ้นประตูฉุดกระชากผมให้ด่ำดิ่งจมลึก...อย่างที่เจมส์ บอนด์ถูกมือใหญ่ไม่เมคเซนส์ในเครดิตเปิดเรื่องสกายฟอลล์ (ใช้ชื่ออังกฤษแต่แรกก็ดีอยู่แล้ว) ดึงลงไป

    ผมไม่น่าบอกเธอเลย
    พูดทำไม

    ไม่ต้องให้เธอรู้ก็ได้ ถ้าผมไม่พูด มันก็จะเป็นความลับตลอดไป เพราะเคเบิลไม่มีวันเอาความอับอายครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตไปบอกใครแน่ๆ เขาไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด! ผมสามารถเงียบปาก ปล่อยมันสลายไปเหมือนกลิ่นตดในลิฟต์ และสร้างครอบครัวกับเนสได้อย่างที่เคยหวังเอาไว้ แต่...ผมทนโกหกเธอไม่ได้เหรอ? ไม่เอาน่า ลึกๆ ผมแค่คิดว่าคนมีลูกบ้าอย่างเธอจะเข้าใจและฟังผมอธิบายก่อน

    "ห่าเอ๊ย" 

    อดตบปากตัวเองไม่ได้

    และผมรู้คุณกำลังคิดอะไร 'ปิดทิ้งดีไหมเนี่ย อ่านอะไรแองสท์ๆ ไม่ไหว' แต่จะบอกอะไรให้นะ คิดผิดแล้ว ถ้าคุณมโนว่านี่จะต้องเป็นฟิคดราม่าความสัมพันธ์รักสามเส้า ลืมไปได้เลย หลังจากคุณผ่านกลางเรื่องไปได้ คุณจะเปลี่ยนความคิดทันที 'นี่มันปัญญาอ่อนจัง แล้วเรทอาร์ตรงไหน' 

    ซึ่งมันอาจจะผิดอีกเหมือนกัน
    เอ๊ะ หรือไม่ผิด?

    อย่าได้ตัดสินหนังสือจากปกเชียว

    และจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม 
    ฟิคเรื่องนี้อาจต้มตุ๋นคุณได้นะ

    ผมไม่ได้หมายความยิ่งใหญ่อย่างหนังต้มตุ๋นแบบโอเชียน อีเลฟเว่น, โฟกัส, นาว ยู ซี มี  หรือหักมุมชวนเหวอแบบหนังทุนต่ำเร้กๆ น่าร้ากอย่างคนเป็นฝังทั้งเป็น (พระเจ้า ชื่อไทยสุดยอดไปเร้ย) ที่ตาเรย์โนลส์เคยเล่น และมันจะไม่ออกมาแบบเมอเมนโท ที่เฉลยตอนท้ายว่าพระเอกฆ่าเมียตัวเองด้วย (บู้ม! สปอยเลอร์อะเลิร์ท ใครยังไม่เคยดูก็ลาก่อย) เพราะคุณก็รู้ตั้งแต่ต้นหนังแล้วว่าผมพลาดทำให้เนสตาย แล้วค่อยกลับมาชุบเธอนี่ไง แต่ผมแค่อยากให้คุณระแวดระวังเอาไว้หน่อย ระวังโดนหลอกน่ะ คนเขียนเรื่องนี้มันประวัติโชกโชน ไว้ใจไม่ค่อยได้! เพราะงั้น...

    อ่านไปก็ถามตัวเองไปพลางด้วยล่ะ
    ว่า 'คุณตั้งใจดูดีแล้วหรือยัง?'

    "ขายหน้าชะมัดเลย"

    ประโยคนั้นลอกเดอะ เพรสตีจมาชัดๆ!
     
    "ขอนั่งก่อนนะ"

    (ทิ้งตัวลงนั่ง)
    (เปลี่ยนใจนอนราบ)

    เพราะผมคงต้องใช้เวลาอธิบายนานทีเดียว กว่าพวกคุณจะตามทัน และเข้าใจได้ว่าทำไมผมถึงกลับมาหาเนสพร้อมกับที่ต้องมีเรื่องอะไรอย่างนั้นให้สารภาพออกไป 

    เอาละ เพลงมา บีเทิลส์

    ...


    .
    .

    .

    "แกเคยดูปีเตอร์แรบบิทไหม หมายถึง...ฉันรู้ว่าห้าสิบปีข้างหน้ามันอาจเป็นหนังที่ถูกลืมไปแล้วก็ได้ ใครจะอยากเก็บแผ่นหนังรอมคอมเกี่ยวกับนายพลฮักซ์ถูกกระต่ายซีจีหลังสวนจู่โจมด้วยแบล็คเบอร์รี่ที่นางแพ้ไว้ให้ลูกหลานดูกัน แต่เผื่อว่าจะเคยได้ยิน มีเรื่องนึงที่โคตรจะข้องใจเลย กระต่ายจริงมันเอาหน้าผาก...หรือจมูก? ชนกันเพื่อขอโทษจริงๆ เรอะ"

    ผมแตะปลายจมูกลงบนปลายของเคเบิล
    ส่ายหน้าไปมาดุ๊กดิ๊ก เลียนแบบกระต่าย 

    "นั่นไม่ใช่จมูก ไอ้ห่านจิก"

    รองเท้าคอมแบท —ที่หมอนี่ใช้ถีบตัวเองจากห้าฟุตสิบเอ็ดขึ้นไปเฉียดหกฟุต— นาบลงกลางหน้ากากผมและยันอย่างแรงไม่มีลังเล โครม! (พอเป็นฟิค แม้แต่ซาวด์เอฟเฟกต์ก็ต้องทำเองอะอิเวงเอ๊ย!) ผมหงายเงิบกระดอนไกลออกจากเป้าของมัน ชนแท่นเสาข้างหลังจนแจกันด้านบนหล่นลงมาแตก...ใส่หัวผมอีกที ให้ตายสิ ทำไมต้องรุนแรงด้วย!

    นั่งหงอย ปัดเศษกระเบื้องออกจากตัว

    "ตอนนี้ยอมให้หรอกนะ แต่บนเตียงต้องอ่อนโยนกับเค้า เข้าใจปะ"
    "ใครจะไปขึ้นเตียงกับแก..."

    เสียงต่ำๆ ฮึมฮัมในลำคอ ร่างเตี้ยตันแต่หนาแกร่งยันตัวลุกขึ้นจากโซฟาที่นอนกลางวันอยู่ ผมแสร้งทำเป็นถอยกรูดติดกำแพงอย่างน่าเห็นใจเมื่ออีกฝ่ายย่างสามขุมเข้าใกล้ ชายแก่จากอนาคตนั่งยองๆ ลงตรงหน้า ยื่นมือข้างที่เป็นผิวหนังปกติออกมา หมอนั่นอาจไม่เห็นเพราะไอ้โม่งที่ผมสวมเอาไว้ แต่ข้างในผมแอบหลับตาปี๋

    "..."

     เคเบิลไม่ได้ทำอะไร

    นอกจากหยิบดอกไม้ออกจากหัวผม...

    "ฮืม"

    เขาครวญเสียงต่ำในลำคออย่างที่ชอบทำ มันฟังค่อนข้างเหมือนสุนัขดุขู่คนให้อาหารตัวเอง ดูเนรคุณ แต่ก็เซ็กซี่ดีชิบหายเลยไม่รู้ทำไม แล้วนี่อะไร เขากำลังยื่นดอกไม้เล็กๆ นั่นให้ผมงั้นเหรอ? ไม่นะ อย่ามายกยิ้มมุมปากแบบนั้น บอกให้หยุดไง หยุดริมฝีปากตัวเองเดี๋ยวนี้เลย ไอ้แก่ แล้วไม่ต้องคิดจะเอาดอกไม้มาทัดหูฉัน เอามือออกไปนะ อ่า พูดไม่ฟังเลย ไอ้คน... 

    "เหมาะกับแกดี... อีดอก"

    ...ข่นบ้า

    เคเบิลเดินหนีออกจากห้องนั่งเล่น
    ผมรีบเด้งตัวตามไปประกบ

    "ทำมาเปงดุเค้า ที่จริงกลัวใจตัวเองจนต้องเดินหนีใช่ไหมล่า"
    "เพ้อบ้าอะไรของแก"

    ดาร์คไม่พักเลย แม่ชื่อมาร์ธา พ่อชื่อโทมัสเหรอ

    "ยอมรับมาเถอะน่า แกหลงรักฉัน"
    "ฉันไม่ได้หลงรักแก"
    "แกหลงรักฉัน"
    "ฉันไม่ได้หลงรักแก"
    "แกหลงรักฉัน"

    เคเบิลหยุดเดิน เอามีดจ่อหัวผม

    "พูดอีกทีสิ"
    "แกหลงรักฉัน"

    ฉึบ!

    กรี๊ด เจ็บนะโว้ย
    หมอนี่แทงหัวผมจริงๆ ให้ต๊ายยยย

    ผมสะบัดหัวไปมา แข้งขาอ่อน ล้มใส่ลุงเตี้ยตรงหน้า สองแขนพะรุงพะรังโอบรั้งคอเขาเอาไว้ สูดกลิ่นอายเทสโทสเตอโรนฟุ้งหนาอบอวลจากอกกว้างเข้าเต็มปอด อาห์... เขานิ่งไป ผมฉวยโอกาสนั้นสัมผัสกล้ามแขนแน่นๆ ของเขาทั้งท่อน ก่อนลากไล้เลื่อนมือลงไปบีบบั้นทายฟิตปั๋งดูสักครั้ง ฮื้อ... นิ่มแต่ก็แน่น ไม่แข็งเหมือนของโคลอสซัส 

    อุ๊ย

    ตายละ...เคเบิลก็สัมผัสก้นผมคืนเช่นกัน
    แต่ด้วยมีดที่เพิ่งแทงหัวผมไปเมื่อกี้นะ...

    มิดด้ามเชียว

    "เสียบด้วยอย่างอื่นบ้างไม่ได้เหร..."

    ตัวผมอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไหลร่วงลงไปกองแทบเท้าเขาทันที อีกฝ่ายยังไปไหนไม่ได้หรอกเพราะผมกอดข้อเท้าข้างหนึ่งเอาไว้ ว่าแต่นี่มันอะไร ฟิฟตี้เฉด ออฟ เคเบิล เหรอ ซาดิสม์จังเลย อนาสตาพูลจะไม่ยอมให้คุณรังแกเปล่าๆ หรอกนะคะ อยากรุนแรงแค่ไหนก็เชิญค่ะ แต่จะไม่ยอมปล่อยจนกว่าคุณจะบอกรักฉัน หึ!

