เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Solo Trip - วีกัน & บาเกียว ทริปเที่ยวต่างแดนครั้งแรกมนุษย์ที่สังเคราะห์แสงได้
คริสต์มาสนี้ที่บาเกียว
  • ถ่ายรูปสถาปัตยกรรมสเปนราคาสบายกระเป๋าในเมืองมรดกโลก "Vigan" และไปเดินเล่นชิลๆ กับบรรยากาศคริสต์มาสที่ "Baguio" เมืองตากอากาศของฟิลิปปินส์

    ไปบาเกียวกัน

    เราขึ้นรถบัสจากวีกันมาช่วง 8-9 โมง เลยเห็นวิวข้างทางชัดเจน มีวิวหลายแบบทั้งริมทะเล ทุ่งนา ไปยันป่าเขา รถบัสที่นี่ดีอย่างหนึ่งคือเปิดเพลงให้ฟังด้วย ไม่น่าเบื่อ แต่ที่เบื่อคือคนข้างหลังที่ร้องเพลงตาม ดังมากแม่ หลับไม่ลงจ้า แล้วก็จ่ายค่าตั๋วบนรถนะ ถ้ากระเป๋ารถเมล์ยังไม่ทอนตัง อย่าเพิ่งโวยวาย เขาแค่อาจยังไม่มีตังทอน รอก่อน เดี๋ยวเขาทอนเอง ใจเย็นๆ อาจจะผ่านไปสักครึ่งทางค่อยทอน


    ความจริงวิวข้างทางสวยมากนะ แต่รูปหายหมด เหลือแต่รูปนี้

    พอเข้าใกล้เข้าเขตบาเกียวก็จะคล้ายๆ ทางขึ้นเชียงใหม่ เป็นทางภูเขา มีดอกบัวตองให้เห็นบ้าง เริ่มมีหมอกให้เห็น เราไปถึงช่วงบ่ายๆ เย็นๆ อ่ะ จำไม่ได้แล้วว่าจากท่ารถเข้าไปแถบที่พักยังไง แต่น่าจะเหมือนเดิมคือเดินหาที่พักวนไป Google เหมือนเดิม จิ้มไปที่ Session Road แถบนั้นเป็นตัวเมืองหลักของบาเกียว



    ที่บาเกียวเราจะเห็นบ้านเรือนหนาแน่นอยู่บนภูเขาประมาณนี้ อากาศที่นี่เย็นกว่าเมืองวีกันเยอะ แถมเย็นสบายตลอดทั้งปีด้วย  เขาถึงเรียกเป็นเมืองหลบร้อนของฟิลิปปินส์กัน



    เข้าที่พัก

    ที่พักคืนแรกในบาเกียว - เราจองผ่าน booking.com ชื่อ LGL1 Studio Rooms ราคาประมาณ 700 THB เหมือนเป็นหอพักนศ. ข้างล่างเป็นร้านอาหารซัมติง ไม่มีลิฟต์จ่ะ เดินขึ้นบันไดไปหลายชั้นอยู่ ไปถึงก็ไม่เจอคนที่ให้เช่านะ เหมือนเขาฝากแม่บ้านที่ดูแลหอไว้ ห้องก็โอเคเลย อยู่ในเมือง มีอุปกรณ์ครัวอะไรให้พร้อม แต่ตอนเดินขึ้นไปกว่าจะถึงห้องนี่แอบน่ากลัวอยู่นะ แล้วพอจะออกจากห้องก็แค่ทิ้งเงินไว้ในห้อง แล้วฝากกุญแจไว้ที่แม่บ้าน เออ ชิลดี


    ถนนตรงข้างหน้าหอพัก พอทะลุถนนนี้ไปก็เป็น Season Road

    เก็บของเสร็จก็ไปเดินเล่น - ในบาเกียวแถบนั้นจะมีโบสถ์ (Baguio Cathedral) และห้างใหญ่ (SM Mall) บรรยากาศเมืองคือดีแบบบรรยายไม่ถูก แต่ชอบมาก  ร้านอาหาร บาร์ อะไรงี้เยอะ เลือกเข้าตามใจชอบได้เลย เอาที่สบายใจ คร่าวๆ ก็คือเป็นเมืองภูเขาที่มีบรรยายกาศคริสต์มาส มีอากาศเย็นสบายมากกกกกกกกก เดินชิลๆ ได้ ไม่ต้องกลัวอะไร เราเนียนไปกับคนฟิลิปปินส์ได้เลย เพราะหน้าตาเราเหมือนกัน เขาจะรู้ว่าเราไม่ใช่คนฟิลิปปินส์แค่ตอนพูดเท่านั้น


