เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ลูค ไวท์ ผจญภัยห้วงนิทราKGUNTION
คฤหาสน์แกรนด์โกสต์ (4)
  • เบ็น นายจำรูโบ๋ยักษ์บนกำแพงนั้นได้ไหมตอนนั้นฌองเคยเล่าให้เราฟังว่าเคยมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น มีคนหายสาบสูญไป 2 ราย หรือว่าพ่อแม่ของเบอมิวด์คือบุคคลที่หายสาบสูญไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น!”ลูคเลิกคิ้วที่เคยขมวดมุ่นสูงจนหน้าผากย่นเป็นแนวแต่เบ็นจามินกลับทำหน้ายู่ประหนึ่งว่าตามไม่ทัน


    คือระหว่างหนีเมื่อกี้นี้ฉันดันหลุดเข้าไปในห้อง ๆหนึ่งที่เก็บรวมรูปภาพของคนในตระกูลแกรนด์โกสต์เอาไว้ พ่อแม่ของเบอมิวด์ก็อยู่ในรูปพวกนั้นด้วย”ลูครีบอธิบายเสริม


    ก็ฟังดูเป็นไปได้อยู่นะ แต่ตอนนี้เราควรหาทางไปต่อก่อนห้องนี้ดูไม่ปลอดภัย เขาจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เราควรไปที่อื่น” เบ็นจามินเอ่ยขณะแง้มประตูออกดูความเคลื่อนไหวของทางเดินนอกห้องแต่แล้วเขาก็เปิดไปชนเข้ากับหน้าผากของใครบางคนซึ่งกำลังวิ่งหน้าตั้งเข้ามาจนเกิดเสียงดังโป๊ก


    ซิดจ์!” เบ็นจามินกระซิบด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความดีใจ


    โว้ย เจอตัวพวกนายสักที ฉันเจออะไรเด็ด ๆ รีบตามมาเร็วพวกนั้นกำลังตามหลังฉันมาอยู่” ซิดจ์รีบคว้าข้อมือเขากับเบ็นจามินให้ออกวิ่งอีกครั้ง


    เพื่อนตัวป่วนลากพวกเขามาหยุดอยู่หลังแจกันกระเบื้องใบใหญ่ซึ่งตังอยู่ตรงมุมหนึ่งของทางเดินแคบซิดจ์ยกมือขึ้นจุ๊ปากก่อนขมุบขมิบปากบอกว่ามีผู้ตรวจตราอยู่ข้างหน้า ลูคแอบมองลอดผ่านแจกันไปเห็นผู้ตรวจตราสองคนกำลังยืนขนาบข้างประตูเหล็กเก่าๆ เปรอะสนิมบนบานประตูมีตราสัญลักษณ์ดาวห้าแฉกพร้อมกับข้อความเขียนด้วยสีแดงสดไว้ว่าห้ามเข้า


    มันคือห้องสุดท้ายที่ฉันยังไม่ได้ค้น” ซิดจ์ขมุบขมิบบอก


    แล้วจะเข้าไปได้ยังไง พวกนั้นยืนเฝ้าทางเข้าอยู่ขนาดนั้นนอกเสียจากว่าใครสักคนต้องเป็นเหยื่อล่อพวกนั้นออกไปให้พ้นทาง” เบ็นจามินกระซิบกระซาบ


    เออ เป็นไงเป็นกันวะ เจอกันที่ลูนคาเฟ่ อวยพรฉันด้วยล่ะ” ซิดจ์อุบอิบบอกขณะเริ่มส่งสัญญาณตัวเลขผ่านมือ


    นายบ้าไปแล้วเหรอ” เบ็นจามินร้องเสียงแผ่วทว่าซิดจ์กลับวิ่งหน้าตั้งออกจากที่ซ่อนมุ่งตรงไปยังบานประตูต้องห้ามผู้ตรวจตราสองคนรีบออกวิ่งตามเจ้าเพื่อนตัวแสบไปโดยทันทีแผนการของเจ้าตัวแสบสำเร็จผล


    ลูครีบคว้าแขนเบ็นจามินวิ่งพรวดไปยังประตูบานนั้นทันทีที่ซิดจ์และผู้ตรวจตราหายลับไปจากมุมทางเดินในห้องมืดไร้แสงที่แคบและเต็มไปด้วยใยแมงมุมเด็กหนุ่มคว้าไฟฉายขึ้นมาส่องโดยไม่เกรงกลัวอีกต่อไปแล้วว่าอาจถูกผู้ตรวจตราเจอตัวเอาได้เขาพบบันไดเหล็กตั้งเด่นหราอยู่ตรงหน้าทอดยาวไปด้านบนความอยากรู้อยากเห็นสั่งการให้เขาปีนไต่บันไดนี้ขึ้นไป จนสุดขั้นลูคพบประตูกลที่พาเขาขึ้นสู่ห้องใต้หลังคา


