เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ดูดู๊วดู ดูเธอทำmaeday
JAPANESE GIRLS NEVER DIE (10/2017)
  • โมเอะไม่เคยตาย



    **Spoiled Alert**

    ไม่รู้ว่าตาเศร้าๆของฮารุโกะ (ซ้าย) ต้องการสื่อความหมายอะไรรึเปล่า
    โดนโปสเตอร์สีลูกกวาด , ใบหน้าแสนสวยของน้อง ยู อาโออิ , แอคเค้าท์รีวิวของโรงหนัง หลอกค่ะ เอิ๊กก มันไม่ได้ดีขนาดที่โปรยในหน้าหนังซะหน่อย คือมันก็มีส่วนที่ดีและส่วนที่ไม่ดี แต่สำหรับเรา หนังเรื่องนี้มันไม่กลมกล่อม การเล่าเรื่องตัดสลับแบบนี้ เราดูแล้วงง สำหรับใครที่ดูแล้วอิน ถ้าเห็นส่วนที่เราเข้าใจผิดช่วยชี้แจงด้วยละกัน

    การเล่าเรื่องแบบตัดสลับ ไปอ่านสัมภาษณ์ของ ผกก. เขาจงใจเล่าแบบนี้มากกว่าจะเล่าแบบตรงๆ เพราะอยากแสดงให้เห็นถึงความสับสนอลหม่าน ซึ่งก็ทำได้จริงๆ แต่ไม่ใช่กับหนังนะ กับคนดูนี่แหละ ช่วงแรกงงมาก ไม่แน่ว่าถ้าเล่าเรื่องตรงๆ และขยี้เหตุผลของการหายตัวไปของฮารุโกะให้มันชัดเจนกว่านี้ ภาพรวมของหนังอาจจะดีกว่านี้มาก 

    ขอเล่าคร่าวๆ นิดนึงก่อน เรื่องมันเริ่มมาจาก ยัยนางเอก ฮารุโกะ อาซูมิ (ยู อะโอะอิ) สาวออฟฟิศวัย 27 ปี ถูกแม่ใช้ไปซื้อกระดาษชำระ พอจ่ายเงินก็ดันเจอเพื่อนสมัยเด็ก ยูจิ โซกะ ที่ทำงานร้านสะดวกซื้อ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์แบบงงๆ ด้วยความที่ต่างคนก็ไม่มีแฟน ไปกินข้าวกัน ไปหาผู้ชายที่บ้าน พัฒนาไปจนนอนด้วยกัน แต่ตัวผู้ชายก็ไม่เคยชัดเจนในความสัมพันธ์ว่าเป็นแฟน ยัยนางเอกก็มโนไปเถอะว่าจะได้แต่งงานกัน ทั้งที่ความสัมพันธ์นี้มันคุณภาพแย่ อีตายูจิเนี่ย ไม่ได้มีอนาคตเล้ย บ้านเช่าเก่ายังกะโรงเก็บขยะ หน้าที่การงานก็ไม่ดี แล้ววันนึงที่ผู้หญิงที่ยูจิรักมาตลอดปรากฎตัวอีกครั้ง (ซึ่งเป็นเพื่อนเก่ากับฮารุโกะ แถมแต่งงานไปแล้วด้วยนะ สรุปอีตายูจิเนี่ยก็เป็นชู้อ่ะแหละ)  เข้าใจใช่มะว่าเรื่องมันจะไปทางไหน ชัวร์ อีตายูจิก็ตัดความสัมพันธ์กับฮารุโกะไง นางก็เคว้งเลยค่ะ

