เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ลูค ไวท์ ผจญภัยห้วงนิทราKGUNTION
คฤหาสน์แกรนด์โกสต์ (3)
  • ทั้งสองย่อตัวหลบตามหลังตู้โต๊ะตามทางเดินได้อย่างหวุดหวิดแทบทุกครั้งที่ผู้ตรวจตราเหลียวหลังมามองทั้งคู่หยุดสะกดรอยตามผู้ตรวจตราทันที เมื่อเริ่มมองเห็นแสงไฟสลัวจากตะเกียงไฟแขวนผนังริมขั้นบันได 


    เราขึ้นไปกันเลยดีกว่า พวกนั้นหายไปแล้ว” ลูคหันมากระซิบกระซาบกับเบ็นจามินขณะซ่อนตัวอยู่หลังตู้เหล็กหลังจากแอบยื่นหน้าด้อมมองเห็นว่ากลุ่มผู้ตรวจตราหายลับไปขึ้นบันไดไปแล้ว


    ระหว่างวิ่งขึ้นบันไดวกวนราวก้นหอยแสงริบหรี่จากดวงจันทร์เล็ดลอดผ่านช่องลมรูปกางเขนคว่ำทอดผ่านร่างของเขากับเบ็นจามินจนเกิดรอยเงาดวงใหญ่สะท้อนวิ่งอยู่บนผนังกำแพง 


    รูปปั้นหน้าตาพิลึกพิลั่นตั้งตระหง่านต้อนรับทั้งคู่ทันทีที่ก้าวเท้าขึ้นจากบันไดขั้นสุดท้ายมันมีรูปลักษณ์ของสตรีรูปร่างงดงาม ทว่าศีรษะกลับเป็นแพะลูคจ้องมองไปในดวงตาอันน่ายำเกรงของมันเลื่อนขึ้นไปบนหน้าผากมีตราสัญลักษณ์รูปดวงตาซึ่งมีดวงจันทร์สีแดงอยู่กึ่งกลางเลยขึ้นไปถึงเขาเหยียดตรงทั้งสองข้างซึ่งยาวกว่าสองเมตรบนหลังของมันมีปีกนกกำลังสยายออกไปข้างหลัง สตรีประหลาดกำลังนั่งขัดสมาธิและจ้องเขม็งมายังพวกเขา


    ดวงตาจันทร์เสี้ยวสีแดง” ลูคงึมงำกับตัวเองเขารู้สึกคุ้น ๆ แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเห็นอะไรแบบมานี้มาก่อนจากที่ไหน 


    บาโฟเมต สัญลักษณ์ประจำตระกูลแกรนด์โกสต์ว่ากันว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งเลวร้าย เห็นดาว 5 แฉกบนหัวของมันไหมมันคือสัญลักษณ์ประจำกลุ่มของพวกนักแปรธาตุแขนงราตรีนิยมพวกที่อยู่ใต้อาณัติของลัทธิบูชาราตรีถึงตอนนี้นายคงเลิกสงสัยแล้วว่าผู้นำลัทธินี้คือคนตระกูลไหนเบ็นจามินเอ่ยอย่างรอบรู้พลางชะเง้อมองลอดผ่านหลังรูปปั้นไปสอดแนมว่ามีผู้ตรวจตราอยู่แถวนั้นหรือเปล่า


    ชินเคยตั้งข้อสงสัยว่าพวกคนที่บูชาลัทธินี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับชาวมากอสโดยตรง แต่ทำไมฉันที่เป็นหนึ่งในชาวมากอสถึงไม่เห็นรู้เรื่องพวกนี้มาก่อนเลย หรือความจริงแล้ว อย่าบอกนะว่า... ฉันเป็นแกรนด์โกสต์งั้นเหรอ...


    คำถามใหม่นี้กลับผุดขึ้นในหัวของเด็กหนุ่มแทนที่คำถามเดิมอย่างช่วยไม่ได้เบ็นจามินละสายตาจากทางเดินตรงหน้ามามองหน้าเขาลูคเดาได้ว่าตอนนี้เบ็นอาจกำลังมีความคิดในทำนองเดียวกับเขาอยู่เพียงแต่ไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง


     บนช่องทางเดินแคบมืดไม่ต่างกับชั้นที่แล้วทั้งสองย่องเดินอย่างระแวดระวังมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ถึงพวกเขาจะไหวตัวทันและซุ่มหลบอยู่ตามหลังตู้โต๊ะทุกครั้งที่ผู้ตรวจตราเดินผ่านมาแต่ลูคก็ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะซ่อนตัวต่อไปแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหนเพราะบนชั้นสามการเดินตรวจตราแน่นหนามากเสียจนขนาดที่ว่าผู้ตรวจตราจะโผล่มาตลอดแทบทุกหนึ่งนาที


