เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Adventure's Mamuiหมามุ่ย
CBH 500
  • EP.1 จุดเริ่มต้นของการผจญภัย

                                    จุดเริ่มต้นของการผจญภัยในครั้งมันเริ่มต้นมาจากประโยคเพียงประโยคเดียวจากป้าที่บ้านของผม เขาบอกว่า... “เที่ยวไม่มีตังค์มันไม่สนุกหรอก”

                                    พอได้ยินประโยคนั้นผมมีความคิดที่กบฏบางอย่างและมันก็เป็นตัวจุดประกายการผจญภัยครั้งนี้ ด้วยเงินห้าร้อยบาทที่ใครหลายคนที่ใช้มันหมดได้ในวันเดียว

                                    ผมกลับบ้านมาพร้อมทบทวนประโยคอีกครั้ง ที่ไหนจะทำให้คนทึ่ง ที่ไหนจะเป็นสิ่งทำให้ประหลาดใจ เมื่อจุดเริ่มต้นมันอยู่ที่เชียงใหม่มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวผม  มีประโยคที่เขาพูดกันเอาไว้ว่า คนเหนือชอบไปทะเลมากกว่าภูเขามันอาจเป็นเหตุผลไม่มีตรรกะใดๆเลย ซึ่งมันก็จริงแหละครับ

                                    แล้วพอดีมันเป็นช่วงรัฐบาลใจดีเขามีรถไฟฟรีให้เรานั่งจนถึงทะเลแผนของผมไม่มีอะไรมากเลย เพียงแค่เดินทางด้วยงบที่น้อยที่สุดแล้วก็ด้วยความคิดบ้าๆอีกแหละ ผมจะนอนกันที่ชายหาดโดยไม่ให้มีค่าที่พักและเป้าหมายทะเลที่รถไฟจะพาไปง่ายที่สุดนั่นก็คือ......หัวหิน

     

    EP.2 วันแรกของการเดินทาง

                                    ผมไม่รู้เรื่องรถไฟฟรีเลย ว่ามันจะฟรีขบวนไหน กี่โมงยังไงผมเดาว่า.......ขบวนแรกที่ออกจากสถานีน่าจะฟรี(เป็นความเชื่อส่วนบุคคลไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างเป็นอย่างยิ่ง) 

                                    ตีห้า ผมตื่นมาอาบน้ำ แล้วจัดของทุกอย่างใส่กระเป๋า เท่าที่จำเป็นจริงๆย้ำว่าเท่าที่จำเป็นแต่ดูๆแล้วก็หนักเอาการอยู่เหมือนกัน

                                    ควบมอเตอร์ไซค์ไปสถานีรถไฟด้วยความคิดที่ไม่ได้วางแผนว่าจะจอดรถไว้ไหน คิดไปคิดมาจอดไว้ที่ที่สถานีเขาคงไม่ว่าอะไร

     

    EP.3 ชาวจีนกับผู้เร่งรีบ

                                    ในขณะผมติดไฟแดงใกล้ๆสถานีผมเห็นกลุ่มชาวต่างชาติที่เริ่มจะแทรกซึมจังหวัดเชียงใหม่อยู่แล้ว ทุกคนคงทายออกว่าพวกเขาเป็นใครกลุ่มชาวจีนกำลังข้ามถนนมาฝั่งทางผมแล้วพวกเธอสบสายตาพร้อมกับยื่นมือมาโบกราวกับผมเป็นรถแดงของเชียงใหม่แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นที่หนึ่งคือมึงจะโบกทำไม สองที่จอดเพราะนึกว่าแบบถามแป๊ปๆไอ้เราก็อยากเป็นพลเมืองไทยที่ดีต่อนักท่องเที่ยวชาวจีนเดี๋ยวจะหาว่าคนไทยแล้งน้ำใจ แต่พวกป้าๆ หารู้ไม่ว่าผมรีบก่อนออกมาผมตั้งเวลาเอาไว้ว่าต้องถึงสถานีก่อนหกโมงซึ่งตอนนี้ผม ไม่รู้เลยว่ากี่โมงผมจึงชี้โยนให้รถแดงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ไปถามเขาดิ ถามเขาเลย เขารู้ชัวร์ซึ่งไม่รู้ว่าชาวจีนกลุ่มจะเข้าใจไหม ผมซึ่งภาษาอังกฤษก็พอถูๆไถๆ เขาก็คงไม่ต่าง

     

    EP.4 สถานีกับที่รับฝาก

                                    ผมรีบเข้าสถานีปุ๊บไปซื้อตั๋วก่อน ไปกรุงเทพหนึ่งใบถ้วน ไม่ขาดไม่เกิน ป้าสถานีก็เร่งป้าบอกว่าอีกประมาณสิบนาทีรถจะออกแล้วป้าก็เร่ง ไอ้นี่ก็รน ควักหาบัตรประชาชน ให้ป้าเสร็จและด้วยคำถามที่คาใจตอนขี่รถมาว่าจอดที่สถานีได้ไหมป้าบอกว่าไม่ได้ ในใจคิดเอาเวรล่ะทำไงล่ะทีนี้ แต่ก่อนความคิดที่จะไปไกลกว่านั้นป้าบอกใกล้ๆเนี้ย มีที่รับฝากรถมอเตอร์ไซค์อยู่ในซอยระหว่างร้านขายยา

     

    EP.5 ความงงงวยกับที่นั่งบนรถไฟฟรี

                                    แล้วจากนั้นผมก็หมดห่วงเรื่องที่จอดรถดูเวลาก็กระชั้นชิดเข้ามาผมวิ่งข้ามถนนไปขึ้นรถไฟ ทันเวลาครับ ปัญหาเดียวของผมตอนนี้คือผมหาที่นั่งไม่เจอด้วยความอ่อนประสบการณ์ผสมกับความขี้อาย ผมจึงหาที่ว่างๆนั่งแม่งเลยจนคนตรวจตั๋วเดินมา ชิบหายแล้วได้ยินแว่วๆมาทางผมว่า.... “นี่ไม่ใช่ที่ของป้าป้าอยู่ตู้ที่สี่นะดูเลขที่นั่งด้วยนะ ผมไม่อยากให้ผู้โดยสารมีปัญหากัน”ผมพยายามมองเลขที่นั่ง รอบตัว แล้วผมก็เจอตัวเลขที่ผนังของตู้รถไฟ เขาเขียนมันด้วยปากกาเมจิกสีแดง

