เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
TylerTyler Lee
So Mean

  •                ผมไม่ได้อาบน้ำ ตอนนี้ตื่นมาในสภาพสวมชุดเดิมของเมื่อวาน แต่ผู้ปกครองไม่ดุผมซักคำ อยากโดนดุ โดนลากไปอาบน้ำ จับเปลี่ยนเสื้อผ้า น่าเสียดายที่เท็นจังไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะทำแบบนั้น น่าตลก ต่อให้มาร์คไม่อยู่ ผมก็อดอยู่ดี

    เมื่อคืนเท็นจังคุยกับมาร์คนานมาก คุยเสร็จก็หนีไปอาบน้ำ ไม่พูดไม่จา ส่วนผม พอวางสายจากแด๊ดดี้ปุ๊บก็จัดการ recover อีเมล์ที่ตัวเองแอบลบไป ไม่ลืมตั้งสถานะให้กลับเป็น unread เพื่อความแนบเนียน ถือซะว่าตัวเองไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนนั้นคิดว่า...เราเจอกันคนละครึ่งทางแล้วกันนะแด๊ด ผมไม่กล้าสารภาพว่าแอบอ่าน แอบลบ แต่ก็คืนข้อมูลส่วนที่เท็นจังมีสิทธิ์จะรับรู้กลับไปให้ เท่านั้นก็น่าจะพอ

                แต่ดูจากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น คงพอรู้แล้วใช่มั้ยล่ะว่ามัน...ไม่พอ 

                ผมไม่โกรธหรอกที่เท็นจังชอบลองใจตลอด เค้าเคยผ่านความสัมพันธ์ที่เหมือนจะ ‘ใช่’ แต่สุดท้ายก็พังไม่เป็นท่ามาแล้ว ผมแค่โมโหตัวเองที่ไม่ชิงสารภาพไปตรงๆตอนที่เค้าเอานมอุ่นมาให้ดื่ม แล้วถามแบบยิ้มๆว่า

                “หนูไปเล่นซนอะไรที่คอมพี่รึเปล่า”

                คำตอบที่ต่างคนต่างรู้แก่ใจมันมีอยู่แล้ว แต่ปากผมนี่สิ ดันตอบออกไปแบบอัตโนมัติเลยว่า

                “เปล่า”

                 ถือว่าเท็นจังใจดีมากแล้ว ที่รอให้ผมดื่มนมจนหมดแก้วซะก่อนถึงเริ่มเปิดฉากสอบสวน ผมดวงตกมากถึงมากที่สุด ลืมนึกไปว่าเวลาอีเมล์เข้า มันจะมี notification ขึ้นมาเป็นบอลลูนเรียงกันอยู่ตรงหน้าล็อคสกรีนของโทรศัพท์ แล้วช่วงที่เท็นจังใช้มือถือผมโทรคุยกับมาร์ค เค้าคงเปิดเครื่องตัวเองเล่นไปด้วย เช็คโน่น เช็คนี่ไปตามประสา

                ใช่แล้วล่ะ

                เท็นจังรู้แต่แรกแล้วว่ามีเด็กมือบอนแอบอ่านแอบลบ เพราะเค้ากดตรงแถบแจ้งเตือนเข้าไป แล้วไม่เจอเมลในอินบ็อกซ์ ถึงคนร้ายจะกลับใจ แอบมากู้เมลคืนให้ ก็ยังผิดที่โกหกอยู่ดี