    ห้องนอนของเบอมิวด์ก็คงอยู่ที่ชั้นนี้แหล่ะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงรำคาญพวกผู้ตรวจตราพวกนี้นี่ขนาดลดจำนวนลงไปบ้างแล้วนะเนี่ย” เบ็นจามินกระซิบเสียงแผ่ว


    ประตูห้องเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ระหว่างชั้นวางหนังสือที่ว่างเปล่าพวกเขาแอบเข้ามาในห้องได้อย่างปลอดภัย ลูคเหลียวมองตู้เสื้อผ้าทรงสูงที่เรียงรายอยู่รอบตัวบดบังแสงสลัวของตะเกียงไฟเสียจนมิดโต๊ะเครื่องแป้งแลดูเก่าแก่โบราณตั้งขนาบข้างเตาผิงซึ่งมอดดับและเต็มไปด้วยขี้เถ้าราวแขวนเสื้อผ้ามากมายวางสุมกันอยู่ถัดไปจากผ้าม่านกำมะหยี่สีแดงสดเกือบห้าผืนยาวเหยียดจรดพื้นคล้ายกับม่านที่ใช้ในการแสดงบนเวทีเขาเดาออกทันทีว่าห้องนี้คือห้องเสื้อสำหรับแต่งตัว 


    ยังไม่ทันจะเหลียวมองครบทุกส่วนของห้องลูคก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากหลังบานประตูเขารีบกระโจนเข้าไปก้มตัวหลบอยู่หลังฉากกั้นเหล็กฉลุลายกางเขนสุริยะซึ่งตั้งกั้นผ้าคลุมสีดำยาวปกคลุมด้วยฝุ่นหนาเตอะเป็นนิ้ว ส่วนเบ็นจามินรีบวิ่งไปหลบหลังหนึ่งในผ้าม่านสีแดงก่อนที่บานประตูก็เปิดหราออกพร้อมกับผู้ตรวจตราสองคนเดินเข้ามาด้านใน


    หรือว่าพวกมันจะหนีออกไปจากคฤหาสน์แล้ววะเมิร์ฟ” ผู้ตรวจตราหนุ่มตัวผอมแห้งมีหนวดหรอมแหรมเหมือนกุ้งดูท่าทางไม่น่าคบหาเอ่ยขึ้นพลางสาดส่องตะเกียงน้ำมันไปรอบ ๆ


    จะเป็นไปได้ยังไงราร์กอน พวกเรากันทางเข้าออกของคฤหาสน์นี้ไว้หมดแล้วไม่มีทางที่มันจะหนีออกไปได้หรอก เดี๋ยวมันก็โผล่มาเอง” เมิร์ฟพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหลมสูงเหมือนเสียงผู้หญิงไม่เข้ากับรูปร่างที่ท้วมเสียจนเกือบจะเรียกว่าอ้วนได้


    ราร์กอนส่องตะเกียงไฟอยู่อีกฟากของฉากกั้นเหล็กเขากลั้นหายใจโดยไม่ทันรู้ตัว หัวใจเต้นระรัวด้วยความระทึก เขามองลอดผ่านช่องเล็กๆ ของฉากกั้น เห็นเท้าของผู้ตรวจตราอยู่ห่างออกไปแค่คืบเดียวหัวใจลูคหล่นฮวบเมื่อผู้ตรวจตรากระชากปลายผ้าคลุมสีดำที่ยาวกรอมอยู่บนพื้นออกจนฝุ่นตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ


    ลูคใช้ความพยายามอย่างสูงในการกลั้นสำลักฝุ่นละอองและไม่ส่งเสียง ผิดกับราร์กอนที่ทั้งไอและจามจนลูคได้กลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ของชายร่างแห้งตลบอบอวลแข่งกับขี้ผงในอากาศ


    ดูซิเมิร์ฟ มันคิดว่าเรามองไม่เห็น” ราร์กอนเอ่ยเรียกความสนใจจากเพื่อนร่างท้วมที่กำลังก้มมองไปในช่องเตาผิงด้วยท่าทีเงอะงะ ให้หันมามอง 


