เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
JAPAN AND MEfindingtheocean
วันเนือยและขโมยเดสก๊ะ
  • สองวันสุดท้ายในทริปคันไซเราก็ไปเดินเล่นเรื่อยๆ ที่อาราชิย่ามาแต่ฝนตกจ้า ตกแบบตกรุนแรง ถ่ายรูปอะไรไม่ได้เลย ร่มก็ไม่มี เราว่าก็สวยดีนะ แต่เหมือนเดิมคือนั่งรถไฟก็เกือบ 2 ชั่วโมงแล้วอ่ะ เพราะเราต่อหลายต่อมาก อาจจะเพราะที่พักเราอยู่ไกลด้วยมั้ง
    เวลาหน้าฝนก็ดีอย่างนึงนะเราว่า อากาศเย็นสบาย แถมหมอกลงอ่อนๆ ลูกตาได้รับความชุ่มชื่นเต็มที่ เราเดินเล่นแค่แปปเดียว 
    แล้วก็นั่งรถไฟกลับเพราะ เริ่มหิวร้านอาหารแถวนั้นก็ไม่ค่อยถูกใจอีกอย่างมาจนจะกลับยังไม่ได้ไปย่านฮิต อย่างนัมบ๊ะเลย เราพักอยู่แถวๆ โอซ้าก้าแหละแต่นั่งรถไฟประมาณครึ่งชั่วโมงมั้ง แต่คิอว่าพรุ่งนี้ค่อยไปนัมบ๊ะดีกว่า เราเลยแวะกินราเมงชามแดงแถวๆ เกียวโตอีกรอบ 
    เราว่าอร่อยนะแต่ถ้ายิ่งกินแกล้มกับผักดองที่เค้าให้มานี่โคตรตัดเลี่ยนได้ดีมากกก แต่ประเด็นคือเกี๊ยวซ่าอร่อยลืม ชอบกินเกี๊ยวซ่าอยู่แล้วยิ่งฟินเลย 
    กินเสร็จก็เดินย่อยมาจนถึงตลาดปลาและหาไรกินต่อ บางอย่างก็กินได้บ้างอย่างก็หลอกนักท่องเที่ยว เราลองกินเหมือนเอาปูอัดมาฉีกๆ ใส่กระดองแล้วราดบนชีสคืนรูปลักษณ์มันก็ดูน่ากินโอเคอยู่นะ แต่รสชาตินี่ ร้องไห้จ๊ะพี่จ๋าาาาา ขอบอกลาตลอดไป
    แต่ถ้าอยากเดินชิวๆ กินนู้นนี่นั้นเล่นๆ ตลาดนี่ก็ถือว่าโอเคอยู่เด้ออาหารทะเลครบ ส่วนใหญ่แต่เป็นพวกของกินเล่น กินแปปก็ไป
    จริงๆ วันนี้ไม่มีไรเลยค่อยข้างเฉื่อยๆ เรื่อยๆ เพราะเหมือนการเที่ยวกำลังจะจบลง ความจริงเดินเข้ามาสะกิดหลังร้องตะโกนบอกว่าแกหนีฉันไม่พ้นนน ต้องกลับไปทำงานนน 
    วันกลับเราลองเดินเล่นที่นัมบ๊ะ เพราะอยากซื้อของฝากที่ดองกี้และตามหาทาโกยากิเจ้าดัง นอกจากเกี๊ยวซ่า ทาโกยากิก็ของชอบเหมือนกัน มีสองร้านที่อยู่สุดซอยติดกับร้านรางเมงข้อสอบร้านสุดท้ายมีคนต่อแถวซื้อเยอะและทำเร็ว เราเลยไปกินร้านนั้น
    พอไปถึงจะมีป้ายภาษาและลำดับที่ต้องสั่ง ว่าใส่อะไรแป้งแบบไหน คือ โปรมากก ส่วนใหญ่คนที่สั่งเสร็จเค้าก็จะนั่งกินกันแถวหน้าร้านเลยดูแออัดมาก เราสังเกตเห็นช่องบันไดลงเล็กๆ เลยหันไปหาคนทำเค้าพยักหน้าทันทีแสดงว่าลงได้ เราเดินลงไปก็เป็นร้านเค้านั้นเอง ว่างมาก แถมสบายสุดๆ มีคนญี่ปุ่นนั่งดื่มเบียร์อยู่สองคนนั้นมีน้ำฟรี โทรทัศน์ เก๋สุด 
    คือเป็นหนึ่งในทาโก๊ะที่ให้อัยดับไว้ในใจเลย แบบถ้ามาต้องกลับมากินอีกแน่นๆ เราเลยเดินขึ้นไปสั่งมาอีกสอง คือไม่ต้องกินอย่างอื่นแล้วจ้า
    อะป้ายฮิตมาถึงแล้วก็เดินช้อปหน่อย เอาหน่อยเดินเล่นไปเรื่อยๆ คนก็ค่อยข้างเยอะนะ แต่ไม่ได้เยอะจนชนกันพอเดินได้ ระหว่างที่กำลังเดินดูนู้นนี่นั้นอยู่นั้น ก็มีผู้ชายคนนึงวิ่งมาแบบแต่งชุดสีดำสนิท ไม่มีอะไรปิดหน้ารับรู้ได้ถึงความสูง ยาว และใบหน้าหล่อนั้น คือเค้าสูงมากจริงๆ นะจะ 180 กว่าหน้าตาควรไปเป็นนายแบบ ทำไมเราถึงเห็นภาพชัดขนาดนี้เพราะเค้าวิ่งมาด้วยความเร็วมากกกก จนชนเราแบบล้มตีลังกาไปสามตลบ คือ ล้มอ่ะ แล้วเราก็เห็นนะ แต่มัวแต่เจ็บคิดไรไม่ทัน ไม่รู้ว่าเค้าวิ่งมาเพราะอะไรเค้าก็ไม่ได้หันมาขอโทษหรืออะไรนะ ชนเสร็จแทบจะลุกทันที 
