เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Movie(s)Red Suanmali
Eternals (2021) การเมืองในครอบครัวที่เห็นต่างอย่างไม่สันติ
  • Eternals


    หนังฉายโรงเรื่องสุดท้ายประจำปี 2021 ของ MCU (Marvel Cinematic Universe) ที่นำมาซึ่งความแปลกใหม่ด้วยการเป็นหนังเรื่องแรกของจักรวาลฮีโร่รายได้พันล้านที่มีมะเขือเน่าแปะหน้าในเว็บ Rotten Tomatoes อีกทั้งยังมีเสียงความเห็นที่แตกไปมาระหว่างคนดูทั้งสองฝ่ายอย่างน่าฉงนใจ


    หากว่ากันตามตรง ความยาว 2 ชั่วโมง 37 นาที แลดูยังคงสั้นไปสำหรับหนังเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าในช่วงต้นจะมีการให้พื้นที่สำหรับปูพื้นเพ รวมไปถึงการให้เหล่าตัวละครได้มีเวลาพบปะสังสรรค์ พูดคุยหยอกล้อ รำลึกความหลังกันตามประสาเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่พบกันในงานคืนสู่เหย้า กล่าวได้ว่าทุกช่วงเวลาที่หนังมอบให้ตัวละครได้พบพากันและทำความรู้จักกับคนดูนั้นสามารถสร้างรอยยิ้มควบคู่ไปกับความเพลิดเพลินได้อย่างไร้ที่ติ ซึ่งก็ชัดเจนพอแล้วว่า หนังเรื่องนี้ขับเคลื่อนทุกองค์ประกอบความดี (ที่ไม่ใช่ความยุติธรรม) ผ่านตัวละคร แต่จากที่กล่าวไปข้างต้น ด้วยเวลาที่ไม่มากพอ คนดูจึงแทบจะไม่มีโอกาสได้รู้ลึกถึงสายสัมพันธ์ของเหล่าตัวละครมากหน้าหลายตานี้ แม้บางส่วนจะถูกเล่าออกมาผ่านคำพูด ทว่ามันก็ยังไม่เพียงพอจะทำให้คนดูเข้าใจความรู้สึกที่เหล่าตัวละครต่างมีให้กันอย่างลึกซึ้งได้


    ในขณะเดียวกัน เมื่อถึงคราวต้องเล่าถึงเนื้อเรื่องที่ถูกปูมาอย่างยิ่งใหญ่ หนังกลับไม่สามารถทำให้มันยิ่งใหญ่ได้ตามที่ควรจะเป็น เพราะด้วยความจำเป็นในการนำเวลาช่วงต้นไปใช้กับตัวละคร ส่งผลให้หนังไม่มีเวลามากพอจะแตะต้องเนื้อเรื่องอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เห็นได้ชัดจากการที่ตัวละคร ธีน่า (แองเจลีน่า โจลี่) นั้นถูกเล่าถึงสภาวะอันสำคัญต่อเนื้อเรื่องของเธอเพียงผิวเผิน และถูกคลายลงอย่างง่ายดายในองก์ 3 ที่ไม่ค่อยจะเป็นระเบียบนัก ไคลแมกซ์ของเรื่องที่มีพื้นฐานอยู่บนประเด็น “เห็นต่างอย่างไม่สันติ” ซึ่งสามารถขยับขยายกลายเป็นการต่อสู้ทางอุดมคติและศรัทธาของเหล่าตัวละคร เปรียบเสมือนภาพตัวแทนการเมืองในปัจจุบันได้อย่างครบเครื่อง แต่จนแล้วจนรอดหนังกลับเลือกที่จะไม่ทำให้สุดทาง ทุกอย่างในตอนท้ายจึงออกมาไม่ค่อยจะสมเกียรติของตัวละครสักเท่าไหร่


    อย่างไรก็ตาม Eternals ก็ยังคงเป็นหนัง Marvel อยู่วันยังค่ำ โดยเฉพาะกับวิธีการเล่าเรื่องในช่วงท้าย ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงสิ่งที่หนังยกระดับขึ้น คือ ฉากแอคชั่นที่ดูเหนือจริงแต่ติดดิน (ในองก์ 1 และ 2) นับว่าเป็นการสร้างมาตรฐานคิวบู๊ให้เรื่องต่อ ๆ ไปได้อย่างควรทำตาม นอกจากนี้การกำกับของ โคลอี้ เจา ก็อัดแน่นไปด้วยแพชชั่นที่สามารถทำให้หนังกลายเป็น “หนังชั้นดี” ได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายกับการสะดุดขาตัวเองล้มในช่วงองก์ 3 จนล้มลงไปนอนกองไม่เป็นท่า


    เขียนโดย: พัทธนันท์ สวนมะลิ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in