                                    หลังจากที่คนตรวจตั๋วมาเจาะตั๋วเสร็จก็ไปหาที่นั่งที่ถูกต้องของผมซึ่งถัดไปหลายตู้เหมือนกันนะ ผ่านตู้ห้องครัวด้วยซึ่งผมทึ่งนะเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกของชีวิต

                                    ถึงตู้ที่มีที่นั่งของผมอยู่ผมถึงกะผงะเมื่อมันไม่มีตัวเลขบนฝาผนังรถไฟอย่างที่ผมเข้าใจมาจากตู้ก่อนหน้านี้มา ผมจึงใช้สูตรจากตู้ก่อนอีกครั้งก้มหน้าก้มตาหาที่ว่างแล้วนั่งให้เร็วที่สุดคิดว่าเรื่องในตอนนี้จะจบแค่นี้แต่ไม่เลยครับนั่งไปสักพักรถไฟจอดให้ผู้โดยสารขึ้นหรือลงตามประสงค์ เรื่องก็เกิดอีกครั้งเมื่อมีวัยรุ่นชายหญิงคู่มายืนตรงหน้าผม แล้วเริ่มต้นบ่นงุงิมุ้งมิ้ง เค้าๆตัวๆมองซ้ายมองขวา ผมคิดในใจ กูไปก็ได้ แล้วผมบอกหาเลขที่นั่งจนเจอตู้นี้มันเป็นแผ่นป้ายเล็กๆตรงมุมเก้าอี้ แล้วก็จริงแหละครับตรงนี้ไม่ใช่ที่ของผมจริงๆต่อให้เป็นที่ของผมจริงๆผมก็คงนั่งไปด้วยความทรมานระดับแปด หวานกันเหลือเกินตั้งแต่เห็นชุดคู่ของคู่นี้มาใกล้ อำนาจความเลี่ยนมาจากทั่วทุกสารทิศอ่ะหากถามว่าผมอิจฉาหรอ? ตอบเลยนะ ครับ ผมอิจฉา ผมก็เลยเดินออกมาหาที่ของผมแล้วผมก็เจอผู้โดยสารร่วมบริเวณ ซึ่งจริงๆผมต้องนั่งข้างหน้าต่างเว้ย แต่มีพี่แว่นโนบิตะนั่งอยู่เขาดูนิ่งๆ เขาพยายามจะมานั่งที่ของเขาแล้วแหละ แต่ไม่เป็นผมนั่งริมทางเดินก็ได้ตรงข้ามผมเป็นวัยรุ่นออกจะเฮี้ยวๆหน่อยแต่แม่งก็นั่งหลับๆตื่นๆตลอดทางข้างๆเขาเป็นป้าออกจะท้วมๆใส่เสื้อยีนส์ ใส่หมวกแก๊บด้วย ผู้โดยสารสี่คนไร้ซึ่งเสียงใดๆที่มีต่อเพื่อนร่วมทางเลยสักแอะจนเมื่อ.............

     

    EP.6 วูบและวูบ

                                    วูบคืออาการของผมบนรถไฟ อันเนื่องมาจากผมง่วงคามาจากเมื่อคืนก่อนมาผมกินหมูกระทะอำลาจากเพื่อนๆมากลับมาถึงก็ประมาณเที่ยงคืนแหละอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวนอน จัดของเพื่อเตรียมใส่กระเป๋าในวันรุ่งขึ้นเสร็จก็เกือบตื่นสาม อาการตื่นเต้นทำผมนอนไม่หลับเลยจนถึงตีห้ารู้ตัวอีกก็ลืมตาหลังจากอาการวูบของตัวเองบนเตียง

                                    หลับๆตื่นๆเหมือนที่ง่วงตลอดเวลาเลยจริงๆนะ

     

    EP.7 เสียงทักจากคนแปลกหน้ากับการขอไปด้วยอย่างงงๆ

                                    ความหิวมันมีพลังบางอย่างให้ผมต้องหาแม่หรือพ่อค้าบนรถไฟ ต่อให้มันรสชาติกระเลวกระราดแค่ไหนผมก็ต้องกิน เพราะผมหิวมากไม่ได้กินไรเลย ตั้งแต่ขึ้นรถไฟมา

                                    ไปไหนหรือครับ?เป็นคำถามจากพี่แว่นโนบิตะข้างๆผม หากทุกคนจำได้ ในใจผมคิดว่าเขาแค่ถามไปงั้นๆตามอัธยาศัยของคนไทย ที่ถามถึงสารทุกข์กัน แต่ไม่เลยครับ พอผมบอกว่าจะไปเที่ยวทะเลด้วยงบห้าร้อยบาทดูแววตาพี่แกเป็นประกายเหมือนเด็กอยากได้ของเล่นพี่แกก็สาธยายว่าพี่แกก็อยากเที่ยวทะเลเหมือนกัน แล้วแกจบประด้วย ไปด้วยนะ

     

    EP.8 แผนและรีวิว

                                    โดยปกติแล้วผมปฏิเสธใครไม่ค่อยจะเป็นอยู่แล้วล่ะครับ ก็ปล่อยเลยตามเลย ที่นี้พี่แกก็หาข้อมูลยิกๆ ตอนแรกเลยนะ คือผมคิดแค่ว่าไปหัวหิน ลงรถไฟไปทะเลถ่ายรูปแชะๆกลับ ผมคิดในใจอย่างเดียวคืออย่าเปลี่ยนแผนกูนะเพราะอยากทำแค่นั่นจริงครับ แค่นั่นจริงๆ แต่พี่เขาดันแนะนำให้ไปเกาะล้านไหมนั่นความคิดแรกที่ผมคิด พี่เขาคิดแผนว่าจะขึ้นรถกี่โมง ขึ้นเรือกี่โมงตลอดจนการเช่ารถมอเตอร์ไซค์ของที่นั่นเพื่อเที่ยวกัน ค่าใช้จ่ายเท่าไรแต่ความคิดพี่แกก็ต้องตกไปเพราะรถไฟเมื่อแกไปดูรีวิวที่เขาทำกันมาก่อนบอกว่ารถไฟฟรี มันไม่มีวิ่งวันหยุดนะเหมือนแผนในครั้งนี้ของผมจะไม่ถูกเปลี่ยนเพราะพี่แว่นโนบิตะคนนี้ ผมดีใจกับชัยชนะในครั้งนี้มากแต่แผนพี่เขาก็น่าสนใจดีเหมือนกัน แต่จวบจนตอนนี้พี่แกก็หาที่หัวหินและยังคงอยากที่จะขี่รถเที่ยวอยู่ดี แล้วพี่เขาวางแผนจะพาผมเที่ยวกรุงเทพเมื่อไปถึงเรากะเวลาคร่าวๆ ก็น่าจะกลับมาถึงที่พักของผมตอนเที่ยงคืน พอดิบพอดี