    ห้องนี้คงถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานานหลายปีแล้วเด็กหนุ่มคิดพลางปัดหยากไย่ซึ่งขึ้นหนาเตอะออกราวกับว่าเขาหลุดเข้ามาอยู่ในรังแมงมุมยักษ์ 


    ฌองไม่เห็นเคยบอกว่าคฤหาสน์มีห้องใต้หลังคาอยู่ด้วย” เบ็นจามินกระซิบด้วยความเคยชินขณะก้าวขายาว ๆ ข้ามกล่องลังกระดาษกล่องหนึ่งซึ่งวางล้มระเนระนาดอยู่บนพื้นรกเลอะเทอะและแทบจะไม่มีที่ว่างให้เดิน 


    หลายครั้งหลายคราที่ลูคต้องคอยคว้าแขนเบ็นจามินไม่ให้หกล้มเพราะเดินสะดุดขยะบนพื้น(มีครั้งหนึ่งลูคใจหายเพราะเสียงหวีดร้องของเบ็นจามินเพราะเหลือบไปเห็นโมเดลจำลองหัวกระโหลกมนุษย์แล้วคิดว่าเป็นของจริง)ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงสุดทางเดิน ที่ซึ่งลิฟต์ส่งของเก่า ๆดูไม่น่าปลอดภัยตั้งอยู่หนึ่งตัว


    มันยังใช้ได้อยู่จริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย” เขาเอ่ยขณะเป่าลมไล่ฝุ่นบนปุ่มลิฟต์


    เข้าได้แค่ทีละคน ฉันลงไปก่อนแล้วกัน” ลูคกล่าวทันทีที่เข้าไปในลิฟต์ได้พอดีตัวเบ็นจามินพยักหน้าตอบรับก่อนจะกดปุ่มสั่งการให้ลิฟต์เริ่มทำงาน 


    เสียงดังเสียดสีของโลหะและเครื่องจักรก็เริ่มทำงานลิฟต์เหล็กส่งเสียงดังกุกกักพาร่างของเขาเลื่อนลงด้านล่างเขาเห็นเบ็นจามินส่องไฟฉายลงมาสำรวจความปลอดภัยอยู่เป็นระยะทุกอย่างราบรื่นดีกระทั่งเกิดเสียงโลหะเสียดสีดังกระหึ่มจนลูคต้องยกมือขึ้นอุดหูจากนั้นไม่นานลิฟต์ก็หยุดส่งเสียง และแน่นิ่งไปราวหมดลมหายใจ


    แย่แล้ว! มันพังแล้วแหงเลย --” เสียงเบ็นจามินตะโกนเสียงแหลมลงมาจากช่องลิฟต์ด้านบนเสียงครืดคราดดังขึ้นครู่หนึ่ง “-- ดึงไม่ขึ้น มันหนักเกินไปฉันต้องหาคนมาช่วยดึงลูคเห็นเพื่อนผมยุ่งยื่นหน้ามาให้เห็นจากช่องด้านบนถึงจะมองเห็นไม่ชัด แต่เขานึกสีหน้าวิตกกังวลของเพื่อนออก


    ลิฟต์เริ่มส่งเสียงดังกึกกักและสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหวเขาใจหายเมื่อรู้สึกตัวเบาประหนึ่งถูกโอบอุ้มไว้ด้วยสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง เด็กหนุ่มยกมือขึ้นปิดตาด้วยความหวาดเสียวและหวาดกลัวก่อนที่เสียงโครมครามจะดังขึ้นตามมา พร้อมกับลิฟต์ที่หยุดนิ่งลงอีกครั้ง


    นายโอเคหรือเปล่า” เบ็นจามินร้องด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก


    ฉันไม่เป็นไร มันตกลงมาแค่นิดเดียว” ลูคตะโกนตอบด้วยเสียงที่ยังไม่หายสั่นเครือด้วยความตกใจเขาหยิบกระบอกไฟฉายขึ้นส่องไปรอบตัวทะลุผ่านความมืดมิดแสงไฟลอดออกจากโครงประตูลิฟต์เหล็กเขาเห็นพื้นทางเดินทอดยาวออกไปลูครีบใช้มือและเท้าออกแรงง้างประตูเหล็กของลิฟต์ออกอย่างยากลำบากใช้เวลาสักพักหนึ่งความพยายามของเขาก็ประสบผลสำเร็จ