     ฮารุโกะ ยูววว ผู้ชายแบบนี้อ่ะนะที่ยูจะเอามาเป็นสามีอ่ะ หืมมมม ไหวอ่ออออ
    มาถึงจุดนี้ ฟังดูยัยฮารุโกะรักอีตายูจินี่มากนะ แต่เราว่าไม่ใช่ นางรักตัวเองต่างหาก เพราะมีหลายเหตุผลสนับสนุนความคิดที่ว่านางจะแต่งงานเพื่อหลุดพ้นจากชีวิตอันแสนน่าเบื่อ หนึ่ง! บรรยากาศในบ้านที่ไม่อบอุ่น แม่ที่สักแต่ที่ทำหน้าที่แม่บ้าน ไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นแม่ซักนิด คุณยายที่ดูแลตัวเองไม่ได้เพราะเป็นโรคอัลไซเมอร์ จนทำให้แม่วีนใส่คุณยายบ่อยๆ ส่วนพ่อก็แทบไม่มีบทบาทใด เพราะผู้ชายญี่ปุ่นส่วนใหญ่ปล่อยให้เรื่องในบ้านเป็นหน้าที่ของภรรยา 

    เหตุผลที่สองคือ ผลพวงจากสังคมออฟฟิศที่นางเอกทำงานอยู่ เจ้านายผู้ชายสองคนขี้นินทา ชอบดูถูกพนักงานสาวใหญ่ในออฟฟิศให้อาซูมิฟัง ประมาณว่าอย่างยัยนี่คงเหี่ยวตายอยู่บนคาน แต่สวยอย่างฮารุโกะคงหาแฟนไม่ยากหรอกโนะ (ทั้งที่ตอนนั้นนางยังไม่ใคร) จนกระทั่งรุ่นพี่สาวใหญ่ประกาศแต่งงานกับชาวต่างชาติ และหลุดพ้นจากออฟฟิศเส็งเคร็ง นางก็เลยเกิด Insight ว่าถ้าได้แต่งงานบ้าง คงไม่ต้องทนฟังไอ้พวกหัวงวยนี่พล่ามไร้สาระ ในเมื่อมองไปทางไหนก็มีแต่สังคมห่วยๆ อีตายูจิความหวังสุดท้ายดันหลุดมือไปอีก ยัยฮารุโกะก็หายตัวเข้ากลีบเมฆไปเสียเฉยๆ 

    หนังไม่ได้เล่าว่าใครไปประกาศตามหาตัวฮารุโกะ อาจเป็นพ่อแม่ หรือคนที่ทำงาน แต่ก็มีใบประกาศตามหาที่เล็กๆ ติดอยู่ที่โรงพัก จนกระทั่งพวกแก๊งวัยรุ่น (ขอเรียกว่าแก๊งพ่นสี) อันประกอบด้วย ยูกิโอะ หนุ่มหัวโจก , มานาบุ หนุ่มเจี๋ยมเจี้ยม และไอนะ ยัยตัวน่ารำคาญ  (ก็จริงอ่ะ โวยวายเสียงดัง ง้องแง้ง นอนกับยูกิโอะที นอนกับมานาบุที เป็นคนประเภทต้องการความรักจากคนอื่นแต่ไม่เคยรักตัวเองอย่างแท้จริง) ได้แรงบันดาลใจจากงานกราฟฟิตี้ในหนัง คิดง่ายๆ ว่าอยากจะมีผลงานของตัวเอง จึงเอาใบหน้าของฮารุโกะในใบประกาศ มาทำเป็นงานกราฟฟิตี้ที่พ่นไปตามกำแพง ผนังต่างๆ ในเมือง กลายเป็นไวรัลที่ทุกคนพูดถึงภายในชั่วข้ามคืน 

    ไอนะ มานาบุ ยูกิโอะ
    ทีแรกแก๊งพ่นสีคิดว่ามันสนุกดีที่ทุกคนพูดถึงผลงานของตัวเอง จนกระทั่งตำรวจออกหมายจับข้อหาทำลายข้าวของ ประกอบกับมีแก๊งเด็กนักเรียนหญิงออกทำร้ายผู้ชายที่เดินคนเดียวในเวลากลางคืน ผู้ชายถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บเยอะขึ้นเรื่อยๆ แก๊งพ่นสีก็คิดว่ามันไม่สนุกล่ะ จนกระทั่งมานาบุ ถูกทำร้ายซะเอง และตำรวจสืบจนรู้ว่าฝีมือใครเป็นคนพ่นสีพวกนี้ พวกเขาถึงเลิกติดต่อกันทันที

