เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ON THE WAYTHE PIGEON IS SEEKING
นี่แหละ"ปาย"
  •          ถ้าพูดถึง "ปาย" หลายคนคงจะรู้จักและได้ยินชื่อมาแล้วหลายครั้ง เพราะครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ติดอันดับที่เที่ยวในใจของใครหลายๆคน ถึงแม้ว่าในตอนนี้หลายคนอาจจะบอกว่า เดี๋ยวนี้ปายก็เหมือนที่เที่ยวอื่นๆ รถยนต์ นักท่องเที่ยว ความสะดวกสบาย และความเป็นเมืองเข้าไปในปายจนไม่เหลือความเป็นปายแล้ว สำหรับเราแล้วปายเป็นอำเภอในฝันของเรามาตั้งแต่เด็กๆ สมัยที่ปายบูมมากๆเราพึ่งอยู่มัธยมต้นเอง ไปต่างจังหวัดกับเพื่อนได้ไกลสุดก็แค่พัทยา เพราะฉะนั้นจะไปคนเดียวเนี่ย ยากเลย เราเลยแอบเก็บไว้ในซอกใจ (?) ของเรามานาน จริงๆเราก็ชอบปายตั้งแต่ในช่วงที่มันบูมนี่แหละ ตอนนั้นจำได้ว่าดูหนังเรื่องนึงที่เกี่ยวกับเมืองปาย แล้วชอบซีนที่ส่งโปสการ์ดจากปายไปกรุงเทพมากๆ เพราะสำหรับเด็กรุ่นใหม่เจนวายเจนซีอย่างเราแล้ว การส่งจดหมายกลายเป็นเรื่องที่หาคนทำได้ยาก ถ้าจะส่งก็เคยแต่ส่งในวิชาเรียนที่ในตัวกระดาษมีการตีเส้นคั่นหน้าคั่นหลังอะไรไม่รู้เต็มไปหมดเลย เราเลยรู้สึกว่าการส่งจดหมายหรือส่งโปสการ์ดเนี่ย มีคุณค่าทางจิตใจมากๆ
              เรารู้สึกว่าปายเป็นเมืองเล็กๆที่น่ารักและน่าอยู่ แต่ตอนนั้นเรายังเด็กจะไปที่ไกลๆอย่างแม่ฮ่องสอนก็คงต้องรอไปกับครอบครัว แต่ในการไปครั้งนี้ของเราเกิดเมื่อต้นปี 2559 เป็นทริปที่อยู่ดีๆก็เกิดขึ้น จากการเริ่มต้นคุยเรื่อง อยากไปปฏิบัติธรรม เราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เพื่อไปยังเชียงใหม่ และต่อรถไปปายอีกที 12 ชั่วโมงบนรถทัร์เป็น 12 ชั่วโมงที่หฤหรรษ์ ด้วยความที่เราไปปลายหนาวแล้ว เลยคิิดว่าไม่ต้องเตรียมเสื้อผ้าไปหนาวมากก็ได้ เครื่องกันหนาวทั้งหมดถูกเก็บไว้ใต้ท้องรถ ในสามสี่ชั่วโมงแรกยังคึกๆกับเพื่อนอยู่ คุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ วางแผนโปรแกรม ทวนตารางเที่ยวกันอีกรอบ แต่พอชั่วโมงหลังๆที่เริ่มขึ้นเขตภาคเหนือ อาจเพราะเราเดินทางตอนกลางคืนด้วย เมื่อเข้าเขตนครสวรรค์ เราก็เริ่มอยู่กันไม่สุข เพราะอากาศหนาวมาก ใส่เสื้อกางเกงและถุงเท้าอย่างละชั้น บวกกับผ้าห่มที่รถจัดให้ผืนบางๆเพียงผืนเดียว นอนขยับหาที่อุ่นกันไปจนถึงเชียงใหม่ พอลงที่เชียงใหม่ก็เตรียมขึ้นรถไปปาย ระหว่างทางไปปายนี่แหละ ที่โหดสุดๆ เหมือนเล่นรถไฟเหาะตลอดทาง โค้งแล้วโค้งอีก โค้งจนคิดว่า ทำไมไม่เปิดสวนสนุกที่นี่ไปเลย เราใช้เวลาไม่นาน เพียง 3 ชั่วโมงก็มาถึงที่ปาย สำหรับวันแรกเราใช้เวลาไปกับการปั่นจักรยานเพื่อเที่ยวปาย