     

    EP.9 รถไฟและที่หมาย

                                    เราโชคดีครับรถไฟถึงกรุงเทพตรงเวลา ประมาณสามทุ่มครึ่ง

                                    เราเดินออกไปขึ้นรถเมล์ได้ที่นั่ง นั่งไปคุยกันไป มีประโยคหนึ่งพี่เปาบอกว่าระวังโดนพี่หลอกนะ แหนะดูพี่เขาพูด ตอนแรกไม่ได้คิดหรอก พอพูดเท่านั้นแหละ คิดเลย แต่ด้วยหน้าตาพี่เขาเหมือนโนบิตะสะขนาดนั้นใครจะไปคิด แต่ผมก็ระวังตัวโดยระดับหนึ่งอยู่แล้ว

                                    เยาวราชสถานที่ที่วุ่นวายที่น่าจะเป็นตรงนี้ เมื่อรถเมล์ย่างกรายมาถึง รถก็เกิดติดหนึบพี่เขาก็พาลงเดิน ด้วยความซนประกอบกับความบ้านนอกของผม น่าจะเป็นครั้งแรกที่เคยเยาวราชอย่างจริงจังได้เมืองคนจีนขนานย่อมๆ ทั้งแสงทั้งสีชวนให้หลงใหลแต่ผมเดินเข้าตรอกเข้าซอยไปเรื่อยๆ ก็พบมุมสงบของเยาวราช ถนนโล่งๆ ใต้แสงไฟกิ่ง มันสวยงามกว่าความวุ่นวายข้างนอกนั้นอีกนะแต่พูดก็พูด ผมคงเป็นคนส่วนน้อยในส่วนมากที่เขามักกระทำกัน

                                   

     

     

    EP.10 ถนนข้าวสารกับบางอย่าง

                                    พี่เขาพาเดินไปอีกที่เป้าหมายแห่งนั่นคือถนนข้าวสาร ไม่รู้ว่ามันไกลสำหรับคนกรุงเทพไหมนะแต่เดินสนุกดีนะในตอนกลางคืนเวลาสี่ห้าทุ่มกว่าๆ ฟ้ามืดๆ มีแสงหลักจากดวงจันทร์จำไม่ได้แล้วว่าคืนนั้นมีดาวไหม แต่ที่แน่ๆถนนไม่มีแม้แต่รถจะสัญจร ผมเลยคิดสภาพรถที่เขาว่าติดๆกันไม่ออกเลย

                                    เรามาถึงฝั่งตรงข้ามของวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้วที่เขาเรียกๆกันใช่ไหมถ้าจำไม่ผิด พี่เขาแก่แล้ว และเหนื่อยมากและด้วยสัมภาระ ที่เป็นภาระจริงๆนั่นแหละ เป็นพวกโน้ตบุคสองเครื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกมากมาย ทั้งในเป้และกระเป๋าถือที่เขาแบกมาจากเชียงใหม่เพื่อมาซ่อมที่นี้ แต่ผมอยากดูเมืองกรุงเทพตอนกลางคืนไงพี่เขาเลยพามา ผมต้องกราบขอบคุณจริงๆ ซึ่งเขาจะปฏิเสธก็ได้คงเป็นประเภทเดียวกันกับผม ที่ปฏิเสธใครไม่เป็น ไอ้นี่ก็เลว เอาแต่ใจไงน่าสงสารพี่เขาที่ร่วมเดินทางกับผมอ่ะ

                                    พี่เขาหายเหนื่อยแล้วเราเดินกันต่อ เราถนนผ่านสนามหลวง ไปเจอคนจรจัดนอนกันหน้ามหาลัยธรรมศาสตร์  แล้วพี่เขาก็บอกว่าเราหลงกันแล้วแหละตอนนี้มันอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งคือฝั่งเมื่อกี้ที่เราจากมาเราทั้งคู่ไม่ย่อท้อที่จะเดินถนนข้าวสารให้ได้ จึงเดินกลับมา

                                    เมื่อถึงเกาะกลางถนนผมพบเจอบางสิ่งบางอย่างมันกองใหญ่มาก แต่เมื่อซูมเข้าไปความชัดระดับโฟร์เคหรือแม่งชัดกว่าด้วยซ้ำไป แต่แปลกตรงที่มันไม่มีกลิ่นชวนอ้วก ไม่มีแมลงวันทั้งๆที่มันคือกองขรี้ขนาดมหึมาขนาดนี้ ใครคิดสภาพกองขี้ที่ผมเจอไม่ออกเอาง่ายๆเหมือนขี้ช้างกองโต ต่างกันตรงมันเป็นสีเหลืองออกส้มๆ จากการวิเคราะห์ของแพทย์สากลเขาว่ากันว่าสีนี้เป็นที่สุขภาพดีนะ เท่าที่อ่านมาตามที่เขาแชร์ๆกัน ผมเจอคนเดียวแต่ไม่อยากแบ่งปันประสบการณ์เลยเก็บไว้เงียบๆคนเดียวแต่ช๊อกกับเหตุการณ์นี้มากเลย

                                    ถึงฝั่งที่ถูกต้องแล้วแต่เราหาทางเข้ากันไม่เจอ ผมสงสารพี่เขามาก ไม่อยากรบกวนแล้วจึงเสนอให้กลับกันดีกว่าไหม ตอนแรกพี่เขาก็จะไปต่อ แต่ก็ตามใจผม พี่เขาเรียกแท็กซี่

     

     

     

