เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
TylerTyler Lee
Angel and Demon on my shoulder
  •              คุณเคยทะเลาะกับตัวเองมั้ย ลองจินตนาการดูนะภาพมันคล้ายๆในคอมมิคที่คนเรามี Angel นั่งอยู่บนไหล่ขวา และมี Demon นั่งอยู่บนไหล่ซ้ายต่างฝ่ายต่างพยายาม convince ให้ผมตัดสินใจไปในทางที่ตัวเองเชื่อ

                คืองี้ หลังจากแด๊ดดี้วางสาย ผมก็ปิดโคมไฟข้างเตียงจนห้องมืดสนิท ผมนอนกอดหมอนข้าง แต่สองมือยังพิมพ์ข้อความลงบล็อกไดอารี่ผ่านโทรศัพท์มือถือ ไหนๆต้องหมกมุ่นอยู่กับความคิดวกวนของตัวเองแล้ว สู้ระบายมันออกมาเป็นตัวหนังสือดีกว่า ปวดตานิดหน่อย ช่างมัน

                คืนก่อน ผมพอผมอ่านคำแปลคลิปเสียงภาษาญี่ปุ่นเสร็จ สภาพจิตใจของผมก็พร้อมวิวาททันที ผมรีบเดินไปหาเรื่องคู่กรณีถึงห้องเค้า ถ้าเค้าแจ้งตำรวจผมคงต้องการทนายจำเลยค่าตัวสูงลิ่ว ไม่งั้นคงหมดอนาคตแน่

                 แต่ช่างเหอะ มาเข้าเรื่องที่ผมกำลังทะเลาะกับตัวเองดีกว่า ผมยอมรับว่าที่แด๊ดดี้พูดมา มันก็มีเหตุผล แต่ยังมีดีเทลอีกมากที่ผมไม่ได้เล่าให้ฟังไง ถ้ารู้ทั้งหมดคง keep cool ไม่ไหวหรอก 

                หลายสิ่งหลายอย่างที่ ‘คนมาก่อน’ เค้าท้าทายและสบประมาทมาเป็นชุด มันทำให้ ‘คนมาทีหลัง’ อย่างผมต้องชั่งใจและทบทวนจุดยืนของตัวเอง นี่คัดมาเฉพาะประโยคทิ่มแทงใจ ที่จำได้แม่นแทบทุกพยางค์ Now angel and demon started arguing on my shoulder again. ผมว่า..แอนเจิลที่ชื่อหนูแทยงดูจะเข้าข้างเท็นจังซะเหลือเกิน ส่วนดีมอนที่ชื่อไทเลอร์ลีเอาแต่เกรี้ยวกราดลูกเดียว

     

             “เท็นจิคุงไม่จำเป็นต้องแคร์ใคร..หน้าที่ของนายคือตอบสนองตามที่เค้าต้องการเท่านั้น”

                หนูแทยง : รุ่นพี่เค้าพูดเพราะเค้าอยากให้นายน้อยใจ อย่าไปถือสาเลย

                ไทเลอร์ลี :  ไม่ถือได้ไง! ก็มันเป็นแบบนั้นจริงๆไม่ใช่เหรอ 

                นั่นสิ..ถึงจะรู้ว่าคนพูดไม่ได้มีเจตนาที่ดี..แต่เท็นจังแคร์ผมจริงๆเหรอ..

     

                “เค้ามีวิธีทำให้นายหลงรักหัวปักหัวปำ..จนลืมรักตัวเอง”

              หนูแทยง : เค้าไม่ได้ใช้วิธีอะไรซะหน่อย จำไม่ได้เหรอ แค่เค้ายิ้ม นายก็สติหลุดแล้ว

              ไทเลอร์ลี : ฮึ่ย! พอเราโกรธก็เข้ามากอดเห็นเราง่ายเหรอ!

              ข้อนี้น่าคิด แต่มันก็มีค่าเท่าเดิมไม่ใช่เหรอจะง่ายหรือยาก ผมก็รักเท็นจังไปแล้วนี่นา

     

              “นายจะหายใจเข้าออกเป็นเค้า เค้าจะกลายเป็นโลกทั้งใบของนาย”

              หนูแทยง : ก็เท็นจังน่ารักนี่นา นายอยู่ด้วยแล้วอบอุ่นเหมือนตอนอยู่กับหม่ามี้เลยไม่ใช่เหรอ 

              ไทเลอร์ลี : เค้าเป็นโลกทั้งใบของนายแต่นายไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะก้าวเข้าไปในโลกของเค้านะ

              เอ่อ...แทงใจดำชะมัด


              “เท็นจิคุงเป็นเจ้าของนาย แต่นายไม่เคยมีสิทธิ์ในตัวเค้า”

              หนูแทยง : ไม่จริงซะหน่อย เท็นจังเคยพูดแล้วว่าจะมีแค่ไทเลอร์คนเดียว หนักแน่นหน่อยสิ  

                ไทเลอร์ลี : แบบนี้มันก็ Secret life of Pet ดีๆนี่เอง ไร้ศักดิ์ศรีไปปะ

                คนนะไม่ใช่ลูกหมา แต่ว่า..ตอนที่ได้ยินเท็นจังสัญญาเรามีความสุขมากเลยไม่ใช่เหรอ

     

                “พื้นที่ของนายเป็นของเค้าแต่พื้นที่ของเค้าคือเขตหวงห้าม ต้องการความเป็นส่วนตัว”

                หนูแทยง : มันก็ปกตินี่ ก็เหมือนพวกของที่เขียนชื่อไว้ไง ของใครก็ของคนนั้น นายอะ คิดมาก

                ไทเลอร์ลี : หนูแทยงอย่าโลกสวย ถ้าพูดงี้ รอยสักชื่อคนอื่นบนตัวเค้าจะหมายความว่าไง เค้าเป็นของคนอื่นใช่มั้ย ชัดเลย

              อันนี้เหมือนโดนตบหน้า เฮ้อ ป่านนี้ผมยังไม่เคยเห็นข้างในห้องนอนของเท็นจังเลยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลาเค้าอยู่หน้าจอคือกำลังทำงานอะไรหรือคุยกับใครอยู่บ้าง ต่อให้แอบคุยกับคนอื่นผมก็ไม่มีทางรู้หรอก

                เดี๋ยวนะ ตอนนี้มีเสียงเคาะประตู

                ดึกขนาดนี้เท็นจังจะเข้ามาทำไมเนี่ย ปิดไฟมืดหมดแล้วแถมทะเลาะกันอยู่ไม่ใช่เหรอ อย่าใช้ไม้ตายเดิมๆสิ คิดว่าผมง่ายขนาดจะยอมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอตื่นเช้ามาก็แกล้งลืม แบบที่นากาโมโตะ ยูตะเคยหยามไว้รึเปล่า

                ได้ยินเค้าเรียกหนูแทยงๆ แต่ผมไม่เปิดไม่รู้สิ แอบดีใจที่เค้ามาหาแต่ก็กลัวว่าจะใจอ่อนยอมให้เค้าล้างสมองอย่างที่คนนั้นขู่ไว้

                เฮ้ย ผมหยุดเขียนไดอารี่ก่อนดีกว่าผมได้ยินเสียงเค้าเดินกลับมา แล้วก็..ไขกุญแจ


                สำหรับทุกคนที่กำลังอ่านอยู่ตอนนี้ ผมขอถามคุณหน่อย 

                ถ้าเค้ากอด ผมควรกอดตอบมั้ย?

                ถ้าเค้าจูบ ผมควรจูบตอบรึเปล่า?


           


    [กลับหน้าฟิค]



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in