เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
โตเกียวเที่ยวแรกในแบบของเราSor Winchester
002 : ตามมังงะไป Ikebukuro
  • หลังจากที่อิ่มท้องแล้วก็ไป Ikebukuro กันต่อ 

    วิธีการเดินทางคือนั่งสาย Marunouchi Line โดยกลับมาขึ้นที่สถานีเดิมนี่แหละ  จะว่าไปแล้วสถานีรถไฟของที่นี่คือจะอยู่ในตัวตึกดูกลมกลืนไปกับบ้านเรือนดีนะ  ยกเว้นพวกสถานีใหญ่ ๆ ที่ดูแยกออกมาเป็นเอกเทศหรือไม่ก็พวกสถานีที่อยู่นอกเมืองถึงจะดูเป็นสถานีไปเลย  จนคิดว่าถ้าไม่สังเกตอาจจะเดินผ่านไปเลยก็ได้

    ก่อนอื่น  ต้องเล่านิดนึงว่าทำไมถึงอยากไป Ikebukuro  ตอนเด็ก ๆ เคยอ่านการ์ตูนเรื่อง Gals เป็นการ์ตูนเกี่ยวกับสาวซ่าชื่อโคโตบุกิ รันและผองเพื่อน  พวกนางเป็นสาวซ่าส์ที่อยู่ย่าน Shibuya และมีสาวซ่าส์คู่แข่ง(?)จาก Ikebukuro ที่ชอบมาหาเรื่องถึงถิ่นอยู่เป็นประจำ

    (ภาพจาก en.wikipedia)


    ตั้งแต่ตอนนั้นก็สงสัยว่า Ikebukuro นี่มันคือที่ไหนวะ  พอโตมาก็ลืม ๆ มันไป  จนกระทั่งเมื่อหลายปีก่อนได้ดูละครเรื่อง IWGP ซึ่งย่อมาจาก Ikebukuro West Gate Park เป็นละครที่สร้างมาจากมังงะชื่อเรื่องเดียวกัน  เป็นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในย่านอิเคะบุคะโระฝั่งตะวันตก  ทั้งเรื่องแก๊งสี  เรื่องยา  คดีฆาตกรรม  ละครมันสนุกมาก ๆ  ดาราที่เล่นเรื่องนี้ปัจจุบันก็เป็นดาราดัง ๆ ทั้งนั้น (Nagase Tomoya , Kubozuka Yusuke , Kato Ai , Sato Ryuta , YamaP , Tsumabuki Satoshi) ใครชอบญี่ปุ่นต้องรู้จักชื่อดาราพวกนี้ทั้งนั้นอะ 5555555

    นอกจากนั้น  Durarara ก็ยังทำให้เราอยากมาเห็นที่นี่ด้วยตาตัวเอง  อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง  เคยมีคนตามรอยสถานที่ใน DRRR เอาไว้แบบเทียบภาพต่อภาพด้วย  เราไม่ได้ตามละเอียดแบบเขานะ  ไปดูแค่บางส่วนเท่านั้น  และถ้าจะให้ได้บรรยากาศแบบในเรื่องเราว่ามันต้องมาตอนกลางคืน  แต่เรามาตอนกลางวัน  เลยได้อีกบรรยากาศแทน


    พอมาถึงปุ๊บ  เราก็มองหา West Exit ก่อนเลย  เพราะ Nishiguchi Park นั้นอยู่ฝั่งตะวันตก  ส่วนพวกแหล่งช้อปปิ้งอย่าง Sunshine City หรือ Animate พวกนี้จะอยู่ฝั่งตะวันออก

    ก่อนมา  เราได้หาข้อมูลเอาไว้บ้างว่าในวันหยุด Nishiguchi Park จะมีจัดอีเวนท์ หรือไม่ก็มีตลาดนัดขายของมือสอง  และวันที่เรามาเป็นวันอาทิตย์พอดี  วันนี้ก็เลยได้เห็นบรรยากาศแบบครึกครื้น  มีตั้งเวทีร้องเพลง  คนขนของออกมาแบกะดินขายกัน  โค้ทตัวละ 500 เยน  ถูกมากกกก และพวกของกระจุกกระจิกเต็มไปหมด

    หลังจากพอใจกับฝั่งตะวันตกแล้วก็เดินกลับเข้าไปในสถานีเพื่อไปทะลุออกฝั่งตะวันออก  เพื่อไปซื้อของใช้ที่ขาดเหลือและเดินเล่น  เดิน ๆ มาก็เจอเจ้าพวกนี้เลยถูกดึงดูเข้าไป  แต่….  คีบไม่ได้สักตัว 5555555555

    มองไปฝั่งตรงข้ามก็เจอโรงหนัง  เลยเดินเข้าไปถ่ายรูปด้วยความติ่ง  กรี๊ดดดด โอคาดะะะะะะะะะะะะ

    ตอนเดินอยู่แถว ๆ โทได รู้สึกคนน้อย  ที่แท้เขามาอยู่ที่นี่กันนี่เอง  คนเยอะมาก ๆ  พอเห็น ABC Mart เรากับพี่ก็พุ่งตัวเข้าไปเพื่อตามหารองเท้า  แต่ว่า…  ที่อิเคะบุคุโระทั้ง 2 ร้านนั้นไม่มีไซส์  เสียใจ  พนักงานก็ขอโทษขอโพยใหญ่เลย OTL

    หลังจากนั้นก็ไม่รู้จะไปไหนแล้ว  เลยคิดว่างั้นไป Nippori ต่อเลยดีกว่า  เลยกลับไปทางสถานี  แต่สะดุดตาสิ่งนี้ที่อยู่หน้าบิ๊กคาเมร่า  ส่อง ๆ ดูแล้วเหมือนจะเป็นยาจุดกันยุง (อิคุมะมงนี่มัน….)