    EP.11 การฝากของกับข้อตกลง

                                    ระหว่างทางกลับไปหัวลำโพง พี่เขาทำให้ผมลำบากใจอย่างหนึ่งคือการฝากของอย่างเนียนๆ เป็นร่มกับปลั๊กพ่วงประหนึ่งว่าฝากไว้ก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้มาเอาคืนนะ อีกอย่างโทรปลุกด้วยพี่ครับผมเป็นมนุษย์ตื่นสายคนหนึ่งเลยนะ มาฝากชีวิตกับผม ผิดคนแล้วพี่จะบอกอะไรให้อยากบอกพี่เขาไปแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้บอกไรไป คุยไปคุยมาพี่เขาบอกว่าอาจจะไม่ได้ไปด้วยแล้วนะ พี่อาจจะไม่ไหวผมแอบดีใจเล็กๆที่ได้รู้ว่าสุดท้ายแล้วผมต้องไปคนเดียว แต่ก็ตกลงกับพี่เขาไว้ว่าหกโมงเช้าจะปลุกดูก่อน ถ้าไหวก็มา ไม่ไหวก็ไม่ต้องมา ตามนี้ เสร็จสรรพสักพักรถแท็กซี่ที่เรานั่งมา จอดที่หัวลำโพงพอดี

     

    EP.12 ที่นอนกับเจ้าถิ่น

                                    อ้าว! คำอุทานแรกเมื่อเห็นหัวลำโพงปิดประตูพร้อมแขวนป้ายแสดงเวลาปิด-เปิด ถ้าจำไม่ผิดมันเปิดตีสี่ สี่ชั่วโมงสำหรับคนต่างถิ่นอย่างผมเหมือนไม่นานแปปๆเดี๋ยวก็เปิดแล้ว

                                    เอาจริงๆตอนแรกผมคิดว่าเราสามารถนอนข้างในได้ อาบน้ำสบายตัว แต่ดันลืมไปว่าหัวลำโพงไม่ใช่เซเว่นที่จะเปิดบริการเราตลอดพี่ที่ทำงานก็ต้องพักต้องผ่อนกันทั้งนั้น

                                    แต่ต่อให้เขาปิดไม่ให้ไปนอนข้างในเราก็สามารถนอนข้างนอกได้ มีลานกว้างๆ ประมาณห้าสิบคนนอนได้สบายๆอย่างไม่เบียดเบียนกันถ้าหากวันนั้นมีคนเยอะจนเบียดเสียดกันก็มีที่ด้านข้างให้นอนอีก ผมได้ทำเลที่นอนเป็นหน้าบันไดเลื่อนรถไฟฟ้าใต้ดิน

                                    ได้ที่นอนเสร็จปุ๊บผมตะลึงกับน้ำใจของคนไทย “ข้าวแจกฟรีจ้า ข้าวแจกฟรี”      รถปิ๊กอัพมาจอดที่หน้าหัวลำโพงขนข้าวมาแจกแตะถึงกระนั้นก็ไม่เพียงพอกับผู้คนที่มานอนที่นี้

                                    เมื่อคนใจจากไปผมกลับเห็นอะไรบ้างที่มันแปลกหูแปลกเห็นทาวเวอร์ข้าวกล่องเว้ย ประมาณสี่ห้ากล่องได้แล้วการขายเกิดขึ้น กล่องละยี่สิบคุณพระนั่นมันข้าวแจกทุกคนควรได้กินกันฟรีถูกไหมแต่มีเพียงการขายเท่าไม่มีการซื้อแต่อย่างใด อาจเพียงเพราะ ตอนนี้มันดึกเกินกว่าจะยัดอะไรลงท้องแทนการนอนพักเอาแรง

                                    ในขณะที่ผมขยุกขยิกปรับท่าการนอนไปมามีเจ้าถิ่นสองคนมาทักทายอย่างเป็นมิตร มาบอกให้ระวังหน่อยนะ แถวนี้มันอันตรายผมว่าสิ่งที่อันตรายที่สุดของผมตอนนี้ คือพวกพี่สองคนนั่นแหละครับแต่ก็คิดในใจแค่นั่น อาจเป็นการระแวงของผมที่มากเกินไปผมเก็บกระเป๋าตังค์เก็บมือถือของผมไว้อย่างดีจากนั้นมีเจ้าถิ่นอีกคนมานอนข้างๆและความระแวงของผมเพิ่มอีกระดับและหาเรื่องออกจากที่ตรงนั้นด้วยการถามว่าแถวนี้มีเซเว่นไหมครับ เหมือนไปบอกว่ากูมีเงินนะ พี่เขายื่นน้ำมาให้จากนั้นเริ่มประโยคขอเงินเกิดขึ้น “น้องพี่ขอสี่สิบสิ” เวรละ ผมอุทานในใจลูบกระเป๋ากางเกงตัวเอง เพื่อหาเงินจำนวนที่ต้องสูญเสียในครั้งนี้ให้น้อยที่สุดถ้าหากล้วงจากกระเป๋าตังค์ พี่เขาอาจจะเห็นเงินมากกว่าสี่สิบและอาจเกิดการปล้นขึ้นก็เป็นได้ ความคิดร้ายๆต่างๆนานา มันพรั่งพรูเกินกว่าจะยั้งอยู่และอยากจะออกไปจากสถานที่นี้ไวๆโชคยังดีที่ตอนซื้อข้าวบนรถไฟมีเงินยัดอยู่ในกระเป๋ากางเกงยี่สิบบาทล้วงออกมาแล้วก็ยื่นให้พี่เข้าไป แล้วก็คว้าขวดน้ำเปล่าแล้วจากไปเซเว่นทันที

                                    ตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าๆผมเดินออกมาจากเหตุการณ์นั้น เจอร้านข้าวข้างๆเซเว่น จึงสั่งเพื่อกินฆ่าเวลาฆ่าเวลาจริงๆครับ เพราะรสชาติ เอิ่ม... ไม่พูดถึงแหละกัน เกือบๆตีสอง กลับไปที่หัวลำโพงแล้วหาที่นอนใหม่ เมื่อกี้นี้ผมคงนอนในที่ลับตาคนจนเกินไปเลยลงไปนอนรวมกับพวกลุงๆป้าๆดีกว่าผมคิดอย่างนั้นนะ ผมก็นอนอย่างระแวงอยู่ดีหลับๆตื่นๆ

     

    EP.13 ตั๋วฟรีและการรถไฟ

                                    ตีสี่หัวลำโพงเปิดแล้ว แต่ตั๋วก็ยังไม่ขายอยู่ดี งัวเงียหาที่นอนกันใหญ่ห้องอาบน้ำก็ยังไม่เปิด เศร้าไปอีก ไม่เคยอยากอาบน้ำเท่าวันนี้มาก่อนในชีวิตเลย

