ภาพ จากละครเรื่องเพชรกลางไฟ ออกอากาศทางช่อง 3

          หลายคนคงเคยดูละครพีเรียดหรือละครที่ย้อนอดีตหรือนำภาพจำเกี่ยวกับอดีตมาเล่าใหม่เหมือนกับเหล้าเก่าในขวดใหม่ ที่บางเรื่องมีการฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี เพราะภาพจำของคนไทยส่วนใหญ่รับรู้ว่าในอดีตบ้านเมืองเรา มีความร่มเย็นเป็นสุข ยิ่งในสมัยสุโขทัยแล้วนั้น ยิ่งรู้เลยว่าเรามีความสุขเช่นไรดังคำในศิลาจารึกที่ว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว”ที่แสดงให้เห็นถึงความร่มเย็นเป็นสุขของผู้คนทุกหมู่เหล่าวาทกรรมถูกส่งต่อมาในรูปแบบของละครและสื่อสาธารณะภาพจำของคนไทยจึงรับรู้ว่าในอดีตนั้น เราเรียกว่าครั้งบ้านเมืองยังดี ด้วยสภาพสังคมในปัจจุบันที่หมุนเวียนด้วยกระแสทุนนิยมและเทคโนโลยีทำให้ละครพีเรียดเป็นเครื่องผ่อนคลายทางอารมณ์อีกประเภทหนึ่งที่ทำให้รับได้รับรู้วิถีชีวิตของคนไทยในอดีตในกระแสของประวัติศาสตร์แนวดิ่งและวาทกรรมของชนชั้นนำ อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าละครไทยมีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัดเริ่มมีการวางแผนเสื้อผ้า หน้าผม การแต่งกายให้มีลักษณะคล้ายกับอดีตให้ได้มากที่สุด 

ข้าพเจ้าก็ถือว่าเป็นแฟนละครพีเรียดเพราะด้วยความที่ชอบประวัติศาสตร์อยู่แล้วเลยทำให้ละครที่แสดงออกมาเหมือนปลุกภาพประวัติศาสตร์ในหัวเราให้เด่นชัดมากขึ้นและเราจะรู้สึกอินไปกับสิ่งเหล่านั้นตรงนี้ต้องยอมรับโดยดุษฎี บางทีละครจบคนไม่จบย้อนดูแล้วดูอีกสิ่งที่หน้าสนใจของละครพีเรียดอยู่ตรงที่เราจะสามารถดึงเกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมาถ่ายทอดให้คุณผู้อ่านทุกคนฟัง(สำหรับคนที่ตามอ่านเราก็ดีใจและก็ภูมิใจว่างานเขียนของเรามีคุณค่า มีประโยชน์อย่างไรเสียก็จะไม่หยุดเขียนเพราะชอบไปเสียแล้ว เป็นกำลังใจให้กันเน้อเจ้า)ยิ่งตอนนี้ทั้งละครเวที และละครโทรทัศน์ก็มีการนำละครพีเรียดหรือนวนิยายอิงประวัติศาสตร์มาทำให้เราดูมากมาย อย่างที่เรารู้จักกันดีอย่างสี่แผ่นดิน นวนิยายอมตะ ของ พลตรี มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมชที่กินใจทั้งนักอ่านและผู้ชมที่ออกมาเป็นละครเวทีและโทรทัศน์ที่ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีในเรื่องสี่แผ่นดินก็มีเกร็ดประวัติศาสตร์ที่สอดแทรกอยู่มากมายรวมถึงที่จะพูดต่อจากนี้ เราคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า  “ไปทูลเสด็จว่าจะเสด็จ ถ้าแม้เสด็จ เย็นนี้เสด็จ เสด็จจะดีพระทัย มาก รู้เรื่องไหม นังพลอย ไหนลองพูดดูซิที่ข้าพูดไปนั้นอย่างไร” นี่คงเป็นประโยคคุ้นหูของคนส่วนใหญ่เพราะปรากฏในเพลงชาววัง ของละครเวทีสี่แผ่นดินและด้วยความงามของวรรณศิลป์ของผู้เขียนที่ชวนนักอ่านหลงใหลในรสของภาษาและติดหูมาจนถึงทุกวันนี้วันนี้จึงอยากพาทุกท่านมารู้จัก   คำว่า เสด็จ 

เสด็จนอกจากกริยาที่แสดงอาการเดินแล้ว คำว่า เสด็จ ยังเป็นคำที่ใช้เรียกขานพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์ชั้น พระองค์เจ้าที่เป็นพระราชธิดาของพระเจ้าแผ่นดินที่มีพระมารดาเป็นสามัญชนดังนั้นจึงออกพระนามพระราชธิดาว่า เสด็จ อย่างเช่น เสด็จที่ชุบเลี้ยงแม่พลอยนั้นที่เรียกเสด็จได้ เนื่องจากเสด็จพระองค์หญิง (พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๔)  เป็นพระธิดาในรัชกาลที่ 4 เท่ากับว่าเป็นพระขนิษฐาในรัชกาลที่ 5 ชาววังจึงขนานนามว่า “เสด็จ” จากบางส่วนของหนังสือเรื่อง "พิเคราะห์คึกฤทธิ์ พินิจสี่แผ่นดิน" เรื่อง"ความไม่เข้าใจที่มีต่อสี่แผ่นดิน" เขียนโดย พลตรี ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ปราโมช  กล่าวว่า "อ๋อ เสด็จน่ะหรือก็เป็นน้องของพระเจ้าแผ่นดินไงเล่า น้องของรัชกาลที่ ๕ นั่นแหละแต่ว่าท่านเกิดจากเจ้าจอมมารดา ท่านก็อยู่ในวังนะซี มีเยอะแยะตั้งหลายสิบองค์ท่านเป็นพระองค์เจ้าทั้งนั้นแหละ เรียกกันสั้นๆ ว่าเสด็จ" ตรงจุดนี้เองจึงมีการนำลักษณะของตัวละครเสด็จในสี่แผ่นดินมาตีความของผู้อ่านรุ่นหลังว่าน่าจะเป็นพระองค์เจ้าองค์ใด จากการสันนิษฐานจากลักษณะนิสัย จริยวัตร ต่างๆของเสด็จ

นอกจากเสด็จในสี่แผ่นดินแล้ว ยังมีเสด็จในสี่แผ่นดินแล้วยังมีเสด็จในละครอีกหลายเรื่องซึ่งลักษณะของเสด็จก็จะมีช่วงยุคสมัยที่แตกต่างกัน เช่นเสด็จในเพชรกลางไฟ เป็นพระธิดาในรัชกาลที่ 5 เสด็จในมาลัยสามชายก็เช่นกันแต่เสด็จในมาลัยสามชายนั้นจะมีการแต่งกายที่แสดงให้เห็นว่าอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 6 นี่คือเสน่ห์ของละครพีเรียดลองไปตามดูกันนะ คืออรัมภบท   วกเรื่องนั้นเข้าเรื่องนี้ มาเยอะแบบสุดลองไปตามดูกันนะ 

ติดตามได้อีกช่องทางผ่าน Facebook page ตำนานเก่าเจ้านายสยาม 

ภาพจากละครเรื่อง สี่แผ่นดิน