เสียงลงกลอนประตูดังกึกพร้อมกับเสียงรัวเคาะประตูของเพื่อนๆ ดังขึ้นตามมาติด ๆ กลิ่นฉุนของควันเทียนและสมุนไพรป่าคลุ้งเข้าจมูกจนลูคเริ่มรู้สึกมึนหัว ใครบางคนกำลังฉุดกระชากลากเขาเข้ามาในเกวียนก่อนจะผลักเขาด้วยพละกำลังมหาศาลล้มลงก้นจ้ำเบ้าไปบนหมอนอิงสีแดงสดที่เต็มไปด้วยขี้ฝุ่นฟุ้งปลิว
“ข้ามองเห็นอันตรายอันใหญ่หลวงกำลังรอคอยเจ้าอยู่ในความมืดมิดของรัตติกาล--” เสียงแตกพร่าของหญิงชรานางหนึ่งดังขึ้นจากเงามืดตรงหน้า
ลูคเพ่งตามองผ่านแสงสลัวของเปลวเทียนในใจได้แต่สับสนงงงวยว่าเกิดอะไรขึ้นพลันแสงไฟจากลูกแก้วทำนายดวงใหญ่ก็ส่องสว่างขึ้นจากโต๊ะเหล็กยกสูง
“--หากเจ้าเดินไปทางขวา เจ้าจะกลายเป็นเครื่องสังเวยปีศาจแห่งฝันร้ายจะกัดกินเนื้อตัวและจิตใจของเจ้าจนกลายเหลือทิ้งไว้เพียงร่างกายแห่งความว่างเปล่าและหากเลือกเดินไปทางซ้าย เจ้าจะไม่มีวันได้กลับออกมาจากห้วงแห่งความมืดพร้อมกับทุกสิ่งที่เจ้ารักและปรารถนา จงพึงระวังเอาไว้ทุกย่างก้าว!” แสงไฟสีขาวอาบไล้ผิวหน้าอันเหี่ยวย่นของหญิงชราจนดูเหมือนแม่มดผู้ชั่วร้าย
เสียงแผ่นเหล็กล้มดังโครมจนลูคสะดุ้งเฮือกร้องโวยขึ้นมาเสียงดังด้วยความตกใจแสงสว่างของดวงอาทิตย์ฉายเข้ามาภายในรถเกวียนอับแสง ลูคเห็นเพื่อน ๆวิ่งกรูกันเข้ามาลากตัวเขาไปข้างนอกทุกคนคงช่วยกันออกแรงพังประตูเข้ามาช่วยเขาออกไป
ในขณะที่กำลังโดนทุกคนรุมลากลูคก็เหลือบไปเห็นแม่หมอมักซิมยื่นหน้าออกมาจากผ้าม่านสีแดงเธอจ้องมองมายังเขาด้วยแววตายากที่จะอ่านอารมณ์ออก
“นึกไม่ถึงเลยว่าฌองชอบมาที่อันตรายแบบนี้! -- ยัยแก่นั่นต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ!” เบ็นจามินเอ่ยเสียงหอบหลังจากเดินกลับมาถึงยังสะพานเหล็กข้ามบ่อน้ำเสียโดยมีซิดจ์ช่วยผสมโรงด้วยอีกแรง
“แต่ทุกครั้งที่ฉันมางานเลี้ยงน้ำชา เธอดูใจดีผิดไปเป็นคนละคนเลย” แอนยังคงพยายามพูดแก้ต่างให้แม่หมอมักซิมแม้สีหน้าเธอจะซีดเผือดด้วยความหวาดกลัวก็ตามที
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นในนั้นเหรอ ยัยนั่นทำร้ายร่างกายนายตรงไหนหรือเปล่า”ซิดจ์หันมาถามเขาพลางด้อมมองสำรวจเนื้อตัวของเพื่อนด้วยท่าทีเป็นห่วงเป็นใยลูครีบส่ายหน้าปิดบังสิ่งที่แม่หมอเพิ่งจะพูดกับเขาเมื่อครั้งอยู่ในเกวียน
เสียงระฆังโบสถ์ดังขึ้นขัดบทสนทนาบอกเวลาเที่ยงวันเรียกความสนใจของพวกเขาไปยังหอระฆังสูงลิบด้านหลัง เสียงกังวาลของระฆังเรียกขวัญของเด็กๆ ให้กลับมาประทับร่างอีกครั้ง