    กริ๊ก
    นั่นไม่ใช่เสียงไกปืนใช่มะ...

    "ปล่อย"
    "โอเคจ้ะ"

    ผมกลิ้งหลุนๆ เป็นลูกขนุนไปอีกฝั่ง หลบทางให้เคเบิลได้เดินกลับห้องพัก แต่ยังไม่ยอมแพ้ ชันเข่าซ้ายและขวาสลับกันไป ไถตัวทั้งท่านอนหงาย กระดึ๊บตาม

    "พูดตามฉันก็ได้ เร็ว ไม่ยากหรอก ไม่ต้องเขิน พร้อมกัน... 'ฉัน - ชอบ - แก'..."
    สายตาดุๆ ตวัดมองอย่างหยามเหยียด "ฉันไม่ได้ชอบแก"

    ผมไถตัวเองเข้าไปนอนขวางประตูห้อง

    "แกชอบฉัน ผู้ชมทางบ้านเขาปิดตาตีลังกาสามร้อยสี่สิบห้าตลบมองลงมาจากดาวอังคารยังดูรู้เลยว่าแกชอบฉัน แกเลือกช่วยชีวิตฉัน แทนที่จะกลับไปหาลูกเมียแก มีทฤษฎีสนับสนุนอยู่สามข้อเท่านั้นแหละที่พอจะอธิบายได้ คือหนึ่ง แกชอบฉัน สอง แกชอบฉัน หรือสาม แกชอบฉัน—"
    "ฉันแค่ทำสิ่งที่ถูกต้อง อีสันขวาน หลบ"

    เคเบิลสอดเท้าเข้ามาเขี่ยตัวผม
    ซึ่งยังหน้าด้านนอนทับไว้

    ไขว่ห้าง ประสานมือรองศีรษะ

    "พูดว่า 'ฉันรักนาย' ก่อนเร็ว แล้วจะตอบให้ว่า 'ฉันรู้' ... อนาคตนี่โพมีผัวยัง ไคโล เร็นได้กับฮักซ์ไหม คนยังบ้าสตาร์วอร์สกันอยู่รึเปล่า"
    "คนยังเล่นมีมไคโลนมกว้างอยู่"

    เขาเปิดประตูชนหัวผมดังปั้ก!

    อ้าว ไม่ใช่ห้องนอนแฮะ
    ไม่ยักรู้ว่าเอ็กซ์แมนชั่นมีห้องฟิตเนส

    ขาสั้นๆ ของหมอนั่นก้าวข้ามตัวผมไป...ไม่พ้น แต่ไม่เป็นปัญหาอะไรเพราะแม่งก็เหยียบผ่านไปเลย สัส...นี่คนนะไม่ใช่พรมเช็ดเท้า ผมพลิกตัวลุกขึ้นทันควัน ตามไปวอแวคนแก่ที่ว่างขนาดจะมานั่งฟิตกล้าม ให้ตายสิ แค่เท่าที่มีนี่ก็ใจสั่นหวั่นไหวอยากกัดอยากลูบไล้จะแย่แล้วนะตัว

    เขานั่งลงบนเบาะสำหรับเล่นบาร์เบล
    ผมแลนดิ้งลงไปบนตักของเขาอีกที

    "ออกไป"
    "เฮ้ เวทนั้นนายได้แค่ยกนะ เวดนี้ยกก็ได้ เยก็ได้ด้วย"
    "..."

    มองยังดุขนาดนี้ เยจะดุขนาดไหน

    "ได้"

    ฮะ!?

    "แกบังคับให้ฉันทำแบบนี้เองนะ"

    กรี๊ด เอาจริงเหรอ
    หนูยังไม่พร้อม หนูล้อเล่น!

    และทั้งที่ตัวเตี้ยกว่าผมถึงสามนิ้ว เคเบิลกลับอุ้มผมแนบอกได้อย่างง่ายดายคล้ายจะไม่ต้องออกแรงอะไรซะด้วยซ้ำ เขินอะ เขินกว่าตอนโคลอสซัสอุ้มอีกไม่รู้ทำไม ใจเต้นไม่เป็นส่ำเรย รู้ตัวอีกทีก็เอาแขนกอดครอเขราไว้ และถูกอรุ้มผ่านประตูห้องออกมราแร้ว โอ๊ยอีเหี้ยผมจะกระดกลิ้นทำไมนักหนาน่ามคาญจริงๆ เรย นั่น! ยังไม่หยุดอีก ดึงสติเดี๋ยวนี้ไอ้หัวอะโวคาโด อย่าใจสั่นหวั่นไหวกับไอ้แปะเหยียดผิวแถมยังดูแคลนดั๊บสเต็ปจากไทม์ไลน์อนาคตที่โลแกนตายห่าไปแล้วเด็ดขาด มีแต่เรื่องอภัยไม่ได้ทั้งนั้น!

    "เนี่ย แล้วก็มาทำเป็น ปากแข็งอะเราอะ บอกไม่ชอบๆ ที่จริงก็ใจเร็วด่วนได้นี่หว่—"

    ผมหยุดปากแวบหนึ่งเพราะถูกอ้อมแขนแข็งแกร่งโยนอย่างรุนแรง แต่...ไม่ได้โยนลงเตียงหรอกนะ ลงบันไดต่างหาก ผมกลิ้งหลุนๆ เหมือนลูกอะโวคาโดน้อยเริงร่าลงมาตามเนินเขาใต้แสงแดดสายรุ้งทุ่งยูนิคอร์นดอนเทเลทับบี้ หัวกระแทกบันไดแต่ละขั้นอย่างสนุกสนานก่อนลงไปกองกับผืนพรมสะสมฝุ่น ณ ชั้นล่างสุดของคฤหาสน์ที่มีเจ้าของเป็นคนรวยหัวล้านหน้าตาเหมือนเจมส์ แม็คอะวอยนั่งรถเข็น 

    วูบหนึ่งก่อนถึงพื้น 
    ผมนึกสงสัยเหลือเกิน...

    ชาร์ลส์กับเอริคเคยเอากันในบ้านหลังนี้ไหม

    เม็นดอทคอมต้องมีฉากนั้นให้ดูแน่ๆ
    แบบมีพี่ขนอุยตัวฟ้ามาแจมด้วยท้ายคลิปน่ะ

    "โอย..."

    แอ้งแม้ง...
    น่าจะใช้บรรยายสภาพผมตอนนี้ได้ดีที่สุด

    ต้องบิดคอที่หักไปครึ่งรอบกลับมาดังกร๊อบ

    "หุบปากซะที"

    เสียงแหบห้าวพึมพำให้ได้ยิน
    ใจร้ายใจดำที่สุดคนอะไร!

    โยนลงบันไดน่ะเรื่องเล็ก หลอกให้คิดว่าจะได้เป็นผัวแล้วเนี่ยเรื่องใหญ่ ตกลงว่าเขาไม่ได้ชอบผมจริงๆ เหรอ นัยน์ตาเขาออกจะฟ้องง่า หรือเขายังรักเมียอยู่? แต่ถ้ารักเมียมากนักแล้วจะใช้ถ่านก้อนสุดท้ายที่มีมาชุบชีวิตคนที่อยากตายอยู่แล้วทำไมให้เปลืองเล่าตาบ้า เนี่ย ก็มาทำให้คิดว่ามีใจให้แบบนี้ไง ก็เป็นคนร้ายๆ แบบนี้ ทำเพื่อความถูกต้องเหรอ? เฮอะ เหลวไหลทั้งเพ! แล้วไหนจะที่ว่าผมแต่งตัวเป็นตุ๊กตายางนั่นอีกอะ มันใช่คำด่าเหรอถามตรงๆ มันไม่ได้บอกเป็นนัยหรอกเหรอว่าผมน่าเอาสำหรับเขาอะ

    หลงความเซ็กซี่ของฉันก็บอกมาเหอะ
    ไอ้ลูกไซคลอปส์จอมซึน 

    คอยดูนะ...

    ทีนี้ พวกเธอน่ะ
    ไม่เตือนกันเลยว่าเพลงจบนานแล้ว


    .
    .

    นี่อาจเป็นไอเดียที่เหี้ยหน่อย แต่ก็นะ
    มารยาร้อยเล่มเกวียนได้ผลเสมอแหละ

    ผมถอดหน้ากากออก ร้องเสียงดัง

    "เนทตี้~!!!"

    ...ระหว่างคืบคลานไปตามโถงทางเดินที่อาบไล้ด้วยแสงแดดรำไรยามบ่าย ซึ่ง...ทางเดินหรือรันเวย์ท่าอากาศยานนานาชาติมอนทรีอัล ปิแอร์ อิลเลียต ทรูโดอะอิสัสทำไมยาวขนาดนี้ ยาวจนต้องยอมให้อภัยชื่อยัยซาบรีน่าเดอะทีนเอจวิชเลย แล้วคนอย่างหมอนั่นต่อให้ได้ยินก็คงไม่ขานรับหรอก ไปสิ คลานหาไปเรื่อยๆ คลานวนไปรอบปีกคฤหาสน์ คลานเป็นลูกคอลิน ฟาร์เรลล์ในเจ็บแทนได้ไหม (นี่ชื่อหนังจริงๆ เหรอวะ)ไปเรยไป ถ้าสามรอบแล้วยังไม่เจออีกก็วนขึ้นเมรุแล้วเผาตัวเองสู่สุคติได้ละ

    ถ้าจะถามว่าทำไมต้องคลาน? ก็ได้โปรดให้เกียรติปลอกคอกดพลังมิวแทนท์ที่สวมอยู่นี่ด้วย ข่อมค่ะ!

    "แค่กๆ—"

    จู่ๆ ผมก็คลานต่อไม่ได้
    ใครบางคนเหยียบยั้งขาผมไว้

    "เนท~"

    ผมทำเสียงอ่อน ก่อนไอโขลกอีกครั้ง

    "แกรู้ชื่อจริงฉันได้ยังไง"
    "ใครอ่านคอมิคก็ต้องรู้ทั้งนั้นแหละ ธานอส"
    เขาทำหน้างง "แล้วเอาปลอกคอมาเล่นทำไม"
    "เตง เค้าไม่ได้เล่น เค้าโดนแกล้ง"
    "ไม่ต้องมาเตง อีดอก ใครจะไปแกล้งแก"

    ก็ถูกอะ ผมเอาปลอกคอมาใส่เอง

    "อุ๊บ..."

