เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SighseeingWhizPalm
Bangkok, เดินเล่นจาก 0 (1/2) + #130ththailandjapan
  •         เริ่ม Entry มาด้วยปกดูหวานแหววเหลือเกิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สาเหตุที่เราเลือกดอกไม้ชนิดนี้เป็นปกประเดิมเรื่องชิลๆในการเดินเล่น ก็เพราะ เราเชื่อว่าคนที่ผ่านไปผ่านมาบริเวณถนนราชดำเนินเอง ก็จะต้องคุ้นตากับดอกไม้นี้เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าสิ้นคิดหารูปอื่นเป็นปกไม่ได้หรอกนะ

    "We all starts at Zero"

           Quote นี้ที่ผ่านตามาเมื่อราวๆสัปดาห์ก่อน และเป็นแรงบัลดาลใจให้คิดโจทย์เท่ๆ ในการเที่ยวขึ้นมาได้ หลังจากคิดอยู่นานว่าจะเริ่มฆ่าเวลาโดยการเขียนเรื่องเที่ยวๆ จากอะไร ที่ไหน อย่างไรดี

           ส่วนที่ว่า ทำไมต้องเป็นถนนราชดำเนิน และการเริ่มเที่ยวจากถนนเส้นนี้มันเท่ยังไง เกี่ยวอะไรกับเลข 0 คำตอบง่ายๆเลยคือ เพราะ หลักกิโลเมตรที่ 0 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ตรงนี้ค่ะ ดังนั้น เลยจะเริ่มประเดิมการเที่ยวก้าวแรกจากที่นี่ ราชดำเนินกลาง ถนนสวยๆที่ได้แบบอย่างมาจากถนนชองเซลิเซ่ ในกรุงปารีส  

    ข้อความ ระบุไว้ว่า อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หนึ่งประโยชน์จริงๆ ที่เราได้ใช้จากสถาปัตยกรรมชิ้นนี้ คือ หลักกิโลเมตรที่ 0 นั่นเอง

           ส่วนที่ระบุไว้บน Title ว่านี่เป็นเพียง Part 1 จาก 2 Parts (ที่จริงๆควรมี 4 เพราะไปได้ทั้ง 4 ทิศ) สาเหตุเพราะ จากจุดนี้ เราจะแบ่งเป็นการเดินเท้า ไปทาง ซ้าย และ ขวา ตามลำดับ เพราะฉะนั้นจากบริเวณป้ายในรูปด้านบน หันหน้าเข้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เราจะเลือกมุ่งหน้าไปทางสะพานผ่านฟ้าลีลาศ(ภูเขาทอง) ก่อน



           วันที่ไปดีว่าฟ้าอึมครึม เลยไม่ร้อนมาก เดินราวๆ หนึ่งแยกนับว่าสุนทรีย์พอสมควร เพราะก็ได้ดื่มด่ำสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล (Colonial Style, Colony Architecture อิธิพลจากฝรั่งเศส)


    โคโลเนียลสไตล์กันกระทั่งแมนชั่น

           เดินไม่นานก็มาถึงแยกผ่านฟ้าลีลาศ บริเวณนั้นมีหอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ มีป้อมมหากาฬ (ขายพลุ และ ด้านหลังมีกำแพงเมืองพระนครเหลือให้เห็นได้อยู่) เลยไปอีกเล็กน้อยก็เป็นวัดสระเกศ ภูเขาทอง ซึ่งเราไม่ได้ไปทางนั้น เราจะมากันแค่ วัดราชนัดดารามวรวิหาร ที่ตั้งของ โลหะปราสาท (ใกล้กันเป็นวัดเทพธิดารามวรวิหาร ที่สุนทรภู่เคยมาบวช ปัจจุบันยังมีกุฏิเหลือไว้ให้ชมอยู่เหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์ บอกไว้เผื่อใครอยากเที่ยว เพราะรอบนี้เราไม่ได้ไปค่ะ)


    โลหะปราสาท วัดราชนัดดารามวรวิหาร 

           มาถึงตรงนี้แปลกใจค่ะ รู้สึกตกข่าวมาก ที่พึ่งรู้ว่าโลหะปราสาทเปลี่ยนยอดเป็นสีทองแล้ว (รู้สึกจะปิดทองเสร็จราวๆ ปีก่อน) จากเดิมที่เป็นสีรมดำกันสนิม ดังรูป

    รูปประมาณ 5-6 ปีก่อน ที่เราเคยถ่ายเอาไว้ ภาพนี้ถ่ายมุมสูง จากชั้นบนของสถานที่ที่เราจะไปกันเป็นลำดับต่อไป

           เดินย้อนกลับไปทางอนุสาวรีประชาธิปไตยเล็กน้อย เราจะถึง นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ อาคารที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับกรุงรัตนโกสินทร์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งเราก็จะไม่ไปดูตัวนิทรรศการหลักอีกนั่นล่ะค่ะ เวลาไม่อำนวยจริงๆ  