    พอเข้ามาในสถานีก็ไปถ่ายรูปอิเคะฟุคุโระ  ซึ่งเป็นจุดนัดพบของสถานีนี้  เราตั้งใจว่าถ้ามาที่นี่จะต้องถ่ายรูปมันกลับไป  เพราะมีฉากนึงใน IWGP ที่ยามะพีขโมยอิเคะฟุคุโระเอามาให้โทโมโยะเพราะอยากจะเข้ากลุ่มด้วย เราทับใจมาก 5555555555  พอไปถึงก็เห็นคนยืนรอบ ๆ ฟุคุโระเต็มเลย

    หลังจากนั้นก็นั่ง Yamanote Line ไป Nippori  เหตุผลที่จะไปที่นี่คือจะไปกินเนื้อย่างร้าน Bouya  พี่เราบอกว่ามันเป็นร้านดัง  ยังไม่มีรีวิวภาษาไทยด้วย  ไปลองกันหน่อยไหม  จองไว้ก่อนก็ดี  เพราะเสี่ยงต่อการไม่มีโต๊ะว่าง  เราก็เลยจองไปตอน 1 ทุ่มตรง  จองทางเว็บไซต์ของร้าน ไม่มีภาษาอังกฤษด้วย 5555555

    และที่ Nippori เป็นย่านที่ดังเรื่องผ้า  มีร้านขายผ้าเต็มไปหมด  น่าจะประมาณพาหุรัดบ้านเราล่ะมั้ง  จากที่เราลองหาข้อมูลดูคร่าว ๆ พบว่าย่านนี้ร้านปิดประมาณ 6 โมงเย็น  ตอนนั้นยังไม่ 5 โมงเลยกะไปเดินดูพวกผ้าทอให้แม่  แต่พอไปถึงร้านปิดเกือบหมดแล้ว  ตลาดวายของจริง…

    ส่วนทางไป Nippori Textile Town ก็ไม่ยาก  จะมีป้ายบอกทางอยู่เป็นระยะ

    ถ้ามาเร็วกว่านี้น่าจะดี  ย่านนี้เราว่าน่าเดิน  คนไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไหร่  เราชอบนะ

    แต่พอเดิน ๆ ไปสักพักก็เห็นร้านเปิดอยู่ร้านนึง  เลยได้ผ้ากลับไปให้แม่ตามที่ตั้งใจไว้

    อากาศวันนั้นหนาวมาก  ลองเปิดดูประมาณ 8 องศาเซลเซียส  พอมองนาฬิกาแล้วประมาณ 5 โมงกว่า ๆ เอง  กว่าจะถึงเวลาที่จองร้านเนื้อย่างเอาไว้ก็อีกนาน  เลยลองเสี่ยงดวงกลับไปที่ร้าน  ถ้าว่างก็กินเลย  ถ้าไม่ว่างก็กลับ  และโชคดีมากที่มีโต๊ะว่างโต๊ะนึงพอดี

    ร้าน Bouya อยู่ไม่ไกลจากสถานี Nippori เท่าไหร่ น่าจะประมาณไม่เกิน 400 เมตรมั้ง  ข้างในร้านไม่ใหญ่มาก  กะด้วยสายตาคร่าว ๆ มีไม่ถึง 10 โต๊ะ  พนักงานพอพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง  มีแนะนำวิธีกิน  เรากับพี่ลองสั่งมาเซ็ตนึง  เนื้ออร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก รู้สึกเหมือนเนื้อที่กินมาทั้งชีวิตเป็นของปลอม

    สั่งสลัดมาด้วย  อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ผักสดมาก แงงงง

    เมนูไม่มีภาษาอังกฤษ  สั่งเซ็ตสำหรับ 2 คนมากิน

    พอกินเนื้อเสร็จก็แวะซื้อไอติม Pablo อร่อยนะ กลิ่นมันหอมมาก หอมเหมือนขนมอบ  รสชาติหวาน ๆ มัน ๆ


    เสร็จแล้วก็กลับไปที่สถานี Ueno ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้  แล้วนั่ง Yamanote Line ไปลงสถานี Uguisudani เพื่อเข้าที่พัก  2 คืนแรกนอนที่ Oak Hostel Zen ซึ่งมารู้ที่หลังว่าไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้เลย  เพราะหนาวมาก  เหนื่อยมากด้วย  เราชอบที่นี่นะ  พนักงานน่ารัก เป็นกันเอง ห้องโอเค สะอาด มีของพร้อม ทั้งยูกาตะ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ แชมพู ไดร์เป่าผม แต่ปลั๊กน้อยไปหน่อย มีจุดเดียว (เอาปลั๊กพ่วงมาก็ยังรู้สึกไม่พอ) ชั้น 3 มีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ที่นอนสะอาด นุ่ม สบาย ข้อเสียอย่างเดียวที่เจอคือผนังบางไปหน่อย  แล้วโชคร้ายตรงที่ห้องติดกันมีเด็กผีมาพัก  ส่งเสียงดังน่ารำคาญ  แต่เราก็หลับสนิทไปด้วยความเหนื่อย

    แถมรูปไอติมวาราบิโมจิที่พี่ซื้อมาลอง  อร่อยดี  เรากินไปคำเดียวเพราะอิ่มจะตายแหล่ว


    – จบวันแรก –

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in