                                    ประมาณตีสี่กว่าๆเกือบตีห้าพี่ขายตั๋วก็มาผมซื้อตั๋วสองใบไปหัวหิน ซื้อหรอ ใช่คำผิดแล้วแหละน่าจะเรียกว่าขอตั๋วมากกว่า เพราะมันเป็นตั๋วฟรี แล้วไปดูห้องอาบน้ำ ก็ยังไม่เปิด

                                    หกโมงโทรหาพี่เขา ฟังจากเสียงพี่เขาแล้วเหมือนจะไม่ไหวเลย บอกเวลาพี่เขาไปว่ารถออกเก้ายี่สิบ ถ้าไหวก็มานะพี่ แต่ในใจภาวนาว่าอย่ามาเลย สงสารพี่แกต้องมาดูแลไอ้เด็กบ้าบ้านนอกคนนี้

                                    เจ็ดโมงเกือบๆแปดโมงผมสะดุ้งตื่น ไปดูห้องอาบน้ำ ราวกับได้ขึ้นสวรรค์ ผมได้อาบน้ำแล้ว แต่ก็นะคนรออาบก็เยอะอยู่  เป็นเช้าที่สดชื่นจริงๆ

                                    แปดโมงเดินไปหาชานชาลาก่อนเลยก็นั่งสัปหงกบนเก้าอี้ตัวยาว นั่งรอเวลารถไฟมาถึง ใจตุ้มๆต่อมๆ จะมาไม่มาจนมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พี่เขาโทรมาถามว่าอยู่ไหน ก็บอกไปจนพี่เขามาเจอกับผมเรานั่งรอรถไฟร่วมกับผู้ร่วมเดินทางที่ปลายทางน่าจะเป็นหัวหินเหมือนกันด้วยอะไรหลายๆ อย่างที่ผู้ร่วมเดินทางทั้งหลายเล่านี้พกมาคือ แว่นกันแดดก็ดีหมวกก็ดี กล้องถ่ายที่แขวนคออยู่ แต่หารู้ไม่ รถไฟเลทจ้าคนยืนเมื่อยแข้งเมื่อยขากัน ส่วนคนนั่งก็เมื่อยตูดกันตามระเบียบพร้อมกับเสียงสบถด่าสาปแช่งต่างๆนานา แต่ว่าก็ว่ารถฟรีนะรถฟรี อย่าว่าเขากันเลยแค่หนึ่งชั่วโมงเต็มๆ

                                   

    EP.14 เก้าโมงเช้ากับสิบโมงเช้า

                                    เก้าโมงยี่สิบคือเวลาเทียบชานชาลานี้แต่นี้ก็แค่สิบโมงยี่สิบกว่าๆเอง ที่รถไฟเทียบชานชาลา ตั๋วในมือไม่มีที่นั่งครับตามอัธยาศัยเลย ตามสะดวกสบาย อยากนั่งก็นั่ง นั่งไม่ทันก็ยืนอีกแล้วแต่โชคเรามีที่นั่งครับ เพราะความเร็วและไม่เรื่องมาก โชคชั้นที่สองเราพาก็นั่งตากแดดโดยมีผมเป็นคนนำมาเองครับ แล้วคิดสภาพแดดตอนเช้าๆเกือบเที่ยงเกือบบ่ายดูครับเราใช้เวลานั่งประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมง พี่เขาเป็นไงไม่รู้ ผมก็เช่นเคยครับหลับๆตื่นๆตลอดเส้นทางอยู่ในความฝันมากกว่าความจริงของข้างทางที่ควรให้ความสนใจสะอีก

       

    EP.15 รถมอเตอร์ไซค์กับสถานที่เที่ยว

                                    บ่ายสามเกือบๆบ่ายสี่โดยประมาณ เราถึงสถานีหัวหินแล้วครับสติผมยังไม่ค่อยจะเข้าที่เข้าทางเท่าไร มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วสำหรับเรื่องนี้เราเดินไปหาบริษัทรถมอเตอร์เช่าเพื่อจะได้เที่ยวกันสักที เรามาถึงปั๊มพี่เขาโทรหาพี่เจ้าของรถมอเตอร์ไซค์เช่า เพื่อจะเที่ยวกันแต่ก็เต็มทุกที่อย่างกะนัดกัน เราจึงเดินเที่ยวกันเพื่อไม่ให้เสียเวลา

                                    ในขณะที่เดินๆกันไปเข้าซอยนั้นออกซอยนี้ พี่เขาตาดีครับเจอรถมอเตอร์ไซค์เช่าเข้าให้แล้วผมยังสนุกกับการเดินอยู่เลยแต่เมื่อมันมีพาหนะที่พาเราเที่ยวได้เยอะกว่า ก็คงจะดีกว่าเราได้สถานที่เที่ยวสองสามที่จากพี่เจ้าของรถเช่า ที่แรกวัดเขาตะเกียบ สองเพลินวานสามตลาดชิกาด้า เจ้าถิ่นว่าไงเราว่าตามอย่างไม่ขัดขืนแต่อย่างใด

                                    พี่เขาเลยวางแผนให้ว่าที่แรกเราจะไปเพลินวานกันก่อนเพราะมันมีเวลาปิดเปิดที่แน่นอนหากพลาดก็พลาดเลย สองไปเขาตะเกียบที่นี้ตอนเย็นๆมันน่าจะเหมาะกว่า เพราะเป็นที่สูงหากดูพระอาทิตย์ตกควรจะเป็นที่นี้ สามตลาดชิกาด้าอันนี้เป็นตลาดนัดกันเปิดตอนเย็นถึงเที่ยงคืนอยู่จึงเป็นแหล่งสุดท้ายที่เราจะไป

     

    EP.16  ความเพลินกับเพลินวาน

                                    สถานที่เที่ยวแห่งแรกที่มาเหยียบถึงหัวหิน ของเรานั่นคือเพลินวาน การตกแต่งทั้งภายนอกภายใน ไม่บอกก็คงจะเดากันออกว่ามีอะไรอยู่ข้างในบ้างนะครับ แต่บอกได้เลยว่าพวกคุณทั้งหลายต้องคิดถึงมันด้วยกันทั้งนั้นหากมีความแก่มากพอ จะทำให้

                                    เพลินวานเป็นสถานที่ที่ย้อนยุคได้อย่างครบเครื่องครบครันจริงๆทั้งหนังกลางแปลงที่ฉายทุกคืน แต่ที่แปลกไปมันคือหนังในยุคปัจจุบันนะครับ