“เราลืมเรื่องสยอง ๆ เมื่อกี้ แล้วไปร้านกระท่อมลูกกวาดของโบดัวกันดีกว่าอยู่ห่างจากนโบสถ์เซนต์ลูเซียไปแค่สามบล็อกเอง” แอนเอ่ยเสียงห้วนแข่งกับเสียงระฆังที่ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนจะรีบรุดเดินนำไปบนบาทวิถี
“เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง!” ซิดจ์กู่ร้องด้วยความกระตือรือร้นสุดขีดและรีบก้าวเท้ายาวตามเด็กสาวไปพร้อมกับทุกคน
ใช้เวลาเพียงห้านาทีพวกเขาก็มาถึง
กระท่อมลูกกวาดของโบดัว ป้ายไฟกระพริบสีสันฉูดฉาดเหมือนลูกกวาดห้อยต่องแต่งอยู่ใต้หลังคาปั้นหยาเหนือกระท่อมห้าชั้นทรงสูงดีไซน์ประหลาด กระท่อมทั้งหลังสร้างขึ้นจากกระจกโมเสคหลากสีสันส่องแสงสดใสด้วยแสงไฟในร้านจนทำให้ดูเหมือนร้านทั้งร้านหล่อขึ้นจากก้อนน้ำตาลหลากสี
ลูครีบหันมองปฏิกิริยาของเจ้าเพื่อนตัวแสบที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งบัดนี้ได้แต่ยืนจ้องกระท่อมลูกกวาดตาเป็นมันย่อง ปากอ้าค้างจนแอบเห็นน้ำลายไหลยืดออกมาเหมือนสุนัขหิวข้าว
เสียงพูดคุยดังหึ่งดุจรังแตนดังเล็ดลอดออกทันทีเมื่อเขาเปิดประตูร้าน
“ยินดีต้อนรับลูกค้าทุกท่านสู่ขุมทรัพย์อันหอมหวานเชิญชิมลูกกวาดหลากร้อยรสชาติสุดแสนอร่อยทางร้านมีข้อต้องห้ามเพียงข้อเดียวให้ท่านปฏิบัติอย่างเคร่งครัดห้ามรับประทานลูกกวาดในร้านก่อนชำระเงินเด็ดขาด โบดัวเห็นทุกอย่างอย่าหาว่าไม่เตือนนะ” เสียงประกาศอันแสนสดใสของผู้ชายที่ลูคคาดว่าคงชื่อโบดัวดังขึ้นจากวิทยุอัดเสียงตั้งอยู่บนโต๊ะเตี้ยริมประตูซ้ำไปมาอยู่ตลอดเวลา
ร้านลูกกวาดโปร่งโล่งสว่างไสวด้วยแสงโทนอบอุ่นจากโคมไฟห้อยเพดานดวงกลมโตดูไม่ต่างไปจากลูกบอลดิสโก้เขาสามารถมองเห็นขึ้นไปได้ถึงชั้นบนสุดมีเพียงระเบียงลอยขนาบรอบด้านที่อัดแน่นด้วยผู้คนและโถใส่ขนมนมเนยเสียงดนตรีคล้ายเพลงบรรเลงในสวนสนุกเปิดคลอกับเสียงพูดคุยของเหล่าลูกค้าดังครึกครื้นอยู่เนืองๆ บนระเบียงลอยทุกชั้น เขาไม่รู้สึกแปลกใจเลยหากร้านกระท่อมลูกกวาดของโบดัวจะเป็นหนึ่งในสถานที่โปรดปรานของฌอง เพราะแม้แต่เขาเองยังรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับร้านลูกกวาดนี้เอาเสียมาก
เด็กเล็กไม่ใช่ลูกค้ากลุ่มเดียวที่เห็นในร้านแต่ยังมีกลุ่มวัยรุ่นให้เห็นได้ที่มุมหนึ่งของร้าน ส่วนที่มีป้ายโฆษณาแปะหราไว้ว่าบุหรี่กลิ่นชะเอมเงินและชะเอมทอง อิ่มได้ในมวนเดียว