แต่เราค้นพบว่าจริงๆแล้วมอเตอร์ไซค์ต่างหากเป็นยานพาหนะที่เหมาะสมที่สุดในการมาเที่ยวปาย เราปั่นจากที่พักของเรา ที่อยู่บริเวณถนนคนเดิน เพื่อพบว่า เราต้องปั่นทั้งสิ้น 10 กิโลกว่าๆ เพื่อจะไปยังที่หมายที่เราอยากไปอย่างสะพานประวัติศาสตร์ ตอนแรกก็คิดว่าคงปั่นเรื่อยๆ ก็ดีไม่รีบร้อน แต่เราก็กลับพบความจริงที่ว่า มันเป็น 10กิโล ที่ปั่นขึ้นเขา ซึ่งก็ให้อรรถรสไปอีกแบบ เราปั่นกันได้เพียง 4 กิโลเราก็ยอมแพ้ ไม่ใช่แค่เพราะทางขึ้นเขาที่ชัน แต่เป็นเพราะการซ่อมถนนเกือบตลอดทั้งทาง และถนนที่ให้เราปั่น เสี่ยงต่อการถูกรถชนมาก เราจึงเลือกความปลอดภัยก่อน จากนั้นเราก็หันไปปั่นจักรยานขึ้นชมวิวที่หมูบ้านจีนยูนนาน ที่ยุนไหลแทน สิ่งที่เราค้นพบก็คือ ระหว่างทางขึ้นไป เราจะพบเห็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยกับจีนอย่างลงตัว เราจะเห็นร้านขายกาแฟที่เป็นบ้านไม้ทรงไทย แต่แขวนป้ายและโคมแบบจีนๆ คนขายพูดภาษาจีน แต่คนเสิร์ฟพูดภาษาไทย ดูไปแล้วก็น่ารักไปอีกแบบ ร้านไหนที่ขายชา ก็จะมีทั้งชาจีนที่เป็นชาเพียวๆแบบ อู่หลง หรือเป็นชาสมแบบชานม ซึ่งเราว่ามันลงตัวมากๆสำหรับการขายทั้งสองอย่างไปในเวลาเดียวกัน ตกกลางคืนเราเลือกที่จะไปเดินถนนคนเดิน เราพบว่านักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่กว่า 90% เป็นชาวตะวันตก เราเจอคนไทยอีกแค่ 4-5 คนในคืนนี้ และมีคนจีนอีกนิดหน่อย เหมือนเราหยุดมาอยู่ในแถบยุโรป หรืออังกฤษที่มีฉากหลังเป็นบ้านไม้ห้องแถว

                วันถัดมาเราตัดสินใจรวมกลุ่มกับชาวจีนที่อยู่ในที่พักเดียวกัน ซื้อทัวร์เพื่อไปยังจุดแลนด์มาร์คต่างๆของปาย เราตั้งใจกันว่ามาทั้งที เก็บที่เที่ยวแมสๆไปก่อนให้หมด อะไรที่หายาก ไปยาก ท้องถิ่นจริงๆ ค่อยไปวันที่ 2 เราอยากเห็นปายในแบบที่คนอื่นๆได้เห็นก่อน การมากับทัวร์จีนก็เป็นอีกอย่างที่แปลกใหม่ดี เราเคยไปกับทัวร์คนไทยมาแล้วก็หลายครั้ง พอขึ้นรถเสร็จทุกคนก็จะนอน คุยกับคนที่มาด้วยกัน บ้างก็ฟังไกด์ บ้างก็คุยแทรก แต่กับทัวร์จีน เขาทำให้รู้สึกว่าคนที่มาในทัวร์ด้วยกันเป็นพวกเดียวกันหมด เขาเปิดเพลงจีน ร้องเพลง เต้นประกอบเพลง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักกัน แล้วยังสอนเราเต้นตามอีกด้วย นอกจากเต้นเพลงจีนแล้ว เราก็ไม่ยอมเป็นฝ่ายตามอย่างเดียวหรอก เลยขอให้พี่ไกด์เปิดเพลงไทย แล้วโชว์บ้าง แปลเพลงให้เขาฟังบ้าง ถือเป็นวันที่สนุกมากกกกกก ที่เที่ยวที่เราชอบมากที่สุดสำหรับวันนี้คือ วัดพระธาตุแม่เย็น ที่มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งอยู่บนภูเขา เหมือนได้เห็นการผสมผสานระหว่างวัดสมัยใหม่ ที่มองไกลออกไปก็จะเห็นวัดแบบเก่าๆอยู่ข้างล่าง