     

     Our Lady of Atonement Cathedral หรือ Baguio Cathedral เป็นโบสถ์สไตล์โกธิคที่ใหญ่สุดในเมือง ตั้งอยู่บนเนินเขา ตรง Session Road นั่นแหละ เราไปถึงวันที่ 24 ธ.ค. ก็มีคนไปที่โบสถ์กันเยอะมาก น่าจะเตรียมสวดมนต์ฉลองคริสต์มาสกัน



    พอลงมาจากโบสถ์นี้ เดินไปทางซ้ายอีกหน่อยก็จะเป็นห้าง SM Mall ห้างใหญ่ของเมืองนี้ ที่นี่จะมีจุดชมวิวของเมืองอยู่ มองเห็น Baguio Cathedral ด้วย


    เราอยู่ตรงนี้นานเหมือนกัน จนพระอาทิตย์ตกดิน


    ตรงจุดชมวิวของห้าง SM Mall ไม่ต้องกลัวเหงานะ มีคนเยอะแยะไปยืนอยู่ด้วยแน่นอน แต่อาจจะเหงาเพราะเขามากันเป็นคู่เนี่ยแหละ 555


    พระอาทิตย์ตกที่นี่สวยมาก ขนาดมีก่อสร้างยังสวยเลย



               บรรยากาศตอนกลางคืนก็คือดีมาก อากาศเย็น มีไฟคริสต์มาสประดับเต็มไปหมด มีเสียงเพลงคริสต์มาสคลออยู่ตลอดทั้งถนน เราหามื้อเย็นทานแถวนั้น และแวะนั่งชิลที่บาร์นิดหน่อยก่อนกลับไปนอน


    รถขาวๆ นั่นแท็กซี่นะ

    แวะชิลที่ Bohemain Cafe ที่นี่มีดนตรีสดด้วยนะ

  • ปะ หาที่เที่ยว

    ตอนเช้าวันรุ่งขึ้น - อากาศดีมาก ดีจนไม่อยากตื่น แต่ตื่นเหอะ เสียดายตังมาเที่ยว 5555 แพลน คือ ไปสวนพฤกศาสตร์ Botanical Garden เป็นคนชอบเดินไง งกด้วยไง เดินไปเลยจ่ะ 2 โล ที่นี่เป็นเหมือนที่ท่องเที่ยวครอบครัว มีต้นไม้ใบหญ้าทั่วไป เป็นเหมือนพื้นที่สงบจิตสงบใจจากความวุ่นวายสักพักไรงี้ เราก็ไปเดินดูสวนดูต้นไม้ นั่งอ่านหนังสือเล่นแป๊บหนึ่ง 



    แล้วก็เดินกลับ- ทีนี้ขากลับเว้ย แมพไม่ได้พากลับทางเดิม คืออีนี่ก็จำทางมากไม่ได้ รู้แค่ว่าไม่ใช่ทางเดิม พาซอกแซกแรงมาก รู้สึกเหมือนเดินหลงอยู่นานมากกว่าจะโผล่กลับมาที่เดิมได้ พอกลับมาที่ห้องก็ check out ออกจากห้องมาก็เดินเลือกอยู่นานมากว่าจะเข้าร้านไหนดีมื้อกลางวัน 

    ระหว่างยืนคิดอยู่หน้าร้านเคเอฟซี มีผู้ชายวัยกลางคนค่อนไปทางปลายๆ เข้ามาคุยกับเราแล้วพยายามขอ contact ให้ได้ เรารู้สึกไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ เลยปฏิเสธไป ใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะไป พอแยกย้ายก็คิดได้เลยว่าเข้าร้านไหน เคเอฟซีเนี่ยแหละ 5555 ตกม้าตายมาก ฉันงงและเสียเอนเนอร์จี้กับผู้ชายคนนั้นไปเยอะมาก ต้องการรสชาติที่คุ้นเคยช่วยให้รู้สึกดี แต่...เคเอฟซีที่นี่ไม่มีซอสพริกน้า มีแต่ซอสแบบฟิลิปปินส์ ดับความฝันที่อยากกินไก่ทอดกับซอสพริกมาก TT

