เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แดดร้อนในวันอย่างนี้nordy
บทนำ
  • จะไปทำใจได้อย่างไร

    ลึกลงไป ลึกลงไป ใต้พื้นธรณีเมืองหลวง ยังมีเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ นับร้อยเล็ดลอดออกมา คนมากมายพร้อมใจเดินไม่ตรงจังหวะราวกับวงซิมโฟนีออร์เคสตราบรรเลงเพลงสรรเสริญแก่วันแย่ ๆ ที่ผ่านพ้นไปอีกวัน

    ภาพอันไม่เป็นระเบียบของชาวเมืองเหล่านั้น ทำให้ค่ำคืนนี้ดูครึกครื้นกว่าทุกวัน

    ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ
    เบื้องล่างนี้ ไม่มีใครจะยิ่งใหญ่ไปกว่าพาหนะอย่าง รถไฟฟ้า อสูรใต้ดินผู้ทำหน้าที่กลืนกินคนจำนวนมากไปยังที่ที่ห่างไกล ไกลเกินกว่าขามนุษย์จะก้าวไปถึงในระยะเวลาเท่ากัน

    วันนี้รถไฟก็มาช้าอีกตามเคย
    ผู้คนเงยหน้ามองนาฬิกา เก็บถ้อยคำสาปแช่งระบบขนส่งสาธารณะไว้ในใจ จะทำอย่างไรได้ ชีวิตที่ไร้ทางเลือกเช่นนี้ คงจะทำได้แค่รอ

    รอเช่นเดียวกับเธอ

    เธอ ผู้มาพร้อมกระเป๋าลากใบยักษ์กักเก็บความเศร้าหมองเอาไว้จนแทบปริ เรือนผมสีน้ำตาลแดงเปล่งประกายวิบวับไปจนถึงเอวถูกปล่อยฟูฟ่องไร้การดูแล แม้สีผมจะดูโดดเด่นน่าอวดแค่ไหน เด็กสาวกลับเลือกก้มหน้าสงวนแววตาไร้วิญญาณไว้เพียงผืนดินได้จ้องมอง

    "ขอโทษครับ ขอทางหน่อยครับ" เสียงคนพนักงานรถไฟเรียกสติเธอกลับมา 

    รถขบวนใหม่มาถึงสถานีแล้ว

    สาวน้อยรีบมุดเข้าไปในตู้รถไฟ เหล่มองพนักงานรถไฟที่ร้องตะโกนเมื่อครู่แทรกตัวเข้าไปในห้องควบคุมสลับกะกับพนักงานอีกคนหนึ่ง ประตูค่อย ๆ ปิดลงพร้อมเสียงถอนหายใจของคนที่เบียดเข้ารถไฟทันเวลา และแล้ว...อสูรก็เคลื่อนขบวนอีกครั้ง

    "สถานีต่อไป สถานีสุขุมวิท ท่านสามารถเปลี่ยนเส้นทางไป..."
    เสียงประกาศตามสายดังขึ้นด้วยน้ำเสียงโทนเดิมเหมือนทุกครั้ง แต่คราวนี้กลับทำให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งในรถไฟรู้สึกหดหู่จับใจ

    เอาล่ะ สู้หน่อยแล้วกัน

    เด็กสาวกอดกระเป๋าแน่น ภาวนาให้ค่ำคืนนี้ บ้านหลังใหม่ จะต้อนรับเธอเป็นอย่างดี

  • ผ่านไปไม่นานนัก บันไดเลื่อนของสถานีก็คืนร่างเด็กสาวกลับสู่ผืนดินอีกครั้ง 

    เธอเดินตามถนนไปอีกพักหนึ่งจนมายืนอยู่หน้าปากซอยมืดสลัวตามที่ระบุในแผนที่ ถนนนั้นลึกเสียจนทางข้างหน้าเหลืองเพียงสีดำมืด ท้องฟ้าไร้ซึ่งดวงดาววันนี้ มีเพียงจันทร์ทรงกลดดวงเล็ก ๆ ที่ให้แสงไฟดั่งเทียนที่ใกล้ดับวูบ

    ขาของเธอสั่นระริกราวกับหนูที่กำลังจะถูกสัตว์ตัวใหญ่เขมือบ มือเปียกชุ่มด้วยเหงื่อกระชับกระเป๋าใบโปรดก้าวตรงเข้าไปในซอยอย่างหวาดหวั่น

