เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
the beatrice playlistgiftmeme
Beatrice Russo






  • john



    คราบช็อกโกแลตบนปลายนิ้วของลินทั้งขมทั้งหวาน จอห์นทราบจากการใช้ลิ้นแตะก่อนจะลงน้ำหนักเพื่อลิ้มรสอย่างถ้วนถี่จากนิ้วชี้ไปยังนิ้วหัวแม่มือ ปิดท้ายด้วยการใช้ฟันขบกัดเบา ๆ ลงบนเล็บแข็งและเนื้อแสนอ่อนนุ่ม ราวกับว่านั่นคือขนม s'more ที่คู่นอนของตนเพิ่งละเมียดกินคำแล้วคำเล่าจนหมดชิ้นไปเมื่อครู่ ลินจะอนุญาตให้ตนเองกินของหวานได้สัปดาห์ละหนสองหนหลังจากร่วมรัก ไม่ว่าจะเป็นเพราะต้องการพลังงานทดแทนหรือด้วยเหตุผลกลใด แต่บางครั้งจอห์นก็อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายผลักคนที่พร้อมร่วงหล่นอย่างเขาลงบนเตียงเหมือนล้มโดมิโนบ่อย ๆ เพียงเพราะต้องการข้ออ้างในการกินขนมและเผาผลาญแคลอรีเท่านั้นเอง เอาเถิด  ใช่ว่าเขาจะบ่นเสียเมื่อไหร่ ถือว่าเป็นผลประโยชน์ซ่อนเร้นที่มาพร้อมกับคู่นอนชั่วครั้งชั่วคราวก็คงได้

    ลินจิ๊ปากเหมือนไม่สบอารมณ์แล้วขยับมือให้พ้นราวกับรู้สันดานไม่ซื่อของคนอย่างเขา "เหมือนหมา" เจ้าของห้องว่า ลุกพาร่างเปลือยเปล่าอันประกอบขึ้นจากเส้นโค้งเว้าที่พระเจ้าบรรจงสลักเสลาไปยังห้องน้ำ แม้การรู้จักทุกตารางนิ้วของพื้นผิวร่างกายจะเป็นคนละเรื่องกับการเข้าใจสิ่งที่อยู่ภายในและภายนอกเนื้อหนังมังสา แต่จอห์นค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่าลินไม่มีทางเช็ดรอยเปื้อนสกปรกลงบนของใกล้มืออย่างเด็ดขาด ต่อให้ผ้าปูที่นอนสีเทาเข้มที่รองรับอะไรต่อมิอะไรจะมีชะตาต้องลงไปอยู่ในเครื่องซักผ้าหลังจากนี้ก็ตาม เสียงน้ำไหลต่อเนื่องทำให้พออนุมานได้ว่าลินคงล้างมืออย่างเอาเป็นเอาตาย ดูเหมือนว่าสัมผัสที่เป็นข้อยกเว้นสำหรับชายหนุ่มจะมีเพียงเซ็กส์และดอกไม้แค่สองอย่าง จอห์นถอนใจยาว ขณะที่ดอกทิวลิปสีส้มในแจกันหลังตู้มองมาอย่างสมเพชเวทนา ผิดด้วยหรือที่หวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกวาบหวามไปกับสัมผัสที่แผ่วเบาที่สุดดังเช่นชั่วโมงก่อนบ้าง ปลายนิ้วไม่ได้ต่างจากใบหู ลำคอ สะดือ หรือต้นขาเสียหน่อย 