                 เท็นจังบอกว่าตอนได้ข้อมูลมาจากรุ่นพี่ยูตะ เค้าคิดจะเปิดดูแค่ผ่านๆ เตรียมใจไว้นานแล้ว ยังไงคนอย่างไทเลอร์ลีต้องมีดาร์คไซด์ไม่ใช่น้อย ทั้งข่าวกอซซิปที่ผ่านมาแล้วผ่านไป รวมไปถึงเรื่องที่ลบออกจากอดีตไม่ได้ นั่นคือหลักฐานต่างๆนานาบนโลกโซเชียล ของพวกนี้ ผมว่ามันโหดและฝังแน่นกว่าแทททูซะอีกนะ อย่างน้อยหมึกบนผิวยังเอาเลเซอร์ลบออกได้ แต่อะไรต่อมิอะไรที่เรา (และคนอื่น) อัพขึ้น SNS หรือส่งหากันแทบจะตลอดเวลา มันตามลบยังไงก็ไม่หมด

    ไม่มีวันลบได้ ตลอดกาล

                น่าเจ็บใจนะ การกระทำของตัวผมเองนั่นแหละที่กลายเป็นแรงกระตุ้นให้เท็นจังอยากลองให้เวลากับอีเมล์มากขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าเรารู้ว่าฝ่ายนั้นมีข้อมูลอะไรอยู่ในมือ อย่างน้อยจะได้เตรียมตัวรับมือล่วงหน้าเพราะผมดูจะร้อนตัวเหลือเกิน ไม่ชิลล์อย่างที่คิด

                เมื่อคืนผมอยู่ข้างๆเท็นจัง นั่งมองเค้าเปิดดูไฟล์จากอีเมล์ ทีละภาพๆ โดนดุบ้าง โดนฟาดแขนบ้าง แต่บรรยากาศไม่ได้แย่อะไรเลย เท็นจังยังยอมให้กอด ให้เอาคางเกยไหล่ได้  คลิปแรงๆอย่างป้อนเบียร์ด้วยปาก หรือ lap dance ในปาร์ตี้ ก็ผ่านฉลุย แค่โดนงอนเล็กน้อย ตากลมๆหรี่ลงกลายเป็นขีด แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ

                เรานั่งดูไฟล์กันไปเรื่อยๆจนเกือบตีสอง โซฟาเบดนอนสบาย เกือบจะเคลิ้มแล้ว แต่ดันเจอคลิปวีดิโอที่ทำเอาผู้ปกครองผมถึงกับหน้าซีด เพิ่งรู้ว่าหลักฐานที่รุ่นพี่ยูตะมีอยู่มันอันตรายกว่าที่คิด ผมขอเตือนทุกคนที่ได้อ่านข้อความนี้ ถ้าเมื่อไหร่คุณเมาจนคุมสติตัวเองไม่ได้ จงระวังอุปกรณ์ทุกชนิดที่เรคคอร์ดได้ ไม่ว่าจะภาพหรือเสียง เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะสร้างปัญหาอะไรในวันข้างหน้า โดยเฉพาะถ้าคุณหน้าตาดี หรือป๊อปในโรงเรียน ความ attractive ของคุณอาจไม่ได้ดึงดูดแค่สิ่งสวยๆงามๆเข้ามา แต่อาจพ่วงความหายนะมาด้วย แบบไม่ทันรู้ตัว

                “ซูมหน่อยซิ นั่น...เค้าให้หนูสูบอะไร”

                “ไม่มีอะไรหรอกน่า เท็นจัง” ผมทำเป็นนิ่ง แต่ตัวเองแอบช็อคเหมือนกัน เพราะไม่รู้ตัวว่ามีคนแอบถ่ายเอาไว้ด้วย คืนนั้นน่าจะเมาแล้วโดนลากขึ้นห้อง แต่ทำไมคนลากไม่รู้จักล็อคประตูล่ะ ไม่โปรเลย

    “ที่พ่นออกมานั่น..ควันอะไร...marijuana? ช่วยบอกพี่ทีว่าหนูไม่ได้สูบอะไรแบบนั้น” ในคลิป จะเรียกว่าผมสูบก็ไม่เชิงหรอก เพราะสาวผมสีบรูเนตคนนั้นเป็นคนสูบก่อนแล้วหอบควันมาประกบปาก บทมันจะซวยก็งี้แหละ โดนแอบถ่ายไม่พอ คลิปตกอยู่ในมือศัตรูไปอีก

                “ไม่ใช่นะเท็นจัง ถ้าผมติดยา ป่านนี้แด๊ดดี้ขังผมไว้ในสถานบำบัดแล้ว ควันที่เห็นอะ มันแค่.. prescription drugs..”