    ลูคเริ่มเอะใจว่าเขากำลังจะถูกเปิดเผยตัวแต่จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาหลบอยู่หลังฉากกั้นปกปิดไว้แล้วไม่ใช่หรือเด็กหนุ่มคิดอย่างรวดเร็วก่อนจะเหลียวไปมองข้างหลังพบกับเงาสะท้อนของตัวเองกำลังมองเขาอยู่ 


    เวรเอ้ย ผ้าคลุมกระจกเงา!” ลูคสบถทันทีกับราร์กอนเตะฉากกั้นเหล็กออกไปข้าง ๆ เผยให้เห็นร่างของเขาเต็มตา


    แกหนีไม่พ้นแน่!” ราร์กอนพุ่งเข้าตะครุบเขาราวแมวตะปบหนูลูครีบกระโดดหนี วิ่งถลาไปยังบานประตูที่มีร่างอวบของเมิร์ฟขวางทางอยู่เสียมิดชิด


    คิดจะหนีไปไหน” เมิร์ฟร้องเสียงสูงเหมือนนักร้องโอเปร่า 


    ลูคหันไปมองเห็นราร์กอนกำลังย่างสามขุมเข้ามาล้อมปิดทางหนีจากข้างหลังท่ามกลางกลิ่นเผาไหม้ฉุนติดจมูกของตะเกียงน้ำมันเขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปในสถานการณ์เช่นนี้


    ก้มลงคลานลูค!” เสียงเบ็นจามินตะโกนขึ้น ลูครีบก้มลงคลานตามคำสั่งของเพื่อนก่อนที่เบ็นจามินจะเหวี่ยงผ้าคลุมสีดำขึ้นคลุมร่างของผู้ตรวจตราทั้งสองถ่วงเวลาให้เขาคลานหนี และวิ่งหลบออกจากห้องเสื้อมาได้อย่างปลอดภัยพร้อม ๆ กัน


    มันมีอีกคนหลบอยู่ด้วย! ไอ้เมิร์ฟ มัวแต่ทำบ้าอะไรอยู่ รีบดึงผ้าออกแล้วตามมันไปดิวะ!”เสียงของราร์กอนเล็ดลอดออกมาจากประตูห้องเสื้อที่ปิดสนิท


    ไม่ไกลจากห้องเสื้อนักประตูห้องสีดำบานใหญ่ตั้งคอยเขาให้เข้าไปหลบซ่อนอยู่ข้างหน้าลูครีบเปิดประตูกระโจนเข้าห้องนั้นทันทีห้องกว้างถูกตกแต่งไว้ด้วยผ้าม่านกำมะหยี่สีแดงเลือดนกโคมไฟระย้าห้องอยู่กึ่งกลางเพดานสูงโปร่งรูปโดมเตียงขนาดสองคนนอนตั้งเด่นอยู่กลางห้องเชิงเทียนสีแดงวางนิ่งอยู่บนโต๊ะตัวยาวติดปลายเตียงเขาเห็นตู้เสื้อผ้าเหล็กตัวใหญ่ตั้งอยู่ริมผนังห้อง คงพอจะใช้ซ่อนตัวได้เด็กหนุ่มคิดขณะลากแขนเพื่อนซี้เข้าไปหลบในตู้นั้นโดยทันที


    กลิ่นเสื้อผ้าเก่าเหม็นอับโชยแตะจมูกบานประตูแง้มเปิดออกขึ้นอีกครั้ง หรือว่าจะเป็นผู้ตรวจตราลูคคิดในใจพลางสอดส่องสายตาแอบมองดูผ่านช่องโหว่ของตู้เหล็กทว่าภาพของเบอมิวด์กำลังเดินเข้ามาในห้องทำเขาหัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ


    เบอมิวด์เดินเลยผ่านตู้เสื้อผ้าไปโดยไม่นึกสงสัยอะไรเด็กหนุ่มร่างสูงล้มตัวลงไปนั่งชันเข่าอยู่บนเตียงตัวใหญ่และเอื้อมมือไปคว้ากรอบรูปตั้งโต๊ะขึ้นมาไว้ในมือ ก่อนจะจ้องมองด้วยแววตาเหม่อลอยพิกล


    บางทีถ้าเรื่องเลวร้ายพวกนั้นเกิดขึ้นกับผมแทนก็คงจะดีกว่าทำไมต้องเป็นผมที่ถูกทิ้งให้อยู่ตัวคนเดียว...”