    จากนั้นก็หาแท็กซี่ไป Camp John Hay แต่กว่าจะหาทางขึ้นแท็กซี่ได้ก็แบบเร่ร่อนมาก เพราะหาแท็กซี่ไม่เจอเลย เดินหลงอยู่เกือบชั่วโมงอ่ะ งงมากแท็กซี่หายไปไหนหมด สุดท้ายก็ได้จ่ะ 


    Camp John Hay



    คือตอนนั้นไปแบบไม่รู้ว่ามันคืออะไร อ่านรีวิวมาเขาให้มาก็มา มีคนแนะนำให้มาก็มา เหมือนเป็นพื้นที่สีเขียวที่มีกิจกรรม adventure ให้เล่น มีต้นไม้เยอะๆ ให้คนไปนั่งพักผ่อน มีพื้นที่โซนช้อปปิ้งและโรงแรม ดีสุดก็ตรงต้นไม้เนี่ยแหละ ช่วงนั้นร่างกายขาดกลิ่นดิน ขาดอากาศบริสุทธิ์มาก เลยไปนั่งเล่นอยู่ข้างทางที่มีต้นไม้นานมาก


    โซนนี้จะมีคนมานั่งพักผ่อนกันเยอะมาก

    แต่เราหลบไปนั่งเล่นอยู่ตรงนี้

              สักพักก็เดินไปที่ที่เขาให้เดินเข้าไปอีกได้ เหมือนเป็นเส้นทางธรรมชาติ ตอนนั้นใกล้มืดแล้วเลยเดินเข้าไปได้นิดเดียวแล้วเรียกแท็กซี่กลับเลย


    เดินเข้าไปแล้วจะเจอแบบนี้

    แท็กซี่นี่ดีมาก - ขากลับเจอแท็กซี่เฟรนด์ลี่มาก ตอนแรกจะให้ไปส่งที่สวนสาธารณะกลาง แต่เขาว่ามันมืดแล้วอันตรายไปที่พักเลยดีกว่า ก็เลยให้เขาไปส่งที่ที่พัก ทีนี้หายากมากเลยที่พักอ่ะ คือไม่ได้จองที่เดิม เออไม่รู้ว่าเปลี่ยนทำไม งงตัวเองมาก กว่าจะเจอที่พัก ทำแท็กซี่ปวดหัวไปเลยจ่ะ

    แต่พอเจอแล้วช็อคมาก โลเคชั่นวังเวงมากแม่ เป็นบ้านเช่าเก่าๆ เว้ย เก่ามากกกก และเจอความอากาศเย็นกับประตูไม้ ประตูพองจ้า ล็อคห้องนอนไม่ได้ ไม่ใช่แค่ห้องนอนนะ ห้องน้ำก็ล็อคไม่ได้อ่ะ คิดว่าจะอาบน้ำปะละ คือถึงแม้ชีวิตจะเคยผ่านห้องน้ำที่ใช้ผ้าห่มแทนประตูกลางป่ามาแล้ว แต่อันนี้น้องก็ไม่เสี่ยงค่ะ ช็อคกว่าคือ แถวนั้นไม่ค่อยมีร้านอาหาร มีแค่ร้านขนมเล็กๆ เออ ไม่กินข้าวก็ได้ กินขนมแทนอาหารเย็นไป แล้วก็นอนแบบประตูห้องเปิดแง้มๆ นั่นแหละ Merry Christmas แบบงงๆ ไปเลยจ่ะ พอตอนเที่ยงคืน ก็จะมีเสียงเคาะ เหมือนเสียงเคาะถ้วยชาม เหมือนเขาเคาะฉลองคริสต์มาสกันอ่ะ พอเสียงเงียบสัักพัก เราก็หลับเลย

    MERRY CHRISTMAS!