                “มั่นใจเหรอ?”

                “อ..I think.” ผม(เกือบ)มั่นใจว่าเป็นยาถูกกฎหมาย(ถ้ามีใบสั่งยา)แต่เจตนาคนเสพก็หวังจะ get high แล้วสนุกกันเหมือนยาผิดกฎหมายนั่นแหละ

                “หนูรู้มั้ยว่าถ้าทางมหาลัยเห็นคลิปนี้ เค้าจะไม่สนเลยว่ามันเป็นยาอะไร” เท็นจังพูดจบก็เม้มปากแน่น ส่วนผมพยายามมองข้ามสิ่งที่ตัวเองทำกับมินิสเกิร์ตของสาวในจอ ยังดีที่คลิปมันจบเร็ว แต่ไม่ดีเลยที่ต้องมานั่งดูพร้อมเท็นจัง มัน awkward สุดๆ เพราะถึงไม่ใช่ sex tape แต่ถ้าใครเห็นก็คงเดาฉากต่อไปได้เหมือนกันหมด  

                “ตอนนั้นหนูอายุเท่าไหร่” เท็นจังถอนหายใจ ไม่ยอมมองหน้า น้ำตาที่คลออยู่ถูกเช็ดออกอย่างเร็ว

                “น่าจะไม่นานนี้มั้ง ไม่ได้เด็กมากหรอก”

                “แล้วผู้หญิงล่ะ อายุเท่าไหร่” เท็นจังคิ้วขมวดแน่น เสียงเริ่มสั่นเพราะภาพที่เห็นมันแย่จริงๆ เค้าต้องทนรับรู้ เพราะอยากปกป้องอนาคตของผม มันไม่แฟร์กับเค้าเลยซักนิด

                “ยี่สิบมั้ง ไม่ก็ยี่สิบเอ็ด” เอาจริงๆนะ ผมไม่รู้หรอก แต่ถ้าเงียบมันจะยิ่งอึดอัด

                “หนูยังเรียนไฮสคูลนี่นา ไปเจอกันได้ยังไง”  

    “..ส่วนใหญ่ก็เด็กมหาลัยทั้งนั้นอะ ช่วงนั้นผมเบื่อปาร์ตี้เด็กๆ อยากลองอะไรใหม่ๆ...” ผมยอมรับว่าพลาดไปแล้ว แต่จะไปรู้ได้ไงว่ามีแฟน ชื่อยังจำไม่ได้เลย

    “อยากลองอะไร? โดนแอบถ่ายจากนอกห้อง แปลว่าตอนทำลงไปไม่ได้ระวังอะไรเลย คลิปโดนอัพแบบนี้ผู้หญิงเค้าทำไงล่ะ” ผมน่าจะฉุกคิดได้ว่าเท็นจังไม่ได้ตั้งใจจะโมโหใส่ผมหรอก เค้าเองก็คงเครียด ไม่รู้จะระบายยังไง แต่นิสัยปากไวชอบเถียงเอาตัวรอดของผมก็ทำให้เท็นจังเสียความรู้สึกอีกจนได้

     “ผมไม่รู้ ก็เมาไง แค่สนุกกัน เค้าโตแล้วนะ ชวนผมเองก็รับผิดชอบตัวเองให้ได้สิ I wasn't responsible for that.(ผมไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบซะหน่อย)” ผมพูดออกไปได้ยังไง อยากตบปากตัวเองชะมัด

                 “อืม..นั่นสินะ” เท็นจังมองมาด้วยสายตาผิดหวังเพราะคำพูดของผมมันทำให้เค้าสะเทือนใจ แต่แป๊บเดียวก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ซ่อนความรู้สึกเอาไว้อย่างเดิม