                                    เพลินวานมีอาหารการกินที่ชวนย้อนยุคทั้งน้ำแข็งใส ขนมในวัยเด็กของคุณพ่อคุณแม่ย้อนเกือบถึงรุ่นปู่รุ่นย่าเลยทีเดียวนะเอา ทั้งหมากฝรั่งนกแก้ว หมากฝรั่งแท่งๆรูปทรงคล้ายๆบุหรี่ที่เด็กมักเอามันมาคาบเล่นกัน

                                    เพลินวานมีร้านค้าขายของที่ระลึกจะเป็นหน้ากากพลาสติกซูเปอร์ฮีโร่ไอ้มดแดง อุลตร้าแมน ฯลฯ ของลงของเล่นเยอะแยะเต็มไปหมด เกมเศรษฐี บิงโกยังมีหรือใครอยากถ่ายรูปเก่าก็มีร้านถ่ายรูปให้ด้วยนะ

                                    เพลินวานมีร้านเกมงานวัดที่มีให้เล่นทุกวันจะเป็นปาเป้า โยนห่วง ยิงปืนที่นี้มีหมด มีชิงช้าสวรรค์ให้เล่นด้วย

                                    เป็นสถานที่ใครหลายๆที่มาที่หัวหินไม่ควรพลาดที่จะมาเยี่ยมเยียน เด็กรุ่นเก๋าก็จะได้พบเจอบรรยายกาศเดิมที่หายไปจากโลกปัจจุบันของพวกคุณหรือเด็กรุ่นใหม่ก็ได้เห็นพ่อแม่เคยหยิบเคยจับ เคยเล่นอะไรก่อนจะมีไอโฟนไอแพดที่เพียงเพลิดเพลินกันแค่ก้มหน้าจิ้มๆกันมันอาจจะทำให้คุณถึงขั้นลืมไอแพดไอโฟนไปเลยก็ได้ หรือใครยังว่างมือไม่ได้และหาที่สวยๆเก๋ๆลงโซเชียลอวดเพื่อนๆที่นี้ก็เท่ไม่หยอกเลยนะ

     

     

    EP.17 น้ำมันรถและเสบียง

                                    เราไปต่อกันที่เขาตะเกียบ ด้วยการงมเส้นทางหลงจีพีเอส ไปเรื่อยๆจนเจอแผงร้านค้าขายของทะเลสดๆ เราซื้ออาหารมื้อแรกกันที่แห่งนี้ มีหอยแมลงภู่กับหอยนางรมทรงเครื่องเขามีบริการหลังการซื้อคือการเผาด้วย เราจึงหายห่วงที่จะทำยังไงกับ เจ้าหอยแมลงภู่ครั้นจะจุดไฟเผาเอง ก็ออกจากลำบากเกินไปหน่อย เสบียงพร้อมแต่ยังไม่กินต่อให้หิวแค่ไหนเพราะบรรยากาศไม่ได้

                                    พี่เขาบ่นตลอดทางตั้งแต่เช่ามาว่ารถเครื่องไม่ค่อยดี กระตุกตลอดเลย ผมคิดมันคงตามสภาพมันแหละครับ เกียร์ออโต้เครื่องเก่า สมบุกสมบันก่อนมาถึงมือพวกเราด้วย เคยล้มมาหรือเปล่าเจ้าของเก่าอาจจะคุยกันกับรากมะม่วงอยู่ก็ได้ใครจะไปได้แต่ผมซ้อนก็กระตุกอย่างพี่เขาว่าครับ แต่ก็ริอาจหาญกล้าขี่มันขึ้นเขาตะเกียบแต่ก็คุ้มนะที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายขึ้นมา ด้วยวิวทะเลตอนเยนๆ ครึ้มฟ้าครึ้มฝน และลิง(บน)ภูเขาที่เป็นมิตรหรือเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจประตูวัดบนเขาตะเกียบปิดไม่ต้อนรับเราแล้วเสียใจ ที่ไม่ได้เข้าไป ก็นะเรามาสายเองช่วยไม่ได้

                                    พออิ่มเอิ่มเราร่วมชะตากรรมกันต่อบนอานมอเตอร์ไซค์แล้วก็เสี่ยงทายว่าน้ำมันมีหรือเปล่า เพราะเกน้ำมันมันพัง ก่อนลงเปิดดูในถังน้ำมันค่อนรวมกันอยู่นิดหนึ่ง ภาวนาแค่ลงเขาปลอดภัยก่อนแค่นั้นพอ

                                    สตาร์ทรถเห้ยติดอยู่ว่ะ ดีใจน้ำตาแทบเล็ด แต่ไปได้เกือบลงเขาแล้ว เครื่องมันดันกระตุกกึกกักๆ จากนั้นก็ดับลง มันจากพวกเราไปแล้ว ทิ้งเราไว้บนทางลาดเอียง ผมฝากชีวิตทั้งชีวิตไว้กับพี่เขาแล้วนะตอนนั้นจะว่าไปพวกเราคงดวงแข็งหรือจะเป็นเพราะทักษะการขี่รถของพี่เขาชำนาญจนพาเรารอดชีวิตมาด้วยกัน

                                    เมื่อถึงพื้นอย่างปลอดภัยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ภารกิจต่อจากนี้ คือการหาน้ำมัน มาเติมหรือจะจูงพวกเราตะเวนถามหาซื้อน้ำมันจากร้านอาหารอย่างมีหวัง ราวกับคนบ้าคลั่งบ้านนู้นบอกว่าบ้านนี้มี แต่พอไปกลับไม่มี บ้านนี้บอกลองไปถามบ้านนั้นดูน้ำมันรถอย่างกะแรไอเทมในเกมออนไลน์ บ้านหลังนั่นคือความหวังสุดท้ายของพวกเราแต่ป้าเขาบอกมีสิ เอาเท่าไรล่ะคือถ้าเราดูจากภายนอกเราจะดูไม่ออกเลยเว้ยว่ามีน้ำมันรถขายนะ เป็นร้านขายของชำเล็กๆเล็กจริงๆนะประมาณห้องน้ำสาธารณะสองห้องต่อกันแนวขวาง

                                    ป้าเดินไปหลังร้านหยิบขวดเหล้าแสงโสมซึ่งภายในคือน้ำมันรถผมรับมาอย่างกะดาราได้รางวัลอะไรสักอย่างบนเวที และฝากสัมภาระทุกอย่างไว้ที่ร้านเดินไปหาพี่เขาที่กำลังจูงรถมาทางผม เติมน้ำมันเสร็จแล้วก็ไปร้านเพื่อเอาภาระแล้วออกเดินทางไปตลาดชิกาด้า