    นายกลับไปตามหาตัวซิดจ์เถอะ ไว้เจอกันที่ลูนคาเฟ่แล้วกันฉันจะหาทางออกไปให้ได้เอง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” ลูคตะโกนบอกเบ็นจามินก่อนจะผละตัวออกจากช่องลิฟต์สุดคับแคบและออกเดินสำรวจทางเดินอันมืดมิดเพียงลำพัง


    เหมือนอยู่ใต้ดินลูคคิดในใจพลางเดินส่องไฟฉายไปรอบ ๆ ทางเดินมืดไร้ช่องลมชวนให้เขารู้สึกกดดันและเครียดเพราะอากาศน้อยเสียจนแทบจะไม่พอหายใจจนสุดมุมทาง สายตาก็พานพบเข้ากับประตูเหล็กสนิมเกรอะบานหนึ่ง


    เสียงประตูโลหะเสียดสีกับพื้นเหล็กดังเสียวฟันสร้างความรู้สึกสยองพองขนราวกับเขาหลุดเข้ามาอยู่ในภาพยนตร์ฆาตกรรมสยองขวัญในห้องซึ่งว่างเปล่า มีเพียงกระจกเงาบานหนึ่งซึ่งสูงเกือบถึงเพดานและความว่างเปล่า


    ทางตันงั้นเหรอ” เด็กหนุ่มเอ่ยประหนึ่งกำลังถามเงาสะท้อนของตนเองในกระจกก่อนจะยกมือขึ้นทุบกระจกตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด พลันเกิดสิ่งผิดปกติขึ้น


    ลูคผงะถอยหลังสายตาจดจ้องไปที่กระจกซึ่งตีเข้าตีออกจากแรงฝ่ามือของตนเขาเห็นแสงสว่างจากกระบอกไฟฉายเล็ดลอดออกมาหลังบานกระจกความคิดแรกแล่นเข้ามาในหัวของเขาทันที สิ่งที่เห็นตรงหน้าไม่ใช่กระจกเงาหากแต่เป็นบานประตูที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาในชีวิตความเด็ดเดี่ยวฉายผ่านดวงตาของเด็กหนุ่มตรงหน้า ก่อนที่เขาจะผลักกระจกบานนั้นออก


    ในห้องแสนประหลาดล้อมรอบด้วยบานกระจก แสงไฟฉายให้เห็นเงาสะท้อนนับสิบของตนในกระจกราวกับกำลังถูกล้อมจับด้วยกองทัพร่างโคลน ชวนให้ขนลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


    นี่มันห้องอะไรกันเนี่ย” เขาบ่นกับตัวเองก่อนจะก้าวเท้าไปด้านหน้าทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกเหมือนกับถูกจับเหวี่ยงไปทางซ้ายจนเซถลาเข้าหาลวดหนามแหลมคมซึ่งปรากฏขึ้นบนแผ่นกระจกเงาตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ใกล้ชนิดที่ว่าหนามเหล่านั้นเกือบจะทิ่มเข้าลูกตาของเขาอยู่แล้ว


    เกิดอะไรขึ้น กับดักงั้นเหรอ” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยท่าทีตื่นตกใจ


    เขาใช้เวลาไตร่ตรองอยู่ครู่ใหญ่ทว่าคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เช่นนั้นเด็กหนุ่มจึงเริ่มออกเดินไปรอบ ๆอย่างไร้ทางเลือกเขาวนเวียนอยู่ในวงกตกระจกเงาอยู่นานจนเริ่มรู้สึกวิงเวียนเพราะแรงเหวี่ยงของกับดักปริศนาในระหว่างยืนชันเข่าเพื่อปรับการมองเห็นที่หวุนเคว้ง พลันหางตาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างบนกระจกเงาด้านขวาเขากวาดสายตาพินิจพิจารณารูปวาดจันทร์เสี้ยวสีแดงในดวงตาซึ่งกำลังเบิกโพลงมันคือสัญลักษณ์เดียวกับที่เห็นบนหัวของรูปปั้นบาโฟเมตเพียงชั่วครู่ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวของเขาทันที


    ลูครีบล้วงมือเข้าในกระเป๋ากางเกงคว้าแผ่นกระดาษยับยู่ยี่แผ่นเล็กที่เคยมีค่าเป็นเพียงเศษขยะจากก้นบึงลิตเติลดิวขึ้นมา