                “Don't get me wrong, babe. (ที่รัก อย่าเข้าใจผิดนะ)” ผมกอดเท็นจังเอาไว้ กลัวเหลือเกินว่าเค้าจะผลักออก แต่เค้ากลับฝืนยิ้ม

                “ช่างมันเถอะ อีกไม่กี่รูปก็หมดแล้ว”

                “เท็นจัง...เราพอแล้วได้มั้ย ไม่เห็นต้องดูให้ครบเลย”

                “พี่ขอดูให้ครบดีกว่า อย่างน้อยจะได้เตรียมคำอธิบายไว้ล่วงหน้า เผื่อยูตะคุงเกิดเปลี่ยนใจ ส่งให้ทางมหาวิทยาลัยจริงๆ” ต้นเหตุความอึดอัดระหว่างเราเดินทางมาถึงไฟล์สุดท้าย มันเป็นภาพสกรีนช็อต text messages ธรรมดาๆ ดูไม่มีอะไรมากมายหรอก ประมาณว่าหลังจากเดทกันหนึ่งคืนกับรุ่นพี่สาวสวย ผมก็ text บอกเธอว่า ‘แล้วจะโทรหานะ’ ตามสไตล์

                 แน่ล่ะ ผมไม่เคยโทรไปอีกเลย บทสนทนามักจะจบตรงนั้นเสมอ ไม่กว่ากับคนไหน ผมว่า PI (นักสืบเอกชน) ของรุ่นพี่ยูตะทำงานใช้ได้ เหมือนจะรู้ดีว่าการขุดคุ้ยชีวิตเด็กไฮสคูลเค้าต้องทำกันยังไง คงได้ภาพมาจากอินสตาแกรม หรือไม่ก็เฟซบุ๊ค เพราะมีคอมเมนต์ติดมา ทำนองที่ว่าผู้ชายคนนี้มันก็เป็นแบบนี้แหละ

    เท็นจังถามผมว่า ‘มันจริงอย่างที่เค้าพูดกันเหรอ’ ผมตอบว่า ‘ก็คงงั้น’ การบอกปฏิเสธมันยากไป สู้ปล่อยให้รู้เองดีกว่า

    “หนูทำจนเป็นนิสัยแล้วรึไง” เท็นจังสีหน้าไม่โอเคสุดๆตอนถามประโยคนี้ แต่ถ้าพูดกันแบบตรงไปตรงมา คนน่าสงสารคือผมมากกว่า (ที่โดนตัดต่อแชท) ป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่าทำไมถึงเอาไปพูดเหมือนโดนผมหลอก จอห์นเดาว่าเพราะเค้าเป็นรุ่นพี่ที่ป๊อปมากๆในโรงเรียน เป็นเชียร์ลีดเดอร์ด้วย  พอผมไม่ง้ออาจรู้สึกเสียหน้า แต่ผมจะแฉให้เท็นจังฟังได้ยังไง มันยิ่งดูไม่เป็นสุภาพบุรุษใหญ่เลย

    “ไม่รู้สิ ก็ไม่ได้คิดอะไรด้วย จะให้คุยอะไรต่อล่ะ”   

     “เคยคิดมั้ยว่าตัวเองใจร้าย”

    “แล้วผมเคยใจร้ายกับเท็นจังรึเปล่า” ผมไม่ได้ตั้งใจจะย้อน มันเป็นแค่คำถามที่ดังวนเวียนอยู่ในหัวจนเผลอพูดออกเสียง คิดว่าโดนดุแน่ๆ แต่ตรงกันข้าม เท็นจังกอดผมแน่นเลย

    “ตอนนี้ยัง แต่อนาคต..ไม่รู้” คำตอบของเท็นจังทำให้รู้ว่ามีอะไรอีกมากมายที่ไม่กล้าพูดออกมา