           ด้วยความที่เห็นข่าวของ นิทรรศการ วิเทศไมตรี 130 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - ญี่ปุ่น ผ่านตา และพอเดินมาแถวนี้เข้าจริงก็พบป้ายประชาสัมพันธ์อันใหญ่ ทำให้ต่อมอยากชมทำงานค่ะ เลยตัดสินใจที่จะใช้เวลาอยู่ที่นี่กว่า 30 นาที


    ในงานถ่ายรูปได้ค่ะ แต่เราเลือกใช้กล้องมือถือเพื่อความสะดวก ขอโทษด้วยถ้ารูปอาจมีนอยซ์ขึ้นบ้าง

           นิทรรศการ วิเทศไมตรี 130 ปี ไทย - ญี่ปุ่น จัดที่ห้องซ้ายมือ ส่วนที่เป็นห้องสำหรับนิทรรศการหมุนเวียน เข้าชมได้ฟรี และจะจัดถึงวันที่ 8 ตุลาคม 2560 เท่านั้นค่ะ (ไม่ได้ค่าโฆษณา แต่อยากให้มาดู)

           


           เข้ามาก็เจอการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากมาสคอตเด่นๆของสองประเทศเลยค่ะ ซึ่งนิทรรศการเอง ทางผู้จัดระบุไว้ว่าอยากให้เดินชมจากทางซ้ายไปขวาค่ะ และเพราะอยากให้มาดูกันเอง ดังนั้นเราจะลงรูปเพียงบางส่วน เพื่อไม่ให้เสียอรรถรสหากใครอยากจะมาชมหลังจากนี้นะคะ



           นิทรรศการเริ่มด้วยการเล่าประวัติความเป็นมาของความสัมพันธ์สองประเทศ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งเรื่องราวก็มีหลากหลาย ตั้งแต่เรื่องเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม กีฬา เทคโนโลยี อาหารการกิน การศึกษา รวมถึงมาสคอต การ์ตูน และอื่นๆด้วย


    ในสมัยสงคราม บ้านเรารับอิทธิพลเรื่องของอาวุธมาด้วย และนี่ก็เป็นดาบที่มีคมด้านเดียว ใบมีดโค้งงอตามลักษณะเฉพาะของดาบคาตานะ

    มีฮาบากิ และ ซึบะ เหมือนกัน แต่ลายที่ซึบะ(กระบังดาบ) รวมถึงด้ามดาบทั้งหมดเป็นแบบไทย

    ลูฟี่ (One Piece) กับอิธิพลด้านสื่อบันเทิง การ์ตูน และ การโปรโมท ร้านมูกิวาระ สาขา กรุงเทพฯ

    ด้านวรรณกรรม งานญี่ปุ่นแปลไทยก็ดี ไทยแปลญี่ปุ่นก็ดี อย่างความสุขของกะทินี่น่ารักมาก ปกญี่ปุ่นวาดกะทิดูมีความสุขสมชื่อจริงๆ


           ในนิทรรศการนี้ แม้ตัวงานจะไม่ใหญ่ขนาดเดินยาวได้หลายๆชั่วโมง แต่เราก็ถ่ายรูปไว้เยอะมาก เพราะรู้สึกว่าน่าสนใจหมดเลย แต่ก็อย่างที่บอกค่ะ ว่าไม่อยากสปอยงานมาก และยังยืนยันว่าอยากจะให้มาเยี่ยมชมกันเอง เลยลงรูปแค่นิดๆหน่อยๆ พอให้ Entry ดูมีอะไร ก่อนจะตัดจบเพื่อดองเขียน Part 2

           หลังจากออกมาจากอาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์แล้ว เราก็เลือกจะเดินกลับไปที่จุดเริ่มต้น บริเวณ หลักกิโลเมตรที่ 0 อีกรอบ ถึงจะดูวกไปวนมาบ้าง แต่ก็เป็นคนละฝั่ง รายละเอียดต่างๆเลยไม่เหมือนคราวแรกค่ะ ฝั่งนี้เองก็ยังคงมีสถาปัตยกรรมสวยๆตลอดทางเหมือนเดิม และยังมีหอศิลป์ร่วมสมัยราชดําเนิน ให้เข้าชมกันอีกที่ด้วยค่ะ (เท่าที่ทราบบางส่วนก็เป็นนิทรรศการเวียน เลยยังไม่ได้ใช้เวลาเข้าไปดูจริงจัง หากมีโอกาส และ ไม่ดองจะลองไปแล้วเอามาเล่านะคะ)



           เหนือสิ่งอื่นใด ท้าย Entry แล้ว ก็ขอปิดม่านด้วยภาพจุดเริ่มต้นของทริปขำๆวันว่างครึ่งวันบ่ายอีกครั้ง เพื่อที่ใน Part ที่ 2 เราจะได้เริ่มจาก หลักกิโลเมตรที่ 0 กันใหม่ โดยคราวหน้าจะไปทางขวาบ้าง ตามที่ตั้งใจเอาไว้ค่ะ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in