    พูดปุ๊บ มะเร็งพุ่งขึ้นคอปั๊บ

    "เฮ้ย อย่าอ้วกลงพื้น"

    ผมพยายามกลั้นมันไว้ ระหว่างเขาเดินหายไปหาอะไรมารองรับอ้วกของผม พ่อมันม่วงสีไม่ม่วงกับแขนวินเทอร์โซลเจอร์กลับมาอีกทีพร้อมกระโถนหน้าตาโคตรล้ำยุคล้ำสมัย อย่างกับเขาเดินทางข้ามเวลากลับอนาคตไปเอามาให้ แต่เดี๋ยวนะ ถ้าลองคว่ำมันกลับขึ้นมา...

    "โทษนะ ศาสตราจารย์... แหวะ

    เยี่ยม ภูมิใจจัง จะมีสักกี่คนบนโลกที่ได้อ้วกใส่ซีรีโบรซึ่งอยู่ในมือของคุณป๋าสุดฮอต แถมใจหล่อเวทนาก้อนมะเร็งอย่างผม

    "เตงนี่หล่อจัง...แหวะ..."
    เขางึมงำเถียง "น่าเกลียด"
    "หล่อออก"
    "ไม่ หมายถึงมึงอะ"
    "ฮรึก..."
    "ไม่ต้องดัดจริตบีบน้ำตาน่า สุดหล่อ"

    เนี่ย ก็มาหยอดกันแบบเนี้ย ผมเปลือยหน้ากากอยู่ด้วยซ้ำ สองครั้งแล้วนะที่เขาเรียกผมแบบนั้นทั้งที่ก็เห็นอยู่ว่าหน้าตาจริงๆ ของผมอุบาทว์ขนาดไหน แล้วจะให้คิดยังไงได้อีก ปากแข็งที่สุดเรยอ่า

    "แต่เอาจริงแขนแกโคตรเท่เลยนะ ซื้อต่อได้ป่าว หรือหาที่ไหนได้อีก มีอวัยวะให้เลือกทั้งตัวเลยปะ ยังไงก็ได้ที่ผิวไม่ตะปุ่มตะ...แหวะ...ป่ำเหมือนตุ๊กแกโซนร้อนงี้อะ"
    "เริ่มจากโดนไวรัสแดกร่างก่อน แกไม่อยากได้หรอก แกไม่ชอบหรอกที่สุดท้ายแกจะดูน่าเกลียดแบบนี้"
    "แต่ฉันว่าแกเป็นคนน่าเกลียดที่หล่อที่สุดในโลกเลย"
    "แกทำให้ฉันนึกถึงเมียอีกแล้ว"

    ประหลาดดี น้ำเสียงของเขาไม่ได้เศร้าอะไรเบอร์นั้น ดูมีความสุขที่ได้คิดถึงมากกว่า เดาว่าหล่อนคงชอบพูดงั้นเวลาเขาคิดว่าตัวเองน่าเกลียดแน่ๆ... แล้วทำไมผมต้องไปมีอะไรเหมือนเมียเขาหลายอย่างขนาดนี้ด้วยวะ... ทีนี้คนเขียนบทหนังหรือคนเขียนฟิคกันแน่อะที่ร้าย เอากะมันสิ

    "แกก็ขยันพูดให้ฉันอยากเป็นเมียจริงๆ จัง...แหวะ"
    เคเบิลทำหน้าย่น "แกไปอ้วกต่อในห้องน้ำเหอะ"

    อย่าปากร้ายแต่ใจดีสิป๋า หนูหวั่นไหว

    เคเบิลช้อนตัวผมขึ้นอุ้มแนบอกอีกครั้ง 

    ผมซุกหน้าเข้าหาอกอุ่นๆ นั้นราวกับลูกแมวน้อยอ้อนผัว เป็นครั้งแรกที่รูดซิปปากตัวเองได้นานขนาดนี้ อาจเพราะไม่อยากให้อะไรมารบกวนการฟังเสียงหัวใจเต้นเป็นดั๊บสเต็ปของคนอุ้ม เท่าที่จำได้ทางไปห้องน้ำไม่ได้ไกลเท่าไร นานกว่าคามีโอ้ของแบรด พิตต์นิดหนึ่ง เวลาน่าจะหมุนช้าลงเองมากกว่า ยามเมื่อเราอยู่ใกล้คนที่ทำให้รู้สึกพิเศษน่ะ...

    เขาวางผมลงอย่างนุ่มนวล
    ถือหน้ากากโม่งแดงไว้ให้

    คอยลูบหลังอย่างเบามือ

    ผมขย้อนทั้งเลือดและอะไรต่อมิอะไรออกมาจนหมดตัว หอบหายใจหนักๆ อยู่หน้าคอห่าน ร่างกายอ่อนยวบควบคุมไม่ไหวจนแทบจะจมหัวลงไปในนั้น แต่มือใหญ่เคลื่อนเข้าประคองศีรษะผมเอาไว้ก่อน ฉุดผมขึ้นนั่งบนชักโครกที่เขาเพิ่งปิดฝา และถอดเสื้อยืดของตนออก... ชุบน้ำ... บิดหมาด...

    เพื่อเอามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ผม


    "ต้องอ่อยขนาดนี้ด้วยเหรอ..."

    ผมอดเอื้อมมือออกไปลูบไล้เรือนกายกำยำตรงหน้าไม่ได้ และทันทีที่ผมทำเช่นนั้นมือจักรกลซึ่งประคองใบหน้าของผมอยู่ก็เลื่อนขึ้นมา...ส่งนิ้วกลางเข้าปากผม ให้ผมดูดดุนความเย็นเยียบของเนื้อโลหะจนชื้นฉ่ำ โดยมีนัยน์ตาคมกริบเฝ้ามอง ผมขยับปากรูดสาวมันไปพลาง...ช้อนสายตาขึ้นจ้องตอบไปพลางอย่างยั่วเย้า ไม่นานเคเบิลก็ถอนนิ้วออก และส่งเรียวลิ้นร้อนเข้ามาชอนไชโพรงปากของผมแทน เป็นวินาทีเบิกเนตรเลยทีเดียว เพราะผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ารสชาติของชายแก่จะหอมหวนชวนกลืนได้ขนาดนั้น

    รู้ตัวอีกทีร่างสูงหกฟุตสองของผมก็ถูกยกลอยราวกับสาวน้อยเอวบาง เคเบิลบดร่างผมเข้ากับผนัง กระชับท่อนขายาวๆ ของผมไว้กับเอวได้สบายๆ เหมือนยกนุ่น ริมฝีปากร้อนรุ่มยังคงกดย้ำปล้ำจูบลงมาไม่หยุดหย่อน เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่เปิดโอกาสให้เจรจา ใช้มือโลหะฉีกกระชากเสื้อของผมออกไป เปิดศึกรุกรานทุกส่วนในร่างกายของผมพร้อมๆ กัน

    อา...

    ผมไม่รู้สึกว่าเหลืออะไรปิดบังเนื้อตัวของเราอีกแล้ว ไม่มีอะไรขวางกั้นเราไว้จากกันและกันอีก และสิ่งที่ประสาทรับรู้ทั้งห้าของผมรู้สึกได้ก็มีแต่เขา กลิ่นของเขา รสชาติของเขา สัมผัสของเขา เคเบิลกระจัดกระจายไปทุกที่... ทั่วตัวผม ในปากผม ในร่างผม  

    เสี้ยวขณะจิตหนึ่ง...
    ผมรู้สึกดีจนแทบบ้า

    และเสี้ยวขณะจิตหนึ่ง...
    คุณอาจรู้สึกว่านี่มันดีเหมือนฝัน
    เกินฝัน

    แน่ละ...นั่นเพราะคุณกำลังฝัน
    ฝันกลางวันแสกๆ เลย

    ตื่น!

    (แทรกเสียงเอฟเฟกต์ธานอสดีดนิ้ว)

    คือก็อยากให้เรื่องมันเป็นงั้นอยู่หรอก
    แต่ว่า...

    ความจริงน่ะ มันเป็นไปแบบนี้:


    "แกทำให้ฉันนึกถึงเมียอีกแล้ว"
    "แกก็ขยันพูดให้ฉันอยากเป็นเมียจริงๆ จัง...แหวะ"
    เคเบิลทำหน้าย่น "แกไปอ้วกต่อในห้องน้ำเหอะ"

    เขาเอาซีรีโบรไปถือไว้ มืออีกข้างคว้าข้อเท้าผมข้างหนึ่งแล้วลากไปตามพื้นคฤหาสน์ ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าระหว่างทางผมจะถูกไถถูลู่ถูกังไปโดนอะไรบ้าง ไม่อ่อนโยนเอาซะเลย! แวบหนึ่งผมก็เผลอละเมอเพ้อพกไปได้ว่าเขาจะนุ่มนวลกับผมเป็น ใจร่านแล้วยังขี้มโนเป็นที่หนึ่งอีก 

    ปัง!

    เคเบิลปล่อยให้ผมอ้วกจนเกือบตายคาห้องน้ำโดยลำพัง ทีหลังไม่เอาแล้วมุกนี้ ไม่ผ่าน ทรมานตัวเองเกินไป แล้วนี่โดมิโน่ก็ไม่อยู่ โคลอสซัสก็ไปจ่ายตลาดของมาเติมตู้เย็น เนกาโซนิคทีนเอจบีเบอร์ก็คงไม่แยแส จะให้ใครมาช่วยปลดปลอกคอวะเนี่ย อิผี ลืมคิดไปเลย โอย ไม่ไหวแล้ว มะรวยหัวเค็ง ผมจะอ้วกเอาลำไส้ออกมาด้วยอยู่แล้วเนี่ย ตายๆๆ

    "ตายหรือยัง"

    เอ๋...หมอนั่นยังรออยู่หน้าห้องน้ำเหรอ?
    เออ อยู่จริง ทุบประตูเร่งซะด้วยแน่ะ

    "เวร วิลสัน"
    "ชื่อเวด! สะกดไม่เป็นจะเรียกที่รักก็ได้!"

    ผมตะโกนโต้ตอบ ไอออกมาอีกชุดใหญ่ กดชักโครก ปิดฝา กอดคอห่านเอาไว้ นอกนั้นก็ไม่มีแรงทำอะไรแล้ว ได้แต่ฟุบหน้าลงไปอย่างกับคนเมาเป็นหมากลับจากผับตอนตีสอง ความรู้สึกพ่ายแพ้เหมือนตอนอยู่ในไอซ์บ็อกซ์กลับมาหลอกหลอนกันอีกครั้ง อา...หรือจะนอนเลี้ยงเนื้อร้ายแล้วไปหาเนสตามแผนเดิมตอนนั้นดีนะ? 

