เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
โตเกียวเที่ยวแรกในแบบของเราSor Winchester
005 : เขาว่ากันว่าฟูจิซังขี้อาย
  • วันที่ 3 ตามกำหนดคือจะออกจากโตเกียวไป Kawaguchiko นอนค้าง 1 คืน เพื่อดื่มด่ำ(?)บรรยากาศและชมฟูจิซัง

    จะเห็นหรือเปล่าวะ…

    อย่างที่เล่าไปในตอนก่อนว่าก่อนจะมาเที่ยวเราเช็กพยากรณ์อากาศแทบทุกวัน  เดี๋ยวฝนตกบ้าง  มีเมฆบ้าง  เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเช้าวันที่ 15 มันบอกว่า mostly sunny

    เชื่อได้ไหมเนี่ย ?

    พอตื่นเช้าขึ้นมาพี่เราเปิดม่านหน้าต่าง  เฮ้ย ! แดดออกว่ะ รู้สึกมีความหวังขึ้นมา  แต่ก็เผื่อใจเอาไว้มาก ๆ ว่าอาจจะไม่ได้เห็นก็ได้  ตอนนั้นใจเราคิดแค่ว่าได้ไปนอนเรียวกัง  นั่งรถไฟไปสัมผัสบรรยากาศแถวนั้นก็พอใจแล้ว

    เออ  มักน้อยจริง ๆ

    วันนี้ออกจากที่พักสายกว่าทุกวัน  สักประมาณ 8.30 ก็เช็กเอาท์แล้วลากกระเป๋าไปฝากไว้ที่สถานี Ueno เช่นเดิม  เรากับพี่ตั้งใจจะเดินทางไปคาวากุจิโกะด้วยรถไฟเพราะไม่รีบและชอบนั่งรถไฟกันมาก  เลยนั่ง Yamanote Line ไปลงสถานี Shinjuku เพื่อนั่ง LTD. EXP KAIJI 101 ไปลงสถานี Otsuki แล้วค่อยเปลี่ยนเป็น Fujikyu Railway ไปลงสถานี Kawaguchiko

    ทั้ง ๆ ที่ก่อนมาเรากับพี่อ่านข้อมูลมาเยอะ  คิดว่าจำได้ขึ้นใจว่าต้องทำยังไงบ้าง  รถไฟออกกี่โมง  มีกำหนดการที่เขียนเอาไว้ในสมุดและแผ่นที่ปริ๊นท์ออกมา  ปรากฏว่าพอถึงเวลาเข้าจริง ๆ เปิดไฮเปอร์เดียแล้ว…  เฮ้ย มันใกล้เวลาแล้ว  ดูแค่ว่าชานชาลาไหนแล้ววิ่งไปตรงนั้น  เราจำได้แค่ว่าการจะนั่ง KAIJI 101 เนี่ยจะต้องซื้อตั๋วต่างหากอีกนะ  อ้าว  แล้วมันไปซื้อตรงไหนล่ะเนี่ย  ลืมอีก  รถไฟก็ใกล้จะออกแล้ว แล้วถามนายสถานีเขาบอกว่าถ้าไม่ได้จองก็ซื้อตั๋วในรถได้  โอเค…  เรากับพี่ก็โดดขึ้นรถไฟไปเลย  มอง ๆ หาที่ว่าง  พอนั่งได้สักพักรถไฟก็ออกจากสถานี

    ช่วงเวลานั้นเราลนกันจริง ๆ ข้อมูลที่คิดว่าเตรียมมาพร้อมแล้วดันลืมหมดเลย  จะรื้อกระเป๋าเพื่อเอารายละเอียดที่ปริ๊นท์ไว้ออกมาดูก็กลัวจะไม่ทัน  และที่สำคัญตอนนั้นตรงสถานีชินจุกุกำลังก่อสร้างทำให้เกือบมองไม่เห็นป้ายชานชาลา  พอรถไฟออกไปได้สักพักเราก็มองซ้ายมองขวาว่าต้องซื้อตั๋วตรงไหน  หลังจากนั้นไม่นานก็เห็นพนักงานตรวจตั๋วเดินมาที่ตู้เรา  คนมีตั๋วแล้วก็ยื่นให้เขา  ส่วนคนที่ยังไม่มีตั๋วก็สามารถซื้อตรงนั้นได้เลย  ราคาคนละ 860 เยน