    "ยังไม่ไปอีกเหรอครับ" — กำลังจะเคลิ้มหลับอยู่แล้วตอนเสียงทุ้มแต่นุ่มลื่นเหมือนผ้าแพรของลินตบเข้าที่โสตประสาทอย่างจัง จอห์นผุดลุกขึ้นเหมือนถูกจับได้ว่าแอบหลับบนเตียงคนอื่นเช่นเด็กหญิงในนิทาน เจ้าของห้องหยิบเสื้อเชิ้ต กางเกงสแล็ก และแม้แต่บ็อกเซอร์ที่เขาใส่หลังเลิกงานยื่นให้ ทั้งหมดถูกพับอย่างประณีตราวกับว่าไม่เคยถูกเหวี่ยงไปคนละทิศคนละทางมาก่อน สมกับเป็นลินที่ละเอียดรอบคอบเสียจนทำให้ความใส่ใจเดินข้ามเส้นไปเข้าพวกกับความเย็นชาหน้าตาเฉย อีกฝ่ายขีดเอาไว้ชัดแล้วว่าสิ่งใดทำได้และไม่ได้ แต่จอห์นก็ชอบทดสอบว่าจะทำให้เส้นแบ่งนั้นเลือนรางหรือเลอะเทอะได้หรือไม่ อย่างเช่นการทดลองพูดว่า "ของีบสักพักไม่ได้เหรอ ยังไม่เช้าสักหน่อย" เพื่อพบความเงียบงันเป็นคำตอบ ในห้องมีเพียงกลิ่นแชมพูหอมฟุ้งจากเรือนผมและเรือนกายที่มีหยาดน้ำพราวของลินเท่านั้น

    หลังจากยอมจำนน พวกเขาต่างคนต่างแต่งกาย แม้จอห์นจะลอบมองเงาสลัวของลินที่สะท้อนบนกระจกบานสูงไม่วางตา แต่เจ้าของห้องก็ไม่ได้เอ่ยคำตำหนิอะไรทั้งที่ไม่มีทางพลาดแววตากระหายซึ่งถูกเปิดโปงผ่านกระจกบานเดียวกัน ความสัมพันธ์ของเขากับลินก็เป็นแบบนี้เอง มิได้แปลกแตกต่างไปจากสามเดือนก่อนที่เขาย้ายมายังเมืองนี้และซื้อดอกไม้ช่อแรกจาก "ร้านของคุณยาย" ที่มีชายหนุ่มเป็นเจ้าของ และไม่ได้ต่างจากตอนที่ลินพูดขึ้นมาว่า "ผมว่าผมอยากจูบคุณ" และจอห์นตอบว่า "ก็เอาสิ" เลยแม้แต่น้อย ถึงจะกอดรัดกันกี่ค่ำคืนและหยอกเย้ากันอย่างเปล่าประโยชน์สักกี่ครั้งก็ไม่ได้เปลี่ยนแก่นแท้ของความสัมพันธ์นี้ ซึ่งมองอีกทีก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์อะไรเลย

    ลินไม่ได้สวมชุดนอน แต่เป็นชุดทำงาน ขาดก็แต่ผ้ากันเปื้อนที่จอห์นไม่ค่อยเห็นเปื้อนแม้จะสวมมาทั้งวัน "เช้าแล้วต่างหาก" เจ้าตัวแจ้งหลังจากเดินไปเปิดม่านและทำให้ทั้งห้องกลายเป็นสีน้ำเงินอมเทา "เพราะฝนตกเลยไม่เห็นแสงอาทิตย์หรอกครับ" 

    สายฝนพร่างพรมแผ่วเบาจนแทบไม่รู้ว่ามาเยือน ฝนประเภทที่อ้อยอิ่งไปเรื่อยจนกว่าแสงอาทิตย์จะฝ่าเมฆครึ้มออกมาผลัดเวร วันนี้จะมีลูกค้าออกมาบ้างหรือเปล่า จอห์นสงสัย เป็นความสงสัยเพื่อฆ่าเวลาโดยไม่ได้มีนัยว่าทุกข์ร้อนอะไร พอเขาหันหลังกลับไปเพื่อจะถามความเห็นของคนร่วมห้อง ปรากฏว่าลินหายตัวลงไปชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว เสียงเลื่อนประตูหน้าร้านดังขึ้นมาเหมือนหัวเราะเยาะเย้ย ไม่ว่าฝนจะตกหรือฟ้าจะทลาย คนอื่น ๆ ต้องทำมาหากินกันทั้งนั้น เป็นไปได้ว่าหุ้นส่วนร้านกาแฟของเขาก็น่าจะคิดแบบนี้เช่นกัน

