เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องเล่าจากเขาหลักChonnajak Bk
เรื่องเล่าจากเขาหลัก 1
  • “ถึงเป็นผีผมก็อยากเจอนะครับ”
    ชายกลางคนผิวกร้านแดดข้างหน้าผมพูดขึ้น
    “คนอื่นบอกว่าเจอ มีแต่ผมที่ไม่เคยเห็น”
    เขาพูดถึงภรรยาที่สูญหายไปในเหตุการณ์คลื่นยักษ์…

    วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ที่ชายหาดเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษ ส่วนมากเป็นชาวต่างชาติกันทั้งนั้น ข้าวของที่เตรียมไปขายได้กำไรดีกันแทบทุกคน ภรรยาของเขาก็เช่นเดียวกันวันนี้ก็ออกไปขายของแต่เช้ามืด

    ครอบครัวของเขาก็เช่นเดียวกับคนอื่นๆที่ต้องช่วยกันทำงานเพื่อหาเลี้ยงดูครอบครัว เงินที่ได้มาทุกบาทก็ได้หวังว่าจะได้ส่งลูกชายลูกสาวเรียนจบสูงๆ ช่วงนี้เศรษฐกิจในครอบครัวก็กำลังดี ชายหาดที่เป็นที่นิยมช่วงนี้ช่วยให้เขาหาเงินได้คล่องขึ้น

    “ลูกชายคนโต 9 ขวบ คนเล็ก 4 ขวบ...”
    “วันนั้นสองคนเค้านั่งรถไปส่งของกับผม ตอนเย็นจะพาไปหาแม่ วันหยุดของเด็กๆเขา ถึงจะทำงานแต่ได้อยู่ที่หาดเราก็เหมือนได้พักผ่อนไปด้วย”

    ขณะกำลังขับรถห่างจากหาดที่ภรรยาขายของพอสมควร เขาเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ ผู้คนพากันวิ่งอย่างตระหนกข้ามถนนออกมาเสียงเอะอะโหวกเหวก บางคนร้องไห้พูดจาไม่รู้เรื่อง ที่ไม่ใส่เสื้อผ้าก็มี กว่าจะฟังกันได้ความเขาย้อนรถกลับไป ฝากลูกทั้งสองคนในตัวอำเภอกับญาติ ปรากฏภาพความวุ่นวายเหมือนกับมีจลาจล รถพยาบาล รถตำรวจอะไรต่อมิอะไร ทั้งคนมากมาย เขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นนึกถึงภรรยาที่อยู่หน้าหาด แต่ตอนนี้เอารถเข้าไม่ได้เสียแล้ว

    เขาจอดรถทิ้งไว้แล้ววิ่งตรงไปที่หาดผ่านผู้คนมากมาย กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่ว คนบาดเจ็บมีมาก สิ่งที่เขาได้ยินจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะออกมาจากตัวเมืองนั้นแทบจะเป็นสิ่งที่ไม่่น่าเชื่อเลยว่าจะมีเกิดขึ้นจริง

    “น่ากลัว...ภาพนั้นมันเหลือเชื่อมันดูเกินความจริง”
    “ยิ่งไปเห็นสภาพตรงนั้นแล้วยิ่งไม่น่าเชื่อ ไม่มีอะไรเหลือเลย แล้วคนในนั้นจะมีชีวิตรอดได้ยังไง”

    ชายหาดเต็มไปด้วยขยะเศษซากและศพมากมายเกินกว่าที่จะเชื่อได้ว่ามันเกิดขึ้นจริง เสียงร้องระงมขอความช่วยเหลือ เสียงร้องโอดโอย คนที่ยังพอลุกได้ก็ช่วยกันออกมา ท่ามกลางความวุ่นวายและเศษซากปรักหักพัง

    เขาวิ่งไปทั่วเหมือนคนบ้าปากเรียกชื่อภรรยาพลิกดูศพนั้นศพนี้ด้วยความหวัง ทุกครั้งก็ยังนึกว่าขอให้ไม่ใช่ภรรยาของตนแล้วไปพบว่ายังปลอดภัยอยู่ที่ใดที่หนึ่ง หรือถ้าเป็นอะไรไป อย่างน้อยขอให้เจอศพก็ยังดี

    ตั้งแต่เช้าจนแดดเริ่มหมดลงการดำเนินการหาผู้รอดชีวิตจากหลายหน่วยงานยังคงรีบเร่งอยู่ หลายคนยังพยายามตามหาญาติพี่น้องของตนเอง ศพมากมายยังคงอยู่อย่างนั้น เนื่องจากกำลังทั้งหมดต้องมุ่งไปที่ผู้รอดชีวิตก่อน

    หลังจากที่ทุ่มเทแรงทั้งหมดค้นหาภรรยาวันตั้งแต่วันแรก จนเข้าวันที่สองเขาหมดแรงนั่งลงที่ข้างถนนหน้าหาด รถจำนวนมากวิ่งผ่านไปมาอย่างวุ่นวายทั้งขนคนเจ็บคนตาย เจ้าหน้าที่ ชาวบ้าน แต่ไม่มีภรรยาเขา ไม่มีข่าวว่าอยู่ที่ไหน

    “คนเจ็บคนตายเยอะขนาดนั้นจะถามใครคงไม่ได้ต้องพึ่งตัวเองไปก่อน”
    “ไปทุกที่แหละพลิกดูทุกศพเจอใครก็ถามแต่ตอนนั้นก็ไม่รู้กันล่ะ รถไหนใครผ่านก็จะวิ่งไปดู”

    เหตุการณ์วุ่นวายแม้แต่จะคุยกันก็ดูเหมือนจะยังไม่มีเวลา สถานการณ์อย่างนี้ใครๆก็ต้องพยายามช่วยเหลือตัวเองกันก่อน ตัวเขาเองก็ไม่ได้ฝากความหวังไว้ที่ใครมากนัก หลังจากหลายวันผ่านไปก็เริ่มหมดหวัง

    “ก็ไปแจ้งไว้ว่าสูญหาย...”
    “ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ข่าวอะไร แต่ก็รู้ว่าเขาคงไม่อยู่แล้วล่ะ"

    เขาพูดหลังจากผ่านเหตุการณ์มาแล้วกว่าครึ่งปี

    “คิดถึง อยากเจอ ยังไงก็ได้ ฝันเห็นก็ได้”…

    ราว 3–4 วันหลังวันเกิดเหตุเขาคุยกับคนรู้จักซึ่งก็เข้าไปช่วยเหลือและอยู่ในเหตุการณ์ช่วงนั้นเช่นกัน

    “เอ็งหาเมียเจอแล้วสิ”
    “ยังนี่ครับพี่เจอเหรอครับ”เขาถามน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวัง
    “อ้าว เมื่อวันนั้นตอนขับรถผ่านเห็นนั่งอยู่ด้วยกัน”…

    (เค้าโครงจากเหตุการณ์จริง ธ.ค. 2547)


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in