    "ฮืม"

    เสียงสุนัขดุดังขึ้นข้างหูอีกแล้ว

    เป็นผมมันก็สบายดีนะรู้มะ ตัวโตเป็นควายแต่มีผู้ชายกล้ามโตมาอุ้มท่าเจ้าสาววันละหลายหนน่ะ แต่ผมไม่มีแรงจะออดอ้อนออเซาะซุกหน้าเข้าหาอกแกร่งอย่างที่คิดเอาไว้หรอก ตัวอ่อนตัวงอคอพับห้อยตกลงมาอีกทาง แม้แต่แขนยังไม่มีเรี่ยวแรงจะโอบรอบลำคอเขากันหล่นเลย เสียดายจัง

    เคเบิลอุ้มผมออกจากห้องน้ำ
    ดุเสียงเข้ม "ทีหลังอย่าเอามาเล่น"
    "ค้าบพ่อ ไม่เล่นแล้ว"
    "..."

    ตาลุงหยุดฝีเท้า
    มองหน้าผมเงียบๆ

    เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

    นี่ก็ชอบมองให้เขินจังเลย พ่อปลากัด จะจ้องจนกว่าจะท้องเลยไหม หือ 

    "อย่าจ้องงั้นดิ หน้าฉันไม่น่าดูหรอก เหมือนอะโวคาโดพันธุ์แฮสปลูกในที่ขาดน้ำไปเอากับแผ่นพลาสติกกันกระแทกที่โดนเด็กเปรตโรคจิตบีบเล่นจนฟีบหมดแล้วออกลูกมาเป็นหัวฉันยังไงยังงั้น"
    "แล้วกัน 'กระแทก' ได้จริงหรือเปล่า"
    ผมตาโต "บ้าน่ะ ถามอะไรแบบนั้นอะเตง อยากกระแทกกระทั้นเค้าขนาดนั้นเลยเหร— กรี๊ด!"

    มัน - โยน - ผม - ลง - จาก - ระ - เบียง !

    ไม่เอากระแทกแบบนี้ดิวะ ไอ้คนก้าวร้าว จะมาเอะอะจับโยนบกๆ อย่างนี้ไม่ได้ ฮือ เจ็บฉิบหาย... แล้วนี่พลังวิเศษก็ยังไม่— อ้าว... ปลอกคอกระแทกพื้นได้มุมพอดีจนหลุดออกไปแล้ว โอ้โห แก้ปมเรื่องได้ง่อยสิ้นดี ที่แย่ก็คือคอผมหักไปด้วย เคเบิลยังมีแก่ใจชะโงกหน้าลงมามอง ผมได้โอกาสอ้อนทันที

    "คอฉันอ่า!"
    "แกก็บิดเองสิ"
    "ข้อมือก็หักด้วย"
    "มีสองข้าง"
    "หักสองข้างเลย"
    "ใช้ตีน"
    "นี่เห็นฉันเป็นตัวอะไร จะบ้าเรอะ"

    หมอนั่นไม่ได้อยู่ฟัง หันหลังหมุนตัวกลับเข้าไปข้างใน โหดร้ายจริงๆ ทำไมถึงหยิ่งผยอง ความจริงข้อมือผมไม่ได้หักสักข้างหรอก แต่ยังอ่อนล้าเกินกว่าจะมีอารมณ์ลุกขึ้นมาหมุนคอตัวเองกลับเข้าที่ เลยนอนแช่อยู่อย่างนั้น นอนกันจนแดดที่จ้าๆ อยู่เมื่อกี้เริ่มร่มลมเริ่มตกเลยทีเดียว เอ๋...ไม่ใช่นี่นา พ่อยอดยาหยีมายืนเอาตัวบังดวงอาทิตย์ไว้ตั้งแต่เมื่อไร...

    โงย~ น่ารักจัง

    แต่คือถ้าสูงกว่านี้สักนิ้วก็จะดีมากเลย จะบังแสงได้เนี้ยบกริ๊บจนผมไม่ต้องร้อนสักนิ— 

    "อ๊าก!!!"

    จะช่วยบิดคอให้ก็ใช้มือไม่ได้รึไงตางั่ง
    เอาคอมแบทเสริมส้นเตะกันแบบนี้ได้ไง

    เตี้ยแล้วยังทารุณอีก!

    "เกินรอบๆๆๆ"

    ผมกรีดร้องโวยวายใหญ่โต 
    มือไม้สะบัดระบายความเจ็บที่คอ

    ตอนนั้นเองที่เคเบิลย่อตัวคุกเข่าลงมาตรงหน้าผม ยื่นมือใหญ่กร้านแสนเซ็กซี่ด้วยเส้นเลือดขอดมาประคองกรอบกรามของผมเอาไว้ และบิดกลับให้อย่างรวดเร็วที่สุด...เพื่อให้ผมต้องทนเจ็บน้อยที่สุด? ไม่รู้จะคิดอย่างนั้นได้รึเปล่า แต่นี่ความคิดผม มโนผม ไม่ต้องขออนุญาตใคร เพราะฉะนั้น คนทำซีจีลบหนวดซูเปอร์แมนเป็นพยาน... เขาทำงั้นเพื่อผมแน่ๆ 

    "ยิ้มเหมือนคนเมากัญชาทำไม"
    "เปล่าจ้ะ"

    ชั่วขณะที่นัยน์ตาเราสบกัน
    เสียงเล็กๆ ในใจผมก็ร่ำร้อง

    ให้ผม...โน้มริมฝีปากเข้าไป
    ใกล้...จนลมหายใจของเราเป่ารดกัน

    ใกล้...

    จนมือเหล็กอันใหญ่ตะปบหน้าผมไว้

    "ทำอะไรของแก"

    จังหวะได้แต่คนแม่งไม่ได้เป็นงี้เอง

    .
    .

    พระจันทร์ขึ้นแล้ว

    ฟ้ามืดสนิท ทุกคนพร้อมเข้านอน แต่คุณก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าสาระของเรื่องนี้มันอยู่ตรงไหน เอาน่ะ อดทนอีกนิด ใกล้แล้วละ ใกล้ถึงแล้ว ก่อนอื่นผมขอให้คุณเปิดเพลง Thief (กดเข้าไปแล้วอย่าหลงทางในซิกแพ็คของอันเซล เอลกอร์ทล่ะ! กลับมา) เพื่อสร้างบรรยากาศ แล้วย่องตามผมมาในความมืด ผมสัญญาว่าจะพาคุณไปถึงจุดสุดยอด...ของเรื่องราวในเร็วๆ นี้แหละ นะจ๊ะ

    ก๊อก ก๊อก

    ผมเคาะประตูห้องของเคเบิล

    คฤหาสน์เงียบจนได้ยินเสียงคำรามในลำคอของหมอนั่นเลย ประตูไม่ได้เปิดไว แต่ก็ไม่ได้ช้า ที่ไวคือตอนมันปิดหลังจากอีกฝ่ายเห็นหน้าผมต่างหาก แหม ไม่ต้องเขินขนาดนั้นก็ได้ มีผู้ชายใส่เสื้อยืดลายยูนิคอร์นกับกางเกงนอนลายคิตตี้สีชมพูมาหาถึงห้องไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อยพ่อคุณ ผมหน้าด้านเคาะประตูอีกรอบ เสียงคำรามต่ำๆ ดังขึ้นอีก หงุดหงิดขึ้นอีก และผมก็เข้าใจสาเหตุของมันในเวลาต่อมา เพราะว่าเมื่อผมลองเสี่ยงดวงเลื่อนประตูตรงหน้าออก

    ก็พบว่ามันไม่ได้ล็อค
    ทำเปงเย็นชา แต่ก็ให้ท่านะตัวนะ

    ผมมองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นแล้วย่องเข้าไปข้างในพร้อมลงกลอนเสร็จสรรพ เคเบิลดูไม่เหมือนคนกำลังจะเข้านอนเลย ยังสวมเสื้อผ้าเต็มยศพร้อมรองเท้าคอมแบท อุปกรณ์ตามตัวอะไรก็ไม่เอาออก เออ รวมกระเป๋าสะพายแล่งบรรจุแท่งลิปมันของแม่งด้วย ตอนที่ผมทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียง หมอนี่ยังหยิบขึ้นมาทาปากแล้วเม้มแรดๆ อยู่เลย นี่มึงทากันปากแห้งหรือว่าเลียกินเป็นขนมเอาดีๆ หรือที่จริงมันเป็นของหวานอัดแท่งแบบพกพาไว้เติมน้ำตาลสำหรับคนเป็นเบาหวานในโลกอนาคตวะ มีอีกสักอันไหมจะได้ให้รัสเซิลมันพกไว้หน่อย

    ผมกระแซะร่างเข้าไปใกล้อีกนิด 
    ใช้ศอกสะกิด "มั่งดิ..."

    นางเก็บลิปบาล์มเข้ากระเป๋าตามระเบียบ

    ผมวาดขาไขว่ห้าง กระดิกตีนยิกๆ "ไม่ใช่ว่าปากฉันเหมือนแผลหมอเย็บคนท้องไม่เรียบร้อยแบบนี้แล้วจะไม่ต้องการการบำรุงนะ มีน้ำใจหน่อยเนทตี้ สอนแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกตัดสินคนจากภายนอกสักที ไม่รู้จักจำ"
    "ปากแกก็สวยดีออก"

    เนี่ย จีบเก่ง

    "แกมาทำไม ต้องการอะไร"
    "นอนไม่หลับอะ" ผมกระซิบ...ทำไมวะ
    "อยากหลับไม่ตื่นไหมล่ะ"
    "หยุดคิดจะฆ่าฉันเดี๋ยวนี้ ไม่เบื่อเหรอที่ฆ่ายังไงก็ไม่ตายยิ่งกว่าแมลงสาบ ฉันยังเบื่อตัวเองเล—"
    "ต้องการอะไร"

    เขาถามตัดบท น้ำเสียงจริงจังเหมือนจับความรู้สึกลึกๆ ในใจผมได้ ผมคิดไปเองหรือว่าเคเบิลรู้จริงๆ กันแน่วะว่าผมต้องการอะไร นี่แพนิคแล้วนะ หยุดแยกเขี้ยวพร้อมทำเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอแบบนั้นสักทีมันฮอตมากไม่รู้เหรอ ไอ้เวรเอ๊ย ผมเริ่มคุมตัวเองไม่อยู่แล้วจริงๆ ถึงจะกล้าเอื้อมมือออกไปแตะปลายนิ้วของเขา แต่เพียงได้สัมผัส...ปลายนิ้วของผมก็สั่นเทาไปหมด นิ้วเคเบิลเย็นมาก แน่ละเพราะมันเป็นโลหะ ผมไต่ขึ้นไปถึงหลังมือของเขา เกือบสัมผัสถึงหน้าปัดนาฬิกากลไกโบราณของเครื่องย้อนเวลา...