    จอห์นคว้าแจ็กเก็ตที่ลินคลุมไว้กับพนักเก้าอี้อย่างดีและเดินลงไป








    lin




    "เกะกะครับ" ลินอยากจะพูดออกไป แต่เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงทำหน้าตาเหมือนหางลู่หูตกและพันแข้งพันขามากกว่าเดิม เขาจึงเลือกเร่งฝีเท้าเพื่อขนย้ายช่อดอกไม้จากหลังรถกระบะเข้าร้านให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุด หยาดน้ำฝนจากร่มที่จอห์นถือมาคลุมให้โดยไม่ได้ร้องขอหยดลงบนข้อมือ เย็นเฉียบจนทำให้ขนลุกพอ ๆ กับความคิดที่ว่าคุณลุงคนส่งดอกไม้จะรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นผู้ชายสูง 180 เซนติเมตรสองคนทำอะไรงก ๆ เงิ่น ๆ แบบนั้น ก่อนหน้านี้ ช่วงที่กลับมารับช่วงร้านใหม่ ๆ เขาเคยไร้เดียงสาถึงขั้นปั่นจักรยานไปเอาดอกไม้จากสวนเพราะโน้ตที่คุณยายแปะเอาไว้บนผนัง แต่หลังจากลงเอยด้วยการล้มคว่ำกลางทางเพราะช่วงท้ายรับน้ำหนักเกิน เจ้าของสวนจึงเดินทางมาส่งของถึงหน้าบ้านเหมือนครั้งคุณยายยังอยู่ ลินคิดว่าเขาน่าจะทั้งมีน้ำใจและอยากติดตามดูว่าคนเป็นหลานชายจะรักษาร้านแห่งนี้ไว้ได้สักกี่น้ำ แน่นอนว่าเขาคงไม่ล่วงรู้หรือกระทั่งนึกฝันด้วยซ้ำว่ามีเงินกี่หลักอยู่ในบัญชีธนาคารของลิน หาไม่แล้วเขาก็คงจดจำกันได้ตั้งแต่แรก

    "หนุ่มเมืองหลวงที่หอบจิตวิญญาณอันบอบช้ำกลับมายังบ้านเกิดและเป็นเจ้าของร้านดอกไม้ต่อจากคุณยาย" จอห์นเคยรำพึงเอาไว้หลังจากพวกเขานอนด้วยกันครั้งแรก "เหมือนตัวละครในนิยายสักเรื่องเลย" — เขาไม่แน่ใจนักว่าอีกฝ่ายนึกถึงนิยายประเภทไหน แต่อย่างน้อย ๆ นั่นน่าจะใกล้เคียงกับความคิดที่พวกคนเฒ่าคนแก่หรือรุ่นพ่อแม่ในหมู่บ้านมีต่อตัวเขาอยู่  — เด็กหนุ่มผู้ลาจากที่นี่ไปหวนกลับมาเพราะพบว่าเมืองหลวงอยู่ยากเย็นเกินไป หรือไม่ก็มาอยู่เผื่อหวังขายมรดกในสักวันหนึ่ง ลินรู้สึกว่าตนเองไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไร มีเพียงจอห์นเท่านั้นที่รู้ได้โดยไม่ต้องบอก อีกทั้งยังทึกทักถึง "จิตวิญญาณอันบอบช้ำ" ของเขาอย่างน่าไม่อาย แต่ก็เพราะอย่างนั้น (ลินคิด) อีกฝ่ายจึงเป็นสหายเพียงคนเดียวที่ลินแค่สื่อสารด้วยการปรายตามองหรือทอดถอนใจ จากนั้นผ้าผ่อนทั้งหลายก็ถูกเปลื้องออกโดยไม่มากความ เฉกเช่นรหัสที่ถูกไขโดยสายลับพลัดถิ่นที่เผอิญสบตากันในบาร์