    นี่ซื้อแบบ 2 คนไปเลย  ได้มา 1 ใบ  ประหยัดกระดาษดีนะ

    หลังจากนั้นก็เริ่มรู้สึกว่า…  หิวว่ะ  เลยล้วงขนมปังที่ซื้อจาก Kibiya Bakery มากิน ฮืออออ  อร่อย อยากกลับไปอีก

    ภาพในขวน KAIJI 101 ถ่ายมาแค่นี้  สั่นด้วย  ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่มีอารมณ์ถ่ายเลย

    เท่าที่สังเกตมีคนญี่ปุ่นมากันเป็นครอบครัวบ้าง  มีคุณตาคุณยายสะพายเป้เล็ก ๆ มากันเป็นคู่  มองดูแล้วก็เพลินดี  ตอนแรกคิดว่าวันธรรมดาจะเจอแต่นักท่องเที่ยวซะอีก

     

    พอไปถึงสถานี Otsuki  โอ๊ยยย  ความโกลาหลมีจริง  ไม่รู้ฝูงนักท่องเที่ยวมาจากไหนกันเป็นร้อยเป็นพัน  ชานชาลาเต็มไปด้วยคนจนแน่นไปหมด  ตอนนั้นคิดแค่ว่าไม่หลงกับพี่ก็พอแล้ว  เรามองหาว่าแล้วจะเปลี่ยนรถไป  Fujikyu Railway ยังไงวะ  ต้องซื้อตั๋วใหม่หรือเปล่า  พอเห็นคนไปต่อแถวกันก็เลยคิดว่า  อ๋อ  คงต้องซื้อตั๋วใหม่ตรงนี้ (คิดเองอีก  แหม)  เรามองเวลาแล้วคิดในใจ  จะทันขบวนนี้หรือเปล่าวะ  ขณะที่ต่อแถวรออยู่พนักงานก็เดินมาขอดูตั๋วแล้วถามว่าตอนมามายังไง  เราบอกว่าใช้ IC Card แปะเข้ามาแล้วโชว์ตั๋วที่ซื้อบนตู้  เขาก็บอกว่าใช้  IC Card แปะออกไปนอกสถานีแล้วแปะอีกครั้งเพื่อไปขึ้นรถไฟได้เลย  สาสสสสสสสส  แล้วกูจะต่อแถวทำไมเนี่ย  พอเดินไปต่อแถวเพื่อแปะ IC Card จะออกนอกสถานี  อ้าว เชี่ย  ตังค์ไม่พออีก  รถไฟก็ออกไปพอดี  เราเลยบอกพี่  เออ  งั้นขบวนถัดไปละกันเนอะ  ขอเดินไปเติมตังค์แป๊บ  พอเดินไปเติมตังค์เสร็จก็ตั้งสติได้  เราจะรีบทำไม  รถไฟยังมีอีกตั้งหลายขบวน  แค่ไม่ได้นั่งขบวนที่เป็นรถด่วนรูปฟูจิซังก็แค่นั้นเอง

    พอเติมตังค์เสร็จก็เดินมากดไอ้นี่ออกมาขวดนึงนึกว่าเป็นนมช็อกโกแลต  พอดูดี ๆ อ้าว  นมกาแฟนี่หว่า  แต่ก็อร่อยดี