    แต่เคเบิลเบี่ยงแขนหลบ
    พลิกมาเป็นฝ่ายรวบข้อมือผมไว้
     
    ยังคาดคั้น "ต้องการอะไร"
    ผมถอนหายใจ "ใครสักคน...มั้ง"

    แค่...ใครสักคน

    เพราะผมคิดถึงเนสจนทนไม่ไหวแล้ว
    แต่ผมไปหาเธอไม่ได้

    "มานี่สิ..."

    เสียงแหบต่ำคำรามขรมในลำคอ
    กระตุกข้อมือ รั้งผมเข้าไปใกล้

    ผมเสียหลัก หน้าคะมำปะทะอกแกร่ง
    มืออุ่นเชยคางผมขึ้น นิ้วไล้กลีบปากล่าง

    "ปากแกต้องการการบำรุงจริงๆ นั่นแหละ..."

    เคเบิลแบ่งปันลิปมันจากปากตัวเองลงมาให้ผม จูบเหรอ? ไม่พอหรอกคำนั้น สิ่งที่เขาทำคือกำลังบดขยี้ริมฝีปากของผมต่างหาก ความชุ่มฉ่ำมันวาวละเลงเลอะไปทั่วกลีบปาก มุมปาก จวบจนปลายคางของผมเลย ให้ตายสิ หมอนี่มันไม่รู้จักคำว่าค่อยเป็นค่อยไปหรือไงวะ ลิ้นร้อนก็ซอกซอนชอนไชเก่งจัด ผมไม่ได้ตั้งใจจะจูบตอบแต่ก็ถูกเล้าโลมให้โอนอ่อนตามไปไม่รู้ตัว แล้วรู้อะไรไหม เขาไม่สนใจเสื้อของผมเลยด้วยซ้ำ มือใหญ่พุ่งตรงเข้าหาเอวกางเกงนอนลายคิตตี้สีชมพูตัวโปรดของผม รูดลงทันควัน

    พร้อมกับชั้นใน

    "เดี๋ยวๆๆ...ขอเวลานอก...อาา..."

    แต่หมอนั่นไม่เคยฟังอยู่แล้วคุณก็รู้

    ทุกอย่างหลังจากนั้นยุ่งเหยิงวุ่นวายไปใหญ่ ผมถูกบังคับให้คลานเข่า ระหว่างที่เขา...เล้าโลมผมด้วยปลายลิ้น มันร้อนรุ่มราวกับมีเปลวเพลิงระริกเร่าอยู่ในร่าง เสียววูบวาบจนเผลอเกร็งปลายเท้าและถดเอวหนี เคเบิลคำรามต่ำ สองมือจับกระชับสะโพกผมกลับไปรับสัมผัสกระสันซ่านจากปากเขาอีกครั้ง มือโลหะล็อคแน่นเหมือนคีมเหล็กให้แน่ใจว่าผมจะหนีไปไหนไม่ได้อีก

    "เนท...ฉัน...อื้อ ใจเย็นๆ สิวะ..."

    นี่ก็ไม่พูดไม่จา ไม่ฟังอะไรเลย จะเอาท่าเดียว โว้ย!

    เคเบิลหน่วงจังหวะลงนิดหน่อย...นิดเดียวเท่านั้น แต่ระดับความกระหายไม่ได้ลดลงเลย ไม่รู้ไปอดอยากปากแห้งมาจากไหน แห้งแบบลิปบาล์มสามร้อยแท่งก็ช่วยไม่ได้แล้วอะขนาดนี้ คิดถึงเมียมากเหรอ คิดถึงมากทำไมไม่ใช้ถ่านก้อนสุดท้ายกลับไปหาเธอแต่แรก แล้วปล่อยฉันไปสู่สุคติ!

    "ที่ฉันบอกว่า...ต้องการใครสักคน ฉัน...อึก...ไม่ได้หมายถึงแบบนี้นะ แค่อยากได้คน..." 
    "...คุย?" เขาพักชั่วคราว ขอบคุณสวรรค์ "แกมาหาฉันถึงห้องตอนดึกๆ จะให้คิดแค่นั้นจริงเหรอ"
    "ไม่ได้หรือไงวะ" ผมถอยกรูด โดดหนีลงไปนั่งที่พื้นติดปลายเตียง ชันเข่าคู่ชิดอก เอาชายเสื้อยืดที่ไม่ได้ยาวอะไรนักคลุมปิดไว้ ถ้ามันเป็นขาเล็กๆ ที่เพิ่งงอกใหม่แบบตอนนั้นคงบังได้มิดกว่านี้
    "บอกแล้วไงว่าอย่าตัดสินคนที่ภายนอก ดูแรดก็ไม่ได้แปลว่าอยากเสียตัวปะ อย่าเหมารวมดิ ละไหนบอกไม่ได้ชอบๆ ไม่ชอบแล้วมาทำแบบนี้ทำไมวะ คนกลับกลอก ไม่จริงใจ ฮิว แจ็คแมนอาจจะใจร้ายที่ไม่ยอมกลับมาเล่นวูล์ฟฟี่อีกแล้ว แต่ก็ยังดีกว่าแกเพราะเขาเป็นคนรักษาคำพู—"
    "แกนี่..."
    "อะไร"

    หมอนั่นยื่นหน้าพ้นปลายเตียงลงมามองผม

    "...ยิ่งประหม่ายิ่งพูดมากเป็นพิเศษสินะ"

    อย่ามากระหยิ่มยิ้มเยาะ เกลียดๆๆๆ

    ระหว่างที่ผมติดด่ามันในใจ
    จูบกลับหัวกลับหางแบบสไปดี้ก็มา

    แกอย่าขโมยอัตลักษณ์ฮีโร่ตัวอื่นมาแบบนี้ดิ!

    "อือ..."

    แล้วปากแกอะ...เพิ่งจะโลมเล้าประตูหลังฉันมาไม่ใช่เหรอ กรี๊ด!!!

    สติผมติดๆ ดับๆ เหมือนหลอดไฟไส้ในขาดตามงานวัดไปแล้วมั้ง จำไม่ได้เลยว่าถูกลากกลับขึ้นเตียงมาตอนไหน นานเท่าไร ปอดเคเบิลก็เป็นเครื่องจักรด้วยหรือไงทำไมมันจูบผมได้ยาวนานไม่หยุดไม่หย่อนไม่ผ่อนไม่พักขนาดนี้ แต่ปอดผมไม่ใช่ไง จะหอบแดกตายอยู่แล้ว เออ ดี...นี่มันอ่านใจผมได้จริงๆ ใช่ไหมวะ บ่นปุ๊บเลยเลื่อนริมฝีปากลงไปไซ้ซอกคอผมแทนแทบทันทีทันควัน สติผมกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว โคเคนบวกกัญชายัดไส้ใบกระท่อมยังไม่เคยทำให้ผมไฮได้ขนาดนี้ แล้ว— ไอ้สัส ฉีกเสื้อยูนิคอร์นน้อยกลอยใจของฉันทำไม! สำคัญกว่านั้น...ตัวผมไม่เหลืออะไรบดบังแล้วใช่ไหม

    สายตาของเขาทำให้ผมอยากตาย
    อยากมุดหายลงใต้เปลือกโลกไปเลย

    ไม่ใช่เพราะมันดูรังเกียจหรือขยะแขยงผม

    "ปิดไฟเหอะเนท"

    แต่เพราะมันไม่มีวี่แววของสักอย่างที่ว่านั่นอยู่ในนั้นเลยต่างหาก

    "ไม่มีอะไรที่แกต้องอาย สุดหล่อ..."

    ครั้งที่สามแล้วนะ

    ประโยคนั้นปลุกปั่นบางอย่างในตัวผมขึ้นมา... เอ้อ หมายถึงในเชิงอารมณ์ความรู้สึกน่ะนะ! แต่เอาจริงๆ ทางกายภาพก็ด้วยว่ะ เวรเอ๊ย ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้ว หลังจากปล่อยให้ป๋าแก่รุกไล่อยู่นาน ผมก็ตัดสินใจผงาดกลับขึ้นมาคร่อมร่างนั้นเอาไว้บ้าง ตอกตรึงทั้งข้อมือข้างที่อุ่นอย่างเนื้อหนังมนุษย์และอีกข้างที่เย็นอย่างโลหะกล้าแกร่งไว้กับเตียง เว้นริมฝีปากไปก่อนเพราะมันแผลบจะแย่อยู่แล้ว และเลือกจู่โจมซอกคอของเขา ค่อยๆ จุมพิตผิวเนื้อส่วนที่ติดกับโลหะไล่เรื่อยลงมา เสียงทุ้มต่ำคำรามน้อยๆ เหมือนไม่อยากให้แตะต้องมันเท่าไร แต่ผมก็ยืนยัน  ไม่มีอะไรที่แกต้องอายเหมือนกัน เคเบิล ไม่มี 

    ผมถอดเสื้อของเขาออก ได้ประจักษ์เต็มสายตาเป็นครั้งแรกว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งแค่ไหน อันที่จริงผมสนใจมองอยู่แวบเดียวเท่านั้นแหละ หลังจากนั้นก็ใช้ปากสำรวจเอาหมดเลย เลื่อนลงมาถึงซิปกางเกงไวมากด้วย ว่าผมปากมากนักใช่ไหม ได้...จะทำให้ปากตัวเองไม่ว่างเดี๋่ยวนี้แหละ จะเอาให้เลิกบ่นแล้วเปลี่ยนมาครางไม่เป็นภาษาเลย

    หมอนั่นเอามือขยุ้มหัวผมซะแรง
    แทบจะกระทุ้งมันกระแทกลำคอผมอยู่ละ

    ผมไม่เคยใช้ปากให้ผู้ชายมาก่อน แต่นี่เหมือนเป็นพรสวรรค์ที่ซุกซ่อนอยู่ลึกๆ และเพิ่งได้รับการค้นพบไงงั้น ต้องภูมิใจไหมวะเนี่ย แต่รู้สึกดีชิบเป๋งที่ได้ไล่ต้อนเคเบิลให้จนมุมบ้าง อย่างน้อยก็ก่อนที่มันจะทนไม่ไหวจนพลิกกลับมาเป็นฝ่ายคร่อมผมไว้อีกครั้ง เพราะพร้อมจะกระแทกกระทั้นส่วนอื่นของผมเต็มแก่แล้วน่ะ!