     

    EP.18 ฝนและสัมภาระ

                                    ขี่รถออกมาตามทางด้วยสัมภาระ และที่เที่ยวแหล่งสุดท้ายของค่ำคืนนี้ตลาดชิกาด้า ก่อนไปเที่ยวชิกาด้าพี่เขาพาเดินตลาดนัดระแวกใกล้ๆชิกาด้าก่อนเดินสักพักเจอร้านน้ำแข็งใสกันก่อนพี่เขาจะฝากสัมภาระไว้กับผมเพื่อไปเติมน้ำมันก่อน

                                    พี่เขาออกไปสักสิบห้าฟ้าก็รั่วฝนก็เท ตอนนี้สัมภาระของผมรวมกับของพี่เขาเป็นสองเท่า มีกระเป๋าเป้ใบใหญ่สองใบ กระเป๋าเล็กๆที่สำคัญอยู่สองใบใบหนึ่งเป็นเสบียง ผมก็ต้องหอบไปหาที่ร่ม แต่ไม่มีเลยดีที่ฝนแค่มาทักจากนั้นเปลี่ยนตกปรอยๆ ละอองๆก่อนจะหยุดลง

                                    ไปรอพี่เขากลับมาที่ข้างถนนเพื่อจะไปหาที่นอนแล้ว เหนื่อยเหลือเกินพอแล้ว ไม่เอาแล้ว เปียกฝนด้วย มันไม่สนุกการรอมันนานเสมอแหละ ความคิดต่างๆก็เกิดหรือพี่เขาหลอกเราว่ะ แต่พี่เขาก็ฝากของไว้ที่เรานะหรือพี่เขาเป็นอะไรหรือเปล่า ตลบอบอวนในความคิดอยู่สักครึ่งชม.ได้ พี่เขาก็มาพี่เขากำลังจะลงจากรถ ผมบอกว่ากลับไปหาที่นอนเถอะพี่ ไม่ไหวแล้วแต่พี่เขาบอกว่าไหนก็มาแล้วนี่ เดินสะหน่อยเถอะ ก็ได้ครับเดินก็ได้

                                    เป็นผมคนเดียวที่เดินไปตกตะลึงกับอะไรหลายๆอย่างในนี้มีทั้งเต้น ทั้งโชว์ ยิ่งใหญ่หน่อยข้างในมีละครเวที มีคอนเสริตของที่มาขายตรงระหว่างทางเดินก็ใช่ย่อย มีทั้งรูปถ่าย รูปวาดเทคนิคต่างๆเครื่องเงิน เครื่องแกะสลัก ของแฮนด์เมคอีกเป็นกอง ผมชอบที่นี้มากที่สุดของการเดินทางมาเที่ยวทะเลในครั้งนี้คงจะเสียดายมากๆ ถึงมากที่สุดถ้ามาแล้วไม่ได้เดินที่แห่งนี้มันคือสถานที่ที่ผมอยากเดินอยากให้มีในเมืองไทยเยอะๆจังอาจจะเป็นศูนย์รวมศิลปะทุกแขนง กระจุกไว้ที่เดียว ชอบที่มีความร่วมสมัยแต่ก็ไม่ทิ้งเอกลักษณ์ของไทย มันลงตัวจนต้องอวยกันหน่อยแล้ว

     

     

    EP.19 พวงมาลัยกับต้นลั่นทม

                                    ผมมีความตั้งใจว่าจะใช้เงินให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้จึงเลือกที่จะตัดรายจ่ายในส่วนของที่พักไป และเลือกที่จะนอนกลางหาดทราย

                                    พี่เขาบอกว่าบ้าจะนอนได้ไง ที่นี้มันแต่หาดส่วนตัวมีเจ้าของทั้งนั้นแต่ก็ใช่ว่าจะทั้งหมด แต่ก็มีที่หนึ่งที่พอจะนอนได้อยู่ พี่เขาก็พาไปผมจำทางเข้าหาดแห่งนี้ไม่ได้หรอก แต่ทางเข้ามันมีป้ายรูปหมูเขียนตัวหนังข้างในว่าคอกหมู

                                    พวกเรามาที่นี้ก็ฟ้ามืดแล้วแต่เสียงทะเลยังคงได้ยินอยู่ เหมาะสำหรับเปิดภัตตาคารอย่างยิ่งยวดเพราะหิวแล้วแต่พอมาถึงมีพี่ผู้ชายนั่งตรงบันไดขั้นบนสุด มันมีบันไดลงไปถึงหาดประมาณสิบขั้นได้พี่เขาซดเบียร์อยู่ คุยกันไปคุยกันมาได้ความว่าพี่เขาทะเลาะกับแฟนหนักมากเลยมานั่งดื่มเบียร์เคล้าเสียงคลื่นเผื่อจะคิดอะไรออกพี่เขาบอกงี้ ไม่ได้อยากจะทะเลาะ และไม่ได้กลัวด้วยแค่ถอยออกมาให้ทั้งคู่เย็นก่อนก็แค่นั้น แหมะ

                                    ตอนก็เก้ๆกังๆจะเอาไงดีจะกินเลยดีไหม  แต่พี่ผู้ร่วมทางเขาไม่รีรออะไรทั้งนั้นหยิบถุงเสบียงเปิดฉุบๆฉับๆ พร้อมจะกินแล้ว เอาว่ะเตรียมสะขนาดนี้แล้วจะไม่กินก็กลัวจะทันการณ์พี่คนอกหักรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเย็นลงแล้ว ก็ขอตัวกลับก่อน

                                    กินเสร็จถ้าจะถามว่าอิ่มท้องไหม ไม่นะ มันอิ่มบรรยากาศมากกว่า  

                                    คิดไปคิดมาเรายังไม่ได้เล่นน้ำทะเลเลยนี่หว่าเราจะลงไปเลยก็ต้องแบกรับสภาพตัวชื้นตลอดการเดินทางจากนี้เอง แล้วมันก็ได้เวลานอนพี่ผู้รวมเดินทางบอกเอาสักหน่อยน่า ไหนๆก็มาถึงทะเลสักทีไม่ลงน้ำทะเลก็กระไรอยู่ผมถอดรองเท้า ถุงเท้าฝากไว้พี่เขา ไปเล่นน้ำ อย่าเรียกว่าเล่นเลยแค่เอาขาไม่จุ่มน้ำทะเลไม่ถึงหัวเข่าด้วยซ้ำไปสักพักพี่เขาก็ทิ้งของพวกเราไว้ข้างบนแล้วก็ลงมาเอาขาจุ่มเหมือนกันพอหนำใจก็ลงนั่งเล่นบนหาด ฟังเสียงคลื่นไป พี่เขาก็เล่นโทรศัพท์สมาทโฟนในมือ

