เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เก็บไว้อ่านlongshot
#The1975LiveinBangkok — 2019



  • 14 กันยายน 2019 — ความรู้สึกแรกหลังตื่นไม่ใช่ตื่นเต้น แต่เป็นง่วงนอน 

     คืนวันที่ 13 เรานอนแทบไม่หลับเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันต่อไป มันเป็นความรู้สึกหวิวๆในท้องน้อยอะ ไม่รู้สิ จะอธิบายยังไงดี คือเวลาคิดถึงมันทีไรมันก็จะเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นมา ในหัวเราไม่ยอมหยุดคิดว่าพรุ่งนี้เราจะได้ฟังอะไรบ้าง จะมีเพลงที่เราร้องไม่ได้ไหม เซ็ตลิสต์จะซ้ำเดิมไหม อะไรเทือกๆนั้น แต่โดยรวมก็คือตื่นเต้นนั่นแหละ ตื่นเต้นจนตาแข็งยันสองนาฬิกาในตอนเช้าเลย 

    ไฟลท์บินเราคือบ่ายสอง ที่ดูเหมือนโคตรจะใจเย็น (ก็ใจเย็นจริงๆนั่นแหละ) ถึงดอนเมืองตอนบ่ายสามกว่าๆโดยประมาณ มันชิวนิดนึงเพราะเรารู้ว่าประตูมันเปิดกี่โมง (ซึ่งก็คือ 19.00 น. ตามกำหนดการในตอนแรก) นั่งรถไปกินข้าวโคเรียทาวน์ ย้อนกลับมาเดินกูร์เม่ต์ที่เทอร์มินอลต่อ ชีวิตมีความสุขเหลือเกิน แต่พอเดินออกมาจากเทอร์มินอลเท่านั้นแหละ.....

    สีนี่อย่างครึ้ม มันเทาเต็มไปหมดทั้งท้องฟ้าเลยอะ ตอนนั้นคือเริ่มใจเสียนิดๆละ เพราะกลัวมันจะตกหนักตอนไปถึงที่นั่น แต่ก็พยายามใจเย็นอยู่ คิดว่ามันคงไม่เป็นอะไรมาก แต่พอเช็คทวิตเตอร์ ทวิตที่บอกว่า ‘ฝนตกหนักมาก’ ที่ไถเจอในแท็กทำให้ฉันใจเสียกว่าเดิมอีก 

    คือบ้านเพื่อนอยู่บางซ่อน ละมันต้องนั่งบีทีเอสจากอโศกไปลงหมอชิต แล้วก็ต่อเอ็มอาร์ทีไปใช่ไหม แล้วระยะทางระหว่างอโศกกับหมอชิตมันก็ไกลนิดนึง ช่วงประตูเปิดที่สถานีระหว่างทางนี่แบบ มองออกไปคือขาวเลยอะ ขาวแบบเป็นม่านหนาๆขาวๆเลย นี่ก็ร้อนใจหนักแล้ว จะมีแกร็บมารับฉันไหม ฉันจะเปียกไหมนู่นนี่ มันคิดเยอะไปหมดเลยอะ ละเจออีกทวิตประมาณว่าประตูจะเปิดเร็วขึ้นเพราะฝนตก อีนี่เหงื่อซ่กละ ชิบหาย ละจะขึ้นเร็วขึ้นเปล่าเนี่ย เพราะตามเดิมประตูเปิดทุ่มนึงอย่างที่บอก วงเปิด (น้องโรม) ขึ้นสองทุ่มครึ่ง ก็เลยคิดไปเองเลยว่างั้นโรมก็อาจจะขึ้นเร็วกว่าเดิมหนึ่งชั่วโมงสิ  ตอนนั้นก็เลยเหมือนพยายามปลง อะ เผื่อใจไว้นิดๆก็ได้ไรงี้ 

    ขึ้นเอ็มได้ละ เปียกด้วย แต่ตอนนั้นที่ออกมาจากบีที่ลงหมอชิตก็เห็นว่าฝนมันซาลงแล้วเลยเป็นใจชื้นขึ้นมานิดหน่อย พอลงเอ็ม ต้องเดินไปคอนโดเพื่อน ก็เออ เปียกอีก แต่ดีอยู่หัวไม่เปียก (ถือคติว่าทุกอย่างบนร่างกายเปียกฝนได้ยกเว้นผม) แล้วในท้ายที่สุด ฉันก็พาตัวเองขึ้นมานั่งบนรถนิสสันอัลเมร่าของคนขับแกร็บที่เรียกไว้ได้สำเร็จ (เย้) 

    แต่นั่นแหละ แม่งก็ยังไม่จบ เส้นทางการไปดูคอนเสิร์ตที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและขวากหนาม 

    แกคิดว่าตอนหกโมงเย็นคนมักจะเจอกับอะไร

    ถูก รถติด 

    อัพเลเวลความวินาศสันตะโรด้วยการคอมโบกับฝนตก มันเป็นความรู้สึกที่แบบ เออ สุดๆไปเลยชีวิตกู มันต้องเป็นเอาถึงขนาดนี้เลย 