    "เดี๋ยวๆๆ—"
    เขาทำหน้าขัดใจ "อะไรอีก"
    "แกคิดว่าเราจะหาถุงยางได้จากใครแถวนี้ได้ปะวะ คือไม่ได้รังเกียจอะไรแกนะ แต่ตอนมัธยมโรงเรียนสอนเพศศึกษาเข้มมาก เขาเน้นย้ำให้—"
    "ไม่"
    "ไม่คิดว่าจะมีใครมีเลยเหรอ? เออ แต่ตาโคลอสซัสมันก็ยังจิ้น ละเอลลี่กะยูกิโอะก็คง—"
    "ไม่ต้องใช้หรอก ไม่มันส์"

    กรี๊ด พูดมาได้ บัดสีบัดเถลิงที่สุด
    แล้วมันเขาไม่ใส่ ส์ กัน ไม่ต้องอารมณ์!

    แต่ไอ้เหี้ยเอ๊ย...ผมไม่ได้คิดเลยนะว่าเรื่องมันจะเลยเถิดมาถึงขั้นที่กลับตัวไม่ได้แล้วแบบนี้ ยังพะวงอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่วินาทีที่อ้อมแขนแข็งแรงตระกรองกอดร่างผมเอาไว้ ยามหน้าขาแกร่งสอดเข้ารับกับสะโพกของผม ไปจนถึงตอนที่เคเบิลเริ่มแทรกตัวเข้ามาข้างใน ชั่วขณะหนึ่งประกายความอ่อนโยนเหมือนจะแผ่ออกมาจากตัวหมอนั่นยังไงไม่รู้ ผมหมายถึง...เขาคงตระหนักแล้วแหละว่าผมยังไม่เคย — ไม่นับดุ้นเทียมในวันสตรีสากลกับเนสนะ— กับผู้ชาย เพราะมันเข้าไม่ได้ ผมเริ่มหอบหายใจแรงและถี่อย่างกับคุณแม่กำลังเบ่งคลอดลูกแฝด เคเบิลเลยพยายามใจเย็นลง และกอดผมแน่นขึ้น เสนอไหล่ให้ผมกัดด้วยซ้ำ

    ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่จนเจ็บคอเมื่อเขาเข้ามาได้สุด 

    "เวด..."

    อันนี้เขาไม่ได้พูด ผมพูดเอง
    เคเบิลขมวดคิ้ว "อะไรของแก"
    "เรียกฉันด้วยชื่อนายสิ แล้วฉันจะเรียกนายด้วยชื่อฉัน"

    เคเบิลกลอกตา 
    หนังดีนะ ไม่เคยดูละสิ ไอ้เด็กรุ่นหลัง!

    แล้วพอเข้ามาได้ก็ไม่บันยะบันยังเลยไอ้คนเลว โคตรหลอกลวงด้วยความอ่อนโยนชั่ววูบอ้ะ ความทะนุถนอมสลายหายไปไวยิ่งกว่ากระสุนที่กราดยิงใส่ควิกซิลเวอร์ —อารอนนะ ไม่ใช่เอแวนส์— ผมกรีดร้องเสียงแหลมสูงน่าอายเป็นสาวน้อยแรกเย็ดเลยอะ ทุเรศชะมัด เกิดมาไม่เคยอับอายขนาดนี้เลย 

    "ความสูงแกที่หายไปจากคอมิค คือเอามาเสริมด้ามแกแทนใช่ไหม โอ๊ย! เบาๆ จะกระทุ้งให้ทะลุถึงคอหอยเลยรึไง ให้ตายเซ่..."

    ประโยคข้างบนอาจจะพิมพ์สวยราบเรียบนะ แต่เชื่อเถอะว่าความจริงแม่งกระท่อนกระแท่นจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ แล้วดูท่าหมอนั่นจะรำคาญซะด้วย เลยยิ่งทำแรงประชด คือกะเอาให้ผมเงียบปากให้ได้อะว่างั้น ซึ่ง... ฮือ ยอมก็ได้ ไม่มีแรงจะโวยวายแล้ว ขอลดหน้าที่ของกล่องเสียงให้เหลือแค่ครางอย่างเดียวพอ กลายร่างเป็นตุ๊กตายางไปเลย ห่าเอ๊ย— ทีหลังแขวนป้ายเตือนหน้าห้องด้วยนะว่าดุมาก! จะได้ไม่หลงย่องเข้ามา!

    "เอาแกแล้วเหมือน..."

    อะจ้ะ เหมือนอะไร

    "เหมือน...ใส่ถุงยางผิวขรุขระ...แต่กลับด้าน"

    บางเรื่องไม่ต้องพูดก็ได้จ้า

    แล้วแม่งทำผมเข้าใจความรู้สึกของโลกิตอนอเวนเจอร์สภาคแรกเลย ว่าโดนฮัลค์จับฟาดไปฟาดมาเป็นยังไง อินี่มันเบอร์นั้นแหละ! เดี๋ยวจับผมคว่ำ จับผมหงาย แล้วก็คว่ำ แล้วก็หงาย คือยังไง มึงเป็นโรคขี้เบื่ออะไรเบอร์นั้นเหรอ ท่าเดียวตลอดคอร์สทำไม่ได้ จะเบื่อตายงี้เหรอ แต่ยัง นั่นยังไม่เกลียดสุด ที่ผมเกลียดสุดคือมันลงไปนอนแล้วจับผมนั่งคร่อมในตอนท้าย ให้ผมที่โดนขย้ำจนจะช้ำตายอยู่แล้วขึ้นขย่มปิดเกม

    "เนท...ฉันไม่ไหว...แฮ่ก...แล้ว..."

    เขารั้งคอผมลงไปจูบ และยังช่วยขยับสะโพกอยู่ด้วยกัน แต่ที่ผมพูดว่าไม่ไหวน่ะ คือ...ผมจะถึงแล้ว แค่นั้นเอง และ...ผมรู้ว่าผมสัญญากับคุณไว้ก่อนมาที่นี่ ว่าผมจะพาคุณไปถึงจุดสุดยอด...ของเรื่องราวในไม่ช้า แต่ว่านะ ถ้าคุณจะนับจุดสุดยอดของผมเป็นจุดสุดยอดของเรื่อง เรื่องนี้ก็จะมีจุดสุดยอดมากครั้งเกินไปหน่อย เพราะงั้นเป็นอันเข้าใจตรงกันนะ ว่านี่ยังไม่ใช่...

    ทีนี้กลับมาสถานการณ์ตรงหน้านี้ก่อน

    คือ... เอางี้ เอาว่าผมเคยเห็นแต่ในโป๊เกย์ก็แล้วกัน ที่ฝ่ายรับจะถึงจนปล่อยได้โดยไม่ต้องใช้มือช่วยน่ะ ไม่คิดว่าในชีวิตจริงของคนส่วนใหญ่จะเคยประสบหรอก แต่... อ...เอาเป็นว่าตอนนี้ผมเป็นคนส่วนน้อยไปแล้วก็ละกันนะ เริ่มสงสัยแล้วด้วยว่าตาจักรกลข้างหนึ่งของเคเบิลสแกนอะไรได้บ้าง สแกนร่างมนุษย์ได้ด้วยหรือเปล่า หรือว่าเป็นที่มันเองล้วนๆ เพราะแม่งกระทุ้งถูกจุดตลอดเลย... ผลก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่ไง 

    "เวด?"
    "ฉันโอเคๆๆ ไม่ต้องมาแตะ ไม่ชอบคอมฟอร์ทหลังเซ็กซ์" ผมปัดมือหมอนั่นเหมือนปัดแมลงวัน แต่ผมว่าผมเข้าใจจุดประสงค์เคเบิลผิดไปหลายองศาเลยแหละ เพราะทันทีที่ผมคิดจะถอนตัวออกจากตักแกร่ง ร่างกำยำแน่นปั้กนั่นก็พลิกขึ้นมาคร่อมร่างผมไว้อีกครั้ง 

    โอย...มันแค่ดึงสติผม เพราะว่ามันยังไม่เสร็จ!

    "เนทๆๆ...เนทตี้ ฟัง ฟังก่อน ฉันจะบอกว่า—"

    ทำเสียงหงุดหงิดเป็นหมาขู่อีกแล้ว
    ผมใช้ปลายนิ้วแตะจมูกหมอนั่นเบาๆ

    "อย่าเพิ่งหงุดหงิด แค่..."

    ประโยคต่อมาผมกระซิบ "ที่กำแพง...ได้ปะ"
    หมอนั่นขมวดคิ้ว ครู่เดียวก็คลายออก

    "อยากลองอะ..."

    แค่อยากรู้จริงๆ ว่าเวลาเป็นฝ่ายถูกบดเข้ากับกำแพงมันรู้สึกยังไง ด้วยเป็นผู้ชายแล้วยังเสือกสูงหกฟุตสอง ผมก็ไม่เคยจินตนาการถึงโอกาสที่มันจะเกิดกับตัวเองหรอก แต่...นะ... พอดีว่าเคเบิลยกผมได้แน่นอน สูงห้าฟุตสิบเอ็ดแล้วไง ไม่เป็นอุปสรรคหรอกสำหรับมนุษย์กลายพันธุ์แขนเหล็กที่พลังแข็งแกร่งเบอร์นี้ พนันเลยว่ามือเดียวมันก็ยกผมได้ แล้วเนี่ย เสนออะไรไปก็ไม่คงไม่คิดไม่ลังเลสักนิดเลยมั้ง จับสองขาผมล็อคเข้าเอวตัวเองแล้วอุ้มขึ้นมาโคตรไว ทีเงี้ยสั่งได้ 

    "เบา เห้ย เบา...แค่อยากโดนปั่มปั๊มกับกำแพง ไม่ใช่ให้ฟาดเอาตาย อึก..."

    เคเบิลฟาดผมหลังชนกำแพง เออ เชื่อแล้วว่าเกิดมาเพื่อทำสงคราม ออมแรงไม่เป็นเลยมั้งพ่อคุณ! แต่...อา... เข้าใจละ... ความรู้สึกมันต่างกันจริงๆ เหมือนได้ล่องลอยสูงกว่า สูง...จนเวลาตกกลับลงมากระทบมันถึงใจกว่าหลายเท่า แล้วในชั่วพริบตาเดียวกันนั้นก็ถูกโยนกลับขึ้นไปใหม่ กระเด้งกระดอนขึ้นลงเหมือนลูกบอลติดบ่วงสรวงสวรรค์ชั่วนิรันดร์

    "กระดูกกระเดี้ยวฉันจะหักแล้ว"
    "บิดคืนได้"
    ผมมองค้อน "แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องจะมาหักเล่นไหมล่ะ"

    สาบานได้ว่าผมจะเสร็จรอบสองแล้ว
    ทำไมเคเบิลมันยังไม่สักที!