                                    ตลอดเวลาตอนอยู่ข้างล่างตรงหาดมีการแวะเวียนของคนแปลกหน้ามาตลอด มาเดียวบ้าง เป็นคู่บ้าง

                                    สี่ทุ่มผมเริ่มง่วงแล้วเลยขึ้นไปข้างบนเพื่อที่พิงนอนผ่อน แต่มันหลับไม่ลง เมื่อผมเหลือบไปเห็นพวงมาลัยห้อยอยู่บนกิ่งลั่นทม บวกกับจินตนาการของผมอีกคิดว่าคงมีเหตุการณ์ไม่ดีๆเกิดขึ้นกับต้นลั่นทมต้นนั้นหลับๆตื่นๆตลอดพี่เขาก็อินดี้ย้ายที่นอนไปมา นอนข้างล่างตรงหาดบ้างขึ้นมานอนข้างบนก็มาสะกิดปลุกผม ไอ้ผมก็กึ่งหลับกึ่งตื่นสะดุ้งกับการห่อตัวเองด้วยเสื้อสีขาวซึ่งพี่เขาใส่ขาวทั้งชุดไม่บอกนึกว่ามาปฏิบัติธรรมแต่การห่อตัวของพี่เขาถ้ามองไกลอย่างกะศพในรถร่วมกตัญญูไม่มีผิด

                                    จนเกือบๆตีสองคนแปลกหน้าคนมาทำสัญญาให้เล่นกลางทะเลด้วยไฟฉาย ถามว่านี่เพื่อนน้องหรอออกไปจากตรงนี้เถอะนะ แล้วก็จากไป หน้าพี่คนแปลกหน้าก็โหดใช่เล่น

                                    ผมมีลางสังหรณ์แปลกๆตั้งแต่พวงมาลัยบนกิ่งต้นลั่นทมตลอดจนพี่หน้าโหดคนนี้ ทำให้ผมปลุกผู้ร่วมทางให้ตื่นแล้วก็เลื่อนเวลากลับให้เร็วขึ้น พี่เขาอยากอยู่ต่อ แต่ผมเลือกที่จะกลับซึ่งตั๋วฟรีกลับกรุงเทพมันมีรอบเช้าประมาณตีสี่ไม่รวมเลทกับบ่ายประมาณบ่ายสองไม่รวมเลทถ้าเลือกเช้าผมจะได้กลับเชียงใหม่เมื่อถึงเลยด้วยรถไฟฟรีซึ่งมีรอบบ่ายประมาณบ่ายสองจากกรุงเทพไปเชียงใหม่

                                    พี่เขามาส่งผมที่สถานีรถไฟแล้วก็ออกไปแต่นั้นไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอพี่เขาพี่เขาตัดสินใจกลับรอบเดียวกับผมเพียงเพราะไม่อยากเที่ยวคนเดียว แต่ตอนนี้มันตีสามไม่มีคนขายตั๋วให้เรา แต่เรามีที่ให้เรานอน เก้าอี้สถานีรถไฟนอนสบายกว่าถนนที่นู้นเยอะ

                                    ตีสี่มีคนมาขายตั๋วผมซื้อมาแล้วแต่มันก็ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นรถไฟของประเทศนี้ คือเลทจนถึงเช้าประมาณหกโมงเช้าเราถึงได้ขึ้นไปนั่งบนรถไฟ

                                    ก็ยังคงเป็นสเตปเดิมผมวางของอะไรเสร็จก็หลับ....

     

    EP.20 ขอบคุณและขอบคุณ

                                    ผมตื่นก่อนถึงกรุงเทพ และก็เพิ่งสังเกต ผู้ร่วมขบวนนี้แต่ชาวมุสลิม โพกสวมหมวก การแต่งกายที่เป็นสืบทอดกันมา แต่พวกเขาน่ารัก อย่างเคร่งครึมด้วยหน้าตาที่ดูกะโชกโฮกฮาก เขาก็มีความเกรงอกเกรงใจ มีน้ำใจอีกต่างหาก

                                    คนเริ่มน้อยลงๆผมยังคงสะลืมสะลือ สติไม่ค่อยเข้ารูปเข้ารอยเท่าไรเลย

                                    ก็ได้ขอบคุณพี่เขาที่ทำให้การเดินทางครั้งมันดูมีอะไรทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมคิดเพียงแค่ถึงทะเลถ่ายรูปสองสามรูปกลับพี่เขาค่อยวางแผนถ้าเป็นไอ้นี่ คงจะเดินมั่วซั่วไม่รู้เหนือรู้ใต้หลงไปไหนต่อไหนแล้วไม่รู้

                                    สิบโมงเกือบๆสิบเอ็ดโมงถึงกรุงเทพพี่เขาก็ยังพาเลี้ยงข้าวอีก อะไรจะใจบุญขนาดนั้นกินเสร็จผมก็เดินไปส่งพี่เขารอรถเมล์ จนลืมไปว่าตัวเองอยากอาบน้ำขนาดไหนจึงขอตัวกลับไปก่อนที่พี่เขาจะขึ้นรถเมล์

                                    พอได้อาบน้ำแล้วมันชื่นใจเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย เตรียมตัวกับเชียงใหม่

     

    EP.21 เด็กชายไร้สติกับลุงขี้เมา

                                    บนรถไฟกรุงเทพไปเชียงใหม่ก็ยังคงมีเด็กวัยรุ่นผู้ไร้ซึ่งสติ นั่งอยู่ริมหน้าต่างก็ยังหลับๆตื่นๆเหมือนคนแบตเสื่อมที่ชาตไม่เคยจะเต็มสักทีมีผู้ร่วมทางเป็นลุงเมานั่งข้างๆไปเชียงใหม่ซึ่งไม่รู้เหมือนว่าลุงแก ขึ้นมาตอนไหนรู้ตัวอีกลุงก็เอาหัวมาเกยไหล่เราสะแล้ว

                                                                                                                                                        หมามุ่ย

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in