“ไม่ดีกว่า ฉันไม่ชอบของหวาน” ชินเอ่ยทันทีที่เห็นเขาทำท่าว่าจะเอ่ยปากถาม
ลูคเดินฝ่าความโกลาหลของฝูงเด็กตัวเล็กที่ประมาณอายุได้ว่าน่าจะไม่เกินระดับประถมต้นบ้างกำลังเขย่งสุดปลายเท้าเพื่อเอื้อมคว้าขนมในโถบ้างวิ่งไล่จับกันในร้านอย่างสนุกสนาน สายตาก็สอดส่องไปรอบ ๆทว่ากลับไร้วี่แววของฌอง
“ลูกกวาดรสมรกต โห! เม็ดละตั้ง 5 เหรียญ!เม็ดนึงนี่เอาเงินไปกินข้าวได้ตั้งหลายมื้อ” ซิดจ์ร้องท้วง
“นายก็กินรสที่ถูกกว่านั้นหน่อยสิ ฉันว่ารสทองคำหรือรสทองแดงก็อร่อยไม่เลวนะ” เบ็นจามินเสนอทางเลือกที่ฟังดูขัดหูเพราะราคาระหว่างรสทองคำกับมรกตนั้นต่างกันเพียงแค่หนึ่งเหรียญเท่านั้น
“หมากฝรั่งพวกนั้นก็น่าสนใจอยู่เหมือนกันฉันว่า” แอนเอ่ยขึ้นบ้างมือไม้ก็ชี้ไปยังแผงกระจกติดผนังซึ่งมีถ้วยแก้วใส่หมากฝรั่งหลากรูปทรงและสีสัน
ลูคเหลือบไปเห็นโถแก้วหนึ่งที่เต็มไปด้วยลูกกวาดรูปทรงเหมือนฟันน้ำนมสีขาวครีมวางขายอยู่ในราคาเพียงหนึ่งเหรียญเพนนี
“สนใจของลดราคาสนใจไหมซิดจ์... ลูกกวาดหนึบหนับรสหินปูนรสชาติมันจะเป็นยังไงวะฉันคิดไม่ออก --” ลูคเอ่ยเสียงขบขัน“-- รสหินปูน เพิ่มคราบหินปูนบนผิวฟัน คำเตือนจากโบดัวอย่าลืมแปรงฟันหลังรับประทาน” เขาอ่านฉลากบนห่อลูกกวาด
ไม่ทันไรซิดจ์ก็เอื้อมมือคว้ามันไปจากมือของเขาเจ้าเพื่อนตัวแสบแกะห่อลูกกวาดออก และโยนลูกอมลงคอแบบหน้าด้าน ๆชนิดที่ว่าเบ็นจามินเอ่ยปากห้ามไม่ทัน
“แหวะ! รสเหมือนนมบูด” ซิดจ์ถุยลูกอมทิ้งลงพื้นอย่างไร้มารยาท
“นี่พวกนายลืมกันแล้วเหรอว่าเรามาทำอะไรกันที่นี่” ชินเอ็ดเสียงขรึมเรียกสติของทุกคนให้กลับมาสนใจภารกิจที่ตั้งใจมาทำ
“ก็ช่วยไม่ได้นี่...” ซิดจ์เอ่ยปากว่าจะเถียงแต่เสียงกระแอมกระไอของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นแทรกเสียก่อน
บุรุษร่างอ้วนยืนจังก้าอยู่หน้าประตูหลังร้านใบหน้าแดงเข้มก่ำด้วยโทสะที่พุ่งขึ้นถึงขีดสุดดูเหมือนผลเชอร์รี่ลอยอยู่เหนือเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พองบวมด้วยพุงหลามแทรกเป็นชั้น ๆ ออกมาระหว่างสายเอี๊ยมดึงกางเกงดวงตาโปนจนแทบจะถลนออกจากเบ้าจ้องมองมายังซิดจ์อย่างเอาเรื่อง
“แก… ไอ้กุ้งแห้ง! แกกล้าดียังไง...” ชายอ้วนส่งเสียงคำรามในคอพลางยกมือขึ้นขยับหูกระต่ายที่รั้งขึ้นเกือบถึงใต้คางด้วยท่าทีสุดแสนจะรำคาญก่อนจะเอื้อมมืออีกข้างมาคว้าข้อมือซิดจ์ไปบีบอย่างแรงจนเจ้าตัวแสบร้องโอดโอย
“แกกับเพื่อนเฮ็งซวยทั้งหมดของแกต้องชดใช้...”