    ตอนนี้บอกได้คำเดียว...
    เห็นอนาคตตัวเองในค่ำคืนนี้ชัดแจ้งแดงแจ๋

    "ฉันจะทำให้แกตัวแดงยิ่งกว่าชุดตุ๊กตายางของแกอีก..."

    บอกทีว่ามันอ่านใจผมไม่ได้!

    .
    .

    "ไปเอามาได้ไง ถ้าเขารู้นายตายแน่"

    ผมกลอกตา แต่ยัยทีนเอจจัสตินบีเบอร์มองไม่เห็นหรอกเพราะผมใส่หน้ากาก อ้อ รวมถึงคอสตูมคลุมทั้งตัวด้วย เพราะให้ตายสิ หมอนั่นมันทำอย่างที่ว่าไว้จริงๆ ตัวที่ลายพร้อยด้วยแผลเป็นอันรักษาไม่หายอยู่แล้วแม่งมีรอยแดงเพิ่มมาเต็มไปหมด ใครจะไปกล้าโชว์หนังหน้า!

    "ของจิ๋วแค่นี้มีพลังงานขนาดช่วยย้อนเวลาได้ยังไงกัน"
    ผมถอนหายใจ "ซ่อมๆ มันไปเถอะน่า ไม่งั้นจะเอาไปส่งศูนย์ไอโฟนละ"

    ไม่รู้สองคนนี้ทำยังไงเหมือนกันนะ แต่ก็จัดการจนมันกลับมาใช้งานได้จริงๆ อ่าฮะ... คุณตามทันแล้วละสิ? หรือยัง? ต้องให้สรุปอีกทีไหม? เข้าใจแล้วใช่ไหมว่าสิ่งที่ผมต้องการจากเคเบิลคืออะไร —หุบปากไปเลยถ้าจะพูดคำขึ้นต้นด้วย ซ โซ่— ใช่... ผมต้องการเครื่องย้อนเวลาของเขา หมอนั่นพกติดข้อมือตลอดเวลาไม่ห่างตัวเลย ตั้งแต่ตอนไหนที่ผมทำเหมือนพยายามแย่งมันมางั้นเหรอ? คุณไม่เห็นอะไรเลยจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย โอเค ย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นเลยนะ ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ระวังถูกต้มตุ๋น 

    บอกให้ถามตัวเรื่อยๆ แล้วใช่ไหม
    ว่า 'คุณตั้งใจดูดีแล้วหรือยัง?'

    มาทวนความจำกันอีกครั้งแล้วกัน
    เริ่มจากฉากนี้:


    'แกหลงรักฉัน'

    ฉึบ!

    กรี๊ด เจ็บนะโว้ย
    หมอนี่แทงหัวผมจริงๆ ให้ต๊ายยยย

    ผมสะบัดหัวไปมา แข้งขาอ่อน ล้มใส่ลุงเตี้ยตรงหน้า สองแขนพะรุงพะรังโอบรั้งคอเขาเอาไว้ สูดกลิ่นอายเทสโทสเตอโรนฟุ้งหนาอบอวลจากอกกว้างเข้าเต็มปอด อาห์... เขานิ่งไป ผมฉวยโอกาสนั้นสัมผัสกล้ามแขนแน่นๆ ของเขาทั้งท่อน...


    หยุด!

    นั่นแหละ ผมพยายามจะรูดมันมาแล้ว แต่ครั้งแรกยังใจไม่เด็ดพอ กลัวโดนตีนชิบหาย เลยต้องปล่อยไปก่อน แล้วเนียนลากมือลงไปจับตูดมันแทนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ซึ่งได้ผลดีมากจนโดนมีดพกทหารแทงตูดกลับมานั่นแหละ รู้แล้ว ไม่ต้องย้ำ

    ต่อมา ก๊อกสอง:


    'ยิ้มเหมือนคนเมากัญชาทำไม'
    'เปล่าจ้ะ'

    ชั่วขณะที่นัยน์ตาเราสบกัน
    เสียงเล็กๆ ในใจผมก็ร่ำร้อง

    ให้ผม...โน้มริมฝีปากเข้าไป
    ใกล้...จนลมหายใจของเราเป่ารดกัน

    ใกล้...

    จนมือเหล็กอันใหญ่ตะปบหน้าผมไว้

    'ทำอะไรของแก'


    เห็นอะไรจากตรงนี้ไหม ใช่... ผมลงทุนจะจูบเคเบิลอยู่แล้ว เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจแล้วรูดเครื่องย้อนเวลาออกมา แต่คือแม่งเอามือแปะหน้าผมก่อนแบบนั้น แผนการของผมก็เป็นอันดับอนาถไปตามเวรตามกรรม นำไปสู่ความพยายามที่สาม:


    'ต้องการอะไร'

    เขาถามตัดบท น้ำเสียงจริงจังเหมือนจับความรู้สึกลึกๆ ในใจผมได้ ผมคิดไปเองหรือว่าเคเบิลรู้จริงๆ กันแน่วะว่าผมต้องการอะไร นี่แพนิคแล้วนะ หยุดแยกเขี้ยวพร้อมทำเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอแบบนั้นสักทีมันฮอตมากไม่รู้เหรอ ไอ้เวรเอ๊ย ผมเริ่มคุมตัวเองไม่อยู่แล้วจริงๆ ถึงจะกล้าเอื้อมมือออกไปแตะปลายนิ้วของเขา แต่เพียงได้สัมผัส...ปลายนิ้วของผมก็สั่นเทาไปหมด นิ้วเคเบิลเย็นมาก แน่ละเพราะมันเป็นโลหะ ผมไต่ขึ้นไปถึงหลังมือของเขา เกือบสัมผัสถึงหน้าปัดนาฬิกากลไกโบราณของเครื่องย้อนเวลา...


    ซึ่งผิดพลาดแหกโค้งอย่างร้ายแรง...ร้ายแรงทากๆ ผมแค่กะหาเรื่องชวนคุยจนมันหลับแล้วรูดทรัพย์ไง ไหงแม่งหักมุมตอนท้ายกลายเป็นผมโดนแดกไปได้ก็ไม่รู้ ระยำสุด ฮือ อยากฟ้องแม่แต่แม่ไม่อยู่แล้ว

    แต่ไอ้ที่ผิดแผนนี่แหละ เสือกได้ผล
    มันเอาผมสุดเหวี่ยงจนเหนื่อยหลับไป

    พูดออกมาดังๆ แล้วฟังดูเหี้ยมาก
    แต่ในที่สุดผมก็ฉกมันมาได้ 

    ทีนี้ เพื่อไม่ให้เสียเวลา

    กรอข้ามไปข้างหน้ากันเถอะ



    .
    .

    เมื่อคุณเข้าใจแล้วว่าทำไมผมถึงกลับไปช่วยเนสได้ และมีเรื่อง 'นั้น' ให้สารภาพ ผมก็ไม่มีอะไรจะทำแล้วนอกจากกลับมานอนไขว่ห้างสวยๆ อยู่บนขอบระเบียงคฤหาสน์ให้คุณก่นด่าว่าเป็นไอ้โง่อยู่แบบนี้ อุตส่าห์กลับไปหาเธอแล้ว ยังจะโง่พูดเรื่องนั้นให้เธอหนีหายไปอีกทำไม แต่ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่อยากโกหกเธอนี่ ผมคงหวังมากไปว่าเธอจะฟังเหตุผลของผมก่อน หรือจะยอมเข้าใจว่ามันเป็นแค่ข้อผิดพลาดในแผนการที่จะกลับมาช่วยเธอ แต่บางทีมันอาจจะสาสมแล้วก็ได้ เพราะเรื่องคืนก่อนอาจจะเกิดขึ้นอย่างอุบัติเหตุ แต่มันจบลงโดยผมยินยอมพร้อมใจเอากับเคเบิลต่อเอง

    ผมไม่ได้หยุดตอนที่ยังมีโอกาส
    หรืออย่างน้อยก็ควรพยายาม

    อา ช่างหัวแม่ง! บอกแล้วไงว่านี่จะไม่ใช่ฟิคดราม่ารักสามเส้าอะไรทั้งนั้น มันจะเป็นสามเส้าได้ยังไงในเมื่อคนที่รักกันมีแค่ผมกับเนส ส่วนผมกับเคเบิลก็แค่คนที่เอากันสนุกๆ... ครั้งเดียวเท่านั้นด้วย ถึงจะหลายรอบหลายน้ำก็ตามทีเถอะ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นไง! ประเด็นมันอยู่ที่...ผมแน่ใจว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับมัน และมันก็ไม่ได้คิดอะไรกับผม...

    มั้ง

    "เธออยู่ไหนล่ะ?"

    ผมถอนหายใจเบาๆ แค่ในหน้ากาก กระดิกเท้าเร่าๆ ให้ดูชิวสุดเท่าที่จะทำได้ ยักไหล่น้อยๆ แถมด้วย "ฉันทำพัง เธอหนีไปแล้ว ไม่รู้จะกลับมาไหม ตอนนี้อยู่ไหนก็ไม่รู้"

    ผมชะงัก
    หันขวับมองหน้าคนถาม

    "แกรู้ได้ไงว่าฉั—"
    "ฉันจะไม่รู้ได้ไงว่าแกเอาอะไรของฉันไป"

    เชี่ย แล้วรู้ด้วยว่าเอาไปทำอะไร ช่วยใคร บอกผมทีว่ามันไม่ได้อ่านใจได้ บอกผมทีๆๆ กรี๊ด แต่ว่าในคอมิคมันเป็นลูกสก็อตต์ ซัมเมอร์สกับใครนะ แม่มันเป็นใคร... โอ๊ยไอ้โง่... โคลนของจีน เกรย์! มันมีเชื้อสายของคนมีพลังจิต! ปืนอันแสนอะเมซิ่งของหมอนี่ก็ลอยกลับไปหามันได้ตลอด ทำไมเพิ่งนึกออก ปัดโธ่! แต่พลังของผมไม่ได้กันมันได้หน่อยเหรอวะ หรือว่าความคิดผมมันออกนอกหน้าเกินไป

    แล้วงี้...มันก็ต้องรู้แต่แรกแล้วดิว่าผม...