  • วันเก็บที่เที่ยว

              ตื่นเช้ามา - เดินออกมาจากที่พักเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย เพื่อรอแท็กซี่ผ่านแล้วเรียก พอเจอก็เรียกไปสถานที่ที่เหลือเลยจ่ะ วันนี้วันสุดท้ายแล้ว งกมาเยอะ ใช้เงินเต็มที่ 

              ที่เที่ยวที่ไปอยู่ละแวกเดียวกันหมดเลย รวมถึงสวนพฤกศาสตร์ที่เดินมาเมื่อวานด้วย ซึ่งความจริงควรจะขึ้นแท็กซี่ทีเดียวตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่รู้จะเดินให้ทรมานตัวเองทำไม ค่าแท็กซี่ก็ไม่ได้แพงมากด้วย ดังนั้นใครจะมา แนะนำแท็กซี่เลยนะ แท็กซี่ที่เราขึ้นนี่เปิดหน้าต่างขับเลย เพราะอากาศดีมาก แถมเปิดเพลงคริสต์มาสคลอไปด้วยตลอดทาง ไม่ทิ้งธีมคริสต์มาสจริงๆ 

               ที่แรกคือไปที่ Mines View Park  - เป็นจุดชมวิวเทือกเขา Cordillera และเหมือง Benguet เหมืองทองแดงกับทองคำ


               

              นอกจากวิวภูเขาแล้ว ที่นี่ก็มีน้อง Saint Bernard หนึ่งตัวที่คอยให้นักท่องเที่ยวมาจ่ายตังถ่ายรูปด้วย และก็มีชุดชนเผ่าให้เช่าถ่ายรูป 



              ที่นี่มีความคล้ายจุดชมวิวบนดอยของบ้านอยู่เรานะ มีร้านอาหารขายเยอะ ร้านขายของที่ระลึกก็เยอะ เห็นเขาว่านักท่องเที่ยวชอบซื้อแยมสตอเบอรี่กัน แต่นี่ไม่ได้ซื้อเลย ขี้เกียจถือ


    มีต้นไม้ขายด้วย

    แล้วก็ดอกไม้แบบนี้อ่ะ ร้อยเป็นพวงๆ มีขายเยอะมาก


    The Mansion เป็นพระราชวังฤดูร้อนของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ตัวอาคารไม่ได้เปิดให้เข้าไปข้างในนะ แต่เข้าไปถ่ายรูปบริเวณนอกได้ฟรี

    เห็นอาคารด้านหลังไหม นั่นแหละตัววัง แต่นี่ไม่ค่อยโฟกัสเท่าไหร่ โฟกัสแต่ซานต้า 55555

    สนามหญ้าด้านหน้าเขียวมากและมีตุ๊กตาตั้งไว้ประกอบฉากให้ถ่ายรูปเข้ากับบรรยากาศคริสตามาส 

             ที่นี่ทำอะไม่ได้เลย นอกจากถ่ายรูป ตรงด้านหน้าจะมีแท็กซี่ขับเยอะมาก  เอ้อ ตรงนี้มีกลุ่มเด็กม.ต้น มาขอถ่ายรูปด้วย 55555  


    The Wright Park อยู่ตรงข้ามกับ The Mansion เข้าฟรี เดินเข้าไปข้างในจะมีบริการขี่ม้า มีของที่ระลึกขายและมีบริการให้เช่าเครื่องแต่งกายแบบชนเผ่า Igorot 

    ภาพนี้คือส่วนหน้าสุด เรียกว่า the Pool of Pines อาคารขาวๆ ตรงกลางไกลๆ คือ The Mansion 


                สรุปคือ - ที่ไปมาวันนี้ 3 ที่ ไม่มีอะไรที่เราโฟกัสเลย สิ่งที่เราโฟกัส คือ ถ้วยนี้!!! นี่เห็นเด็กรุมซื้อกันเยอะเลยอยากกินบ้าง มันคือ “Strawberry Taho ขนม signature ของที่นี่ พูดง่ายๆ คือ เต้าหู้นมสดแบบร้อนรสสตอเบอรี่ อร่อยมากกกกกก เข้ากับอากาศเย็นๆ ของที่นี่มากกกก ต้องลอง!!!