     “โธ่ ที่รัก อย่าพูดแบบนี้สิ” พอลองคิดดู จากภาพความจริงที่เห็นๆกันอยู่ ถ้าผมเป็นรุ่นพี่ยูตะ ผมคงไม่อยากให้เด็กอย่างไทเลอร์ลีมายุ่งกับคนสำคัญของตัวเองเหมือนกัน แต่พอดีผมเป็นตัวเองไง เลยรู้ว่าผมรักเท็นจังไม่แพ้ใครหรอก

    “ช่างเถอะ มันผ่านไปแล้ว พี่ผิดเองที่รื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก” เท็นจังปิดจอโน้ตบุ๊ค ยกไปวางบนโต๊ะ แล้วค่อยๆเอนตัวลง ยอมให้ผมกอดไว้แน่นๆ

    “อย่ากลัวเลยนะ เท็นจังคนเก่งของผม”

    “ไม่ได้กลัวซะหน่อย แค่คิดว่าวันนึงหนูอาจจะเย็นชากับพี่ เหมือนที่ทำกับคนอื่นก็ได้” ในที่สุด เท็นจังก็ยอมให้ผมสบตา ผมรู้นะว่าเค้าก็อยากงอน อยากงอแงบ้าง แต่ต้องพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่

    “นั่นแหละ เค้าเรียกว่ากลัว” ผมจูบหน้าผากคนปากแข็ง ลูบไล้ผิวแก้มเย็นเฉียบด้วยฝ่ามืออุ่นๆ

    “ทำเป็นรู้ดี”

    “รู้สิ เพราะผมเองก็กลัว แต่กลัวแล้วไงอะ? คิดจะถอยกลับ Safe zone รึไง? อยากคบกันแบบพี่น้อง?”

    “ก็ดีนะ” ผู้ปกครองของผมยิ้มน่ารัก แววตาเศร้าๆจางลงแล้ว

    “ไม่ได้!” ห้ามล้อเล่นกับเรื่องจริงจังเด็ดขาด

    “ถ้าไม่ได้แล้วหนูถามทำไม”

    “ถามเฉยๆให้ดูใจกว้าง แต่ถ้าเท็นจังจะทำจริงๆ ผมไม่ยอม” ผมปรับโซฟาให้เอนลงอีก

    “ถ้าเปิดเทอมแล้ว...หนูยังจะน่ารักแบบนี้รึเปล่า ผู้หญิงเอเชียสวยนะ เอาใจเก่งด้วย มาร์คคงไม่เคยติวเรื่องนี้ใช่มั้ย..” ผู้ปกครองของผมบ่นงึมงำเหมือนแบตเตอร์รี่ใกล้จะหมด ดวงตาที่เคยส่งผ่านอารมณ์หลากหลายเริ่มปรือลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็ผล็อยหลับไปในอ้อมกอด  

    เท็นจังจะห่วงเรื่องนั้นไปทำไม ถ้าโลกของแด๊ดดี้มีหม่ามี้คนเดียวที่สวยพอ โลกทั้งใบของผมก็จะมีแค่เท็นจังคนเดียว

                เราสองคนอยู่ด้วยกันจนเช้า และตอนนี้เท็นจังยังหลับปุ๋ย นอนขดตัวน่ารักเหมือนเด็กเล็กๆ ผมตื่นเร็วไปหน่อย คงเพราะมีเรื่องมากมายให้คิดทบทวน แด๊ดดี้ควรภูมิใจในตัวผมนะ นี่ไง ผมรอดมาได้อย่างหวุดหวิด มาร์คลีก็เหมือนกัน สบายใจได้แล้วนะ ผมไม่ได้หมกมุ่นกับเรื่องแบบนั้นตลอดเวลาซะหน่อย อดทนได้ตั้งหลายชั่วโมงแล้ว เท่มั้ยล่ะ





    [ กลับไปอ่านต่อ ]






Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in