    ระหว่างลุกก็มีตำรวจตะโนเสียงดังมากกก คือเสียงอ่ะ มาแล้วละแต่ตัวยังไม่เห็น อะไร ชิเด่ๆ สักอย่าง พอเห็นว่าเป็นตำรวจเรากะจะหันไปดึงเสื้อเค้าละ แต่เค้าไปเร็วมาก ตำรวจก็วิ่งมาเร็วนะ แต่เราไม่คิดว่าจะทันนนอกจากจะมี ตำรวจดักทางอยู่อีกฝั่งพอตำรวจวิ่งไป ก็มีป้าอายุน่าจะเกือบ 60 วิ่งตามมาแต่แกก็ดูหอบอ่ะ พร้อมบ่นไรสักอย่างคิดว่าคนเมื่อกี้น่าจะขโมยอะไรของไป เราเลยรีบตรวจดูของเราเผื่อตอนล้มอาจหยิบไรไปได้ แต่ก็ไม่มีไรหาย คงไม่ทันได้คิดหรอก เหมือนฉากในหนังมากตอนนั้น พอเหตุการณ์สงบ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจบยังไง เราก็ไปหาไรกินแล้วก็รีบกลับเพราะรู้สึกเจ็บหัวเข่ามากกกก ฮือออ
    ความเป็นจริงที่เราคิดว่าบ้านเมืองเจริญ อาชญากรหรื่อเรื่องร้ายๆ มันน้อย ก็ไม่เสมอไปนะ แม้ญี่ปุ่นจะมีด้านดีในหลายๆ ด้าน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะดีจนไม่มีที่ติ ด้านดี ด้านร้ายกำลังแข่งกันอยู่บนตราชั่งในสายตาเรา อยู่ที่ว่าเราจะมองด้านไหนให้มากกว่าเท่านั้นเอง
    ขากลับเราประทับใจเรื่องนึงเนื่องด้วยรถไฟใต้ดินญี่ปุ่นนั้นความสูงของบันไดไม่ใช่เล่นๆ เราต้องยกกระเป๋าหนักเกือบ 20 โล ขึ้นลงไปบันไดซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนแบบเรา แบบที่ตัวกับกระเป๋าก็เกือบเท่ากันแล้ว ตอนจะลงรถไฟไปสนามบินเราก็ยกๆ วางๆ ยืนสงบนิ่งพักตรงกลางบันไดใครจะด่าก็ขอช่างก่อนเพราะหนักมาก มีผู้ชายคนนึงวิ่งผ่านเราไป ลงสุดบันไดสักพักก็เห็นเค้าวิ่งสวนขึ้นมา แล้วพอ I will help you เห้ยยยมาหลอกขายตรงเราเปล่าหล่อด้วย ฮ่า แต่เราก็ให้เค้าหิ้วไปนะ ไม่เอาแล้วจ้าหนักจ้า เค้าพอมาส่งตรงทางจะขึ้นแล้วบอกเกี่ยวกับว่าถ้าจะไปสนามบินต้องขึ้นตรงที่ 4 วงกลมอะไรสักอย่างเราก็แบบด้วยความที่เค้ารัวอังกฤษมาแล้วเราก็รีบมากเลยไม่ได้ดูกระโดดขึ้นไปเลย สรุปผิดขบวนดีนะยังไม่ออกแต่จะออกอีก 2 นาที ตอนนั้นเราก็ยังไม่รู้ 
    คนนั้นกลับมาอีกแล้วบอกเดี๋ยวขึ้นไปด้วย เราก็แบบเห้ยยจะดีใจเกินไปป่าวเนี้ยยยย สรุปนางเฟรนลี่มาก คืือบ้านไม่ได้อยู่ทางนั้นแต่ขึ้นมาส่งแล้วชวนคุยนู้นนี่นั้นแนะนำชื่อ คือพูดอังกฤษเก่งมากจนเราดูโง่ไปเลย มีการโม้ต่อว่าจะไปอยู่ปารีสเดือนหน้านู้นนี่นั้นพอผ่านไป 5 สถานนีเค้าก็บอกต้องลงแล้วเพราะไม่ได้ไปสนามบินต้องไปต่อ อีกขบวนนึงแล้วกลับบ้าน say bye nice to meet you เสร็จแล้วก็ไป อ้าวเห้ยแค่นี้เองหรอ กระเป๋าตังไม่หาย อะไรไม่ได้ คือมาช่วยแค่นี้จริงๆ คืองงมาก คือเค้ามาแล้วก็จากไป ปล่อยเรายืนงงจนถึงสนามบิน แล้วก็เลยเข้าใจคนมีอยู่ทุกประเภทบนโลกนี้จริงๆ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in