    ริมฝีปากของเบอมิวด์งุบงิบขึ้นก่อนจะหุบลงทันทีเมื่อบานประตูถูกเปิดออกเสียงดังลั่นพร้อมกับร่างของราร์กอนและเมิร์ฟพรวดพราดเข้ามาข้างในอย่างไม่รู้สีรู้สา


    ใครอนุญาตให้พวกแกเข้ามาในห้องนี้!” เบอมิวด์ตะคอกเสียงดังด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวต่างจากท่าทีที่เขาแอบเห็นเมื่อครู่ลิบลับ


    โอ๊ะ นายท่านเบอมิวด์ พวกผมไม่ได้ตั้งใจ...” ราร์กอนรีบพูดแก้ตัวหน้าเจื่อน


    ไสหัวออกไปซะ!” เบอมิวด์ตวาดขัดประโยคของราร์กอนที่เริ่มตัวสั่นสะเทิ้มด้วยความตื่นกลัว ไม่ต่างจากเมิร์ฟผู้ตรวจตราผู้โชคร้ายทั้งสองรีบหันหลังกลับหนีออกจากห้องไปแต่โดยดี 


    ฮึ! ไอ้เด็กไวท์กับเพื่อนของมัน…พวกมันช่างกล้าแอบบุกเข้ามาในคฤหาสน์ของฉันฉันเอามันตายแน่ถ้ามันแอบเข้ามาในห้องนอนของพ่อแม่ ไอ้พวกเด็กเวร!” เบอมิวด์คำรามเสียงต่ำราวสิงโตที่หิวกระหาย ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงเดินกระแทกส้นเท้าด้วยแรงโทสะผ่านมายืนนิ่งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่


    ความเงียบงันกรีดร้องก้องหูเขาอีกครั้งเขาหันมองหน้าตื่นตระหนกของเพื่อนซี้สลับกับมองใบหน้าอันเบี้ยวบูดของเบอมิวด์ผ่านช่องเล็กๆ ของตู้ เขาเห็นเบอมิวด์ยื่นมือตรงมายังตู้ราวกับภาพช้ารุ่นพี่สัมผัสฝ่ามือบนตู้เหล็กเสียงดังก๊อกแก๊ก ลูคเริ่มสวดมนต์ในใจอย่างไร้ทางออก


    ท่านเบอมิวด์ ผู้บุกรุกคนหนึ่งเพิ่งจะแอบเข้าไปในห้องนอนของท่านครับตอนนี้ผมสั่งให้เมิร์ฟคุมห้องนั้นไว้แล้ว --” ราร์กอนเปิดประตูพรวดเข้ามาขัดจังหวะไว้ได้พอดิบพอดีลูคเห็นผู้ตรวจตราร่างผอมกุ้งเสียบรีบพูดรายงานจนน้ำลายแตกฟองเกือบจะกระเซ็นใส่หน้าของรุ่นพี่


    เบอมิวด์รีบยกมือขึ้นอุดจมูกด้วยสีหน้ารังเกียจทว่าแววตาของรุ่นพี่กลับฉายแววโรจน์กับข่าวดีที่เพิ่งจะได้ยินจากปากเหม็น ๆของราร์กอน


    “--แต่พอพวกเราเข้าไปดูในห้อง ผู้บุกรุกก็ไม่อยู่แล้วครับมันรื้อห้องท่านไว้กระจัดกระจายหมดเลย ผมเลยคิดว่าท่านคงอยากจะ… -- แกมันโง่!ราร์กอนยังไม่ทันพูดจบเบอมิวด์ก็ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดขึ้นขัดประโยคอีกครั้งเขาเห็นรุ่นพี่เดินก่นด่าเสียงดังถึงความโง่เขลาของราร์กอนและเมิร์ฟขณะเดินกระแทกส้นเท้าเสียงดังตุบตับออกจากห้องไปโดยมีราร์กอนเดินหงอยตามออกไปเหมือนเด็กสามขวบที่ถูกผู้ปกครองดุมาไม่ผิดเพี้ยน


    เกือบไปแล้วเชียวฉันบอกแล้วว่าเจ้าหมอนั่นเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์วุ่นวายแบบนี้พนันได้เลยว่าป่านนี้หมอนั่นคงวิ่งว่อนไปครบทุกห้องในคฤหาสน์นี้ได้แล้วมั้ง”เบ็นจามินถอนหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความโล่งอกเป็นครั้งแรกที่ลูคได้ยินน้ำเสียงชื่นชมซิดจ์จากปากของเบ็นจามิน


    เรื่องเลวร้าย...” ลูคเอ่ยกับตัวเองในหัวก็นึกถึงภาพสีน้ำมันแขวนผนังของพ่อแม่เบอมิวด์ 


    แล้วเขาก็นึกบางอย่างขึ้นได้ในที่สุด

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in