    โทษของการทำลายข้าวของไม่ถึงขนาดติดคุก แถมมานาบุยังโชคดีได้ออกแบบงานเทศกาลของเมืองโดยใช้เทคนิคกราฟฟิตี้ที่เป็นสไตล์ของเขา ยูกิโอะที่ก่อนหน้าหนีหายเอาตัวรอดรีบกลับมาอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังไปได้ดี

    ทั้งที่ยูกิโอะเป็นคนพูดเองให้อย่าติดต่อกันอีก กระทั่งเห็นว่าผลงานของมานาบุกำลังมีคนสนใจ ก็เดินกลับเข้ามาอีกครั้ง ที่น่าเจ็บใจสำหรับเราคือ มานาบุเองก็ไม่ได้โกรธเรื่องที่โดนจับคนเดียว ยังใจดีให้ยูกิโอะเป็นศิลปินร่วมในงาน แต่ไม่มีใครตามไอนะกลับมา พอนางเห็นป้ายโฆษณาของสองคนเลยโกรธ เราคิดว่านางรู้สึกเหมือนโดนทิ้ง เลยไปเผาทำลายงานทิ้งซะ เราว่าตรงนี้ไม่เกี่ยวว่าไอนะเป็นผู้หญิงจึงถูกละเลย แต่ผู้ชายสองคนเป็นคนออกไอเดียจริงๆ ยัยไอนะนี่เป็นลูกกระจ๊อกมากกว่า เคยมีเพื่อนแปลกๆ ที่ชอบทำอะไรไม่เข้าพวกมั้ย ถ้าวันนึงเพื่อนคนนั้นออกจากกลุ่มไป คุณจะไปตามกลับมามั้ยล่ะ ก็ไม่ จริงป่ะล่ะ


    อีกจุดที่เราไม่ชอบ คือเรื่อง Girl Power นี่แหละ ผกก. คงพยายามชูเรื่องเพื่อนหญิงพลังหญิงมากกกกกก แต่ทำแบบยัดๆ ไม่เนียนเลย แก๊งเด็กหญิงที่ออกทำร้ายผู้ชายไม่มีเหตุผลแน่ชัดว่าทำเพราะอะไร ผู้ชายอาจจะเลว แต่มันก็ไม่ใช่ทุกคนป่ะวะ ต่อให้ผู้ชายเลวแล้วการทำร้ายร่างกายเค้านี่มันเทียบกันได้หรอ ใช้ตรรกะอะไรเนี่ย

    เราไม่แน่ใจวาผกก. พยายามจะทำหนังที่ตีแผ่การกดขี่ผู้หญิงภายใต้สังคมญี่ปุ่น หรือ เป็นคนกดผู้หญิงญี่ปุ่นให้ดูแย่ลงผ่านแผ่นฟิล์มกันแน่ ทั้งตัวละครที่น่ารำคาญ (ยัยไอนะ) ความคิดที่ตื้นเขิน (อยากแต่งงานเพื่อหลุดพ้นของฮารุโกะ)  อีกทั้งแก๊งค์ Girl Power ที่แสดงถึงความรุนแรง ทั้งหมดนี่มันไม่ได้ทำให้ผู้หญิงญี่ปุ่นดูดีขึ้นเลยอ่ะ หรือเราไม่ถูกจริตกับหนังแบบนี้เอง? ดูเหมือนหลายคนที่ดูก็ค่อนข้างโอเค สรุป!! คือเราเห็นความพยายามจะเล่าเรื่องผู้หญิงในสังคมญี่ปุ่นนะ แต่ว่าวิธีการเล่าของ ผกก. มันยิ่งทำให้ดูน่ารำคาญมากกว่าน่าเห็นใจ เข้าใจบ่!!!


    แล้วพบกัน(เมื่อดูหนังเรื่อง)ใหม่.

    maeday

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in