    หลังจากที่รถด่วนออกไปแล้ว  ระหว่างรอรถไฟขบวนท้องถิ่น มันมีรถไฟหน้าตาบ้าน ๆ สีเงินแถบน้ำเงิน ออกเวลา 11:03 กับอีกขบวนที่จะออก 11:18 เรามอง ๆ แล้วก็ยังไม่แน่ใจว่ามันคือขบวนไหน  แต่ขบวนสีเงินเห็นคนขึ้นกันเยอะจนเกือบเต็มแล้ว  สักพักขบวนสีแดงก็มาจอด ซึ่งเราก็เดาว่า เฮ้ย ขบวนนี้ต้องออกตอน 11:18 แน่เลย เลยบอกพี่ว่านั่งขบวนนี้ดีกว่า  แต่ก็ไม่มั่นใจอีกว่าใช่หรือเปล่า เลยเดินไปถามพนักงานว่านี่มันไปคาวากุจิโกะมั้ย นางก็ทำหน้าตื่นๆแล้วรีบชี้ไปที่ขบวนบ้าน ๆ ซึ่งกำลังจะออกพอดี  เราเลยแบบ อ้าว… ต้องไปขบวนนู้นเหรอ พอขึ้นปุ๊บรถก็ออกทันที เลยต้องนั่งขบวนบ้าน ๆ ไป

    พอรถไฟจอดปุ๊บคนวิ่งมาถ่ายกันใหญ่เลย  (เราเองก็เช่นกัน)  ลองมองเข้าไปข้างในแล้วมันดูเป็นรถไฟท่องเที่ยวจริง ๆ  มีที่นั่งสวย ๆ  ตอนแรกก็นึกเสียดายที่ไม่ได้นั่งขบวนสีแดงนี้  แต่พอนั่งขบวนบ้าน ๆ ดูแล้วก็ชอบเหมือนกันนะ

    ตอนขึ้นรถไฟเห็นท้ายขบวนมันเต็ม  หลายคนก็ยืน  เราเลยลองเดินมาด้านหน้า  ปรากฏว่า…  อ้าว  ก็ว่างนี่นา  เราเลยเลือกไปนั่งใกล้ ๆ หัวขบวน

    พอนั่งรถไฟไปสักพักก็เห็น…

    เชี่ยยยยย ทำไมมันชัดขนาดนี้  ไม่ได้เตรียมใจว่าจะได้เห็นชัด ๆ  T ^ T

    นั่งดูข้างทางไปสักพัก  เพิ่งระลึกได้ว่า  อ้าว  บ้านแถว ๆ นี้ถูกคลุมไปด้วยหิมะทั้งนั้นเลยนี่นา  ตอนเห็นที่สถานีก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะมันเหมือนพวกน้ำแข็งในช่องฟรีซที่ละลายไม่หมด  พอมาเห็นภาพทิวทัศน์รอบ ๆ ตัวปกคลุมไปด้วยสีขาวนี่มันสวยดีนะ  นี่ก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เห็น

    ยืนเกาะกระจกดูวิวไปเรื่อย ๆ จนถึงปลายทาง

    “เบิ่งซะให้เต็มตา”  มาโกโตะไม่ได้กล่าว

    เจอสถานีนี้มีภาษาไทยด้วย  เห็นแค่สถานีนี้นะ  สถานีอื่นเราไม่เห็น

    นั่งสักพักก็มาถึงแล้ว  เห็นรถด่วนจอดอยู่ที่สถานี  คือนายไม่รอเราเลยอ่ะ ไม่ต้องมายิ้ม 55555

    ถึงสถานีคาวากุจิโกะก็เที่ยง ๆ พอดี  เลยมองหามื้อกลางวัน  หันไปเห็นร้านนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามสถานีเลยตัดสินใจเอาร้านนี้แหละ  ใกล้ดี  คนไม่ค่อยแน่นมาก

    ตัวร้านอาหารอยู่ชั้น 2  เดินขึ้นบันไดไปทางขวา  กินเสร็จแล้วให้ลงมาจ่ายตังค์ด้านล่างซึ่งเป็นร้านขายของฝาก  เข้าไปในร้านเจอคนไทยกลุ่มนึง  แล้วก็นักท่องเที่ยวจีน  มองไปอีกด้านจะเห็นซาลารีมังกำลังจะสั่งอาหาร  เราเลือกกินแฮมเบิร์ก  โอยยยย อร่อยมาก เนื้อนุ่มมาก  กินไปมองฟูจิซังไป