    แกรบ แกรบ

    ความเงียบสงัดถูกทำลายด้วยเสียงฝีเท้าที่สัมผัสใบไม้แห้งกรอบแกรบบนพื้นถนน

    เบื้องหน้าของเธอนั้นคือประตูเหล็กดำทะมึนสูงชะลูดแกะสลักเป็นลายวิจิตรงดงาม ยอดแหลมคมส่งออร่าขู่ผู้บุกรุกที่จะเข้ามาเหยียบพื้นที่แห่งนี้ กำแพงเบื้องซ้ายของประตู มีป้ายอักษรปั๊มจมสีทองอร่ามติดอยู่ ถูกเขียนอย่างประณีตว่า 'เลิศพิพัฒน์' 

    เธอก้มมองแผนที่สลับกับป้ายอักษรนั้นจนมั่นใจว่ามาถูกที่ แล้วจึงเอื้อมมือไปกดกริ่งเล็ก ๆ ทางขวามือ

    เสียงเพลงทำนองเศร้าเหงาหงอยดังไกล ๆ มาจากเบื้องหลังประตูเหล็ก ทันทีกับลมหนาวที่พัดวาบมาหาเด็กสาวจนขนลุกชัน ความน่ากลัวในวันนี้ชวนให้หลงคิดไปว่าเธอคงจะปลุกอสูรกายอะไรบางอย่างเข้าเสียแล้ว

    แอ๊ด...
    ประตูบานยักษ์ถูกปลดล็อคโดยไร้ซึ่งเสียงฝีเท้าของสิ่งมีชีวิตใด ๆ

    เมื่อได้รับการเชื้อเชิญ เด็กสาวจึงแง้มเปิดเข้าไปโดยไม่สงสัยหรือคิดจะหันไปมองแม่กุญแจที่ปลดล็อคได้อย่างปริศนาตรงหน้าประตูเลย

    เบื้องหลังประตูบานนั้นดูยิ่งใหญ่เสียยิ่งกว่าภายนอก 

    ปรากฎภาพสวนกว้างถูกระบายสีแดงสดด้วยพุ่มดอกกุหลาบจำนวนมาก น้ำพุหินอ่อนสีขาวตั้งอยู่กลางสวนกวักมือเรียกสาวน้อยให้เดินไปชื่นชม พอละสายตาจากน้ำพุแล้ว ภาพตรงหน้ากลับดึงดูดเธอเสียยิ่งกว่าสวนกุหลาบนี้

    คฤหาสถ์หลังโตตั้งตระหง่านบนบันไดสูงราวกับปราสาทบนภูเขาของทรานซิลเวเนีย ชานหน้าคฤหาสถ์มีเก้าอี้โยกและโต๊ะจิบน้ำชาอยู่ แม้จะเป็นคฤหาสถ์ที่น่าอยู่แค่ไหน เด็กสาวกลับรู้สึกถึงความวังเวงมากกว่าความเงียบสงบหลายเท่านัก

    แอ๊ด...
    อีกครั้งที่ประตูเปิดออกราวกับจะต้อนรับเธอเข้าไปในโลกแห่งความมืด เท้าของเด็กสาวก้าวเข้าไปในบ้านโดยอัตโนมัติพร้อมกับประตูที่ปิดลง

    แกร๊ก! พรึ่บ!
    แสงไฟสว่างวาบทั่วห้องโถงพอดีกับเสียงของประตูปิด แชนเดอเลียยักษ์รีบอวดโฉมอยู่เหนือบันไดไม้วอลนัทขัดเงาปูพรมกำมะหยี่ มันทำให้นึกถึงการ์ตูนสมัยเด็กอย่าง อดัม แฟมิลี่ ขึ้นมายังไงไม่รู้ ผิดกันตรงที่คฤหาสถ์แห่งนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แม้แต่ฝุ่นซักเม็ดก็ไม่โผล่มาให้เห็น

    ก่อนสาวน้อยคนนี้จะได้ชื่นชมส่วนอื่นของบ้าน เสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นด้านหลังเธออย่างนิ่งสงบราวกับมองเห็นเธอมาเป็นเวลานานแล้ว

    "เธอจะยืนชมบ้านหลังใหม่ของตัวเองอีกนานไหม"

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in