    ลินนับเงินสดก่อนส่งให้เจ้าของสวน คุณลุงเอ่ยปากว่า "ดีจังนะ วันนี้มีคนมาช่วยซะด้วย" พลางบุ้ยใบ้ไปยังจอห์นที่ยืนยิ้มแฉ่งจนลินต้องแก้ความเข้าใจเสียใหม่ว่าคนที่ยืนเจ๋ออยู่ข้าง ๆ เป็นลูกค้าที่มารอซื้อดอกไม้แต่เช้า เขาไม่ถือว่าตัวเองโกหกอะไรเพราะไม่ช้าก็เร็วเจ้าตัวก็ต้องซื้อไปใส่แจกันที่คาเฟ่อยู่ดี ลินโบกมือให้คุณลุงและบอกให้ขับรถระวัง ๆ บนถนนที่ลื่น

    "วันนี้ผมต้องซื้อดอกไม้สินะ" จอห์นเอ่ยหลังจากมองรถกระบะสีเทาเคลื่อนไปจนลับตา "คุณได้กินขนมหวาน ส่วนผมต้องซื้อดอกไม้กลับไป"

    "นั่นก็เพื่อให้ผมมีเงินซื้อขนมหวาน" ลินตอบ "จากร้านของคุณด้วยซ้ำ" 

    ลินหันไปมองตัวอักษรสีดำบนผนังสีขาวของอาคารข้าง ๆ ที่เรียงกันเป็นคำว่า beatrice นั่นคือคาเฟ่ของจอห์นที่ร่วมหุ้นกับรุ่นน้องอีกคน ผู้ซึ่งลินลงความเห็นว่าเป็นเจ้าของร้านตัวจริงและมาจากคนละเผ่าพันธุ์กับมนุษย์ที่เขาพาขึ้นเตียงโดยสิ้นเชิง สมอร์รสเลิศหรือช็อกโกแลตทาร์ตรสเข้มข้นไม่ใช่ผลงานที่จอห์นจะอ้างความดีความชอบได้ แม้แต่ดอกไม้ก็ยังเป็นความคิดของหุ้นส่วนคนที่ว่า จอห์นผู้แพ้ละอองเกสรแบบอ่อน ๆ มีหน้าที่เดินออกจากร้านเพียงสิบก้าวและรับอะไรก็ตามที่ลินเลือกให้กลับไป 

    "เป็นการสนับสนุนกันระหว่างผู้ประกอบการที่ดีนะ" จอห์นว่า "จะกินให้บ่อยกว่านี้ก็ยังได้เลย"

    รอยยิ้มพิมพ์ใจที่ทำให้หญิงสาวต่อแถวซื้อกาแฟที่อีกฝ่ายชงไม่ได้ผลกับลิน เขาหันไปมองชื่อร้านแสนเรียบง่ายอีกครั้ง อีกไม่นานหุ้นส่วนของจอห์นคงเดินมาเปิดร้านอย่างขยันขันแข็งและมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชาถ้าหากยังโอ้เอ้อยู่ตรงนี้ แต่ว่า 

    "ชื่อร้านนี่" ลินเอ่ย "ทำไมถึงตั้งชื่อนี้เหรอ"

    "อ๋อ" เจ้าของคาเฟ่ส่งเสียงร่าเริงราวกับรอตอบคำถามนี้มานานแสนนาน "ชื่อรักแรกของผมเอง"

    เบ-อา-ตริ-เช่ จอห์นออกเสียงตามสำเนียงอิตาเลียน สองพยางค์แรกรวบรัดและเน้นหนักพยางค์ที่สาม ลินไม่รู้ว่าเขาเคยมีความหลังอันใดบนผืนแผ่นดินนั้นหรือไม่ แต่นามนั้นที่เปล่งออกจากริมฝีปากผู้สร้างดันไพเราะเสียจนให้ชีวิตใหม่กับตัวอักษรเย็นเยียบบนอาคารขึ้นมาทันตา เบ-อา-ตริ-เช่, เบียทริซ หล่อนจะเป็นหญิงสาวเช่นใดและป่านนี้อยู่แห่งหนใดกันหนอ 

    "จริง ๆ แล้วมีกุหลาบอังกฤษชื่อเบียทริซอยู่ด้วย" ลินว่า ตั้งใจพูดกับตัวเองมากกว่าให้อีกคนฟัง แต่ก็สายไปแล้ว