    พออิ่มแล้วก็กลับมาตั้งต้นหน้าสถานีก่อน  เอาไงดี  เริ่มจากการฝากสัมภาระสำหรับคืนนี้ไว้ในล็อกเกอร์ละกัน  เพราะแจ้งทางโรงแรมไว้ว่าจะเช็กอินประมาณ 4 โมงเย็น  หลังจากนั้นก็ซื้อ 2 day pass  เพื่อใช้นั่งรถบัสชมทะเลสาบ

    แสงเยอะเกิน  รู้สึกถ่ายรูปยาก 55555

    ซื้อเสร็จก็มารอรถบัส  เราได้นั่งคันนี้  ตอนแรกคิดว่า เออ… รถบัสญี่ปุ่นมันก็คงจะขับนิ่มนวลแบบญี่ปุ่นสไตล์  แต่…  มันไม่ใช่อ่ะ  เราว่าคนขับต้องเคยมาฝึกงานกับรถร่วมแน่ ๆ  โอย นี่มันญาติสาย 8 ชัด ๆ  เหวี่ยงทีนี่เซกันทั้งรถ  เราว่าเราได้ฝึกฝนการยืนบนรถเมล์มาจากประเทศแห่งหนึ่งแล้วก็ยังไม่อาจยืนนิ่ง ๆ อยู่บนรถบัสคันนี้ได้  ฮรึก

    รูปรถบัสนี่ถ่ายตอนขากลับ  ท้องฟ้านี่คนละเรื่องกันเลย

     

    หลังจากนั้นก็ไปเริ่มต้นที่ Rope Way ซื้อตั๋วต่างหากอีกคนละใบ



    ระยะทางของกระเช้าไม่ยาวเท่าที่คิดนะ  แล้วคนก็อัดแน่นเป็นปลากระป๋องเชียว  แป๊บ ๆ ก็ถึงด้านบน

    และแล้วก็ขึ้นมาถึงด้านบน  คนเพียบเลย  เราจะมองข้าม ๆ มันไปนะ  ฟูจิซังอวดโฉมให้เห็นเต็มตาเลย  สวยมาก  ถ่ายยังไงก็ไม่สวยเท่าตาเห็น

    ข้างบนหนาวแต่ไม่ถึงขั้นทรมาน  เราเลยเดินไปซื้อดังโงะและชามา 1 เซ็ต  มันหวาน ๆ เค็ม ๆ บอกไม่ถูกว่าอร่อยไหม  พี่เราบอกว่าซอสมันเนี่ยคล้าย ๆ พวกซอสที่ใช้กับแซลมอนย่างซีอิ๊วเลยว่ะ 55555

    ระหว่างที่นั่งกินก็หันไปเห็นดาดฟ้า(?)ของร้านขายของ  เลยเดินขึ้นบันไดไปชมฟูจิซังอีกมุม  โอ้โห  สวยมาก  สวยกว่าที่เมื่อกี้อีก


    ฟูจิซังไถข้างด้วย  เท่สึส (เดี๋ยว…)

    มอง ๆ อยู่พี่เราก็บอกว่า  ถ่ายให้เหมือนทานุกิกำลังชมฟูจิซังหน่อยสิ  เราก็โอเค

    ชมฟูจิซังจนสมใจแล้วก็ลงมาด้านล่าง  มองซ้ายมองขวาไม่รู้จะทำอะไรต่อดี  หันไปเห็นร้านนึงมีป้ายซอฟต์ครีมเลยเดินไปลองชิมหน่อยซิ  เป็นซอฟต์ครีมน้ำผึ้ง  อร่อยดีอะ