    ประเทศกรุงเทพแม่งรถเยอะมาก รถติดแบบขยับได้ทีละสองนิ้วครึ่ง แกร็บฉันติดอยู่ตรงแถวแครายนานมาก แบบถ้ามีลูกก็คือลูกบวชแล้วจบปริญญาโทมีลูกสองคนแล้วอะ อย่างนาน จำได้ลางๆว่าขึ้นรถตอนหกโมงเศษๆ แต่ไปถึงคอนเสิร์ตเกือบทุ่มครึ่ง เออ เอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ 

    แต่ในที่สุด หลังจากผ่านอะไรมาตั้งมากมาย ฉันก็พาตัวเองมาอยู่ที่หน้าบู๊ตสแกนบัตรได้แล้ว

    สิ่งที่จะได้หลังจากการสแกนคิวอาร์โค้ดคือริสแบนด์ติดข้อมือ— สีมันจะต่างกันไปในแต่ละโซน และของฉันอยู่โซน C จะเป็นสีเขียว กับบัตร(เกือบ)แข็งมาหนึ่งใบเป็นของที่ระลึก 



      ถ่ายรูปจนพอใจแล้วก็เดินเข้าไปในฮอลล์ รู้สึกว่าโซนเรา (Zone C) คนจะพากันไปนั่งที่สแตนข้างหลังกันเยอะเลย ตอนเราเข้าไปในหลุมมันที่เยอะประมาณนึงเลยนะ ส่วนใหญ่คนที่อยู่ก็จะนั่งพื้นกันหมดละ นี่ก็เลยไปนั่งกับเขาด้วยเพราะคงไม่ขึ้นสแตน (ไม่เคยลงหลุม อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง) 

    สรุปเลยได้เกือบชิดรั้ว คือจริงๆจะเข้าไปเกาะก็ได้แหละแต่ไม่ เลยยืนอยู่ถัดรั้วมาอีกนิด แต่ดีตรงที่ข้างหน้าไม่มีคนบัง ทัศนียภาพกว้างไกลและเป็นที่น่าพอใจมาก 

    ช่วงเกือบสองทุ่มครึ่ง คนที่นั่งเริ่มลุกๆกันแล้วเพราะโรมใกล้ขึ้น ก็ไม่นานอะ สักพัักไฟก็ดับแล้วโรมก็ขึ้น (น่ารักมาก uwu) ถ้าจำไม่ผิดน้องน่าจะเล่น Saint Laurent ก่อน แล้วก็ต่อด้วย Do it again เพราะฉันร้องเพลงแรกไม่ได้แต่ร้องเพลงที่สองได้ จำลำดับเซตลิสต์น้องไม่แม่นเท่าไหร่ แต่จำเพลงในลิสต์ได้คือ 5 Ways to Bleach Your Hair (อันนี้วันแรกไม่มี), Stoned in The Valley, Cashmoney, Seventeen, Pink แล้วก็ Flowers on My Neck 

    โรมดีเกินคาดมากๆ ร้องสดดีมาก ตอนเล่นกีต้าร์เพลง 5 ways to bleach your hair ก็อย่างเท่ห์ ดีมากอยู่นะ แบบรู้สึกดีใจที่น้องได้เป็นคนเปิด (แอบรู้สึกผิดเลยเพราะตอนแรกอยากให้ Pale Waves มาเปิด) แต่โรมไม่ทำให้เราผิดหวังเลย ประทับใจสุดๆ ตอนขึ้นกับแมตตี้เพลง Narcissist ก็ดีมากๆเช่นกัน (พี่รักหนู) 

    โรมลงแล้วก็รออีกครึ่งชั่วโมง มันก็ไม่นานแหละ แป๊บเดียวเลย สักพักไฟก็ดับแล้วก็ขึ้นเพลง The 1975 (ABIIOR Ver.)  

    นี่ก็แหกปากตั้งแต่อินโทรเลย อึดอัด อยากร้องเพลง อยากเต้น หลังจบอินโทรคือ Give yourself a try นี่ก็กรี๊ดใหญ่ (ในขณะเดียวกันก็ได้คำตอบละว่าเซตลิสต์เดิมไหม ซึ่งก็คือใช่) 

    เราร้องเกือบทุกเพลงเลยอะ เพราะซ้อมมาแล้วด้วยเลยสนุกชิบหาย โชว์ดีมากจริงๆนะ โปรดักชั่นก็ดี แสงสีเสียงมาครบ เรื่องซาวนด์คือ พูดแล้วอยากร้องไห้ โคตรดี ดีมากๆ มันมีอยู่สองเพลงที่วันแรกไม่ได้เล่นคือ She Way Out กับ If I Believe You เราคิดว่า SWO นังมาแทน Love me (เพราะวันแรกเล่น Love me ) แต่อีกเซอร์ไพรส์คือ If I Believe You อะ ซาวนด์ดีมาก (คือเราชอบเพลงนี้มากๆอยู่แล้ว แล้วพอมันได้ฟังสดๆ+ซาวนด์ระดับเทพ มันเลยยิ่งอัพเกรดความฟินเข้าไปอีกอะ) จุดนั้นคือน้ำตาแม่งจะไหลแล้ว ประทับใจมาก ม า ก 