    "เออ"

    หยุดอ่านใจฉันเดี๋ยวนี้!

    "แกรู้อยู่แล้ว แล้วเล่นตามน้ำไปจนสุดทางทำไมวะ"

    สุดแบบมิดด้ามเลยด้วย อิผี

    "จะให้พูด?" แอบยิ้มมุมปากงี้อีกแล้ว
    "ไม่ต้อง! ไม่ต้องย้ำว่าแกหลอกฟันฉัน โอ่ย พูดเองยังเจ็บขนาดนี้ นี่ถ้าได้ยินจากปากแกละก็—"
    "ฉันหลอกฟันแก"
    "โอย เจ่บบบบ"

    ผมยกมือขึ้นกุมอก
    ดิ้นพล่านจนตกระเบียง

    "เหวอ!"

    แต่มือเหล็กคว้าแขนผมไว้ทัน
    กระตุกร่างผมกลับขึ้นมา

    แล้วผมว่ามันตั้งใจฉุดแรงเกินเบอร์ไปหน่อยด้วย ทำเอาผมลอยคว้างล้มลงคร่อมร่างมันตามสูตรละครไทยเนี่ย ละเรื่องอะไรผมต้องไปตีอกมันอย่างหมั่นไส้เหมือนนางเอกละครชอบทำกันด้วยวะ...

    "ทำงั้นทำไมวะ แกรักเมียมากไม่ใช่รึไง..."
    เคเบิลยักไหล่ "แกเป็นสิ่งใกล้เคียงเมียฉันที่สุดเท่าที่จะหาได้แถวนี้"

    ด่าไม่ถูกเลย ข่นบ้า

    "แล้วเท่าที่แกต้องทำคือขอ ไม่ใช่มาวางแผนขโมยมัน แกไม่รู้หรอกว่าจะได้อะไรติดมือกลับไป..."

    หยุดทำเสียงอ่อนโยน
    หยุดทำเหมือนแกกำลังพูดถึงหัวใจแกด้วย

    ผมเลิกอึ้ง เลิกตาค้าง ลุกจากร่างคนแก่
    หาววอด บิดขี้เกียจ ชมนกชมไม้ 

    "ไม่เห็นเข้าใจเลยว่าแกหมายถึงอะไร"
    "แกเข้าใจ"

    สัส! ได้!

    "ฉันอยากพูดให้เข้าใจตรงกันเดี๋ยวนี้ตรงนี้เลยว่าระหว่างเรามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น โอเค้? อย่าเพิ่งขัด ฉันหมายถึงทางจิตใจ ทางกายภาพเสียแล้วก็เสียไป อี๋ กระดากปาก ทำไมฉันต้องพูดออกมาด้วยวะ แต่ประเด็นคือ...ถ้าฉันทำให้แกเกิดคิดอะไรขึ้นมาฉันเสียใจ แต่ฉันรักเนส และแกก็รักเมียแก เพราะงั้นความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ เท่าจู๋แอนท์แมนที่เพิ่งจะงอกขึ้นมา แกลบมันทิ้งไปจากสารบบความคิดเถอะ แค่นี้—"

    ผมพูดเกือบจบอยู่แล้วนะ
    แต่มันก็เสือกต่อยกันกลางคัน

    ผัวะ

    ร่างผมกระเด็นข้ามระเบียง

    ระหว่างลอยตัวอย่างสโลว์โมชั่นอยู่กลางอากาศ ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวละครของเอวา กรีนในบอนด์ภาคคาสิโน รอยัล —เธอชื่ออะไรนะ เวสเปอร์ ลินด์ ใช่ละ...สาวบอนด์ที่ดีที่สุดของบอนด์แดเนียล เครกน่ะ—ก็พุ่งเข้าเกาะกุมจิตใจของผม ไม่ใช่เพราะผมสวย อันนี้แน่อยู่แล้ว ผมกำลังพูดถึงพล็อตเรื่อง ถ้าจำไม่ผิด พอได้ทำภารกิจด้วยกัน บอนด์ก็หลงรักเธอ แต่ตอนท้ายเรื่องดันพลิกว่า เธอทรยศหักหลังบอนด์ เพราะคนรักของเธอถูกฝั่งตัวร้ายจับไปขู่ฆ่า ถ้าเธอไม่ยอมเป็นสายลับสองหน้าให้ ก็นั่นละนะ...

    ผมหลอกเคเบิล เพื่อเนสที่ผมรัก
    ขอโทษนะ เคบอนด์

    แต่...

    เมื่อไรผมจะร่วงถึงพื้นสักทีวะ 

    ตุบ!

    สมใจอยาก ผมร่วงลงไปกองหน้าบันไดเอ็กซ์แมนชั่น คอหักอีกตามเคย มันเจ็บมากนะถึงหลายครั้งผมจะทำเป็นมุกตลกหากินก็เถอะ ต้องบิดคอตัวเองคืนที่ทุกวันมันไม่สนุกหรอก แต่ในเมื่อสำหรับผมมันเป็นแค่ความเจ็บที่ไม่ถึงตาย ก็แค่ต้องหาวิธีอยู่กับมันไปอย่างนั้น แล้วเสาะหาความตลกของมันแทนที่จะมองเห็นเป็นเรื่องเศร้า จบช่วงสัจธรรมชีวิตจากเดดพูลวันนี้ ฮ่าๆ...

    กร๊อบ!

    นอนคิดอะไรเล่นแป๊บเดียว หมอนั่นลงมาช่วยบิดคอคืนให้ผมอีกแล้ว ใจดีจัง... ถ้ารู้ว่าใจดีขนาดนี้คงขอเครื่องย้อนเวลาดีๆ แต่แรกแล้ว เล่นทำหน้าเป็นหมากรัมปี้ตลอดเวลาแบบนั้นใครจะไปรู้ 

    ผมลุกขึ้นนั่ง ตัวงอคอเหี่ยว
    ถอนหายใจเฮือกใหญ่

    "ฉันก็สมควรได้รับหมัดลุ่นๆ สักดอกละนะ"
    "และนี่ด้วย..."

    หมอนั่นเลิกหน้ากากผมขึ้นครึ่งหนึ่ง
    ประทับริมฝีปากลงมาเบาๆ สั้นๆ

    ปลอบเก่ง...

    "แค่ทำตัวเป็นผัวที่ดี"

    มึงๆ เอามีดแทงหัวกันอย่างเดิมเหอะ

    ผมดึงหน้ากากกลับลงมา "เลิกอ่านใจฉันซะที แล้วนี่ตกลงแกมีพลังวิเศษอะไรซ่อนไว้อีกบ้าง บอกมาให้หมดเลยนะไอ้เวร"
    "ก็มี..."
    "หนึ่ง...?" ผมยื่นนิ้วออกมารอนับ
    "ความเป็นผัวแก"

    อ...ไอ้ชั่ว...

    ผมเขวี้ยงเครื่องย้อนเวลาใส่หัวมันดังแป้ก!

    "กลับยุคของแกไปเลย ไปหาลูกเมียแกได้แล้ว ชิ่วๆ"
    เคเบิลตรวจดูมัน ก่อนหรี่ตา "แกใช้ไปกี่ครั้ง ใช้ยังไงของแก นี่มันไม่ได้ถ่านหมดเฉยๆ นะ มันพังแล้ว"
    "พูดเป็นเล่น!" ผมคว้ามันกลับมาเคาะๆ เขย่าๆ แต่เครื่องไม่ตอบสนองจริงๆ 
    "แกเพิ่งพรากฉันจากลูกเมียมาแบบถาวร แกต้องรับผิดชอบ..."
    "ยังไง เดี๋ยว ไม่! ไม่ถามแล้—"
    "...ด้วยการเป็นเมียฉันแทน"

    บอกว่าไม่ถามแล้วไง! ไอ้คนกำเริบ ไม่รู้จักกาลเทศะ วาจาพิกลพิการ ฟังไม่รู้ความ จิตใจหยาบกระด้าง ไม่มีเมตตาข้าทาสบริวาร...

    "ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าเมียฉันแค่งอนหน่อยๆ เดี๋ยวเธอก็คงกลับมาแหละ เพราะงั้นขอบาย เดี๋ยวฉันให้สาวๆ ซ่อมให้ใหม่แล้วกันนะ รับรองเนียนกิ๊งเหมือนใหม่ใช้กลับอนาคตได้ ฟรีด้วย อย่างกับยังไม่หมดประกันศูนย์"

    ระหว่างที่ผมจ้อทั้งหมดนั่น เคเบิลก็ลากคอเสื้อพาผมกลับเข้าไปด้านในคฤหาสน์ ลากถูลู่ถูกังแบบนี้อีกแล้ว ไอ้มิสเตอร์เกรย์วิลซียูนาว ไอ้คนซาดิสม์ชอบซ้อมเมี— โอย แค่จะเล่นเป็นมุกยังกระดากปากรับไม่ได้ อี๋ๆๆ 

    "จะพาไปส่งห้องเหรอ ขอบใจนะ"

    เสียงตะกุกตะกักเพราะป๋าแกลากผมขึ้นบันได

    "เฮ้ เลยห้องฉันมาแล้วนะ เผื่อลืม"
    "จะพาไปทำให้แน่ใจว่าตอนเมียแกกลับมา หล่อนจะไม่ยอมคืนดีกับแกต่างหาก"

    มันพูดไม่รู้เรื่องหรือผมโง่

    "นั่นควรจะแปลว่าอะไรอะ"

    มันลากผมเข้าห้อง...ห้องคุ้นๆ
    คุ้นๆ เหมือนเพิ่งมาเมื่อคืน

    "ฉันจะยัดเยียดความเป็นผัวให้แกไง"

    อีเหี้ย นี่ผัวหรือไข้หวัดใหญ่ 
    เป็นแล้วหาย ละต้องเป็นใหม่อีกงี้เหรอ

    ข่นบ้า!!!






    .






    FIN.











Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
luciferhana (@luciferhana)
=„=b ดีมากเลยค่ะ ฮื้อออ ชอบมากเลย #ไม่รู้จะกรีดร้องยังไงแล้ว
happiness overload (@earthboch)
โฮรวววววววว ㅠㅠ ชอบมากเลยค่ะ แต่งดีมาก ยาว(ดี)ด้วย (ฉากนั้นก็ฮอตมาก/////) แต่งเวดได้โคตรเวด เหมือนได้ยินเสียงตัวละครจริงๆ เลยค่ะ ขอบคุณมากๆๆๆสำหรับฟิคเรื่องนี้นะคะะะ *สำลักความสุข*