    "ดีเลย งั้นคุณต้องหาให้ผมสักช่อแล้วแหละ" จอห์นดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที

    "คงยากหน่อย" ลินตอบตามความจริง "เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันครับ"

    เขายื่นช่อกุหลาบขาวพันธุ์หาง่ายกว่านั้นมากให้อีกฝ่าย มันยังอัดกันแน่นอยู่ในกระดาษหนังสือพิมพ์ซึ่งเจ้าของสวนห่อมาส่ง จอห์นทำท่าเหมือนจะถามว่าทำไมวันนี้ลินไม่แม้แต่จะลิดหนามหรือใบให้เขาสักหน่อย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เอ่ยคำใด ลินรับร่มของตัวเองจากมืออีกฝ่ายเป็นการแลกเปลี่ยน มือของจอห์นที่เขาสัมผัสผ่าน ๆ เย็นเฉียบเหมือนเพิ่งจุ่มลงในถังน้ำแข็ง จนเขาต้องออกปากว่า "รีบไปเถอะครับ อย่ามัวแต่ยืนตากฝน" 

    ลินไม่ได้คลุมร่มไปส่งจอห์นเหมือนที่จอห์นลำบากคลุมร่มตามเขาเที่ยวแล้วเที่ยวเล่า ผู้ชายสูงโย่งคนนั้นจึงวิ่งเร็วจี๋เข้าไปในตรอกข้าง ๆ เพื่อเข้าร้านของตัวเองจากทางด้านหลัง ไม่นานนักแสงไฟสีส้มนวลก็สว่างไสวออกมาจาก beatrice ทีละดวง แต่บานเลื่อนสีขาวข้างหน้ายังไม่ถูกยกขึ้น

    ลินทิ้งช่อดอกไม้หลายสิบช่อไว้อย่างนั้นแล้วเดินกลับไปนอน



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
pennyrobinn (@pennyrobinn)
ชอบการบรรยายมากเลยค่ะ ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย อ่านแล้วอินไปกับทุกตัวอักษรจริงๆ เพลงก็เพราะมากค่ะ เพิ่มเข้าเพลย์ลิสต์เราเรียบร้อย
die young (@teenageblue)
ภาษาสวยมากจริงๆค่ะ ชื่อเบียทริซก็เพราะมากเลย นึกถึงผู้หญิงผมยาวนั่งวาดรูปอยู่กลางดงดอกกุหลาบและน้องแมวอีกหนึ่งตัว อะไรเทือกๆนั้นเลย
pinchofzong (@pinchofzong)
ฮ่า คุณลินเขามีความยื่นกุหลาบให้โดยไม่ตัดหนามนะคะ แมวจริงๆ
verywhalee (@verywhalee)
ชอบบรรทัด
—หล่อนจะเป็นหญิงสาวเช่นไร และอยู่แห่งหนใดกันหนอ มากเลยค่ะ ภาษาสวยมากเลยค่ะ✨
pan. (@opacity_jeelet)
คุณลินเหมือนคุณแมวเหมียวแสนหยิ่ง ที่ไม่ชอบวุ่นวายกับเจ้าพวกมานูดเท่าไหร่ แต่ก็ยินดีถ้ามนุษย์มายุ่งด้วยแบบไม่พูดให้มากความ ส่วนจอห์นคือมนุษย์คนนั้น ที่พยายามเข้าใกล้แบบเนียนๆแต่ก็โดนตะปบกลับ ชอบพล็อตเรื่องกับบรรยากาศของเรื่องจังเลยค่ะ ดูเรื่อยๆแต่แอบแฝงปมอะไรบางอย่างเอาไว้ บางทีดูเซ็กซี่ เย้ายวนแต่ไม่คุกคามกันมากจนเกินไป

ถึงคุณไม่รู้จะเขียนเรื่องต่ออีกยาวเท่าไหร่แต่ก็จะคอยอ่านอย่างใจจดใจจ่อเลยนะคะ