    ยอมรับว่าทั้งคอนอะรู้สึกว่ายังเต้นไม่สุด (ไม่เท่าที่หวังเอาไว้) คือบางเพลงเราโคตรอยากโยก It’s not Living (if it’s not with you) เงี้ย ไอ้เวร อยากเต้นโว้ยแม่ อยากโยกให้ตัวหลุดแต่คนข้างๆมีแต่คนสงบเสงี่ยมมันเลยเขินอะ ฉันก็เลยอะ ก็ได้ งั้นส่ายเบาๆพอ (ในหัวคืออยากโยกให้หัวหลุด) แล้วก็เป็นแบบนี้ทั้งคอนเลย มันเขินจริงๆนะ 

    เพลงที่รีแอคดีที่สุด (ในความคิดเรานะ) คือ Robbers เสียงดังมาก (มองไปข้างหน้าเต็มไปด้วยมวลมหาประชาโทรศัพท์มือถือ) ทุกคนรอบตัวพากันร้องได้ เป็นอีกโมเมนต์ที่ชอบมากๆในคอนเสิร์ตเลย 

    ถ้าถามเราเราชอบทุกเพลง เอาจริงๆนี่เป็นครั้งแรกสำหรับการไปดูมหรสพวงดนตรีที่ตัวเองชอบเพลงอะ แล้วมันก็คุ้มมาก เซ็ตลิสต์จัดมาโอเค เราจอยทุกเพลง แต่จะจอยเป็นพิเศษคือ It’s not Living (If it’s not with you), She’s American, Girls, Chocolate, Sex แล้วก็ The Sound 

    โดยเฉพาะ Sex กับ The Sound อะ แม่งเหมือนเราเก็บกด แบบอยากเต้นแต่ก็ไม่ได้เต้นสักที พอ Sex ขึ้นคือเหมือนเส้นความรู้สึกแม่งโดนกรรไกรตัดฉับ ไม่สนแล้วไอ้ชิบหายกูอยากเต้น+โซนข้างหน้า, คนข้างๆพากันโยกพอดีเลย เออ ให้มันได้แบบนี้สิวะ ละต่อด้วย The Sound (เพลงสุดท้าย) มันจะมีพาร์ทที่แมตตี้บอกให้กระโดดใช่ไหม คือโอ้โหยยยยยยยยยยยยยยยยยยย โดดยับเลยกู สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก เราชอบพาร์ทกระโดดของ The Sound ที่สุดแล้วอะในคอน สนุกแบบฮื่อ TT  ชีวิตแฮปปี้ที่สุดในโลก อยากขอบคุณ The 1975 มากๆที่ช่วยมาเป็นฝักบัวรดน้ำให้ชีวิตมัธยมปีสุดท้ายที่แห้งเหี่ยวของเรา เราประทับใจมากจริงๆนะ เป็นโชว์ที่ดีมากๆครั้งหนึ่งในชีวิตเราเลย เหมือนชีวิตคอมพลีทไปอีกหนึ่งระดับ 

    เราเลยอยากบอกทุกคนนะ สิ่งหนึ่งที่เราได้จากการไปคอนเสิร์ตในครั้งนี้คือมันทำให้เรารู้ว่า ถ้าเรามีโอกาสได้ไปคอนเสิร์ตของศิลปินที่เราชอบก็ไปเถอะ มันคุ้มจริงๆนะ เราพูดจากประสบการณ์เมื่อวานเลย มันเป็นครั้งแรกของเรา แล้วเราก็มีความสุขมากๆ 

    จริงๆมีอีกเยอะเลยที่อยากเขียนเก็บไว้ แต่ summary สิ่งที่เห็น/จำได้ชัดๆมันมีเท่านี้ ในอนาคตถ้ากลับมาอ่าน ตัวอักษรพวกนี้คงช่วยดึงดีเทลอื่นๆที่เราไม่ได้เขียนลงไปกลับมาได้ ถ้ามีคนเข้ามาอ่านจนถึงบรรทัดนี้ก็ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ จริงๆสิ่งที่กำลังเขียนอยู่เนี่ยเราตั้งใจเก็บไว้ให้ตัวเองอ่านเฉยๆ (แหะ) แต่ยังไงถ้ามีก็ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้าแล้วกัน Thank you very much naka! 

    ปล.เจอไอซ์พาริสด้วย หล่อลืมโลก หล่อจนฉันหลุดไปพักหนึ่ง แมตธิวฮีลลีย์คือใครนะ (หยอก) 










Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
VALHALLA (@vvaan)
อยากให้มาโซน A มาก ทุกคนคือจอยมาก ยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งใน concert นะ :)
longshot (@longshot)
@vvaan อยากไปเช่นกันค่ะ yy เห็นข้างหน้ากระโดดกันแล้วเรานี่อยากปีนรั้วเลย ฮื่อ ยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคอนเสิร์ตเช่นกันค่า ♡