    ระหว่างที่รอซอฟต์ครีมพนักงานก็เอาน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งมาให้ชิม  อร่อยมากกกกก พอลองมองไปรอบ ๆ ร้าน  ร้านนี้ชื่อร้าน Sugi Bee เป็นร้านที่ขายผลิตภันฑ์จากน้ำผึ้ง  มีตั้งแต่น้ำผึ้งผสมส้ม  มะนาว  เกรปฟรุต ขายทั้งแบบขวดและแบบซองใช้แทนไซรัปเลยก็ได้  พวกผลิตภันฑ์เกี่ยวกับหน้าก็มี  สบู่  มาส์ก  ครีม  ขนมก็มี  เดินไปเดินมาก็ได้ของออกมาจากร้านถุงนึงแบบงง ๆ

    หลังจากนั้นก็นั่งรถคุณปู่ไปยงจุดชมฟูจิซังอีกจุดนึง  คันนี้ขับไม่เหวี่ยงเท่าคันนู้น 555555

    ก่อนมาเราไม่ได้คาดหวังจริง ๆ ว่าจะได้เห็นชัดขนาดนี้  ดีใจมากจริง ๆ ที่ได้เห็น  รู้สึกว่าแค่นี้ก็มีความสุขละ

    ลมแรงเหลือเกิน

     

    รู้สึกเพลีย ๆ แล้วก็เลยนั่งรถกลับมาที่สถานี  เอากระเป๋าที่ฝากไว้  เดินไปตรงอินฟอร์มเมชันบอกให้พนักงานช่วยโทรเรียกรถจากโรงแรมมารับให้หน่อย  นั่งรอสักพักรถก็มารับ  หน้าโรงแรมมีบอกชื่อแขกที่เข้าพักวันนี้ด้วย  มีคนไทยหลายกลุ่มเลย

    ตอนจองเลือกห้องแบบญี่ปุ่นไว้  อยากสัมผัสบรรยากาศเรียวกัง  แม้จะเป็นห้องสูบบุหรี่ได้ก็ตาม  ในห้องยังคงมีกลิ่นบุหรี่หลงเหลืออยู่  เครื่องฟอกอากาศคงไม่สามารถกำจัดกลิ่นทั้งหมดไปได้สินะ  วิวจากห้องมองออกไปเห็นฟูจิซังด้วย  เอาสิ  เห็นตลอดเวลาแบบนี้  มองซะให้พอใจ

    นั่ง ๆ นอน ๆ สักพักก็ได้เวลาอาหารเย็น  ก่อนไปห้องอาหารก็แวะสำรวจล็อบบี้  ดูเหมือนเจ้าของจะชอบอะไรที่เป็นสไตล์ฝรั่งเศสนะ

    มีเครื่องพิมพ์ดีดด้วย ห้ามจับนะ 

    เรากับพี่เลือกชุดอาหารแบบญี่ปุ่นไป  จัดมาสวยงาม  กินเป็นลำดับขั้นตอน  อร่อยนะ  แต่รู้สึกยาก


    อันนี้อะไรไม่รู้  หน้าตาเหมือนลูกชิ้นทอดเสิร์ฟคู่กับพริกเกลือ


    กลับขึ้นมาบนห้องเขาก็ปูที่นอนไว้ให้แล้ว


    ความตั้งใจเดิมคือกะจะไปแช่ออนเซน  แต่พอลองโผล่เข้าไปดู  อ้าว มันเป็นแค่ห้องอาบน้ำรวม(ที่แยกชาย-หญิง) ไม่ใช่อ่างไม้หรือพวกอ่างกลางแจ้งอะไรพวกนี้  เลยคิดว่ากลับมาแช่ในห้องตัวเองก็ได้  เพราะขี้เกียจเดินออกมาแล้ว  ตอนเปิดน้ำตั้งให้มันร้อนเกินไปหน่อย  มีความสุกมากเกินไป  เลยแช่ได้ไม่นานเท่าที่คิด  พอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มานอนกลิ้ง  พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้ามาชมฟูจิซังต่อ(?)

     

    – จบวันที่ 3 –

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in