“สวัสดีครับคุณโบดัวผมมารับลูกกวาดรสเพชรสิบโถที่สั่งไว้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง ช่วยชีวิตพวกเขาไว้ได้ทันท่วงที
โบดัวหน้าถอดสีเมื่อเห็นเจ้าของเสียงยืนอยู่ตรงหน้าทว่าชายร่างท้วมยังคว้าข้อมือซิดจ์ไว้แน่นเช่นเดิม
“กรุณารอสักครู่ก่อนนะครับท่านฮาลน์คือตอนนี้กระผมมีปัญหากับลูกค้าที่ฝ่าฝืนกฏของร้านอยู่” น้ำเสียงของโบดัวยังคงแฝงไว้ด้วยความขุ่นเคืองใจ
“อ้าว… ใช่ลูคหรือเปล่านั่น” รุ่นพี่ฮาลน์ทักทายเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะสลับไปส่งสายตาไม่พอใจใส่โบดัว
“เมื่อไหร่คุณจะไปเอาของที่ผมสั่งมาสักที คุณโบดัว” ฮาลน์ยืนกรานเสียงแข็ง
“แต่ไอ้เด็กพวกนี้มันกล้าถุยลูกกวาดรสหินปูนของผมทิ้งต่อหน้าต่อตามันต้องชดใช้...” โบดัวเถียงด้วยสีหน้าเลิ่กลั่กจนเหมือนคนสติไม่ดี
“งั้นเอางี้แล้วกัน ผมขอเหมาลูกกวาดหินปูนพวกนี้ทั้งหมด ในราคาเต็ม...แล้วผมก็ต้องการของที่สั่ง เดี๋ยวนี้...” น้ำเสียงของฮาลน์เย็นเยียบทว่าแฝงไว้ด้วยอำนาจผิดกับภาพลักษณ์รุ่นพี่ที่แสนจะใจดีก่อนหน้านี้ไปเสียสนิท
สีหน้าของคุณโบดัวเปลี่ยนไปเป็นคนละคนพ่อค้าอ้วนรีบปรี่เข้ามาประจบประแจงฮาลน์ราวกับมดตอมก้อนน้ำตาล ก่อนจะพารุ่นพี่ไปนั่งรอที่เก้าอี้นวมตัวยาวหน้าเตาผิงและเดินหายลับไปหลังประตูร้าน
“ตาลุงนั่นโคตรน่ากลัว” ซิดจ์โอดโอยพลางนวดข้อมือตัวเองให้หายเจ็บปวดจากแรงบีบของโบดัวขณะเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นวมอย่างไม่นึกเกรงใจใครส่วนชินขอออกไปยืนสูบบุหรี่ที่หน้าร้านคนเดียว
“เอ่อ… ขอบคุณที่ช่วยพวกเราไว้นะครับรุ่นพี่” ลูคเอ่ยตามมารยาทขณะล้มตัวลงนั่งตามเจ้าตัวแสบ
ฮาลน์ยิ้มน้อยๆ ให้แต่ก็ไม่พูดอะไรตอบ
เขาได้แต่นึกสงสัยว่าทำไมฮาลน์ถึงได้ดูมีอำนาจเหนือคนทั่วไปขนาดนั้น ยิ่งกับโบดัวที่พื้นฐานแลดูเป็นคนอารมณ์ร้อนแล้วด้วยนั้น แถมราคาเต็มของลูกกวาดรสหินปูนก็ไม่ใช่ว่าถูกรวมทั้งหมดแล้วคงเกือบร้อยเหรียญ รุ่นพี่จะไปเอาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาจากไหนยิ่งทำให้เขาสงสัยมากยิ่งขึ้นไปอีกว่าแท้จริงแล้วฮาลน์เป็นใครมาจากไหน
“เพราะนายแท้ ๆ ไอ้ตัวปัญหาเอ้ย” เบ็นจามินเอาศอกกระทุ้งสีข้างของซิดจ์จนเจ้าตัวแสบดิ้น
“ก็ช่วยไม่ได้นี่หว่า ลูกอมนั่นรสชาติอย่างกับก้อนหินเป็นนายก็ต้องคายทิ้งแหล่ะวะ” ซิดจ์บ่นใส่เบ็นจามินที่ได้แต่นั่งขำก๊ากอยู่ข้างๆ
“ถ้าเป็นเบอมิวด์นะฉันว่ามันต้องยืนหัวเราะที่เห็นพวกนายลำบาก --” ในที่สุดฮาลน์ก็เอ่ยขึ้น “-- แล้วพวกนายมาทำอะไรกันแถวนี้ล่ะร้อยวันพันปีไม่ยักจะเคยเห็นหน้าเห็นตาในร้านโบดัว ฉันเนี่ยลูกค้าประจำไม่ต้องแปลกใจหรอกว่าทำไมโบดัวถึงไม่กล้าหือกับฉัน” รุ่นพี่ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
“เรามาหา...” ยังพูดไม่ทันจบประโยคซิดจ์ก็ร้องโอ้ยขึ้นเพราะเบ็นจามินกระทืบเท้า
“เรามาหาของกิน และหนังสือการ์ตูน” เบ็นจามินรีบแทรกซิดจ์ขึ้นมาอย่างมีพิรุธ
ลูคเห็นความสงสัยเคลือบฉายบนดวงหน้าใสปานตุ๊กตากระเบื้องเคลือบของฮาลน์เขาจึงพยายามเปลี่ยนประเด็นของบทสนทนา
“รุ่นพี่พอจะรู้ไหมว่าบ้านการ์ตูนของชาร์แมนเดอร์เดอะเกรทอยู่ตรงไหน”ลูคเอ่ยถาม
“ฉันว่าจะไปที่นั่นพอดี ถ้าไม่รังเกียจเดินไปพร้อมกันไหมล่ะ” ฮาลน์ตอบ ก่อนที่คุณโบดัวจะเปิดประตูเดินออกมาจากหลังร้ายพร้อมกับถุงใส่ขนมขนาดเท่าถุงวิเศษใส่ของขวัญของซานตาคลอส
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in