    มุ่งสู่นัยน์ตาแห่งจันทรา 27213


    ลูคเพ่งสายตาผ่านแสงจากกระบอกไฟฉายอ่านทวนตัวอักษรบนแผ่นกระดาษ


    ตัวเลขพวกนี้ อย่าบอกนะว่ามันคือทางเดินผ่านกับดัก” เขางึมงำความคิดของตัวเองออกมาโดยไม่ทันรู้ตัวเด็กหนุ่มยืนไตร่ตรองถึงความเป็นไปได้ว่าความคิดของตนนั้นถูกต้องมากน้อยเพียงใดอยู่นานสองนานสายตาก็จับจ้องไปที่ลวดหนามเกรอะสนิมแผงใหญ่บนกระจกเงาด้านขวามือ


    ก็ดีกว่าเดินมั่ว เป็นไงเป็นกันวะ...” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกความกล้าหาญก่อนจะตัดสินใจก้าวเท้าไปยังรูปวาดดวงตาบนกระจกเงาด้านหน้าสองก้าวเดินตามเลขตัวแรกของข้อความ


    หัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นไม่มีลวดเหล็กหรือสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นรอบกายแต่ทว่ารูปนัยน์ตาจันทราบนกระจกเงาตรงหน้าได้หายไปโผล่ทางกระจกด้านขวาแทน


    สงสัยจะใช่จริง ๆ” เด็กหนุ่มเอ่ยกับตัวเอง 


    ทุกครั้งที่เขาเดินครบจำนวนก้าวนัยน์ตาจันทราจะเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเดินครบก้าวที่สามเขาก็เห็นรูปวาดนัยน์ตาจันทราแขวนอยู่บนบานกระจกเงาซึ่งหมองด้วยคราบฝุ่นสกปรกที่ด้านหลังเด็กหนุ่มเอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสภาพสีน้ำมันด้วยความอยากรู้อยากเห็นแล้วประตูลับหลังบานกระจกก็แง้มเปิดเชื้อเชิญให้เขาเข้าไป


    ตะเกียงไฟส่องแสงสีฟ้าสว่างไสวอยู่ทั่วทั้งห้องกลิ่นเหม็นสาบผสมกลิ่นเครื่องเทศฉุนแรงคละคลุ้งเขาสามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน เขากำลังยืนอยู่บนระเบียงลอยเหล็ก ซึ่งมีบันไดวนเชื่อมสู่พื้นห้องต่างระดับเบื้องล่างเขานึกย้อนไปถึงเรื่องที่ฌองและน้าจูเลียเล่าในวันนั้นได้ทันทีห้องแห่งนี้ต้องเป็นห้องทดลองลับของฮาร์โป แกรนด์โกสต์ อย่างแน่นอน


    ต่อมอยากรู้อยากเห็นกำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งลูคเริ่มเดินสำรวจไปรอบ ๆ ห้องทดลองที่ค่อนข้างกว้างขวางเขาเห็นหลอดทดลองขนาดใหญ่ตั้งเรียงรายอยู่ริมผนัง ภายในใส่ของเหลวสีสดใสดูมีพิษบางหลอดมีสิ่งมีชีวิตหน้าตาอัปลักษณ์หลายชนิดอยู่ข้างในด้วย


    ฉันหวังว่ามันจะตายแล้ว” ลูคเอ่ยขณะปรายตามองสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายหนูท่อแต่มีขนเป็นหนามแหลมเหมือนตัวเม่นกำลังลอยแอ้งแม้งอยู่ในหลอดทดลองบรรจุน้ำยาสีชมพูเข้ม


     พื้นห้องเต็มไปด้วยม้วนกระดาษและหนังสือเล่มหนาวางกองพะเนินสูงเหมือนภูเขาบรรดาแมลงมอดไต่เดินกันอยู่เป็นทางเหมือนกับหนอนไชศพอดคิดไม่ได้ว่าจะมีใครทนอยู่ในห้องที่น่าเกลียดน่ากลัวแบบนี้ได้เทียบกันไม่ติดกับห้องนอนของเบ็นจามินที่ดูจะกลายเป็นสะอาดในสายตาของเขาไปเลย


    พลันสายตาก็พานพบเข้ากับบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะทดลองอันแสนรกเลอะเทอะมันคือเครื่องแก้วหน้าตาคุ้นเคยกับที่เคยเห็นในกระท่อมร้างใต้บาดาล และในนั้นศิลาสีแดงฉานปานโลหิตกำลังวางแน่นิ่งอยู่ข้างในรอให้เด็กหนุ่มมาคว้าไปไว้ในครอบครอง


    หัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ ก่อนจะเร่งจังหวะขึ้นอีกจนแทบหลุดกระเด็นออกจากอก พร้อมกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อรู้สึกตัวว่าบางสิ่งบางอย่างกำลังขู่เสียงขรมมาจากมุมมืดหนึ่งของห้อง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in