                วันที่สาม วันสุดท้ายของเราที่ปาย เราต้องตื่นกันตั้งแต่ตีสาม เพื่อไปขึ้นรถไปปางอุ๋งตอนตีสี่ ปางอุ๋งเป็นอีกที่ที่ทำให้เราตัดสินใจมาที่นี่ เมื่อเราไปถึงปางอุ๋งพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นพอดี ท้องฟ้าผสมไปด้วยหลากสีสัน ทั้งสีชมพูสีม่วงและสีส้ม เป็นพระอาทิตย์์ขึ้นที่สวยที่สุดในชีวิตเรา ที่นี่ใ้ห้ความรู้สึกอบอุ่นถึงอากาศจะเย็นมากก็ตาม วิธีแก้หนาวของที่นี่ เราชอบมากเขาจะก่อกองไฟเอาไว้ตามจุดต่างๆ ซึ่งการผิงไฟนี่แหละ เป็นจุดเชื่อมคนชั้นดี เราได้คุยกับพี่คนนึงเป็นช่างกล้องอิสระ ที่จะเดินทางขึ้นเหนือมาทุกๆเดือนมกราของทุกๆปี เพราะเขาเชื่อว่า สเน่ห์ของเมืองเหนืออยู่ที่ช่วงมกรานี่แหละ พี่เขาจะมาเก็บภาพปางอุ๋งตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น จนพระอาทิตย์ขึ้นเต็มตา ตอนกลางวันก็ถ่ายรูปวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ ตั้งแต่คุณลุงดูแลโฮมสเตย์ไปจนถึง เด็กๆที่ช่วยพ่อแม่ขายของ พี่เขาโชว์รูปให้ดู น่ารักมากๆพอเรา

         กลับจากปางอุ๋ง ก็ไปต่อที่บ้านรักไทย ที่นี่เราได้กินขาหมูยูนนานร้อนๆรับกับอากาศที่ตรงกันข้าม พูดได้ง่ายๆก็คือ 'ฟินนนน' เมื่อเสร็จจากบ้านรักไทย เราก็ไปเดินสำรวจเมืองปายกันต่อ เพราะเอาจริงๆแล้ว เรายังไม่ได้เดินสำรวจรอบๆที่พักเราเลย แถวๆที่พักของเรา เราพบร้านกาแฟร้านนึงที่มี Grafiti อยู่บนกำแพง ให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปเล่นกัน เห็นแล้วก็ชอบ เพราะไม่คิดว่าเมืองที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นเมือง Slow Life จะมีอะไรฉูดฉาดๆแบบนี้กับเขาด้วย ตอนกลางคืน เรามาเดินที่ถนนคนเดินอีกครั้งเพื่อซึมซับบรรยากาศและบอกลา เราเลือกที่จะเขียนโปสการ์ดส่งไปให้ตัวเอง เพื่อนๆและคนในครอบครัว บรรยายถึงความรู้สึกของเราที่มีต่อปายในตอนนั้น กกลับมาอ่านแล้วก็รู้สึกว่า ฟุ้งอยู่เหมือนกัน คืนนี้เราเจอนักร้องคนปายคนหนึ่ ร้องเพลงที่เค้าแต่งเอง แต่เป็นทำนองล้านนาๆหน่อย ฟังแล้วเพลิน จนต้องซื้อซีดีมาเก็บไว้ เราโบกมือลาถนนคนเดิน และชีวิตตอนกลางคืนของเมืองเหนือที่เราตกหลุมรักตั้งแต่คืนแรก เพื่อไปพักผ่อน เตรียมตัวเดินทางไปยังเชียงใหม่ต่อในวันพรุ่งนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราคิดไว้เสมอคือ ยังไงเราก็จะต้องกลับมาที่นี่ใหม่ มาสัมผัสความเป็นปาย มาฟังเพลงล้านนาที่ทำให้ตอนนี้เราติดการฟังเพลงของไม้เมืองเอามากๆอีกครั้ง แล้วเจอกันใหม่นะปาย :)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in