    Strawberry Taho


                จากนั้นเรียกแท็กซี่กลับมาที่สวนสาธารณะ Burnham Park ชื่อสวนตั้งตาม Daniel Burnham สถาปนิกที่ออกแบบสวนนี้ วันนั้นที่ไปเป็นวันคริสต์มาสก็จะมีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่มายืนร้องเพลงและขอตังจ้า วันอื่นไม่รู้มีไหม ก็แล้วแต่วิจารณญาณส่วนตัวเลยค่ะว่าจะให้หรือไม่ให้ อาหารการกินที่นี่ก็เยอะมาก เดินเลือกได้เลย หรือถ้าใครอยากจะลองพายเรือก็ได้ ส่วนเราแค่มานั่งดูบรรยากาศดูคนไปเรื่อยๆ พอ แค่นี้ถือว่าพอใจ 5555



    ถึงเวลากลับ

             เราเดินกลับไปที่ Session Road อีกทีเพื่อหาอะไรรองท้องมื้อกลางวัน แล้วก็ไปขึ้นแท็กซี่ที่ SM Mall ไปที่ท่ารถ Victory Liner เพื่อซื้อตั๋วกลับมะนิลา ที่ขึ้นที่ SM Mall เพราะว่ารถจะได้ไม่ติดมาก ถ้าขึ้นตรง Session Road จะติดยาวเลย ท่ารถนี้กว้างกว่าท่า Partas เยอะ ค่อนข้างสะอาด ที่นั่งรอเยอะ ร้านอาหารก็เยอะ ขนมก็เยอะ ไม่ต้องกลัวหิวเลย เราได้รถรอบเย็นๆ ก็นั่งรอรถไป ไม่นานนะ คิดว่าไม่น่าเกิน 2 ชั่วโมง ก็ได้ขึ้นรถ 


    บริเวณหน้าห้าง SM Mall ใกล้ๆ กับที่รอแท็กซี่

                 ขากลับ - วิวสวยมาก แต่สิ่งที่ประทับใจสุดคือ ตอนแรกมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งคู่เรา แล้วเขาเหมือนขึ้นรถมาทั้งครอบครัว เฮฮามาก มีการแกะอาหารแบ่งกันอย่างเมามัน เราก็ไม่ได้คุยกับเขาเลย แต่เขาเริ่มคุยกับเราด้วยการหันมาแบ่งอาหาร น่ารักมากกกก เราขึ้นรถช่วงเย็นและถึงมะนิลาช่วงดึกๆ พอลงรถก็ต่อรถเมล์ตรงนั้นไปสนามบินเลย มีรถมาจอดรอแทบจะต่อกันเลย ดูให้ดีว่าจะไป Terminal ไหน ส่วนเราโชคดีที่มีคนที่นั่งรถคันเดียวกันตั้งแต่บาเกียวช่วยบอกทางให้ ไฟล์ทกลับเราเวลา 05.35 A.M.  ถึงไทย 08.05 A.M. 


    วิวข้างทางขากลับประมาณนี้ สวยคล้าย ๆ บ้านเราเลย


               สรุป นี่คือทริปเปลี่ยนที่กินที่นอนที่แท้ทรู ไม่มีไรโลดโผนเลย นอกจากเดินๆ นั่งๆ มองๆ แค่นั้น ไม่ว่างจริง ไม่ชิลจริง ทำไม่ได้นะอ่ะ ถือว่าเป็นทริปแรกที่ไม่เลว ชอบเลยแหละ ถ้ามีโอกาสก็คงกลับไปอีก  ทริปนี้เราใช้ไปประมาณ 15,000 บาท ไม่ถึงด้วยมั้ง สรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆ เป็นเลขกลมๆ ให้ตามนี้น้า 



                ****  ถ้าใครจะไปทริปไหนคนเดียวก็อย่าประมาทนะ หาข้อมูลทุกอย่างให้รอบคอบ บอกคนสนิทให้รับรู้ตลอด ทำประกันเดินทาง อย่าลืมสำเนาเอกสารสำคัญติดตัวทั้งแบบกระดาษและแบบออนไลน์ และที่สำคัญพกเบอร์ติดต่อฉุกเฉินของสถานทูตไทยในประเทศนั้น ๆ ไว้ด้วยค่ะ *****



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in